พระราชดำรัสสมเด็จพระราชินี
สมเด็จพระราชินีทรงมีพระราชดำรัสต่อปวงชน ชาวไทย เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 ส.ค. ทรงห่วงปัญหาป่าไม้ถูกทำลาย ยาเสพติดระบาดเกลื่อนเมือง
วันนี้ ( 11 ส.ค.) สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตราชกัญญาฯ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิตติคุณ พระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ รวม 442 คณะ จำนวน 15,304 คน เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 ส.ค.2554
เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จขึ้นที่ประทับแล้ว ท่านผู้หญิงมนัสนิตย์ วณิกกุล ราชเลขานุการในพระองค์ กราบบังคมทูลถวายรายงานสรุป และขอพระราชทานพระราชานุญาติให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กราบบังคลทูลถวายพระพรชัยมงคลในนามผู้เข้าเฝ้าฯ ความว่า ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่ง ในวันที่ 12 ส.ค. ศกนี้ ข้าพระพุทธเจ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในนามของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า มีความปลาบปลื้มปีติสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้พระราชทานพระราชวโรกาส ให้ปวงข้าพระพุทธเจ้าเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล ด้วยความจงรักภักดี ดังเช่นที่ปฏิบัติตลอดมา ข้าพระพุทธเจ้าและประชาชนชาวไทยทั้งปวง ต่างชื่นชมโสมนัสเป็นอย่างยิ่งที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท มีพระสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ทรงพระเกษมสำราญ ทรงมุ่งมั่นปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อยังประโยชน์สุขแก่อาณาประชาราษฎร์เสมอมา ด้วยน้ำพระราชหฤทัยเปี่ยมด้วยพระเมตตา กรุณาต่อพสกนิกรใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว ทรงเยี่ยมราษฎรในท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักร แม้ในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกลความเจริญ ก็มิได้ทรงย่อท้อต่อความลำบากตรากตรำพระวรกาย จึงทรงทราบถึงวิถีชีวิตของราษฎร และปัญหาความยากจนการประกอบอาชีพไม่ได้ผล สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมปัญหาด้านสุขภาพอนามัย ด้อยโอกาส และปัญหาอื่น ๆ ซึ่งได้ทรงพระกรุณาหาทางแก้ไขเพื่อให้พสกนิกรพ้นจากความยากไร้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นที่มาของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท และโครงการที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทรับสนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวเป็นจำนวนมาก ทั้งโครงการด้านการเกษตร การประกอบอาชีพ การศึกษา การสาธารณสุข การศาสนา การสังคมสงเคราะห์ การอนุรักษ์และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม อันเป็นเอกลักษณ์ของชาติ ตลอดจนการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติ เช่นโครงการป่ารักษ์น้ำ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ โครงการป่าเฉลิมพระเกียรติ โครงการธงรักษาป่า โครงการฟาร์มตัวอย่าง โครงการหมอชาวบ้าน โครงการสร้างปะการังเทียม โครงการธนาคารอาหาร โครงการศิลปาชีพฯ เป็นต้น
ซึ่งพระราชกรณียกิจนานัปการที่ทรงพระวิริยะอุตสาหะปฏิบัติบำเพ็ญ ล้วนแต่เพื่อขจัดทุกข์ผดุงสุขของราษฎร ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ แม้ในปัจจุบันใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทก็ยังทรงพระกรุณาทรงงานติดตามศึกษาการ พัฒนาด้านต่าง ๆให้ดำเนินไปตามแนวพระราชดำริที่พระราชทานไว้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในยามที่พสกนิกรประสบภัยพิบัติจากธรรมชาติ ก็ได้ทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชทรัพย์ และพระราชานุเคราะห์แก่ราษฎรอย่างท่วงที และสม่ำเสมอ อีกทั้งยังทรงปลอบขวัญและพระราชทานพระกำลังใจให้มุ่งมั่นฝ่าฝันทุกข์ภัยทั้ง ปวงให้ผ่านพ้นไปด้วยดี ส่วนพสกนิกรที่ได้รับอันตราย หรือเจ็บทุกข์ป่วยทรมาน ประสบความยากลำบากปราศจากที่พึ่ง เมื่อทราบความถึงพระเนตรพระกรรณก็ทรงพระกรุณารับไว้ในพระราชานุเคราะห์ พระเมตตากรุณาเอื้ออาทรต่อทวยราษฎร์ และพระวิริยะอุตสาหะทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อขจัดทุกข์ผดุงสุข แก่พสกนิกร ใต้เบื้องพระบารมีตลอดมาพระเกียรติคุณของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจึงแผ่ไพศาล ทั้งในประเทศและนานาประเทศ ดังปรากฏว่า องค์กรและสถาบันต่าง ๆ ได้ขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญา ถวายรางวัล และประกาศเกียรติคุณต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความสำนึกของปวงชนชาวไทยในพระมหากรุณาธิคุณ ล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้ และแล้วล้วนมีความจงรักภักดีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทอย่างไม่เสื่อมคลาย
เนื่องในวันมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้เวียนมา บรรจบอีกวาระหนึ่ง ในวันที่ 12 สิงหาคม พุทธศักราช 2554 ข้าพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ผู้มีความจงรักภักดี ขอพระราชทานน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายพระพรชัยมงคล ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสรรพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดอภิบาลบันดาลดล ให้สมเด็จพระเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระเกียรติคุณแผ่ไพศาล มีพระราชประสงค์จำนงใด ขอจงสัมฤทธิ์ผล สถิตเป็นพระมิ่งขวัญ คู่พระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทรงเป็นร่มโพธิ์ทองของพสกนิกรโดยทั่วถ้วนตราบกาลนานเทอญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
จากนั้นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำรัสตอบความว่า ข้าพเจ้าขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีและผู้แทนของข้าราชการทุกหมู่เหล่า ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน รวมทั้งผู้แทนของสภา สมาคม องค์กรต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนบ้านเมืองของเราให้เจริญก้าวหน้า รวมทั้งนิสิตนักศึกษา และประชาชน จำนวน 15,304 คน ที่มาชุมนุมพร้อมกัน ณ ที่นี้ เพื่ออวยพรวันเกิดให้แก่ข้าพเจ้าซึ่งมีอายุครบ 79 ปี ไม่ใช่น้อย ท่านทั้งหลายก็เป็นกำลังใจให้มาก ขอขอบคุณผู้ที่ส่งจดหมายและคำประพันธ์จำนวนมากไปอวยพรข้าพเจ้า ขอขอบคุณหน่วยงาน และบริษัทห้างร้านหลายแห่งที่ส่งคำอวยพร ผ่านทางโทรทัศน์วิทยุ หนังสือพิมพ์ และสื่อสารมวลชนแขนงต่างๆ บางหน่วยงานบำเพ็ญสาธารณกุศลหรือบำเพ็ญประโยชน์แก่บ้านเมืองเพื่อข้าพเจ้า เช่น โรงพยาบาลที่จัดทำโครงการช่วยชีวิตคนไข้เป็นจำนวนมาก หน่วยงานที่จัดพิธีอุปสมบทพระภิกษุ และบรรพชาพระสามเณร หรือจัดเลี้ยงอาหารแก่ผู้ด้อยโอกาสเพื่อเป็นกุศลจิตแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้รับทราบหมดแล้วด้วยความขอบคุณ และซาบซึ้งใจยิ่ง อีกทั้งในวันนี้ยังมีผู้ใจบุญที่ทราบว่ามีประชาชนเดินทางมาอวยพรแก่ข้าพเจ้า นับหมื่นคน จึงขอมีส่วนช่วยดูแลประชาชนโดยจัดส่งอาหาร และเครื่องดื่มนานาชนิดมาให้จนไม่อาจกล่าวถึงได้ครบถ้วน ข้าพเจ้าซาบซึ้งขอขอบคุณในน้ำใจๆไมตรีของทุกทานไว้ ณ ที่นี้ด้วยเช่นกัน
สำหรับผู้ที่ส่งดอกไม้และสิ่งของต่าง ๆ มาถวาย เพื่อเป็นกำลังพระทัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นประจำทุกวันที่โรง พยาบาลศิริราช ข้าพเจ้าขอแจ้งว่าขณะนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสบายขึ้นมากแล้ว เพียงแต่แพทย์ยังแนะนำให้ทรงทำกายภาพบำบัดต่อไปเพื่อให้ทรงพระดำเนินได้แข็ง แรง พระองค์ท่านทรงงานได้เพิ่มขึ้น ทรงติดตามโครงการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระยะนี้ที่มีฝนตกหนักเพราะเป็นหน้าฝนเกิดปัญหาน้ำท่วมใน ภาคเหนือ และภาคอีสานก็ทรงเป็นห่วงมาก ได้พระราชทานสิ่งของไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมหลายแห่ง และทรงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมปรึกษาหารือถึงแนวทางที่จะช่วย เหลือประชาชน ส่วนการบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าโดยเร่งด่วนนั้นข้าพเจ้าได้เห็นหน่วย ราชการ ทหาร ตำรวจ ตำรวจตะเวนชายแดนและองค์กรกุศลต่างๆได้ออกไปช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง ทำให้ข้าพเจ้าซาบซึ้งใจมากว่าคนไทยไม่เคยทอดทิ้งกันในยามทุกข์ยากเลย ไม่ว่าจะเป็นยามเกิดภัยแล้ง หรือน้ำท่วมก็ตาม เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยดูแลราษฎร์ในพื้นที่ของตนเองอย่างสุดชีวิตจนบางครั้ง เกิดเรื่องเศร้าสลดใจขึ้น เช่นเมื่อคราวน้ำท่วมจังหวัดสงขลา วันที่ 1 พ.ย.2553 เราต้องสูญเสีย ร.ต.วัชรัตน์ บุญฤทธิ์ ปลัดอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลาไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่อีก1ท่าน เพราะถูกน้ำพัดไป ระหว่างออกไปช่วยเหลือประชาชน
ทุกวันที่ 11 ส.ค. ที่ท่านทั้งหลายมาชุมนุมกัน ก็อวยพรวันเกิดให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะมีโอกาสเล่าเรื่องอะไรต่อมิอะไรให้ท่านทั้งหลายฟังครั้งหนึ่ง ซึ่งมีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย ที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา รวมทั้งบางเรื่องที่นำมาเล่าซ้ำ เพราะตั้งใจที่จะเตือนความทรงจำของท่านทั้งหลายด้วย เรื่องแรกเป็นเรื่องโศกเศร้าของบ้านเมือง คือการสิ้นพระชนมของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธิดาองค์เดียว ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี สมเด็จพระนางเจ้าภคินีเธอพระองค์นี้ทรงพระเมตตากรุณาต่อประชาชนชาวไทยมาตลอด พระชนม์ชีพของพระองค์ ข้าพเจ้าจึงขอขอบคุณรัฐบาลที่จะจัดงานพระศพอย่างสมพระเกียรติยศ และขอขอบคุณหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนทั้งหลายที่ทยอยกันไปถวายบังคมและฟังสวดพระอภิธรรมใน งานพระศพอย่างไม่ขาดสาย
ข่าวเศร้าอีกคราวหนึ่ง ก็เป็นข่าวใหญ่ที่เกิดขึ้นในเดือนที่แล้ว เช่นเดียวกันคือ ข่าวเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกตกในบริเวณอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานถึง 3 ลำ สูญเสียกำลังพลไป 16 นาย ช่างภาพโทรทัศน์ช่อง 5 อีก 1 นาย ข้าพเจ้าเศร้าเสียใจและรู้สึกเห็นใจครอบครัวของผู้สูญเสียทั้ง 17 รายนี้อย่างยิ่ง ผู้สูญเสียทุกคนล้วนอยู่ในวัยที่เป็นกำลังแข็งแกร่งของประเทศชาติ หลายคนมีลูกเล็กๆ ที่ไร้เดียงสา ซึ่งจากนี้ผู้เป็นแม่ต้องรับหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ต่อไปให้ดีที่สุด แต่กรณีนี้เข้าใจว่าทางราชการ คงดูแลครอบครัวของบุคคลอย่างเต็มที่ เพราะทุกท่านปฏิบัติหน้าที่อันสืบเนื่องมาแต่ภารกิจปกป้องพื้นป่าของประเทศ ไทย ชาวไทยทั้งหลายจึงควรระลึกถึงความดีของท่าน และร่วมกันปกป้องผืนป่าไว้ให้คงอยู่อย่าให้สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้ ต้องเป็นความสูญเปล่า ข้าพเจ้าได้ติดตามข่าวนี้มาโดยตลอด ทราบว่าเจ้าหน้าที่ที่เดินป่าเข้าไปลำเลียงผู้เสียชีวิตออกมานั้น ทำงานด้วยความเหน็ดเหนื่อยและยากลำบากแสนสาหัส ต้องทำงานแข่งกับเวลาที่จะมืดค่ำลงในป่าที่รกทึบ และมีฝนตกตลอกเวลา อากาศก็หนาวเย็น ยังเต็มไปด้วยทากและฝูงแมลง มาเกาะกินเลือดทั่วร่างกาย ชาวไทยทุกคนที่ติดตามข่าวนี้ก็คงเอาใจช่วยเจ้าหน้าที่ทุกท่านเช่นเดียวกับ ข้าพเจ้า พอทราบว่าทุกท่านออกจากป่ามาด้วยโดยปลอดภัยก็รู้สึกโล่งใจและซาบซึ้งในความ เสียสละของทุกท่าน ข้าพเจ้าคิดว่าบุญกุศลที่ท่านลำบากตรากตรำไปนำผู้เสียชีวิตออกมาคืนสู่ครอบ ครัวของเขา คงเป็นอานิสงค์ส่งให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง ตลอดจนมีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานต่อไปแน่นอน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง ม.จ.ภีศเดช รัชนี ได้เชิญให้ข้าพเจ้าไปเปิดงานโครงการหลวง ครบรอบปีที่ 42 ที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โครงการหลวงเป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงสละพระราชทรัพย์ ส่วนพระองค์ จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2512 โดยมี ม.จ.ภีศเดช รัชนี สนองพระบรมราชโองการในตำแหน่งประธานมูลนิธิโครงการหลวง ในการดำเนินงานได้รับความร่วมมือจากอาสาสมัครและหน่วยงานต่างๆ ต่อมารัฐบาลได้ให้การสนับสนุนงบประมาณส่วนหนึ่ง จากนั้นองค์กรประเทศและรัฐบาลต่างประเทศที่สนใจเข้ามาดูงานก็ให้การสนับสนุน เพิ่มเติม ก่อนที่จะเป็นโครงการหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จไปตามดอยต่าง ๆ ไม่ทราบว่ากี่ร้อยครั้ง ลงจากรถพระที่นั่ง เฮลิคอปเตอร์ แล้วก็ต้องทรงพระดำเนินไปอีกหลายกิโลเมตร พระราชประสงค์ที่ทรงจัดตั้งโครงการหลวง ก็เพื่อที่จะช่วยชาวไทยภูเขาให้เขาสามารถช่วยตนเองในการเลี้ยงชีพปลูกพืชที่ มีประโยชน์ เช่น พืชผัก ผลไม้ และไม้ดอกเมืองหนาว มากกว่า 200 ชนิด ทดแทนการปลูกพืชเสพติด ช่วยสร้างรายได้ให้ชาวไทยภูเขาสามารถเลี้ยงครอบครัวของเขาได้ดีกว่าแต่ก่อน และมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
นอกจากนั้นโครงการหลวงยังช่วยลดการทำลาย ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะป่าไม้ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งว่า ถ้าเราช่วยชาวไทยภูเขาให้อยู่ดีกินดี โดยไม่ต้องปลูกพืชเสพติดก็เท่ากับช่วยบ้านเมืองของเราให้ปลอดภัยไปได้ทั่ว ประเทศ และได้รักษาป่าไม้ ได้รักษาดินให้เป็นประโยชน์ต่อไป ซึ่งประโยชน์อันนี้จะยั่งยืนมาก ขณะนี้โครงการหลวงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่มีทั้งชาวไทยและชาวต่าง ชาตินิยมไปท่องเที่ยวและพักผ่อนเป็นจำนวนมากทุกปี ผลงานของโครงการหลวงเป็นที่ประจักษ์ทั่วโลก หลายประเทศมาขอรับคำแนะนำจนกลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาพื้นที่สูงให้แก่หลาย ประเทศแล้ว นอกจากโครงการหลวงแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงมีโครงการพระราชดำริอีกมากมาย ซึ่งข้าพเจ้าขอกล่าวอย่างกว้าง ๆ พอให้ท่านทั้งหลายทราบว่า พระองค์ท่านทรงห่วงใยประชาชนทุกภูมิภาคโดยเท่าเทียมกัน และการที่พระองค์เสด็จไปพื้นที่ทุรกันดารด้วยพระองค์เอง ทำให้ทรงเข้าถึงปัญหาแต่ละพื้นที่และหาวิธีแก้ไขได้ตรงจุด ทั้งนี้ก็โดยทรงเชิญนักวิชาการต่าง ๆ มาร่วมปรึกษาหารือ และช่วยกันดำเนินโครงการต่าง ๆ
โครงการพระราชดำริโครงการแรกเกิดที่ภาคกลาง โดยทรงเริ่มโครงการอ่างเก็บน้ำที่เขาเต่า อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อ พ.ศ. 2506 เพื่อช่วยชาวบ้านเขาเต่าที่ขาดแคลนน้ำ ระหว่างประทับที่วังไกลกังวล ทรงพบว่าปัญหาของพื้นที่ในจังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ คือ ดินเป็นทราย ปลูกพืชไม่ค่อยขึ้น จึงทรงริเริ่มโครงการเกษตรขึ้น เช่น ที่หุบกะพง และดอนขุนห้วย ต่อมาทรงตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย จ.เพชรบุรี เพื่อทดลองการปรับปรุงบำรุงดินและมีการสร้างอ่างเก็บน้ำไว้ใช้ในพื้นที่ด้วย เมื่อไม่กี่ปีนี้ก็โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่ จ.ลพบุรี และเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมให้กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพื้นที่ราบสูงขาดแคลนน้ำและสภาพดินเป็นดินทราย แห้งแล้ง จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมด้วยคลองสูบน้ำขึ้นหลายแห่ง ต่อมาทรงสร้างศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน จ.สกลนคร เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้การรักษาและฟื้นฟูสภาพป่า ต้นน้ำ ลำธาร และการบำรุงดิน เป็นต้น
ที่ภาคใต้เฉพาะอย่างยิ่งที่จ.นราธิวาส พระองค์ท่านประทับเรือไปในเขตพรุ ซึ่งมีพื้นที่มหาศาล น้ำในพรุนั้นมองดูใสสะอาด แม้แต่วัวยังหลงไปกิน แล้วปากก็เปื่อยเป็นแผลนาน เพราะน้ำนั้นมีฤทธิ์เป็นกรด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสั่งให้เตรียมขวดน้ำตักน้ำด้วยพระองค์เอง เพื่อนำน้ำนั้นมาให้กรมชลประทานทดสอบคุณภาพ พระองค์ท่านมีพระราชประสงค์จะทรงเพิ่มพื้นที่ปลูกข้าวในภาคใต้ โดยทรงมีพระราชดำริ พื้นที่ตามขอบพรุนั้น น่าจะปรับปรุงให้เป็นพื้นที่เพาะปลูกได้ จึงทรงปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหลายหน่วยงาน เช่น กรมพัฒนาที่ดิน กรมชลประทาน กรมวิชาการเกษตร เป็นต้น เพื่อให้ขุดคลองระบายน้ำในพรุออก โดยให้มีประตูระบายน้ำเพื่อควบคุมระดับน้ำในพรุ และพระราชทานคำแนะนำแก้ปัญหาดินเปรี้ยว จนสามารถปรับปรุงที่นาที่ถูกทิ้งมา 20-30 ปี ให้นำมาใช้ประโยชน์ได้มากกว่าแสนไร่ เช่น ที่นราธิวาส ได้ 20,000 กว่าไร่ นครศรีธรรมราช 20,000 กว่าไร่ ปัตตานี 10,000 กว่าไร่ เป็นต้น แต่เดิมชาวบ้านปลูกข้าวได้ไร่ละแค่ 4-5 ถัง เดี๋ยวนี้เพิ่มเป็น 50 ถังแล้ว และยังปลูกพืชผักผลไม้ได้อีกหลายชนิด รวมทั้งเลี้ยงสัตว์ด้วย ซึ่งชาวบ้านก็กราบบังคมทูลขอพระราชทานให้ทรงทำเช่นนี้ในเขตพรุต่อไปอีก ก็รับสั่งว่าถ้าทำให้พื้นที่พรุแห้งเพิ่มมากเกินไปในที่ใกล้ ๆ กันนี้ อาจจะเกิดไฟลุกขึ้นในพรุ ซึ่งจะเป็นอันตรายได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงติดตามงานทุกโครงการโดยตลอด และทรงงานละเอียดมากทุกอย่าง ภาพที่คุ้นตาประชาชน คือภาพที่ทรงถือแผนที่ติดพระองค์เป็นประจำ แม้เวลาประทับบนเฮลิคอปเตอร์ หรือเวลาที่ทรงขับรถพระที่นั่ง จะทรงวางแผนที่ไว้ข้างพระองค์ และทอดพระเนตรสภาพพื้นที่จริงเทียบกับแผนที่ และทรงซักถามชาวบ้านถึงชื่อหมู่บ้าน ถนน แม่น้ำ ลำคลอง ทรงทำเครื่องหมายไว้และเพิ่มเติมข้อมูลใหม่ลงไปเสมอ
ในห้องทรงงานที่พระตำหนักทุกแห่งจะมีแผนที่ประเทศไทยขนาดใหญ่ติดผนังห้องไว้ ทำให้ทุกพื้นที่ในประเทศไทยอยู่ในสายพระเนตรตลอดเวลา ธนาคารข้าวก็เป็นโครงการหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริให้ตั้งขึ้นเพื่อให้ราษฎรที่ประสบความเดือดร้อน มาขอยืมข้าวเมื่อทำนาและมีข้าวเหลือก็จะนำมาใช้คืน โดยให้ชาวบ้านดูแลจัดการกันเอง ในเวลาต่อมาเมื่อข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปเยี่ยมราษฎรพื้นที่ภาคเหนือแทนพระองค์ ข้าพเจ้าก็ได้ยึดถือแนวทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจัดตั้งโครงการช่วยเหลือชาวไทภูเขามาเป็นต้นแบบ โดยได้รับความร่วมมือจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อนุญาตให้ใช้พื้นที่ที่ถูกแผ้วถางจนโล่งเตียนหมดแล้ว จัดตั้งเป็นสถานีเกษตรที่สูงเพื่อช่วยเหลือชาวไทภูเขาให้หยุดการทำไร่เลื่อน ลอย และเปลี่ยนแปลงพื้นที่ที่เคยใช้ปลูกพืชเสพติดมาเป็นแปลงเกษตร ปลูกพืชเมืองหนาว และจัดตั้งฟาร์มตัวอย่างขึ้นในพื้นที่จ.เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา น่าน บางพื้นที่ก็จัดทำเป็นโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ เพื่อช่วยอนุรักษ์ป่าไม้มีหลายพื้นที่ที่ราษฎรได้ตระหนักถึงภัยธรรมชาติที่ เคยเกิดขึ้นจากการที่ป่าส่วนมากถูกทำลาย จนเป็นสาเหตุให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและแผ่นดินถล่มลงมาทับถมบ้านเรือน ในยามที่เกิดพายุและฝนตกหนัก ราษฎรจึงได้ช่วยกันปลูกป่าและคืนผืนป่าให้แก่ทางราชการ ดังตัวอย่างเช่น ที่ดอยอมพาย อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ และที่บ้านกอก-บ้านจูน อ.ปัว จ.น่าน ราษฎรได้คืนผืนป่าให้ทางราชการเป็นจำนวนหลายพันไร่ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ บ้านห้วยหญ้าไซ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ก็สามารถช่วยฟื้นฟูสภาพป่าได้นับหมื่นไร่เช่นเดียวกัน
ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ข้าพเจ้าได้ขอความร่วมมือจากหน่วยทหารในพื้นที่ หน่วยทหารพัฒนาของกองทัพและส่วนราชการต่าง ๆ จัดตั้งโครงการป่ารักษ์น้ำ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ฟาร์มตัวอย่าง และฝึกราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า เพื่อช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะป่าต้นน้ำ ลำธาร ให้กลับฟื้นคืนสภาพเป็นป่าที่สมบูรณ์ดั้งเดิม ทั้งนี้ก็เพื่อให้ป่าไม้เป็นแหล่งดูดซับน้ำและช่วยชะลอการไหลของน้ำมิให้ เกิดน้ำป่าไหลหลาก ทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงดังที่เป็นข่าวในปัจจุบัน ขอโทษนะที่นานหน่อย ยังอีกนาน มีโอกาสแสดงก็เลยนานหน่อย เมื่อครั้งที่ภาคกลางเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ทำให้ที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำกินของราษฎรได้รับความเสียหายหนัก โดยเฉพาที่ จ.พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง และสิงห์บุรี ข้าพเจ้าได้ปรึกษา พล.อ.ณพล บุญทับ รองสมุหราชองครักษ์ ขอให้ไปหาที่จัดตั้งฟาร์มตัวอย่างขึ้นที่ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี อ.แสวงหา จ.อ่างทอง และ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อช่วยให้ราษฎรมีงานทำได้แก่การเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และงานศิลปาชีพ เป็นการทำตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เคยมีพระราชปรารภกับข้าพเจ้าว่า การแจกของในยามที่ราษฎรประสบภัยพิบัติต่าง ๆ เป็นการช่วยเหลือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ มิใช่การแก้ปัญหาอย่างถาวร การแก้ปัญหาอย่างถาวรต้องช่วยให้ราษฎรมีอาชีพ มีงานทำอย่างถาวร จึงจะเรียกว่าเป็นการช่วยที่ยั่งยืน ดังนั้นโครงการฟาร์มตัวอย่างและโครงการศิลปาชีพจึงเป็นการช่วยให้ราษฎรมี อาชีพยั่งยืนตามแนวพระราชดำรินั่นเอง
สำหรับงานศิลปาชีพ เป็นงานที่ข้าพเจ้าภูมิใจมาก เพราะว่าเป็นงานที่ทำให้ข้าพเจ้าทราบว่าคนไทยของเราเก่ง มีสายเลือดของช่างฝีมือทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวนา ชาวไร่ หรือมีอาชีพใด อยู่สารทิศใด คนไทยเรามีความละเอียดอ่อนและฉับไวต่อการรับศิลปะทุกชนิด ขอเพียงแต่ให้เขามีโอกาสเรียนรู้ ฝึกฝน เขาก็จะแสดงความสามารถออกมาให้เห็น ดังผลงานที่ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งข้าพเจ้าได้ให้นำมาจัดแสดงไว้ให้ประชาชนและชาวต่างชาติชม ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ผลงานเหล่านี้เป็นผลงานชั้นเลิศที่ถือได้ว่าเป็นสมบัติของแผ่นดิน ชาวต่างชาติต่าง ๆ ซึ่งเป็นแขกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและข้าพเจ้า ได้มีโอกาสเยี่ยมชมต่างก็แสดงความคิดเห็นว่าผลงานทุกชิ้นที่แสดงอยู่ที่พระ ที่นั่งอนันตสมาคมเป็นฝีมือของศิลปินชั้นเอก ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นฝีมือของลูกหลานชาวนาชาวไร่ อันนี้เป็นความจริง คนไทยเราเก่งจริง ๆ
ต่อไปก็เป็นเรื่องโขน เรื่องต่อไปเป็นเรื่องการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมไทย ทราบว่าท่านทั้งหลายในที่นี้อาจได้ไปชมโขนชุดศึกมัยราพณ์ ปีนี้จัดแสดงต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 15-31 กรกฎาคม และยังได้เพิ่มรอบการแสดงต่อไปจนถึงวันที่ 7 สิงหาคม เพิ่งลาโรงไปเมื่อไม่กี่วันนี้เอง การจัดแสดงโขนไม่ใช่เรื่องง่าย คณะครูผู้เชี่ยวชาญการโขน ศิลปินแห่งชาติผู้แสดงและผู้จัดการแสดงต่างก็ทุ่มเทฝีมือ ความคิด และแรงกายแรงใจอย่างสุดกำลัง ทำให้โขนออกมาสนุกตื่นเต้นและสวยงามมาก มีฉากที่สร้างอย่างยิ่งใหญ่ เป็นที่ประทับใจคนดู เช่น ฉากหนุมานอมพลับพลา เป็นต้น ทุกครั้งที่จัดแสดงโขน คณะกรรมการจะคัดเลือกนักแสดงรุ่นใหม่มาเป็นผู้แสดงร่วม เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มาฝึกฝนศิลปะการแสดง ชั้นยอดของไทยจากปรมาจารย์โดยตรง เมืองไทยจะได้มีนักแสดงฝีมือดีสืบทอดวิชาต่อไป ขณะเดียวกันก็มีการจัดตั้งเครื่องแต่งกาย และฉากใหม่ ๆ ทำให้ได้ช่างฝีมือหลายประเภท ประเภทที่มีความสามารถมากขึ้นตามลำดับ รวมทั้งวงดนตรีปี่พากย์ ผู้ขับร้องและผู้พากย์บทด้วยกัน ขณะนี้จึงพอมีความหวังแล้วว่า โขนซึ่งเป็นศิลปะชั้นเอกของไทยคงไม่สูญหายไป เพื่อนของข้าพเจ้าซึ่งเป็นชาวอเมริกันได้ไปดูโขนและแสดงความตื่นเต้นอย่าง มากเลยเป็นผู้ชาย ตื่นเต้นมากบอกว่าโขนน่าจะเอาไปแสดงที่ลอสแองเจลิสบ้าง เพราะเชื่อว่าคนต่างประเทศดูแล้วจะชื่นชมมาก เป็นศิลปะที่เก่าแก่และงดงามและโก้เหลือเกิน
ข้าพเจ้าปลื้มใจมาก มีผู้เข้าชมมากมายจากทั่วประเทศ เสียงชื่นชมทุกสารทิศที่ว่าโขนชุดนี้จัดได้ดีมาก เป็นที่ประทับใจผู้ชมทุกเพศทุกวัย ทำให้ข้าพเจ้าและคณะผู้จัดมีกำลังใจยิ่งขึ้นที่จะจัดโขนชุดต่อไปในปีหน้า
-http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=553&contentID=156654-
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=553&contentID=156654