ผู้เขียน หัวข้อ: รู้จัก "คุนต้า คินเต้" ใน "ROOTS" ข้อคิดจาก ยุคทาสอเมริกัน  (อ่าน 1201 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


Roots : ข้อคิดจากจากยุคทาสอเมริกันถึงโซ่อิสรภาพของหนุ่มสาวไทยยุคไฮเทค

http://www.onopen.com/2006/01/549
Fri, 05/05/2006 - 07:16 — onopen

เกือบ 30 ปีมาแล้ว ฟังดูนานมากทีเดียว... มีภาพยนตร์มินิซีรี่ส์ที่โด่งดังมากเรื่องหนึ่ง ชื่อ Roots หรือในชื่อไทยว่า “ทาส” ฉายทางช่อง 3

แม้เรื่องราวจะยาวหลายสิบตอน และตอนที่ฉายครั้งแรกก็อยู่ในช่วงเวลาค่อนข้างดึก แต่ว่ากันว่ามีผู้คนติดตามชมกันเกรียว และช่อง 3 ได้แฟนๆ เพิ่มอีกพะเรอ ภายหลังต้องนำกลับมาฉายซ้ำอีกหลายรอบในช่วงกลางวัน พอๆ กับตอนที่ต้องเอาซีรี่ส์ไต้หวันเรื่อง “เปาบุ้นจิ้น” เมื่อครั้งเวอร์ชั่นแรกมาออกอากาศซ้ำอีกหลายครั้งนั่นเหมือนกัน

Roots เป็นเรื่องราวของชาวแอฟริกันผิวดำ ที่ถูกคนขาวชาวศิวิไลซ์จับตัวมาจากดินแดนบ้านเกิด ไปขายเป็นทาสในไร่ของคนขาวด้วยกันในอเมริกา

หนังแสดงให้เห็นถึงการกดขี่ข่มเหงคนผิวดำที่ถูกกวาดต้อนจับกุมมาเป็นทาสอย่างไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์จะกระทำกับมนุษย์ได้ถึงขนาดนี้ ความลำบากยากแค้นของคนดำที่ต้องนอนแออัดกันอยู่ใต้ท้องเรือทั้งที่ถูกจองจำ ความอดอยาก เจ็บป่วย การจลาจล และความตายระหว่างการเดินทางกลางมหาสมุทร

เมื่อขึ้นฝั่ง พวกเขาก็ถูกปฏิบัติราวกับไม่ใช่คน มีการซื้อขายเหมือนกับสินค้าชนิดหนึ่ง คนดำต้องเรียนรู้ที่จะเอาชีวิตรอดในโลกใบใหม่ที่ไม่รู้จักไม่คุ้นเคย และต้องเรียกขานคนแปลกหน้าผิดสีผิวว่า “นาย” ทั้งๆ ที่ในใจระอุคั่งไปด้วยความคับแค้นจากการถูกปฏิบัติเยี่ยงสัตว์ป่า พวกเขาโหยหาเพียงสิ่งเดียวในชีวิต นั่นคือ อิสรภาพ

ตัวเอกของเรื่อง ชื่อ “คุนต้าคินเต้” ถูกจับมาจากชายฝั่งแอฟริกา บริเวณประเทศแกมเบียในปัจจุบัน เป็นทาสหัวดื้อในสายตานายผิวขาว เขาแอบหลบหนีทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ก็ไม่เคยรอด ถูกจับได้และเฆี่ยนตีนับครั้งไม่ถ้วน จนในที่สุดก็ถูกตัดเท้าออกครึ่งหนึ่ง กลายเป็นคนพิการตลอดชีวิต

การยืนยันที่จะเรียกชื่อเดิมของตนเองในภาษาท้องถิ่นแอฟริกัน เป็นสิ่งที่คุนต้าคินเต้แสดงออกให้เห็นถึงการขัดขืนฝืนไม่ยอมรับสภาพแวดล้อมใหม่ และพยายามที่จะรักษาความทรงจำที่บ่งบอกถึงรากเหง้าตัวตนไว้ให้ได้ แต่เขากลับถูกบังคับให้ยอมรับชื่อใหม่ตามแบบคนผิวขาวว่า “โทบี้” ถ้าไม่ยอมเชื่อฟัง ก็จะถูกมัดโยงกับต้นไม้ โบยตีด้วยแส้จนแผ่นหลังแตกละเอียด เลือดแดงสีเดียวกับคนขาวไหลรินอาบร่างสีดำทะมึน

เมื่อไม่อาจกัดฟันยืนยันที่จะเรียกตัวเองด้วยชื่อแอฟริกัน ต้องยอมเรียกชื่อตนเองตามที่ “นาย” ต้องการ แต่คุนต้าคินเต้ก็เก็บสิ่งที่ยึดโยงประวัติศาสตร์ตัวตนของเขากับสภาพแวดล้อมใหม่ ด้วยการจดจำคำพื้นเมือง 2-3 คำเอาไว้ ได้แก่ ชื่อของเขา ชื่อแม่น้ำที่อยู่ใกล้ถิ่นอาศัยในแอฟริกา และชื่อของกลองพื้นเมือง แล้วถ่ายทอดให้ลูกสาวคนเดียวของเขา “คิซซี่” เป็นผู้รับสืบทอดวิญญาณของความเป็น “คนอิสระ” ต่อไป

แต่คิซซี่ก็เหมือนทาสรุ่นสองทั่วๆ ไป เธอไม่เคยรู้สึกรู้สมหรือตั้งคำถามกับชีวิตความเป็นอยู่ที่แตกต่างระหว่างคนขาวผู้เป็นนายกับทาสผิวดำ หรือแม้แต่จะสนใจรากเหง้าความเป็นมาของบรรพบุรุษซึ่งผู้เป็นพ่อเพียรพร่ำพูดถึง รวมถึงเหตุผลของการกระทำที่นำมาสู่ความพิการทางกายของพ่อเธอ

คิซซี่เป็นเพียงทาสผู้ไร้การศึกษา โลกของเธอสวยงามตามแบบฉบับหญิงสาวที่กำลังเติบโต และคิดแต่เพียงว่าพระเจ้ากำหนดให้มันต้องเป็นอย่างนี้มาแล้วตั้งแต่ต้น

แต่แล้ว พระเจ้าของคิซซี่กลับนิ่งดูดาย เมื่อ “นาย” ที่เธอให้ความเคารพยำเกรง ข่มขืนเธอราวกับไม่ใช่คน เสียงวิงวอนร้องขอโอดครวญไม่ได้ผ่านเข้าหูของนายผิวขาวที่กำลังนั่งคร่อมตัวเธอด้วยอาการเมามาย

และเสียงร่ำไห้ดังไปไม่ถึงหูของพระเจ้าเบื้องบน

กว่าเธอจะรู้ซึ้งเข้าใจถึงสิ่งที่พ่อพูดและสิ่งที่พ่อทำในวัยหนุ่ม คิซซี่ต้องแลกด้วยร่างกายและชีวิตทั้งชีวิต นับจากวันนั้น เธอเกลียดคนขาว และพยายามถ่ายทอดวิญญาณรักอิสระให้แก่ลูกชาย “ชิคเก้น จอร์จ” ซึ่งมีนิสัยชอบสนุกสนานเฮฮาไปวันๆ และเป็นนักชนไก่ฝีมือฉกาจ

เช่นเดียวกับคิซซี่ในวัยสาว ชิคเก้น จอร์จเป็นหนุ่มผิวดำที่ยอมรับในความเหนือกว่าของคนผิวขาว และไม่เคยตั้งคำถามต่อความไม่เท่าเทียมกันระหว่างคนสองผิวสี กว่าที่เขาจะพบความจริงและตระหนักในตัวเองว่า ทุกสิ่งไม่ได้สวยงามและเป็นเช่นนั้นเองมาแต่ไหนแต่ไร หากแต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยสมองและสองมือของมนุษย์ เขาก็ต้องพานพบกับความผิดหวังอย่างที่สุดเสียก่อนในวันที่พ่ายแพ้การพนันไก่ชน

ความโอหังเชื่อมั่นในตนเองว่าเป็นนักชนไก่มือหนึ่ง คำป้อยอสรรเสริญของนายผิวขาวที่ทำให้เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ กลายเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านไป ไม่มีอะไรเลย

เมื่อกลายเป็นผู้แพ้ เขาถูกเหยียดเหยียบลงไปต่ำเท่ากับทาสคนอื่นๆ และยิ่งร้ายไปกว่าคนอื่นตรงที่เขาทำอะไรไม่เป็นเลยนอกจากเลี้ยงไก่

ชิคเก้น จอร์จเริ่มคิดถึง “อิสรภาพ”

คำซึ่งเขาไม่เคยนึกถึงเลยตลอดเวลาที่ได้รับการยอมรับจากคนขาว แต่บัดนี้ได้กลายเป็นเป้าหมายเดียวที่เขาต้องการไปหา เขาหลบหนีเดินทางขึ้นไปทางเหนือ เมื่อรับรู้ว่าคนขาวที่นั่นยอมรับในสิทธิของคนผิวดำในการมีชีวิตอย่างอิสระและไม่เห็นด้วยกับการมีอยู่ของทาส

ชิคเก้น จอร์จโชคดีกว่าคุนต้าคินเต้ผู้เป็นตา เพราะเขาหนีรอด และสามารถจับจองที่ดินผืนงามเป็นของตนเอง ก่อนจะกลับมารับแม่ ลูกชาย และหลานๆ ของเขาออกมาจากฟาร์มทาสได้เป็นผลสำเร็จ พร้อมกับทิ้งรอยแค้นให้กับคนขาวที่เคยย่ำยีพวกเขาไว้อย่างสาสม

อเล็กซ์ ฮาเลย์ ผู้เขียนนวนิยายเรื่องนี้ เป็นผู้เขียนบทโทรทัศน์มินิซีรี่ส์เรื่องนี้ด้วยตัวเอง เขาคือทายาทที่สืบสายเลือดมาจากคุนเต้คินเต้นับลงมาได้ 7 รุ่น แต่ฮาเลย์จบเรื่องราวภาคแรกของบรรพบุรุษเขาไว้ที่ 3 ชั่วอายุคน ก่อนจะเริ่มภาคสอง ที่ถ่ายทอดความเปลี่ยนแปลงของสังคมอเมริกันในยุคที่มีการปะทะขัดแย้งทางความคิดระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้รุนแรงยิ่งขึ้น โดยมีครอบครัวอดีตทาสผิวดำตกอยู่ในกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงนั้น

ความน่าสนใจของ Roots อยู่ที่เรื่องราวเนื้อหาที่เข้มข้นและสร้างพลังใจอย่างสูง การค้นคว้าสืบสาวหาข้อเท็จจริงย้อนกลับไปหาต้นตอบรรพบุรุษของอเล็กซ์ ฮาเลย์ ด้วยการเริ่มต้นจากภาษาแอฟริกัน 2-3 คำของคุนต้าคินเต้ที่เล่าตกทอดกันมาสู่รุ่นต่อรุ่น ทำให้เรื่องที่นำเสนออกมาทั้งชวนติดตามและน่าทึ่ง

น่าทึ่งไปกับความพยายามของผู้เขียนที่ดั้นด้นค้นหาข้อมูลเพียงเพื่อหาคำตอบที่ดูเหมือนง่ายแสนง่ายว่า “ฉันคือใคร?”

แม้ข้อเท็จจริงที่พบจะโหดร้ายรวดร้าว แต่ก็เพราะความเจ็บปวดมิใช่หรือที่ทำให้มนุษย์รู้จักตัวเอง และเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไม่สิ้นหวังและไม่ไร้ประโยชน์

ผมยังจำภาพและเสียงในตอนจบของ Roots ภาคแรกได้ดี เพลงประกอบที่ส่งอารมณ์ให้ขึ้นถึงขีดสุด โน้มนำให้ตระหนักถึงคุณค่าของอิสรภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเชื้อชาติใด ผิวสีอะไร

จำได้ถึงอารมณ์อิ่มเอมถึงที่สุดจากคำพูดยาวเหยียดของชิคเก้น จอร์จ ทาสผู้ซึ่งกลายเป็นคนอิสระ และบัดนี้เป็นเจ้าของผืนดินของตัวเอง

เมื่อนึกถึงหนังเก่าก็มักย้อนกลับมามองปัจจุบัน ผมเคยอ่านเคยฟังนักสังเกตการณ์ทางสังคมจำนวนหนึ่ง บอกว่าเด็กรุ่นใหม่ในสังคมไทยกำลังป่วยไข้ ไร้สิ่งยึดเหนี่ยว หาตัวเองไม่เจอ และต้องการเป็นใครสักคน (somebody) เพื่อให้สังคมยอมรับ ...ไม่ว่าจะด้วยวิธีการเช่นไร

แน่นอน – คงไม่ได้หมายความตีขลุมเด็กไปทั้งเจเนอเรชั่น แต่คงไม่ยากที่จะยอมรับว่าเด็กไทยวัยใสจำนวนไม่น้อยกำลังตกอยู่ในวังวนอาการเยี่ยงนี้

มันเป็นอย่างนี้มาทุกยุคทุกสมัยในแทบทุกสังคม ก็ดูอย่าง “คิซซี่” กับ “ชิคเก้น จอร์จ” ในวัยสาวหนุ่มเป็นตัวอย่างนั่นปะไร

แต่ใช่ว่ามันต้องเป็นเช่นนี้เสมอไป

การเข้าใจตัวตนของตัวเองจะนำมาสู่การค้นพบคำตอบที่สำคัญที่สุด คือเราจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร? และควรทำอะไรให้ชีวิตมีคุณค่ามีความหมาย?

สำหรับผมนั้นรู้สึกว่าตัวเองเป็น “คนกลางเก่ากลางใหม่” เพราะจะให้ความคิดจิตใจหนักแน่นเหมือนคนรุ่นเก่าที่ผ่านร้อนหนาวมามากก็ไม่ใช่ แต่ก็ไม่ได้หน่อมแน้มและไม่เคยกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะเป็นใครสักคนเพื่อให้สังคมยอมรับอย่างที่คนรุ่นใหม่ (บางคน) กำลังเป็น

ยกเว้นอยากเป็นไอ้มดแดงในสมัยยังเด็ก

แต่ถ้าหากอาการของคนหนุ่มสาวร่วมสมัยเป็นไปอย่างที่นักสังเกตการณ์สังคมว่าเอาไว้จริง มันก็น่าสงสัยว่าการพยายามเป็นคนอื่นนั้นจะทำให้พวกเขาเรียนลัดไปสู่การเข้าใจตนเองในที่สุดได้อย่างไร

เพราะผมเชื่อว่าคนเราไม่อาจค้นพบศักยภาพภายในที่สะท้อนตัวตนได้ ถ้าหากคนๆ นั้นไม่รู้จักและไม่เข้าใจรากเหง้าที่มาของตัวเอง

การแสวงหา “ตัวตน” ด้วยการพยายามเป็นใครสักคนของสังคม จึงเป็นเพียงการลอกคราบตัวตนปลอมๆ อันหนึ่ง ไปสู่ตัวตนปลอมๆ อีกอันหนึ่งเท่านั้นเอง

มันห่างไกลลิบลับกับการค้นพบคำตอบของคำถามว่า “ฉันคือใคร?”

ไม่ว่าจะชอบพันธมิตรฯ หรือรักทักษิณ แต่ถ้าน้องๆ รุ่นใหม่วัยใสเพียรสร้างตัวตนจากความพยายามเป็น “คนอื่น” ผมคิดว่าอิสรภาพของคนรุ่นใหม่ คงมีเนื้อหาและนิยามที่แปลกแปร่งไปจากอิสรภาพของคุนต้าคินเต้ คิซซี่ หรือชิคเก้นจอร์จมากทีเดียว

เพราะอิสรภาพจากการใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดพร้อมสารพัดโปรโมชั่นที่โฆษณากรอกหูให้วัยรุ่นเม้าท์แตกกันมากๆ นั้น เป็นคนละเรื่องกับอิสรภาพจากการค้นพบตัวตนที่แท้

จาก https://sites.google.com/site/daroonkku/video/roots

" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
รู้จัก "คุนต้า คินเต้" และ "ROOTS" หนังดังในอดีต

<a href="https://www.youtube.com/v/ByhFz5e5Tno" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/ByhFz5e5Tno</a>


   ROOTS เป็นภาพยนตร์ที่ออกอากาศทางทีวีในอเมริกาช่อง ABC เมื่อ 23-30 มกราคม 1977 (พ.ศ.2520) ที่ประเทศไทยก็น่าจะฉายปี 2520 โดยช่อง 3 ให้ชื่อเรื่องภาษาไทยสั้นๆ คือ “ทาส”

   ในยุคนั้น คนไทยติดละครจักรๆ วงศ์ๆ กันงอมแงม เช่น อุทัยเทวี, ฝนสามฤดู พระรถเมรี, ขุนแผนผจญภัย ฯลฯ นานๆ จะมีภาพยนตร์ชุดจากต่างประเทศดีๆ เข้ามาบ้าง เช่นเรื่อง "ยูโด" (พระเอกชื่อซันชิโร่ คนละเรื่องกับยูโดสายดำที่พระเอกชื่อเนาย่านะ)
   "ทาส" ก็เป็นภาพยนตร์ชุดอีกเรื่องหนึ่งที่กลายเป็นเรื่องที่โด่งดังสนั่นที่สุดในยุคนั้น ก่อนเข้าสู่ยุครุ่งโรจน์ของภาพยนตร์จีนกำลังภายใน

   ตอนนั้นชาวบ้านร้านตลาด ล้วนพูดถึงแต่ คุนต้า คินเต้ ทาสทรนง จากเรื่อง "ทาส (ROOTS)" ช่อง 3 ก็โปรโมทจนฮิตติดปาก รวมทั้งการดำเนินเรื่องที่น่าติดตาม การแสดงที่เข้าถึงจิตวิญญาณ และเป็นเรื่องที่ไม่ยาวเยิ่นเย้อ ทำให้เรื่องนี้เป็นที่กล่าวขวัญไม่น้อยไปกว่า "คู่กรรม" ยุคพี่เบิร์ดกับน้องกวาง



   ROOTS สร้างจากนวนิยายของ Alex Haley ทายาทที่สืบเชื้อสายมาจากคุนต้า คินเต้นับลงมาได้ 7 รุ่น เขาได้ศึกษาค้นคว้าย้อนหลังหาบรรพบุรุษที่แท้จริงของเขา จนพบว่าบรรพบุรุษมาจากทวีปแอฟริกาที่ถูกพวกฝรั่งผิวขาวจับตัวมาเป็นทาสในอเมริกาตอนใต้ เขาเกิดความสนใจมากจากนั้นจึงเริ่มแต่งเรื่องเป็นนวนิยาย โดยให้บรรพบุรุษคือคุนต้าคินเต้เป็นตัวเอกและดำเนินเรื่อง

   เรื่องย่อๆ ก็คือ
   ในปี ค.ศ.1750 ที่แกมเบีย ทวีปแอฟริกา Binta Kebba ได้คลอดทารกเป็นบุตรชาย Omoro นักรบเผ่า Mandinta ผู้กลายเป็นพ่อดีใจมาก เขาอุ้มทารกแล้วชูขึ้นเหนือศรีษะ ตั้งชื่อลูกว่า "Kunta Kinte"

   เมื่อคุนต้า คินเต้โตเป็นหนุ่มอายุ 17 ปีก็ได้เป็นนักรบของเผ่า ชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่านี้อยู่อย่างมีความสุขสงบร่มเย็น แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งคุนต้า คินเต้ต้องเผชิญหน้ากับพวกฝรั่งผิวขาวซึ่งกำลังล่าคนผิวดำมาเป็นทาสที่ชายฝั่งทะเล คุนต้า คินเต้ถูกจับขึ้นเรือ ในที่สุดเขาต้องพลัดพรากครอบครัวตั้งแต่บัดนั้น หมดโอกาสที่จะพบกันอีกตลอดชีวิต

   ในเรือนั้นมีคนผิวดำรวมทั้งคุนต้า คินเต้ถูกจับเข้ากรงรวม 140 คนพวกเขาต้องอยู่อย่างทนทุกข์ทรมาน ความลำบากยากแค้นที่ต้องนอนแออัดร่วมกันในใต้ท้องเรือ ความอดอยากและเจ็บไข้ได้ป่วย รวมถึงเกิดมีจลาจลจึงนำไปสู่ความตาย



เมื่อเรือไปถึงรัฐแมรี่แลนด์ อเมริกาตอนใต้ คนผิวดำเหลือรอดชีวิต 98 คน พวกผิวขาวนักล่าค้ามนุษย์ได้นำคนผิวดำเอาไปขายให้กับคนผิวขาวกลุ่มหนึ่งโดยการประมูลค่าตัว คนผิวขาวกลุ่มนี้ต้องการคนผิวดำเพื่อเอาไปเป็นทาส เอาผู้หญิงเอาไปทำงานในบ้าน และอาจจะถูกบำเรอกามด้วย ส่วนทาสชายเอาไปทำไร่ทำสวนและงานหนักๆ ทุกอย่างที่เจ้านายสั่งให้ทำ

   ชาวเวอร์จีเนียคนหนึ่งประมูลได้คุนต้า คินเต้ แต่คุนต้า คินเต้ไม่ยอมคน ไม่เชื่อฟังคำสั่ง เขาต้องการอิสรภาพ จึงได้หลบหนีหลายครั้งหลายคราแต่ถูกจับได้ทุกครั้ง



เจ้านายตั้งชื่อให้เขาว่า “ Toby ”แต่คุนต้า คินเต้ยืนยันใช้ชื่อเดิม เขาจึงถูกหัวหน้าควบคุมทาสสั่งเฆี่ยนตีด้วยแส้จนแผ่นหลังแตกเป็นรอยแผลลึกเลือดไหลไม่หยุด หัวหน้าควบคุมทาสถามหลายครั้งและครั้งสุดท้ายถามอีกว่า “ แกชื่ออะไร ” คุนต้า คินเต้มิอาจทนความเจ็บปวดได้อีกต้องยอมรับสภาพตอบไปว่า “ โทบี้ ”อย่างไรก็ตามคุนต้า คินเต้ก็ยังหลบหนีอีก จนเจ้านายหมดความอดทน เมื่อจับตัวได้ก็ถูกตัดเท้าออกครึ่งหนึ่ง กลายเป็นคนพิการตลอดชีวิต



เวลาล่วงผ่านไป คุนต้า คินเต้ก็มีลูกสาวชื่อ คิซซี่ เขาถ่ายทอดให้เธอรับรู้ว่าอิสรภาพคืออะไรแต่ดูเหมือนว่าคิซซี่จะพอใจกับชีวิตความเป็นอยู่ เธอไม่รู้ถึงความแตกต่างระหว่างอิสรภาพกับทาส แล้วในที่สุดเธอก็รู้ซึ้งแล้วว่าสิ่งที่พ่อได้สอนไว้นั้นมีคุณค่ายิ่ง เมื่อคืนหนึ่งเจ้านายได้กระทำการข่มขืนเธอ นับแต่นั้นมาเธอจึงเกลียดจึงชังคนผิวขาวและโหยหาแต่อิสรภาพ

   คิซซี่คลอดบุตรชายที่เกิดจากการข่มขืนของเจ้านายชื่อ “ ชิคเก้น จอร์จ ” และพยายามถ่ายทอดวิญญาณรักอิสรภาพให้แก่ลูกชายซึ่งมีนิสัยสนุกสนานเฮฮาไปวันๆและเป็นนักชนไก่ฝีมือดีได้รับคำชมจากเจ้านายให้เป็นผู้เลี้ยงไก่อย่างเดียว

   จอร์จก็เช่นเดียวกับผู้เป็นแม่ตอนยังเป็นสาวแรกรุ่น ไม่รู้ถึงความแตกต่างระหว่างอิสรภาพกับทาส จนในที่สุดวันหนึ่งจอร์จแพ้พนันชนไก่ทำให้เจ้านายเสียการพนันไปเยอะ คำชมแต่เดิมที่นายผิวขาวยกยอสรรเสริญว่าจอร์จเก่งกาจ มาบัดนี้เขารู้แล้วว่าเป็นแค่คำชมเสแสร้งขอไปที พอถึงคราวแพ้เจ้านายไม่สนใจใยดี เขาถูกเหยียดหยามลงไปต่ำเท่ากับทาสคนอื่นๆ และยิ่งร้ายไปกว่านั้นนอกจากเลี้ยงไก่เก่ง เขาทำอย่างอื่นไม่เป็นเลย



  จอร์จจึงเริ่มคิดถึงคำสั่งสอนของแม่ถึงคำว่า “ อิสรภาพ ” ต่อมาจอร์จทราบว่าพวกฝรั่งทางตอนเหนือยอมรับสิทธิของคนผิวดำในการมีชีวิตอย่างอิสระและไม่เห็นด้วยกับการมีทาส เขาจึงหลบหนีไปทางเหนือ เขาโชคดีกว่าคุนต้า คินเต้ผู้เป็นปู่เพราะเขาหนีรอดพ้นเอื้อมมือพวกฝรั่งตอนใต้ได้ เมื่อไปถึงทางเหนือจอร์จถึงกับดีใจ ซาบซึ้งใจ ที่นี่คนผิวขาวกับคนผิวดำมีความเท่าเทียมกันหมด ไม่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะเหมือนอย่างทางตอนใต้ เขาสามารถจับจองที่ดินผืนหนึ่งเป็นของตัวเอง ต่อมาเขากลับมารับแม่ ลูกชายและหลานๆออกมาจากฟาร์มทาสได้เป็นผลสำเร็จ พร้อมกับทิ้งรอยแค้นให้กับคนผิวขาวที่เคยย่ำยีเหยียดหยามเขาไว้อย่างสาสม



ภาพยนตร์ซีรีส์นี้นำแสดงโดย
   Levar Burton - Kunta kinte (as a boy)
   John Amos - Kunta kinte (Toby:adult)
   Cicely Tyson - Binta
   Thalmus Rasula - Omoro
   Maya angelou - Nya Boto
   O.J.Simpson - Kadi Touray
   Louis Gossett Jr. - Fiddler

   กำกับภาพยนตร์โดย Marvin J.Chomsky, John Erman

   ข้อมูล http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aooa&month=07-2008&date=15&group=36&gblog=18
   http://en.wikipedia.org/wiki/Roots_(TV_miniseries)

   

   หนังสือที่เคยแปลเป็นภาษาไทย
   พิมพ์ครั้งแรก สิงหาคม 2521 โดยสํานักพิมพ์การเวก
   ปกอ่อนกระดาษธรรมดา จํานวนหน้า 681 หน้า   

   ***********************

   อ่านบทความต่อเนื่องได้ที่มาของบทความ

   http://www.oknation.net/blog/print.php?id=345803


ยังหาหนังชุดเต็มไม่ได้ ดูอย่าง บางช่วง บางตอน ก็ คงจับเนื้อหาสาระ อะไรได้ ถึงความเป็นคนที่ไม่เท่ากัน

Roots - Transcendance Music

<a href="https://www.youtube.com/v/Zfp-KOlx6Ao" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/Zfp-KOlx6Ao</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/wRKOIphnHXk" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/wRKOIphnHXk</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/2oyu4m8gCog" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/2oyu4m8gCog</a>

จาก http://muslimchiangmai.net/index.php?topic=8602.0

" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...