แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - bunchjop

หน้า: [1]
1
บทความ (Blog) / Re: ไดอารี่...จิตดวงหนึ่ง
« เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2011, 10:53:13 pm »
ชีวิตคนเราต้องเปลี่ยนแปลง หลายคนยังอยู่ในความทุกข์เพราะยังไม่อยากเปลี่ยนแปลง
หากอยากให้ทุกข์นั้นหมดไปจำเป็นต้อง
1.ต้องยอมรับการสูญเสีย ต้องยอมปล่อยสิ่งที่เรายึดติดออกไป หากเราไม่ยึดกับมันก็จะไม่มีทุกข์
หลายคนไม่กล้าปล่อยแฟนหรือคู่ชีวิต กังวลว่าจะสูเสียเขาไป
2.ตัดสินใจเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่การคาดเดาหรือนึกเอาเอง
อย่าตัดสินใจโดยคิดว่าเรารักเขาแล้วเขาจะรักเรา ลองใช้สติปัญญาคิดอย่าใช้ความรู้สึก
เช่น ถ้าแฟนเราไม่เคยดูแลพ่อแม่ เขาจะเป็นคนดีรักและดูแลเราจริงหรือไม่ เพราะอะไร
3.ต้องกล้าเปลี่ยนแปลง ชีวิตต้องกล้ายอมรับในสิ่งที่เราทำไว้
หากเราพบว่าเราไม่ได้รักเขา ต้องกล้ายอมรับและบอกกับเขาไป
4.คิดในแง่บวก ในวิกฤตของชีวิตจะมีโอกาสเสมอๆ แต่เราต้องคิดให้ได้
เช่นแฟนทิ้ง เรามีโอกาสมาอยู่กับตัวเอง ได้มองเห็นว่าในชีวิตมีสิ่งดีๆที่เราทำได้มากมาย
ไม่ใช่แค่กับใครคนใดคนหนึ่ง
5.ความรัก คือการให้ไม่ใช่ครอบครองหากใครยิ่งรักและอยากครอบครอง
มันไม่ใช่ความรัก เพี่ยงแค่สนองความอยากของเรา
6.มีความสุขกับเรื่องง่ายๆ ชีวิตคนเราหากยิ่งวิ่งหาความสุขมันยิ่งห่างเราไป
บางคนต้องไปทานอาหารต่างประเทส,ไปแสดงหาที่เที่ยวไกลๆ,ต้องรวยมากๆ
สนองอยากมันไม่มีวันเต็ม หากเราสามารถมีความสุขกับเรื่องเล็กๆในทุกๆช่วงเวลา
ไม่จำเป็นต้องรอไปหาที่ไหน,ไม่ว่าจะทำอะไรมันก็มีความสุขได้
7.ลองเปลี่ยนความสุขจะการได้รับเป็นการให้ดูบ้าง สังคมจะดีขึ้น

2
"อย่าเห็นแก่ตัว อย่าเห็นเป็นตัวกู ของกู"

ภาพปริศนาธรรม ของ พระภิกษุอีมานูเอล เชอร์แมน

ภาพนี้เป็นรูป ไม้กวาด วางแนวตั้ง มีรูปตุ๊กแก สองตัว หันหัวเข้ากัดกัน เท้าทั้งสี่ ยึดติดกำแพง อย่างเหนียวแน่น 
ท่านอาจารย์พุทธทาส ตีความหมาย ภาพปริศนาธรรม
"ตัวกู กับ ตัวกู"
อัน "ตัวกู" "ตัวสู" มิได้มี
แต่พอโง่ มันเป็นผี โผล่มาได้
พอหายโง่ "กู" "สู" ก็หายไป
พอโง่ใหม่ โผล่ใหม่ ดูให้ดี
แต่ละข้าง ต่างยึด ว่า "ตัวกู"
จึงเกิดการ ต่อสู้ กันอย่างผี
ต่างหมายมั่น แก่กัน ฉันไพรี
ทั้งเปิดเผย ลับลี้ มีทั่วไป
ที่ด้อยกว่า สู้ว่ากู ก็มีดี
ที่เด่นกว่า ข่มขี่ เขาเข้าไว้
ที่พอกัน กันท่า ไม่ว่าใคร
ล้วนแต่ใคร่ โด่งเด่น เป็นธรรมดา
เอาพระธรรม กวาดล้าง อย่างไม้กวาด
สำหรับฟาด หัวสัตว์ ที่ข้างฝา
ตกกระเด็น เป็นเหยื่อ แก่ไก่กา
ที่เก่งกว่า คืออย่าโง่ ให้โผล่เอยฯ

แค่ "ตัวกู" ก็ยังพอทำเนา
ยังชอบมี "ของกู" ตามมาด้วยเสมออีก
โลกเราถึงได้วุ่นวายไม่รู้จักจบจักสิ้น
กราบระลึกนึกถึงพระคุณของท่านพุทธทาสภิกขุ

•   BLOG    http://bunchjop.blogspot.com/
•   bunchjop@yahoo.com


3
ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะเลือกสิ่งที่เป็น
คนเราเกิดขึ้นมาเลือกเกิดไม่ได้
•   สิ่งที่ทำให้เราต่างกันคือพื้นฐานของครอบครัว,สังคมและประสปการณ์จะหล่อหลอมมาเป็นเรา ดังนั้นย่อมส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมของแต่ละคน หลายคนจะดูและประเมินคนจากครอบครัว,สังคมที่เขาอยู่และการศึกษา สิ่งเหล่านี้ก็คือสิ่งที่เราเป็นอยู่
•   บุคลิกภาพ,การศึกษา,ตำแหน่ง,หรือฐานะทางสังคมจะทำให้ผู้อื่นหรือสังคาดหวังกับเรา เช่น เมื่อเด็กต้องสอบดีๆ,มีงานดีๆ,เงินเดือนดีๆ,มีแฟนสวยๆ,มีลูกดีๆ,มีบ้าน,มีรถ ซึ่งส่งผลให้เราต้องดิ้นรนเพื่อทำให้สังคมหรือผู้อื่นยอมรับ สิ่งเหล่านี้ก็คือสิ่งที่คนอื่นคาดหวังกับเรา
•   เมื่อเราเกิดมาหลายคนมีสิ่งที่คาดหวังหรือต้องการจะเป็น ขึ้นอยู่ว่าจะแค่คิดหรือนำมาตั้งเป็นเป้าหมายและเดินไปให้ถึง สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราต้องการจะเป็น
ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในปัจจุบันว่าจะคิดยังไง เราจะเป็นในสิ่งที่เราคิด
BLOG    http://bunchjop.blogspot.com/
bunchjop@yahoo.com

4
เหตุผลที่คนเราควรอยู่ในโลกใบนี้
 
            I have lived with the prospect of an early death for the last 49 years. I'm not afraid of death, but I'm in no hurry to die. I have so much I want to do first. I regard the brain as a computer which will stop working when its components fail. There is no heaven or afterlife for broken down computers; that is a fairy story for people afraid of the dark.
         ฉันมีชีวิตที่มีโอกาสของการเสียชีวิตมาในช่วง 49 ปีหลังมานี้ ฉันไม่กลัวตาย แต่ฉันก็ไม่รีบตาย ฉันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉันต้องการจะทำเป็นครั้งแรก ผมถือว่าสมองเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะหยุดทำงานเมื่อส่วนประกอบของล้มเหลว  ไม่มีสวรรค์หรือชีวิตหลังความตายสำหรับคอมพิวเตอร์ที่พังแล้ว เรื่องเหล่านั้นเป็นเพียงเรื่องเล่าน่ามหัศจรรย์สำหรับคนที่กลัวความมืดเท่านั้น

การใช้ชีวิตโดยไร้ซึ่งความฝันและศัทธาในชีวิต ก็เหมือนกับชีวิตคุณตายแล้ว    ขอให้ทุกคนลุกขึ้นมาทำตามความฝัน ทุกๆอย่างทำได้เพียงแค่เราเริ่มทำมัน ไม่ใช่แค่เพียงคิดและฝัน
BLOG    http://bunchjop.blogspot.com/
bunchjop@yahoo.com


5
บทความ (Blog) / จุดเปลี่ยนชีวิต
« เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2011, 10:19:04 pm »
จุดเปลี่ยนชีวิต
            ผมจำได้ช่วงหนึ่งของชีวิต ตอนนั้นจำได้งานก็ยุ่งๆ ทุกข์กับปัญหาครอบครัว,หนี้สินและอนาคตมากๆ มันไม่เห็นทางออกในชีวิต ไม่เคยคิดถึงเป้าหมายในชีวิต ทุกวันของชีวิตมีแต่งานและงาน เท่าที่จำได้
     ได้คุยกับเพื่อนคุณked(ภรรยาผมเอง) จำได้ว่าเคยทำงานร่วมกันมาก่อน kedมีแฟนเป็นหมอ เราแค่ติดต่อปรึกษาเคยคิดจะจีบเหมือนกันแต่ก็ไม่กล้า
        ได้อ่าน Blog ของked   ถ้าจำไม่ผิดเขาไปทำงานช่วยเหลือคนน้ำท่วมสึนามิภาคใต้ รู้สึกชอบมากๆ ถือว่าได้ทำงานที่มีคุณค่ามากๆ ชีวิตเราคงไม่มีโอกาสได้ทำอย่างked ไม่ได้อิจฉาแต่รู้สึกภูมิใจในตัวked บางคนไม่มีโอกาสที่จะเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ  ตอนนั้นรู้สึกว่าทำงานเพื่อความก้าวหน้าและเงินมาใช้จ่ายในครอบครับอย่างเดียว
         แล้ววันหนึ่งผมก็ได้มาแต่งงานกับkedเชื่อไหมครับ ทั้งๆที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ ยิ่งว่าในละครอีก ผมซึ่งใช้ชีวิตแบบไม่มีคุณค่าอะไร วันนี้ผมได้แต่งงานกับคนที่ผมศรัทธามากๆ ผมใช้หนี้ใช้สินได้ ผมเลิกเป็นทุกข์ ผมมีเวลากับไปดูแลแม่และพ่อที่เลี้ยงผมมามากขึ้น สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมันมากมาย ไม่สามารถเล่าได้หมด แต่ก็ขอสรุปสั้นๆสิ่งที่ทำให้เปลี่ยนดังนี้
•   ภรรยาผมเองครับ มันเป็นแรงผลักดันให้ผมสามารถทำสิ่งต่างๆได้ เพียงแต่คิดศัทธาในสิ่งที่คิดและทำ แม้บางครั้งชีวิตครอบครัวทำใหkedเสียใจ ผมจะเจ็บมากๆเพราะทำให้คนที่เรารักและศัทธา เสียใจ

•   แม่ผมเอง อาจเป็นเพราะอนิสงค์ของแรงกตัญญู แม่แกทุกข์เพราะพ่อมากๆ แต่จำใจต้องทนอยู่จนลูกมีครอบครัว ความทุกข์ที่โดนทำร้ายโดยคนที่รักมันยิ่งเจ็บ (ไม่ยังนั้นคงไม่มีการฆ่าตัวตายเพราะแฟนหรอก) มันสะสมมานาน จนทำร้ายชีวิตแม่ทั้งชีวิต ผมเริ่มกับมาดูแลแม่,ส่งเงินให้แม่,โทรคุยกับแม่,พยามศึกษาวิธีแก้ทุกข์และบอกสอนเพื่อหวังว่าวันหนึ่งแม่จะหลุดจากทุกข์ เลิกยึดในความโกตรแค้น แต่สิ่งที่เปลี่ยนจริงๆคือผม ขอบคุณครับแม่

•   ผมไม่ทุกข์และจิตผมเริ่มนิ่งขึ้น จริงๆแล้วความทุกข์และความกังวลมันเกิดจากความคิดเราเอง ที่ทำร้ายเรา แค่เราหยุด แปลกนะมันง่ายมากๆ ผมนิ่งขึ้น มองโลกในแง่ดีขึ้น ทำงานอย่างมีความสุข ทุกวันผมจะตื่นอย่างมีความสุข อยากปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างคุณค่าในชีวิต ดูแลเพื่อนหรือลูกน้องในที่ทำงาน ทำทุกๆวันในชีวิตให้ดีที่สุด

•   ผมเป็นคนที่มีเป้าหมายในชีวิต กล้าคิดและเชื่อมั่น,ศรัทธาในสิ่งที่คิดมากๆ มันเลยทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้สามารถทำได้

•   เริ่มเข้าใจในชีวิตมากขึ้น ลดกิเลสและลดความอยากลง เริ่มสนใจคนอื่นมากขึ้น มีความสุขเมื่อเห็นคนอื่นมีความสุข ไม่ใช่แค่ตัวเองมีความสุข

•   BLOG    http://bunchjop.blogspot.com/
•   bunchjop@yahoo.com

หน้า: [1]