1
หลวงปู่ดุลย์ อตุโล / Re: จิตคือพุทธะ ตอน จิตที่ไปรู้นิพพาน
« เมื่อ: กันยายน 23, 2010, 07:56:58 pm »สัมมาสัมโพธิเป็นชื่อของการเห็นแจ้งชัดว่า ไม่มีธรรมใดเลยที่ไม่เป็นโมฆะ
ถ้าเราเข้าใจความจริงข้อนี้แล้ว ของหลอกลวงทั้งหลายจะมีประโยชน์อะไรแก่เรา
ปรัชญาก็คือความรู้แจ้ง ความรู้แจ้งคือจิตต้นกำเนิดดั้งเดิมซึ่งปราศจากรูป
ถ้าเราสามารถทำความเข้าใจได้ ผู้กระทำและสิ่งที่ถูกกระทำ คือจิตและวัตถุเป็นของสิ่งเดียวกันนั่นแหละ
จะนำเราไปสู่ความเข้าใจอันลึกซึ้งและลึกลับเหนือคำพูด
และโดยความเข้าใจอันนี้เอง พวกเราจะได้ลืมตาต่อสัจธรรมที่แท้จริงด้วยตัวเราเอง
สัจธรรมที่แท้จริงของเรานั้น มันไม่ได้หายไปจากเราแม้ในขณะที่เรากำลังหลงผิดอยู่ด้วยอวิชชา
และไม่ได้รับกลับมาในขณะที่เรามีการตรัสรู้ มันเป็นธรรมชาติแห่งภูตตถาตา
ในธรรมชาตินี้ไม่มีทั้งอวิชชา ไม่มีทั้งสัมมาทิฐิ มันเต็มอยู่ในความว่างและเป็นเนื้อหาอันแท้จริงของจิตหนึ่งนั้น
เมื่อเป็นดังนั้นแล้วอารมณ์ต่างๆของเราที่จิตได้สร้างขึ้นทั้งฝ่ายธรรมและฝ่ายรูปธรรม
จะเป็นซึ่งอยู่ภายนอกของความว่างนั่นได้อย่างไร
โดยหลักมูลฐานแล้ว ความว่างนั่นเป็นสิ่งซึ่งปราศจากมิติต่างๆแห่งการกินเนื้อที่
คือปราศจากกิเลส ปราศจากกรรม ปราศจากอวิชชา และปราศจากสัมมาทิฐิ
พวกเราต้องทำความเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งว่า โดยแท้จริงแล้วไม่มีอะไรเลย
ไม่มีมนุษย์สามัญ ไม่มีพุทธะทั้งหลาย เพราะว่าในความว่างนี้ ไม่มีอะไรบรรจุอยู่
แม้เท่าเส้นขนที่เล็กที่สุด อันเป็นสิ่งซึ่งจะมองเห็นได้โดยทางมิติ หรือกฏแห่งการกินเนื้อที่เลย
มันไม่ต้องอาศัยอะไร และไม่ต้องติดเนื่องอยู่กับสิ่งใด มันเป็นความงามที่ไร้ตำหนิ
เป็นสิ่งซึ่งอยู่ได้โดยตัวมันเอง และเป็นสิ่งสูงสุดที่ไม่มีอะไรสร้างขึ้น
มันเป็นเพชรพลอยที่อยู่เหนือการตีค่าทั้งปวงเสียจริงๆ
เราต้องแยกรูปถอด ด้วยวิชามรรคจิต เหตุต้องละ ผลต้องละใช้ หนี้ก็หมด พ้นเหตุเกิด
http://cyberwalker.multiply.com/journal/item/170
http://truthoflife.fix.gs/index.php?topic=671.0
ถ้าเราเข้าใจความจริงข้อนี้แล้ว ของหลอกลวงทั้งหลายจะมีประโยชน์อะไรแก่เรา
ปรัชญาก็คือความรู้แจ้ง ความรู้แจ้งคือจิตต้นกำเนิดดั้งเดิมซึ่งปราศจากรูป
ถ้าเราสามารถทำความเข้าใจได้ ผู้กระทำและสิ่งที่ถูกกระทำ คือจิตและวัตถุเป็นของสิ่งเดียวกันนั่นแหละ
จะนำเราไปสู่ความเข้าใจอันลึกซึ้งและลึกลับเหนือคำพูด
และโดยความเข้าใจอันนี้เอง พวกเราจะได้ลืมตาต่อสัจธรรมที่แท้จริงด้วยตัวเราเอง
สัจธรรมที่แท้จริงของเรานั้น มันไม่ได้หายไปจากเราแม้ในขณะที่เรากำลังหลงผิดอยู่ด้วยอวิชชา
และไม่ได้รับกลับมาในขณะที่เรามีการตรัสรู้ มันเป็นธรรมชาติแห่งภูตตถาตา
ในธรรมชาตินี้ไม่มีทั้งอวิชชา ไม่มีทั้งสัมมาทิฐิ มันเต็มอยู่ในความว่างและเป็นเนื้อหาอันแท้จริงของจิตหนึ่งนั้น
เมื่อเป็นดังนั้นแล้วอารมณ์ต่างๆของเราที่จิตได้สร้างขึ้นทั้งฝ่ายธรรมและฝ่ายรูปธรรม
จะเป็นซึ่งอยู่ภายนอกของความว่างนั่นได้อย่างไร
โดยหลักมูลฐานแล้ว ความว่างนั่นเป็นสิ่งซึ่งปราศจากมิติต่างๆแห่งการกินเนื้อที่
คือปราศจากกิเลส ปราศจากกรรม ปราศจากอวิชชา และปราศจากสัมมาทิฐิ
พวกเราต้องทำความเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งว่า โดยแท้จริงแล้วไม่มีอะไรเลย
ไม่มีมนุษย์สามัญ ไม่มีพุทธะทั้งหลาย เพราะว่าในความว่างนี้ ไม่มีอะไรบรรจุอยู่
แม้เท่าเส้นขนที่เล็กที่สุด อันเป็นสิ่งซึ่งจะมองเห็นได้โดยทางมิติ หรือกฏแห่งการกินเนื้อที่เลย
มันไม่ต้องอาศัยอะไร และไม่ต้องติดเนื่องอยู่กับสิ่งใด มันเป็นความงามที่ไร้ตำหนิ
เป็นสิ่งซึ่งอยู่ได้โดยตัวมันเอง และเป็นสิ่งสูงสุดที่ไม่มีอะไรสร้างขึ้น
มันเป็นเพชรพลอยที่อยู่เหนือการตีค่าทั้งปวงเสียจริงๆ
เราต้องแยกรูปถอด ด้วยวิชามรรคจิต เหตุต้องละ ผลต้องละใช้ หนี้ก็หมด พ้นเหตุเกิด
http://cyberwalker.multiply.com/journal/item/170
http://truthoflife.fix.gs/index.php?topic=671.0