https://www.youtube.com/watch?v=YTKlMWtIHiQรู้แจ้ง
ธรรมสวัสดิ์ ยามเช้า 2....26/11/17
"หมอแพทย์ทายว่าไข้ ......ลมคุม
โหรว่าเคราะห์แรงรุม........ โทษให้
แม่มดว่าผีกุม................... ทำโทษ
ปราชญ์ว่ากรรมเองไซร้ .....ก่อสร้างมาเอง ๛๚."
(โลกนิติ)
ทุกข์ ของมนุษย์มีสาม
1.สภาวะทุกข์
เป็นปรากฎการณ์ของ ธรรมชาติ ที่เกิดมาแล้ว
เจริญ เสื่อม ดับ ไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้
แปรเปลี่ยนตาม กฎ เหตุปัจจัยปรุงแต่ง และสิ่งแวดล้อม
2.เวทนาทุกข์
อยู่ที่ใครฝึก อดทนได้มากกว่ากัน
3.อารมณ์ทุกข์
เราชง ด้วยความคิด แล้วบ้าเอง 55555+
"""""""""""""""""""""""""""""""""""
วิธีฝึกชนะอารมณ์ทุกข์
ที่เป็น มายา เล่นลีลา ไม่มีตัวตนเที่ยงแท้
1.เมื่อกายหยาบ รับรู้อารมณ์นั้น
2.ใช้สติ กำหนดรู้ กายสังขาร
ว่าขณะนั้น ลมหายใจเรา เปลี่ยนไปอย่างไร
โดยหยุดความคิด หาเหตุทุกข์
เพราะความคิด เป็นเชื้อเพลิง อย่างดีของอารมณ์
3.สติ ตามไปดูกรัชกาย(บุคลิกภาพภายในจิต)
ว่า สภาพ ขณะนั้น เราเป็น
เปรต.............ทุกข์เพราะโลภ อิจฉา บ้าอำนาจ
เดียรัจฉาน.....เอาอารมณ์เหนือสติปัญญา หน้ามืด
อสุรกาย........กลัว หรือ คิดทำร้ายใครลับหลัง
สัตว์นรก........ทุกข์เพราะ ย้ำคิด ย้ำทำ ย้ำแค้น
หรือ น้อยใจ หดหู่ ฟุ้งซ่าน ลังเล ว่าจะเลือก กุศล อกุศล
4.เมื่อเป็นเปรต
ให้คิดสุขจากการเผื่อแผ่แบ่งปัน
5.เมื่อเป็นเดียรัจฉาน
ปลุกสติปัญญา เคารพกุศลให้ตื่น
6.เมื่อเป็นอสุรกาย
ให้กล้าที่จะทำสิ่งดีๆ ทั้ง กาย วาจาใจ
7.เมื่อเป็นสัตว์นรก
ให้แผ่เมตตา ให้ชีวิตที่ลำบากกว่าเรา
และแผ่เมตตาให้ตนเอง
8.ฝึก สงบ(จากกิเลส ตัณหาอุปาทาน) ในที่สงัด
สงัดจาก การปรุงแต่งอารมณ์ ท่ามกลางกระแส โลก ธรรม
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
การปฏิบัติธรรม คือ
"ใช้สติปัญญา รักษาใจ ไม่ให้ทุกข์เกิด
เมื่อ อารมณ์ทุกข์เกิด ก็กำหนดรู้ แล้วละเสีย"
วรธัมโม สวนโมกข์
..............................................
"ศีล มีข้อเดียว.....รู้ว่าเป็นอกุศล ก็ ลด ละเลิก
ธรรม มีข้อเดียว...รู้ว่าเป็นกุศล(ฉลาดทางดี) ก็เจริญให้ยิ่ง
วิมุติ มีข้อเดียว....ไม่ทุกข์ ไม่สุข แต่เย็น"
(หลวงพ่อ พุทธทาสภิกขุ)
...........................................
วันหนึ่ง จักรพรรดิ์ เหลียงบู้เต้
นิมนต์ ตั๊กม้อโจ้วซือ(พระโพธิธรรมเถระ)
ไปชม วัดวา อาราม ที่พระองค์สร้าง
แล้วถามว่า สิ่งที่พระองค์ทำ จะได้ บุญ กุศลแค่ไหน?
ตักม้อโจ้วซื้อ ตอบว่า
"ได้ บุญ แต่ไม่ได้กุศล"
(อิ่มใจภาคภูมิใจในความดี แต่ ไม่ฉลาด ชนะอารมณ์ทุกข์)
..........................................
เป้าหมายสูงสุด ของการปฏิบัติธรรม
"คือชนะ อารมณ์ทุกข์
ยามผัสสะ โลก ธรรม ทุกปัจจุบันนี่แหละ"
.........................................
กายหยาบเรา สบายดีไหม
ลมหายใจเรา สงบดีไหม
ใจเรา ปรุงบุคลิกภาพอย่างไร
ถามตนเอง และไม่ต้องไปโทษ ฟ้าดิน 55555+
ขอบคุณเจ้าของภาพ คนหลังไมค์ที่จุดประกาย
และผู้อ่าน และจะเป็นกุศลยิ่ง
ถ้า เอาไปฝึกตน ชนะอารมณ์ทุกข์ ของตนเอง สาธุ
.....................................
//-เครื่องวัดผลสำเร็จ แห่งความโชคดี?
ผัสสะโลกธรรม.........................ด้วยสติกุมสภาพจิต แล้วไม่หวั่นไหว
จิตเบิกบานไร้กิเลส ...................แผ้วพานนั่น
จิตมั่นคง โปร่งใส มีคุณภาพ.........ทุกผัสสะกัน
ใครทำได้อย่างนี้แล้วนั้น .............คือบรมโชคดีเอยฯ
http://puling-222.blogspot.com/2011/01/blog-post_7277.html..
..
https://www.youtube.com/watch?v=y-E83EA5wSYทฤษฎี การระเบิดครั้งใหญ่ ฺBig bang
เป็นหนึ่งในทฤษฎีกำเนิดจักรวาล
ที่ดีที่สุด โดยอิง แนวคิดวิทยาศาสตร์
ว่างค่อยมาชมครับ...ยาว 55555+
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""
1.วรรณกรรมฮินดู เริ่มจาก จักรวาลเป็นไข่ทองใบหนึ่ง
ธาตุหนักจม ธาตุเบาลอย และแยกเป็น ดินกับฟ้า
มีพระนารายณ์ หลับอยู่บนนาค
.
2.ความฝันของพระนารายณ์ เกิดดอกบัวขึ้นที่สะดือ
พระพรหมเกิดในดอกบัว และสร้าง นางร้อยรูปมาเป็นเพื่อน
เพื่อเอาใจนาง พระพรหม จึงสร้าง สรรพสิ่ง เป็นจักรวาล
3.เมื่อ พระนารายณ์ตื่น ก็เปิดศึก เถียงกันว่า ใครสร้างจักรวาล
แล้ว พระศิวะ ก็แหวก แท่ง มหึมา(ศิวะลึงค์) แล้วบอกว่า
"ตนเป็นต้นกำเนิด และผู้ดับ ของทุกสรรพสิ่ง
4.จักรวาล เสมือนงูกินหาง มีการเกิด เจริญ เสื่อมดับ
เมื่อเสื่อมถึงที่สุด ตนจะเปิดตาที่สาม
เกิดไฟบัลลัยกัลป์ หล่อหลอม ทุกสรรพสิ่ง
เป็นไข่ทองใบใหม่ และจักรวาลก็เริ่มต้นใหม่
.
5.พระนารายณ์ กับพระพรหมไม่เชื่อ
พระศิวะจึงบอกว่า ไปหา ต้น และปลาย ของแท่งนี้ก่อน
ถ้าพบต้น และปลาย ค่อยมาเชื่อพระองค์
6.พระพรหม ขี่หงส์ขึ้นไปสู่ยอด
พระนารายณ์แปลงเป็นหมู ขุดไปหาโคน
ผ่านไปนานมาก ต่างกลับมา
พระนารายณ์ ตรัสว่า ไม่เจอต้น
พระพรหม ตรัสว่า ตนถึงยอด ให้หงส์ เป็นพยาน
7.พระศิวะจึงเปิด ตาที่สาม
เผาหน้าหนึ่งของพระพรม เป็นจุล
พระพรหมจึงเหลือสี่หน้า
ฐานมุสา และสาปพระพรหม
ว่า ยิ่งนาน มนุษย์จะไม่นับถือพระพรหม
และอวยชัยให้พระนารายณ์ เป็นผู้รักษาสมดุลย์โลก
7.นางร้อยรูป(พระแม่สุรัสวดี)
จึงห่อเถ้าจากการเผา มาโอบอุ้มด้วยความรัก
เถ้านั้น ได้เกิด มหาฤษีของจักรวาล
คือฤาษีนารอท.....ซึ่งเป็นผู้สื่อสาร สามโลก
และเอาเรื่องราวต่างๆ มาเล่าให้พวกฤษีฟัง
และให้เรา รู้เรื่อง มหาภารตะและฮินดู
...................................
ถ้าถอดระหัส
1.พระศิวะ คือ กฎธรรมชาติ
2.พระนารายณ์ คือ ระบบของธรรมชาติ
3.พระพรหม คือ วิวัฒนาการของธรรมชาติ
ทั้งกฎ และระบบ วิวัฒนาการ....ร่วมสร้างจักรวาล
วันหนึ่ง เมื่อ มนุษย์ พัฒนาการ เอาความรู้ผ่านสมอง
และมีผู้ช่วย ปัญญาประดิษฐ....นักวิทยาศาสตร์ต่างทึง
ใน วรรณกรรม ของฮินดู...ว่า"รู้ได้อย่างไร"
........................................
1.จาก กฎธรรมชาติ
ระบบของธรรมชาติ
และ วิวัฒนาการ
มนุษย์มาถึงยุค
"สร้างสรรนวัตกรรม
2.และการไหล ของพลังานข้อมูล
ในสังคมสื่อสารออนไลน์
3.รวมทั้ง หุ่นยนต์อัฉริยะ ในรูปแบบต่างๆ
ที่จะกลายเป็นสมอง นอกกาย ที่เราต้องพึ่งพา
มองดูมือถือของคุณ นี่คือบรรพบรุษ ชีวิตใหม่
และจะอยู่ต่อไป แม้นเผ่าพันธุ์มนุษย์ สูญสิ้น
...............................
"วัฒนธรรมมนุษย์ เริ่มจาก
1.ใช้แรงกล้ามเนื้อ
2.สู่กำไรจากน้ำมัน
3.และเรายืนอยู่ จุดที่อาศัยวิสัยทัศน์
จากข้อมูลในโลกออนไลน์
4.และยุคต่อไป เราต้องต่อสู้กับ
หุ่นยนต์ที่ไม่มีวิสัยทัศน์"
....แจ็คหม่า.
..
..
https://youtu.be/aeIAoitAovMสารคดี ตอน อารยธรรม กรีกโบราณ ที่รุ่งเรือง
1.อารยธรรมกรีก......มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโลก
และ ควบคุมวิธีคิด และวิถีชีวิตชาวโลก เมื่อ
โลกเข้าสู่ยุค ฟื้นฟูศิลปะ และ วิทยาศาสตร์
ที่กรีกได้วางไว้
ประชาธิปไตย เสรีภาพในการศึกษา
เทวนิยม เคารพเทวรูป
คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
และการแสวงหาความจริงด้วยการโต้เถียงกัน
และการสร้างวาทกรรม เลิศหรู ให้คน ยกตนเป็นผู้นำ
และทุกวัน นักการเมืองทั่วโลก ก็ยังใช้วิธีนี้
2.ยุคเรเนสซองส์ (Renaissance ค.ศ. 1450 -1600)
หลังจากสงครามครูเสดอันยาวนานร่วม 300 ปีสิ้นสุดลง
ยุโรปก็เข้าสู่สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา
โดยในช่วงแรกความรู้ทางศิลปะและวิทยาการ
ของกรีกและโรมันได้ถูกนำเข้ามาผ่านเอกสาร
และหนังสือที่นักวิชาการมุสลิมในโลกอาหรับได้แปลไว้
เช่น ปรัชญาของอริสโตเติล
และคณิตศาสตร์ของกรีก
3.ต่อมาการล่มสลายของนครคอนสแตนติโนเปิล
ศูนย์กลางแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 15
จากการรุกรานของสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2
แห่งจักรวรรดิออตโตมัน ทำให้บรรดาพระ
และผู้มีวิชาความรู้ในเมืองหอบตำราสำคัญ
ที่คัดลอกด้วยมือ (manuscripts) ต่างๆ
อันเป็นความรู้และสมบัติทางวัฒนธรรม
ที่ตกทอดมาจากอารยธรรมกรีก และโรมัน
ออกมาเผยแพร่เพื่อต่อสังคมยุโรปในวงกว้าง
และเนื่องจากในขณะนั้นเทคโนโลยีการพิมพ์
และการพิมพ์แบบตัวเรียง (moveable types)
เพิ่งได้รับการประดิษฐ์ขึ้นโดยกูเทนเบิร์กในยุโรป
ความรู้ศิลปวิทยาการในสมัยคลาสสิค
จึงแพร่กระจายไปได้เร็วมาก
4.ทำให้ยุโรปได้นำศิลปวิทยาการ
ที่ได้รับการเผยแพร่ใหม่เหล่านี้
มาสอนในมหาวิทยาลัย
ตลอดจนนำมาปรับปรุง ดัดแปลงใหม่
ทำให้ยุโรปมีความเจริญก้าวหน้าในศาสตร์ทุก ๆ ด้าน
อาทิเช่น(วิกิพีเดีย)
5.>>>>>200กว่าปี หลังพุทธกาลอารยธรรมกรีก
ที่มาโดยกองทัพอเล็กซานเดอร์มหาราช
มาถึงลุ่มแม่น้ำสินธุ และ มากระทบกับ
วัฒนธรรม อนุทวีปอินเดีย ที่มีพรามหณ์ พุทธ อยู่แล้ว
และเกิดการปรับตัว เพือป้องกัน วัฒนธรรมกรีกกลืนกิน
6.พรามหณ์ ต้องปรับตัว สร้างระบบเทวนิยมใหม่ เกิดฮินดู
พุทธศาสนา ก็เริ่มเอาระบบเทวนิยม แซกเข้ามา
จากที่ พระพุทธเจ้า สอนไม่ให้ เอาอภิปรัชญา มา
ใช้ดับอารมณ์ทุกข์
ระบบเทวนิยม รวมความเชื่อ วัฎฏะสังสาระแบบพรามหณ์
ที่วิญญาณทุกดวง ที่เวียนว่ายตายเกิด
ต้องกลับไปรวมกับปรมาตมัน
ไปเป็น ไปสู่แดนนิพพาน ในจินตนาการ
ก็ยกย่องพระองค์เป็นพระโพธิสัตว์
ที่บำเพ็ญบารมี 10ชาติ
และ ลงมาประสูติ เป็นพระพุทธเจ้า
การดับอารมณ์ทุกข์ด้วยการปลุกปรีชาญาณฉลาดเลือกให้ตื่น
มาล้างขยะปรุงแต่งจิต(อาสวะ และสาสวะ)
ที่เป็นเรื่องเร่งด่วน ที่พระพุทธเจ้าสอน
กลายเป็น ทำบุญ ฝากไว้ ในพระศาสนา
และศาสนิก จึงกลายเป็นเหยื่อ อัตโนมติอาจารย์
ที่เรียกร้องเอา ทรัพย์ อำนาจ วาสนา
มาสร้างอนุสาวรีย์ให้ตนเอง
จากพวก เดียรถีย์ ที่แอบมาบวช
เอาสัทธรรมปฏิรูปมาสอน
ให้คนมาสนใจเป็นนักสิทธิ์(มีสิทธิอำนาจเหนือธรรมชาติ)
แทน การเป็นพระอริยะ
ที่ชนะ จิตปรุงแต่งตน(อธิจิต)
และรวมเป็นสังคมนักสังคมสงเคราะห์(สงฆ์)
เพื่อหวังประโยชน์ส่วนตน
โดย เอาศรัทธาในการทำบุญ
อยู่ เหนือ สติปัญญา เคารพธรรม และฝึกตน
7.การสังคายนาพระไตรปิฎก ครั้งที่ ๘ ของโลก
บนแผ่นดินล้านนา ในสมัยพระเจ้าติโลกราช
(พ.ศ.๑๙๘๕–๒๐๓๑) ...
พระองค์ทรงโปรดให้มีการทำสังคายนาศาสนา
ในปี พ.ศ.๒๐๒๐
ก็มีการเขียน ตำนาน พระโพธิสัตว์ 500ชาติ
และตำนาน พระเจ้าเลียบโลก
ที่เอาแนวคิด กรีก
เรื่องการ ลงมาสู่โลกมนุษย์ของซูส กับเฮอร์เมส เทพสื่อสาร
รวมทั้งเกิดตำนาน นครที่ล่มสลาย
เพราะ ศีลธรรมที่เสื่อม คนไม่กตัญญู และไร้จิตเอื้อเฟื้อ
และ เรื่องราวนี้ จึงกระจายไปทั่วแหลมทอง
จึงมีเรื่องราว เวียงหนองหล่ม เกาะแม่หม้ายหลากหลาย
ทุกภูมิภาค ทั้งเหนือ อีสาน และภาคกลาง
8. 200 กว่าปีหลังพุทธกาล
เริ่มสร้างพุทธรูป รุ่นแรกๆ โดยเหล่าขุนพลกรีก
ที่มาปักหลัก ในอินเดียและหันมานับถือพุทธศาสนา
โดย เคารพพุทธเจ้า ดังเทพอพอลโล่ ของตน
และกลายเป็น ศิลปะอมราวดี ศิลปะคุปตะ
9.และพุทธศาสนา ก็มี พุทธเทวนิยมเต็มตัว
คือ มหายาน จากผลงาน อัศวะโฆษ และอสังคะ
ที่ ยกเอา จิตเอื้อเฟื้อ(โพธิจิต)
สำคัญกว่า จิตหลุดพ้นจาก อารมณ์ทุกข์(พุทธจิต)
โดยการปลุก ปรีชาญาณฉลาดเลือกให้ ตื่น รู้ เบิกบาน
แล้วค่อยไปช่วย สังคม
และ นาคารชุนะ ตั้งนิกายศูนย์ตา
ได้กล่าวว่า ถ้าไม่มีคำว่า ศูนย์ตา(สุญตา) ก็ไม่ใช่พุทธศาสนา
แต่ก็ยัง ประนีประนอมว่า
"วิมุติ มีสองรส
1.รส สงบ เย็น เพราะ ว่างจาก อุปาทาน
2.รส สุข จากจิตเอื้อเเฟื้อ แบ่งปัน
(หิตายะ สุขายะ การช่วยให้ชีวิตอื่นเป็นสุข เราก็รับอนิสงค์สุขนั้นได้)
................................................
ขอบคุณเจ้าของคลิป ความรู้ที่ยกมา และผู้อ่าน สาธุ
..
..
เพลงเพราะๆ องค์ใดพระสัมพุทธ ขับร้องโดย ปาน ธนพร
ธรรมะสวัสดิ์......29/11/17
เป็นพุทธะได้......เพราะชนะมาร
มาร....รากศัพท์มาจาก ภาษาเปอร์เชีย หมายถึงแสงสว่าง
แต่พอมาถึง อินเดีย กลายเป็น สิ่งชั่วร้าย ที่ทำให้ชีวิตพินาศ
เป็น"แสงสว่างเทียม"
ในพุทธธรรม มารมีหลายความหมาย
แต่โดยรวมคือ จิตปรุงแต่ง หรือ อธิจิต ที่มีฤทธิ์มาก
1.ขันธ์มาร.......คือ
ระบบคอมพิวเตอร์ชีวภาพ ที่ประกอบเป็น"เรา"
2.อภิสังขารมาร..คือ
การปรุงแต่งความคิดแบบฟุ้งซ่าน
ขาดสติปัญญากำกับ ยามผสัสสะโลก ธรรม
3.เทวบุตรมาร...คือ
ความ สมใจ สะใจ ที่เหวี่ยง อารมณ์เรา
สร้าง บุคลิกภาพภายใน(กรัชกาย)
ให้เรา ตกต่ำกว่ามาตราฐานมนุษย์(อบายภูมิ)
หรือเป็นมนุษย์
เป็นเทพ สุขจาก หรรษา ภาคภูมิใจ สมใจ สะใจ
4.กิเลสมาร.....คือ
กิเลส ความหมายเดิมคือ ควันไฟ
คือสิ่งที่ ทำให้ เกิดความเศร้าาหมอง หลงทาง
แยะแยะ กุศล อุกศล ไม่ออก หรือ เห็นผิด เป็นชอบ
5.มัจจุราชมาร...คือ
เวลา เวลากลืนกินทุกสรรพสิ่ง แม้นแต่ตัวเวลาเอง
.........................................................
มาร แสงสว่างเทียม อยู่ในสังขารโลก
"ตถาคต ขอบัญญัติว่า
กายกว้างศอก ยาววา มีสัญญา(ความทรงจำ)
และใจครอง คือ จักรวาลหนึ่ง ชื่อ สังขารโลก"
ชนะมาร ก็คือ ชนะ"จิตปรุงแต่งตนเอง (อธิจิต)"
โดยปลุก จิตแท้จิตเดิม พุทธจิต โพธิจิต ตื่น
มากุมสภาพจิตปรุงแต่ง จนเราเลิก ชงอารมณ์ทุกข์
ที่ผูก จิตปุถุชน ให้วนเวียน ใน วัฎฏะ ทุกข์ สุข
พบความสงบ ร่มเย็น และ สุขจากจิตเอื้อเฟื้อ ยั่งยืน สาธุ
..
..
https://youtu.be/cz1IQ0YvDtkการ์ตูนเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน พากษ์ไทย
หนึ่งในเหตุผล การฝึกทำให้อารมณ์สงบเย็น
มีประโยชน์ทั้ง กายหยาบ กายสังขาร กรัชกาย
...........................................
ต่อมไทมัส ยังเป็นโรงเรียน
ให้เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด ทีเซลล์
ไปเรียนรู้ว่า เซลล์ชนิดไหน เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษ....
เป็นเวลา สามเดือน ก่อน ออกทำงาน เป็นตัวชี้เป้า...
แต่คนเราทุกวัน อารมณ์วิปขึ้นลง...
เม็ดเลือดขาว ที่ยังเรียนไม่จบ
ทำตัวเป็นคนป่ามีปืน
โจมตีร่างกายตนเอง
และเว้น พวก เซลล์มะเร็ง และเชื้อโรค...สาธุ
..............................
เซลล์ทีเฮลเปอร์
(อังกฤษ: T helper cell, effector T cells, Th cells)
เป็นชนิดย่อยชนิดหนึ่งของเซลล์เม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์
ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้าง
และพัฒนาความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
เซลล์เหล่านี้มักไม่มีบทบาทในการทำลายเซลล์อื่น
หรือจับกินสิ่งแปลกปลอม
ไม่สามารถฆ่าเซลล์เจ้าบ้านที่ติดเชื้อหรือฆ่าจุลชีพก่อโรคได้
และถ้าไม่มีเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันอื่นๆ
เซลล์ชนิดนี้อาจถูกมองว่าไม่มีประโยชน์ได้
เซลล์ทีเฮลเปอร์มีบทบาทในการกระตุ้น
และชี้นำการทำงานของเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันอื่นๆ
และถือว่ามีบทบาทสำคัญในระบบภูมิคุ้มกัน
มีส่วนจำเป็นในการระบุ
การเปลี่ยนคลาสแอนติบอดีของเซลล์บี
มีบทบาทในการกระตุ้น
และการเจริญของเซลล์ทีไซโตท็อกซิก
และมีบทบาทในการเพิ่มขีดความสามารถ
ในการทำลายแบคทีเรียของฟาโกไซต์
อย่างแมโครฟาจได้ บทบาทต่อเซลล์อื่นๆ
เหล่านี้เองที่ทำให้เซลล์ชนิดนี้ถูกเรียกว่าเซลล์ทีเฮลเปอร์
(วิกิพีเดีย) ขอบคุณครับ
..
..
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี
G+ communities คนรัก รักษ์ ปัญญา สุขภาพ กีฬา และจักรยาน
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ ที่เราทำได้เอง
Suraphol KruasuwanOWNER