ผู้เขียน หัวข้อ: ความทรงจำนอกมิติ : จิตร่วมหากมากพอจะช่วยโลกได้  (อ่าน 1531 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด

จิตร่วมหากมากพอ - ช่วยโลกได้
 
หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
30 เมษายน 2543 กองบรรณาธิการ
คอลัมน์ - ความทรงจำนอกมิติ

บทความวันนี้จะพูดถึงความพยายามของคนจำนวนน้อยมากๆ จำนวนหนึ่ง ที่เชื่อว่าโลกกำลังก้าวสู่ความพินาศหายนะจากประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้น หรือเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์ และกับรูปแบบของสังคมเศรษฐกิจ และการเมืองที่เบี่ยงเบนไปจากธรรมชาติ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์แทบทุกคนเชื่อว่า ศตวรรษนี้จะเป็นศตวรรษที่ - หากเราไม่ช่วยกันทำอะไรเสียแต่ขณะนี้วันนี้ - มนุษยชาติจะต้องประสบกับความเจ็บปวดสูญเสียและความทุกข์ทรมานอย่างที่ ไม่เคยปรากฏมาก่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คนจำนวนน้อยทั่วทั้งโลกที่ว่านั้นเชื่อว่า หากว่าเรามาช่วยกันทำสมาธิหรือสวดภาวนาร่วมกัน ด้วยกระแสจิตที่ อบอุ่นดีงามเปี่ยมความรักความเมตตา ก็อาจสามารถจะให้พลังอำนาจให้ ความหมายอันลึกล้ำกับมนุษยชาติและกับโลก ที่จะยังความสงบสุขความ ปลอดภัยให้แก่มวลมนุษย์และสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกได้

ในหนังสือเรื่องปรากฏการณ์ของมนุษย์ ปิแอร์ เตยา เดอ ชาดัง (Pierre Teihard de Chardin, The Phenomenon of Man, Revised English Ed.,1965) บอกว่าโลกนั้นนอกจากมีมิติหรือระนาบทางภูมิธรณี (geosphere) ที่อยู่บนผิวโลกและใต้ผิวโลกลงไป และไบโอสเฟียร์อันเป็นระนาบแห่งชีวิต (biosphere) ที่อยู่บนผิวโลกขึ้นไปถึงชั้นบรรยากาศโลกชั้นแรกแล้ว ก็ยังมีระนาบหรือชั้นแห่งจิตหรือวิญญาณ (noorsphere) ที่อยู่นอกสุดของ ชั้นบรรยากาศโลก

หากว่าเมื่อไรก็ตามที่จิตที่ดีงามสูงส่งมีพลังงานมากพอที่จะ จุดให้เกิดเป็นประกายแสงขึ้นในระนาบชั้นแห่งวิญญาณ “....ไม่ว่าที่จุดใดหาก ประกายแสงที่มีพลังพอได้ปรากฏขึ้น นั่นคือจุดกำเนิดของการระเบิดที่ต่อเนื่อง รุนแรงที่สุด ที่ในทันใดจะทำให้โฉมหน้าของโลกสว่างไสวไปทั่ว และนั่นคือ จุดเริ่มต้นของโฉมหน้าใหม่ของโลก ” อย่าคิดว่านั้นเป็นวาทะของจักจิตนิยมธรรมดา เพราะเตยาไม่ใช่ธรรมดา นอกจากจะเป็นนักปรัชญาและเป็นนักบวช ในนิกายคาทอลิกแล้ว เตยายังเป็นนักโบราณคดีวิทยาศาสตร์และนักปฐพีวิทยา ระดับนำของโลกด้วย ที่ในปัจจุบันนี้นักวิชาการต่างยอมรับว่าเป็นปราชญ์ อัจฉริยะคู่กับศรีอรพินโธ

ประเด็นก็คือจะต้องเป็นพลังจิตเท่าไร จะต้องมีจำนวนคนมากน้อยแค่ไหน ถึงจะให้ประกายไฟพอที่จะก่อปฏิกิริยาลูกโซ่ของพลังจิตทำให้เกิด การระเบิดอย่างรุนแรงดังกล่าว จนทำให้เกิดมีการเปลี่ยนแปลงของโลกและ มนุษยชาติที่ว่าได้? นักปฏิบัติจิตและกูรูซาวรัสเซียที่มีชื่อเสียงว่าเป็นผู้มีพลัง จิตอย่างแรงกล้าชื่อ เกิร์ดเย็ฟฟ์ (GI Gurdjieff) บอกว่าไม่จำเป็นต้องจำนวนมาก เพียงหนึ่งร้อยคนก็อาจเพียงพอที่จะให้ประกายที่จะก่อปฏิกิริยาลูกโซ่ได้ “ แต่ต้องเป็นการตรัสรู้ที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง ” ซึ่งทุกวันนี้เราสามารถจะค้นหาผู้ ตรัสรู้ผู้ได้นิโรธสมบัติเช่นนั้นได้ที่ไหน? นักฟิสิกส์และนักจิตวิทยาชื่อ ปีเตอร์ รัสเซลล์ เสนอว่า “ ทางเลือกก็คือหากว่าผู้ที่ปฏิบัติจิตปฏิบัติสมาธิเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงาม - ที่แม้ว่าจะไม่ถึงระดับตรัสรู้สักจำนวนหนึ่ง - ทำสมาธิร่วมกันโดยมีเป้า หมายต่อโลกต่อมนุษยชาติอย่างเดียวกัน ก็อาจทำให้มีการเปลี่ยนแปลงระดับโลกได้” มหาฤาษีมเหศโยคีเองก็บอกเช่นนั้น และกล่าวว่า หากประชากรโลก เพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ปฏิบัติสมาธิด้วยวิธีของท่าน (TM Sidhi) เป็นประจำทุก วันในเวลาเดียวกัน ก็จะสามารถโน้มนำให้มนุษยชาติโดยรวมมีวิวัฒนาการ ทางจิตสูงขึ้นได้ นั้นคืออรุณรุ่งสู่ “ยุคแห่งการรู้แจ้ง”

ด้วยทฤษฎีทางฟิสิกส์มี ผู้คำนวณออกมาได้ว่า พลังจิตในสมาธิจะให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สะท้อนไป มารอบผิวโลกในบรรยากาศชั้นสูงสุด โดยจะมีความถี่คลื่นเท่ากับความถี่คลื่น สะท้อนของคลื่นวิทยุที่มีความถี่ 7.5 Hz ด้วยความถี่ขนาดนี้ คลื่นแม่เหล็ก ไฟฟ้าเมื่อได้วิ่งไปรอบโลกจนครบรอบและกลับมาถึงที่เดิม ก็จะพอดีกับรอบ ของคลื่นชุดต่อไป (in-phase) เช่นเดียวกับคลื่นจิตจากสมาธิของคนอื่นๆ ทำให้เกิดพลังสะท้อน (resonance) มีความเข้มขึ้นเรื่อยๆ จากสภาวะซ้อน ซ้ำของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในทุกๆ รอบ นั้นคือหลักการของการรวมความเข้ม ของแพ็กเกตของอนุภาคโฟตอนที่มารวมกันในการสร้างลำแสงเลเซอร์

นักฟิสิกส์คำนวณว่า ความแรงหรือความเข้มของคลื่นจะมีค่าเท่ากับผลรวม ของจำนวนคลื่นยกกำลังสอง นั้นก็คือ หากว่าเป็นคลื่นสองคลื่น ความเข้ม ของคลื่นก็จะมีค่าเท่ากับสี่เท่าของคลื่นแม่เหล็กคลื่นเดียว ดังนั้นหากเป็นคลื่น สิบคลื่นก็จะให้ความเข้มความแรงคลื่นเท่ากับหนึ่งร้อยเท่า (10 x 10)

เพราะฉะนั้นหากว่าคน 80,000 คน คิดอย่างใจจดใจจ่อ หรือคิดแผ่กระแส จิตให้เป็นความรักความเมตตาแก่ทุกสรรพสิ่ง หรือการสวดมนต์ทำสมาธิร่วมกัน ก็จะสามารถทำให้ชาวโลกทั้งหมด (80,000 x 80,000 = 6,400,000,000 คน) มีการเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณได้ หรือสามารถยัง ความปลอดภัยให้แก่โลกได้ ไม่ว่าชาวโลกบางคนนั้นๆ จะเป็นคนเลวคนชั่วคนเล่เก๊ หรือคิดวุ่นวายไม่ได้เรื่องอย่างไร ต่างก็จะมีการปรับความคิดของตัว เองสู่ความรักความเมตตาพร้อมกันไปด้วย ซึ่งสุดท้ายก็จะแผ่เป็นความ ปรารถนาดีที่มีต่อโลกและต่อสรรพสิ่งทั้งหมด อย่าลืมว่าความคิดกระแสจิตก็ คือพลังงานก็คือคลื่นที่ทุกวันนี้สามารถพิสูจน์ได้บางส่วนแล้วว่า ส่วนหนึ่ง ของชีวพลังงานเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (BEM - Bioelectromanetic wave)

ดังนั้นเอง ผู้ห่วงใยโลกและมนุษยชาติถึงได้เชิญชวนให้เราหลายๆ คนมาร่วมปฏิบัติจิตด้วยกัน ปัจจุบันนี้มีคนจำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อ ที่มีการปฏิบัติสมาธิ มีการร่วมกันสวดมนต์ภาวนากันเป็นประจำวันแทบว่า ในทุกประเทศ คาร์ล จุง บอกว่า เราทุกคนมีศักยภาพของการมีจิตร่วมกันสื่อต่อกัน (synchronicity) ได้โดยไม่มีเวลาของอดีต - อนาคต จุงเล่าว่า ในช่วงสองสามปีก่อนที่นาซียึดครองเยอรมนีและยึดครองจิตร่วมของชาวเยอรมัน คนไข้จำนวนมากเหลือเกินมีลางสังหรณ์เกี่ยวกับความป่าเถื่อนความรุนแรง และความทรมานของมนุษยชาติที่ยุโรป ทุกวันนี้เหตุการณ์เช่นนั้นอาจอธิบายได้ด้วยความจริงทางแควนตัม

การสำรวจชาวอเมริกันเร็วๆ นี้พบว่า ร่วม 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใหญ่ได้ปฏิบัติสมาธิเป็นประจำ (Duane Elgin ; Global Consciousness Change, 1996) ที่แน่นอนย่อมชี้บ่งสภาวะจิตของผู้ ปฏิบัตินั้นๆ แม้ว่าการปฏิบัติที่มากขึ้นจะมีเป้าหมายอยู่ที่ตนเองหรือครอบครัว หรือจะต่างคนต่างทำ (random) แทนที่จะเป็นความปรารถนาดีต่อมวลมนุษย์ ต่อสรรพสิ่งและต่อโลกทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่สามารถทำให้คลื่นพลังจิตมีความ เข้มข้นพอที่จะจุดประกายให้เกิดการระเบิด และให้การเปลี่ยนแปลงที่ลึกล้ำต่อ จิตวิญญาณของชาวโลกส่วนใหญ่ได้ ปีเตอร์ รัสเซลล์ บอกว่า แม้ผู้ปฏิบัติมี ถึงหนึ่งร้อยคนที่ให้พลังงานคลื่นหนึ่งร้อยคลื่น แต่หากต่างคนต่างทำ และเป้าหมายไม่ตรงกัน ก็จะมีค่าของความเข้มข้นไม่ถึงสิบคลื่น (Peter Russell ; Global Brain Awaken, 1996) แทนที่จะได้พลังงานที่มีความเข้มข้น ยกกำลังสอง (100 x 100)

ปัจจุบันมีสมาคมมีชมรมหรือองค์กรผู้ปฏิบัติจิตปฏิบัติสมาธิเพื่อ มวลมนุษย์และสรรพสิ่ง รวมทั้งเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของโลกมากมาย ที่ทุกคนในโลกสามารถมีส่วนร่วมในเว็บไซต์ต่างๆ ในอินเทอร์เน็ต โดยชมรมสมาคมเหล่านั้นต่างกำหนดเวลาและความยาวนานของการปฏิบัติ มากน้อยแตกต่างกันไป เช่นการทำจิตให้แน่นิ่งอยู่กับความเมตตาปรารถนาดี ต่อมนุษย์และสรรพสิ่งเป็นเวลานานครั้งละ 15 นาที ในช่วงเวลาเที่ยงวัน ของวันที่หนึ่งของเดือนในทุกๆ เดือน ที่ผู้เขียนร่วมด้วยเป็นครั้งคราว

มีอยู่องค์กรหนึ่งชื่อ “ ความรักความเมตตาเท่านั้นดำรงอยู่อย่างสถาพร ” ที่เชื้อเชิญให้ผู้สนใจตั้งจิตและภาวนาแต่ประโยคที่ว่านั้นซ้ำๆ (Only Love Prevails..Only Love Prevails...etc.) เป็นประจำเมื่อไรก็ได้ ซึ่งองค์กรดัง กล่าวเชื่อว่า ผลที่ได้มาจะต้องเป็นบวกหรือเป็นด้านดีงามอย่างไม่ต้องสงสัย เช่นที่ ทอม ฮาร์ตแมน กล่าว “ยิ่งมีผู้ปรารถนาดีให้ความเมตตาให้อภัย มากเท่าไร ก็จะมีจำนวนคนที่มีความเมตตาให้อภัยเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น - ยิ่งมีคนปรารถนาความสงบแสวงหาความดีงามทางจิตใจมากเท่าไร ความสุขสงบความปลอดภัยก็จะเกิดแก่โลกมากขึ้นเท่านั้น” (Thom Hartmann, The Last Hours of Ancient Sunlight, 1999).


มหัศจรรย์ผลึกน้ำ message from water

ผลึกน้ำสะท้อนอารมณ์_Masaru Emoto

สวดมนต์ไตปุยจิ่ว เสียงเณรน้อย.flv

มนต์พม่า อัปปมัญญา1.flv

" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...