ผู้เขียน หัวข้อ: แม่...ผู้สร้างอัจฉริยะ  (อ่าน 2281 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
แม่...ผู้สร้างอัจฉริยะ
« เมื่อ: สิงหาคม 23, 2011, 09:41:05 am »
   

 
สวัสดีเดือนสิงหาคมค่ะ เดือนนี้เป็นเดือนของแม่ และในขณะเดียวกัน ก็เป็นเดือนแห่งวิทยาศาสตร์ด้วย เพราะวันที่ 12 สิงหาคม คือ “วันแม่” ในขณะที่วันที่ 18 สิงหาคม คือ “วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ” ผู้เขียนจึงนึกถึงนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกหลายท่าน ที่ได้ดีเพราะมีแม่ แม่ที่เป็นทั้งผู้ถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดู แม่ที่เป็นทั้งผู้ให้แรงบันดาลใจ และแม่ผู้สร้างให้ลูกได้ประสบความสำเร็จ
   
   ในบรรดานักวิทยาศาสตร์บันลือโลก โทมัส อัลวา เอดิสัน (Thomas  Alva Edison) “อัล” เป็นนักประดิษฐ์แถวหน้า ผู้นำแสงสว่างมาขจัดความมืดมิด ในฐานะผู้คิดค้นหลอดไฟ และคิดค้นสิ่งแปลกใหม่อื่นๆอีกมากมายกว่าพันชนิด
   
   ในวัยเด็ก “อัล” ได้ร่ำเรียนหนังสือจริงๆแค่ 3 เดือนเท่านั้น เพราะเริ่มเข้าเรียนประถมตอนอายุ 8 ขวบ แต่ไม่ค่อยจะสนใจเรื่องที่ครูสอนจากตำรา มัวไปมองเรื่องรอบตัว จนครูพวกอยู่แต่ในกรอบทนไม่ไหว ดุด่าว่ากล่าวว่าเป็นเด็กแสนทึ่ม จนสุดที่คุณแม่ แนนซี่ แมทธิวส์ เอลเลียตต์ (Nancy Matthews Elliott) จะทนไหว ก็เลยพาลูกออกจากโรงเรียนไปสอนเองที่บ้านประสาแม่ลูก
             โทมัส อัลวา เอดิสัน

   เอดิสันพูดถึงคุณแม่แนนซี่ว่า “แม่คือผู้สร้างผมขึ้นมา เป็นผู้หญิงที่เชื่อมั่นในตัวผม แม่ทำให้ผมรู้สึกว่ามีคุณค่าที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อคนที่ผมต้องไม่ทำให้ผิด หวัง”
   
   คุณแม่แนนซี่ยังเปิดโอกาสให้ “อัล” ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ทั้งๆที่ครอบครัวเอดิสันก็ไม่ได้ร่ำรวย แต่คุณแม่แนนซี่ก็หารือกับคุณพ่อแซมมวล (Samuel Edison) และช่วยกันสร้างห้องทดลองใต้ดินให้พ่อหนูอัล ซึ่งอายุแค่ 10 ขวบ เพื่อให้ลูกชายได้ทดลองอะไรต่อมิอะไรได้ตามใจปรารถนา
   
   หากไม่ใช่เพราะมีคุณแม่แนนซี่ โลกนี้ก็คงไม่มีนักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ กับผลงานหลายหลากที่ทำให้โลกเราพัฒนาไปอย่างมีความสุข เช่น เครื่องเล่นจานเสียง กล้องถ่ายภาพยนตร์ เครื่องบันทึกเสียง ฯลฯ และผลงานสำคัญที่สุด คือ การประดิษฐ์หลอดไฟ แสงสว่างของโลก
             นิโคลา เทสลา

   แต่บนความรุ่งโรจน์ของเอดิสันผู้เชื่อมั่นในระบบไฟฟ้ากระแสตรง เอดิสันก็เหมือนเป็นศัตรูกับนักวิทยาศาสตร์ และนักประดิษฐ์อีกคนหนึ่ง ผู้เชื่อมั่นในระบบไฟฟ้ากระแสสลับ นั่นคือ นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla)
   
   เทสลาเป็นนักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์ที่มีความอัจฉริยะไม่แพ้ใคร แต่ชีวิตที่ค่อนข้างไปทางเพี้ยนๆ และการมีแนวคิดแตกต่างไปจากเอดิสันผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้เทสลากลายเป็นนักประดิษฐ์ที่อยู่ในมุมมืด แต่ในวันนี้ โลกได้พิสูจน์แล้วว่า ไฟฟ้ากระแสสลับตามแนวคิดของเทสลา คือคำตอบของการใช้ไฟฟ้าที่เหมาะสม
   
   แม้กระทั่งศัตรูทางการประดิษฐ์ที่ขับเคี่ยวกันมานานอย่างเอดิสัน เมื่อยามที่เข้าสู่วัยชรา ก็ยังกล่าวว่า เมื่อมองย้อนไปในอดีต ความผิดพลาดใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตของเขาก็คือ การไม่ยอมรับผลงานของเทสลา แม้จะสู้กันมาหลายสิบปี แต่เอดิสันก็ยอมรับเทสลาในที่สุด
   
   เทสลาเองไม่ต่างจากเอดิสัน ในเรื่องที่ว่า แม่เป็นแรงบันดาลใจในชีวิต คุณแม่จอร์จินา ดีจูกา เทสลา (Georgima-Djuka Tesla) เป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนแม่ๆคนอื่นในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 18 เพราะไม่เพียงแต่จะทำงานบ้าน ดูแลลูกๆ แต่คุณแม่ยังเป็นนักประดิษฐ์ข้าวของที่ใช้ทุ่นแรงในการทำงานหลายอย่างใน ครอบครัว และเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้เทสลากลายเป็นนักประดิษฐ์คนสำคัญของโลกใน เวลาต่อมา
   
   เทสลาเล่าถึงแม่เอาไว้ว่า แม้จะอ่านหนังสือไม่ออก แต่ก็มีพรสวรรค์ มีความสามารถ และเป็นอัจฉริยะในการคิดประดิษฐ์สิ่งต่างๆมากมาย และผลงานของเทสลา ในเวลาต่อมา ก็ล้วนได้แรงบันดาลใจมาจากคุณแม่
             เฮนรี่ ฟอร์ด

   และไหนๆ ก็ขอเอ่ยถึงเพื่อนสนิทของเอดิสันด้วย นั่นคือ เฮนรี่ ฟอร์ด (Henry  Ford) หนึ่งใน นักคิดแถวหน้าของโลก ผู้ริเริ่มการประดิษฐ์รถยนต์
   
   ในวัยเด็ก ฟอร์ดถูกตั้งความหวังจากคุณพ่อวิลเลียม (William Ford) ว่า จะต้องสืบทอดกิจการทำฟาร์มของครอบครัว แต่หนูน้อยฟอร์ดไม่ชอบสิ่งที่พ่อพยายามจะมอบให้ เขาชอบการประดิษฐ์คิดค้น ชอบเครื่องยนต์กลไก ทำให้คุณพ่ออารมณ์เสียอยู่บ่อยๆ
   
   โชคดีที่มีคุณแม่แมรี่ (Mary Ford) คอยสนับสนุน ให้กำลังใจ และทำให้ฟอร์ดเชื่อว่า เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆที่มีกลไกน่าจะมีประโยชน์ และสร้างสรรค์สู่สิ่งที่ดีได้ในอนาคต แต่คุณแม่ก็ไม่มีโอกาสได้เห็นความสำเร็จของ “นายช่างฟอร์ด” เพราะต้องจากไปในขณะที่ฟอร์ดยังเป็นเด็กวัยรุ่น แต่ในเวลาต่อมา เขาก็ได้สร้างอาณาจักรแห่งการผลิตรถยนต์ ที่ถ้าคุณแม่แมรี่มองลงมาจากสวรรค์ก็คงจะปลื้มใจที่สนับสนุนลูกได้ถูกทาง
             แมรี่ คูรี่

   หากจะกล่าวถึงนักวิทยาศาสตร์แท้ๆ และมีแม่เป็นคนสำคัญมากที่สุด เห็นจะเป็นไอรีน โจเลียด-คูรี่ (lrene Joliot-Curie) ซึ่งได้รางวัลโนเบลสาขาเคมี แต่ไอรีนจะประสบความสำเร็จไม่ได้เลย หากไม่ได้คุณแม่ซึ่งมีชื่อเสียงมากกว่า ในฐานะผู้หญิงที่ได้รางวัลโนเบล 2 ครั้ง ใน 2 สาขา ทั้งเคมีและฟิสิกส์ คือคุณแม่ แมรี่ คูรี่ (Marie Curie) และเราคงกล่าวได้ว่า ตระกูลคูรี่เป็นผู้ทำให้โลกได้เห็นความสำคัญของเรเดียม
   
   ซึ่งได้ช่วยผู้ป่วยมะเร็งมาแล้วหลายล้านคนทั่วโลก
   
   มาดามคูรี่จึงเป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะผู้อุทิศตน และเป็นคุณแม่ที่สอนลูกให้สานต่องานเพื่อช่วยเหลือชาวโลกได้อย่างน่ายกย่อง
             อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

   หันไปทางนักวิทยาศาสตร์ชายบ้าง คนที่ดังที่สุดในโลก เห็นทีจะไม่มีใครเกิน อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) ตอนเป็นเด็กนั้น แทบไม่มีใครเชื่อว่าไอน์สไตน์จะ โตมาเป็นอัจฉริยะได้ เพราะดูท่าทางแล้วออกจะทึ่มๆ จนบางคนบอกว่า เด็กคนนี้ “ปัญญาอ่อน” ร้อนถึงคุณแม่พอลลีน (Pauline Einstein) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรี ตัดสินใจส่งลูกไปเรียนไวโอลินตั้งแต่อายุแค่ 6 ขวบ ทำให้ไอน์สไตน์รักดนตรี และเป็นนักไวโอลินชั้นเซียนคนหนึ่ง
   
   ทุกวันนี้เราทราบกันดีว่า ดนตรีเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาการ และช่วยเสริมสร้างสมาธิ ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่า เพราะดนตรีที่คุณแม่ส่งเสริมหรือเปล่านะ ที่เปลี่ยนเด็กทื่อๆคนหนึ่งให้กลายเป็นอัจฉริยะของโลก เพราะคุณแม่พอลลีนใช่ไหม ที่ช่วยให้ลูกมีพัฒนาการ จนสามารถคิดค้นทฤษฎีสัมพันธภาพอันลือลั่น
   
   ไม่ใช่แต่คุณแม่ของนักวิทยาศาสตร์เท่านั้นที่สำคัญ เพราะคุณแม่ทุกคนสำคัญทั้งนั้น ก็เลยจะขอแนะนำให้ท่านผู้อ่านได้รู้จักกับคุณแม่ที่ยอดเยี่ยมของคนเก่งระดับ โลกในด้านอื่นๆบ้าง
             วิทนีย์ ฮูสตัน

   วิทนีย์ ฮูสตัน (Whitney Houston) นักร้องผิวสีเสียงทรงพลัง ที่ฟังทีไรก็ทำให้เคลิบเคลิ้มไปด้วย และเชื่อเหลือเกินว่า คนที่วิทนีย์รักเสมอ จะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจากคุณแม่ซิสซี่ ฮูสตัน (Cissy Houston) คุณแม่ของวิทนีย์เป็นนักร้องมาก่อนและมีชื่อเสียงในฐานะนักร้องเพลงโซลและกอ สเปล (เพลงประเภทที่ดนตรีเป็นรอง เสียงร้องเป็นหลัก ส่วนใหญ่เป็นการร้องประสานเสียง เช่น ในการร้องเพลงสวด หรือเพลงเพื่อการเฉลิมฉลองในโบสถ์)
   
   คุณแม่ซิสซี่เป็นนักร้องที่มีความสามารถมาก เคยคว้ารางวัลแกรมมี่มานอนกอดแล้ว คุณแม่ซิสซี่หัดให้วิทนีย์ร้อง เพลงตั้งแต่ยังเด็ก และด้วยพลังเสียงที่สดใส เลยมีคนมาเสนอขอให้เซ็นสัญญาเข้าค่ายเพลงตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี
   
   แม้ว่าซิสซี่จะอยากให้ลูกเป็นนักร้อง แต่ก็มองเห็นความสำคัญของการศึกษา ดังนั้น คำตอบของคุณแม่ก็คือ ไม่... จนกว่าลูกจะเรียนจบก่อน แต่ระหว่างนั้น วิทนีย์ก็ยังทำงานร้องเพลงเล็กๆน้อยๆอยู่ตลอด สร้างประสบการณ์จนแน่นปึ้ก และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม วิทนีย์ก็เดินทางเข้าสู่ค่ายเพลงอย่างสมฐานะ ได้รับการเปิดตัวจนโด่งดังไปทั่วโลก เกิดเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตมากมาย และคว้ารางวัลแกรมมี่มาได้เช่นเดียวกับคุณแม่
   
   แต่ความสำเร็จนั้นไม่ได้อยู่ยืนยง ชีวิตของวิทนีย์ล้มเหลวเมื่อเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จนได้คุณแม่ซิสซี่ที่รีบมาพาลูกสาวไปเข้าสถานบำบัดจนอดยาได้ และหวนกลับมาเป็นนักร้องคุณภาพอีกครั้ง
   
   ถ้าไม่มีแม่ วิทนีย์ ฮูสตัน ก็อาจจะยังเป็นสาวพี้ยาอยู่ที่ไหนสักแห่ง
   
   และพอพูดถึงนักร้องผิวดำชาวอเมริกัน ก็เลยนึกถึงคนสำคัญอีกคน ที่ช่วยเหลือคนผิวดำไว้มากมาย นั่นคือ อับราฮัม ลินคอล์น (Abraham Lincoln) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ผู้ล้มล้างระบบทาส
             อับราฮัม ลินคอล์น

   ท่านลินคอล์นเป็นเด็กที่โชคร้ายสักหน่อย เพราะขาดแม่ไปตั้งแต่เด็ก คุณแม่แนนซี่ (Nancy Lincoln) เสียชีวิตไปตั้งแต่อับราฮัมอายุได้แค่ 9 ขวบ ทิ้งให้คุณพ่อโธมัส (Thomas Lincoln) เลี้ยงลูกต่อมา และตัดสินใจแต่งงานใหม่กับซาราห์ บุช จอห์นสตัน (Sarah Bush Johnston) แม่ม่ายที่มาพร้อมกับเรือพ่วงอีก 3 ลำ
   
   โชคดีที่ไม่ใช่นิยายลูกเลี้ยง- แม่เลี้ยง-ลูกติดแม่เลี้ยง แบบไทยๆ คุณแม่ซาราห์รักใคร่อับราฮัมมาก พ่อหนูน้อยเองก็เรียกผู้มาใหม่ว่า “แม่” อย่างเต็มปากเต็มคำ และเทิดทูนคุณแม่เสมอมา
   
   ซาราห์เป็นผู้หญิงหัวสมัยใหม่ รักการอ่าน และถ่ายทอดการอ่านที่เปิดโลกกว้างให้ลูกๆ และจากการ “ติดหนังสือ” เหมือนคุณแม่ ทำให้ลินคอล์นได้อ่านชีวประวัติของนักการเมืองคนสำคัญๆของประเทศ และนั่นก็เป็นการเปิดประตูให้อับรา-ฮัม ลินคอล์น สนใจการเมือง และฝันที่จะเป็นผู้นำ
   
   ตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่ง เมื่อมีใครถามถึงเบื้องหลังความสำเร็จ ท่านประธานาธิบดีก็มักจะเอ่ยถึงคุณแม่ซาราห์ที่โอบอุ้ม ประคอง เป็นที่พึ่งทางใจให้เสมอ และเป็นที่รู้กันว่าถ้าเทียบกันระหว่างคุณพ่อกับแม่เลี้ยงแล้ว อับราฮัม ลินคอล์น ใกล้ชิดกับแม่เลี้ยงมากกว่า
   
   และแม้ว่า เมื่อเรามองดูภาพ และภาระหน้าที่ในฐานะประธานาธิบดีของลินคอล์น เรามักจะเห็นแต่ความเคร่งขรึม แต่ที่จริงแล้วลินคอล์นเป็นคนมีอารมณ์ขัน ซึ่งได้มาจากคุณแม่ซาราห์ ผู้หญิงซึ่งท่านประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่บอกว่า แข็งแกร่ง แต่ใจดี เต็มไปด้วยความรัก และเสียงหัวเราะ
   
   ความรักของแม่ เป็นความรักที่สร้างลูก เป็น ความรักที่ไม่ได้ปรารถนาสิ่งตอบแทนใดๆ นอกจากการเฝ้ามองดูความสำเร็จของลูก คอยปลอบประโลมเมื่อยามพลาดพลั้ง และเติมกำลังให้สู้ต่อ แม่จึงเป็นผู้สร้างที่สำคัญที่สุดของโลกเราอย่างที่ไม่มีใครทำได้เหมือน
   
   ก็เพราะคำว่ารักแท้ที่แม่มีให้นั่นเอง.
   
   ทีมงานนิตยสาร ต่วย'ตูน


http://www.thairath.co.th/content/life/193737
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ ต๊ะติ้งโหน่ง

  • ต้นไม้เล็กพริ้วไหวดั่งสายลม
  • ***
  • กระทู้: 259
  • พลังกัลยาณมิตร 76
    • ดูรายละเอียด
Re: แม่...ผู้สร้างอัจฉริยะ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2011, 10:27:07 am »
 :29: :29: :29:

สาธุๆๆครับคุณตาม๊ด

เหนือฟ้ายังมีฟ้า
เหนืออัจริยะ ยังมีมหาอัจฉริยะ
เหนือมหาอัจริยะ ก็มีดุษฎีอัจริยะ

ผู้สร้างแม่มา เป็นสุดยอดยอดอัจริยะตัวแม่เลย

คริคริ