ผู้เขียน หัวข้อ: พุทธธรรมกับการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องดีงาม  (อ่าน 907 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ 時々होशདང一རພຊຍ๛

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1011
  • พลังกัลยาณมิตร 1119
  • แสงทองส่องฟ้าคือชีวิต
    • ดูรายละเอียด





ฟังธรรมไปด้วยกันน่ะครับ :yoyo061:



เคยมานั่งเขียนบทความตรงห้อง Blog ทุกวันมันเหนื่อยเหมือนกันน่ะแต่ไม่เป็นไรขอให้ทำประโยชน์ได้มากน้อยก็อีกเรื่องหนึ่งค่อย ๆ ว่ากันไปทีละเล็ก - ละน้อย หัวข้อธรรมประจำวันผู้ใดสำคัญตนว่าเราเสมอเขา เราดีกว่าเขา เราเลวกว่าเขา ผู้นั้นจะต้องทะเลาะกับเขา สโม วิเสสี อุทวา นิหีโน โย มญฺญติ โส วิวเทถ  เตน(สมิทธิสูตร ๑๕/๑๖)บทความที่นำมาให้อ่านกัน อ้างอิงจากพระไตรปิฎกและพระผู้ปฏิบัติ - ปฏิบัติ ชอบ พระสุปฎิปันโณซึ่งเป็นที่เคารพนับถือเป็นครูบาอาจารย์ทั้งนั้นบทความก็มีสั้นบ้าง - ยาวบ้างแล้วแต่จะหามาได้ทันท่วงที ส่วนรูปภาพก็ถ่ายมาเอง

時々๛༢༠༡༦ कभी कभी 一 :yoyo004:

การเคารพและให้ความสำคัญกับบุคคลแต่ละคนนี่เป็นมนุษยนิยมที่เราปฏิบัติอยู่คำพูดสะท้อนความคิดในใจนี่เป็นเวลาที่ควรเข้าร่วมสนทนากับคนจำนวนมากเท่าที่เราสามารถทำได้อย่างเต็มไปด้วยความหวังและความมั่นใจที่เรามีในการปฏิบัตินี้ เพื่อช่วยให้ผู้อื่นมีความเข้าใจและเชื่อสัมพันธ์กับ{พุทธธรรม}ครอบครัวสามัคคีกลมเกลียว คือเป็นครอบครัวที่เปิดสู่โลก สร้างประโยชน์แก่สังคม

ทีนี้ทางจิต ดูทางจิต จิตของคนก็ยิ่งวิกฤตยิ่งขึ้นเพราะความก้าวหน้าที่เรียกว่าความเจริญนั่นแหล่ะ มันต้องการมากกว่าเดิม แล้วก็เกินขอบเขต เกินพอดีมันก็เป็นเหตุให้วิกฤตยิ่งในโลกนี้ มันสร้างกันขึ้นมาแต่สิ่งยั่วยวน ให้ต้องการให้หลงรัก จิตมันก็เริ่มวิกฤตและยิ่งวิกฤตยิ่งๆขึ้นไปอีก แม้แต่จิตของมนุษย์ที่คิดมากไปกว่าเดิม คิดจะมีอะไรใหม่ๆมากไปกว่าเดิม มันก็วิกฤต แล้วมันก็คิดทำขึ้นมา ทำให้จิตใจของผู้อื่นพลอยวิกฤต พลอยหลงใหลพลอยอยากได้ ที่ความเจริญมันอยู่ที่ตรงนี้คือของใหม่ ๆ ออกมา ที่ให้ความสนุกสนานเอร็ดอร่อยทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้นทางกาย มันยิ่งกว่าเดิมมันก็ยิ่งชวนกันวิกฤตไปทั้งหมด มนุษย์ก็เลยมีจิตที่วิปริต

อย่าด่วนผลีผลาม ว่าสอนตามความ
ที่เกิดที่เป็น ไม่เห็นมีผล
ซ้ำโกรธเกลียดกัน เป็นติดตามมา

กลายเป็นก่อเวร ก่อกรรมต่อไป
เมื่อจำต้องพบ ผู้คนมากมาก
ต้องเรียนต้องรู้ ทำจิตทำใจ
ให้ใจกว้างกว้าง หนักแน่นอดทน

ดุจดั่งขุนเขา ไม่หวั่นไม่ไหว
ไปตามลมปาก ควรฝึกฝนจิต
จึงจักมีผล ขอจงแก้ไข

ปรับปรุงตนเอง ให้จิตแข็งแกร่ง
ยิ่ง ยิ่งขึ้นไป ยิ่ง ยิ่งขึ้นไป
เราขออวยชัย เราขออวยชัย
....โอวาทของท่าน ลื่อโจ๊ว เซียงซือ

ก็รู้แล้วว่าพระในบ้านนั้นคือใคร ยังเหลืออีกเพียงขั้นตอนเดียวเท่านั้น คือ ทำอย่างไรจึงจะทำให้พระในบ้านมีความสุขความสบายใจได้บ้าง ให้ท่านได้มีโอกาสชื่นชมยินดีในความสำเร็จของลูกหลานทันเวลาก่อนที่จะลาโลกไป และให้ท่านได้มีโอกาสพักบ้าง หลังจากได้ตรากตรำทำงานหาเลี้ยงลูกมาจนถึงวัยปูนแก่แล้ว คือ ช่วยยืดอายุให้ท่านอยู่กับเรานาน ๆ นั่นแหละ โอกาสที่จะทำได้อย่างว่านั้น สำหรับลูก ๆ แล้วมีตลอดไป และมีมากเสียด้วย เว้นไว้แต่จะไม่ยอมมอบโอกาสเช่นนี้ให้พ่อแม่บ้างเท่านั้น เพราะปกติเรามักจะอ้างกันอยู่เสมอว่าไม่มีเวลาไม่มีโอกาสโดยเฉพาะสำหรับพ่อแม่ แต่สำหรับกิจการอื่น ๆ หรือการแสวงหาความ

สุข การใช้เวลา การใช้เงินใช้ทองไปบำรุงบำเรอผู้อื่นนั้น เราช่างมีเวลาโอกาสเหลือเฟือพอที่จะทำได้เสมอๆ โดยมิพักต้องกังวลหรือคิดหน้าคิดหลังเสียด้วยซ้ำไป การบำรุงท่านเป็นวิธีการเดียวที่ถูกต้องและสมน้ำสมเนื้อกับคุณข้าวป้อนน้ำนมรวมทั้งหยาดเหงื่อแรงงานที่ท่านได้ลงไว้กับเรา เพื่อให้เราดีจนกระทั่งเรามีหลักฐาน มีงานทำอยู่ทุกวันนี้ ตามหลักธรรมะหรือจะพูดให้ชัดคือหลักธรรมตามสัจธรรมอันเป็นเรื่องจริง และเป็นธรรมชาติธรรมดาของโลก การบำรุง พ่อแม่เพื่อตอบแทนพระคุณท่านั้นเราอาจทำได้หลายวิธี เป็นต้นว่า การเลี้ยงดูท่าน การช่วยเหลือท่านทำกิจการงานต่าง ๆ บรรดามีการประพฤติตนให้ดี มิให้ท่านมีมลทินเสียชื่อเสียงไปด้วย การดำรงอยู่ในโอวาสคำตักเตือนแนะนำของท่าน การรักษามรดก ทั้งมรดกที่เป็นเลือดเนื้อคือตัวเราเอง และมรดก คือทรัพย์สินที่ท่านมอบไว้ให้ด้วยดี ไม่ให้มรดกนั้นมลายสูญไปเพราะตัวเรา และใช้มรกดกของท่านให้

เกิดดอกออกผลงอกเงยขึ้นมาให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปกว่านั้น การบำรุงพ่อแม่นั้น เราอาจทำได้ทุกเวลาและทุกโอกาสและทุกวัย เพราะไม่ยากจนเกินไปหากจะทำ แม้ว่าเราจะมีครอบครัวไปแล้ว แม้ว่าเราจะแยกกันอยู่ต่างหากจากพ่อแม่หรือไปอยู่ห่างไกลในหนใดก็แล้วแต่ ก็ยังพอทำได้เช่นกัน อย่าได้นึกเลยว่าอยู่ไกล คิดว่าท่านล้มหายตายจากไปแล้ว จะไปบำรุงท่านที่ไหน การบำรุงพ่อแม่ไม่ใช่เพียงต้องเลี้ยงดูท่านอย่างเดียว เราอยู่ที่ไหรท่านก็ไปอยู่กับเราที่นั่น เราขึ้นเขาลงห้วย เราไปอยู่ในสมาคมคนดีหรือคนเลวท่านก็ไปกับเราด้วยก็ตัวเรานี่แหละที่เป็นเสมือนตัวท่านเป็นตัวแทนของท่านและเป็นส่วนหนึ่งที่แยกภาคมาจากท่าน เพราะตัวเราคือเลือดเนื้อเชื้อไข

จากสายโลหิตของท่าน แต่การบำรุงพระในบ้านที่สำคัญเป็นอันดับแรกที่เราควรทำเป็นอย่างยิ่งก็คือการเลี้ยงดูท่านให้เป็นสุข เพราะการเลี้ยงดูเป็นการต่อเติมชีวิตของท่านให้อยู่นาน ๆเท่ากับเป็นการเพิ่มเติมพลังกายพลังใจให้ท่านนั่นเอง และเป็นการสนองระคุณท่านในขณะที่ท่านยังมีลมหายใจอยู่ ทั้งเป็นการแสดงน้ำใจของเราให้ท่านเห็นด้วย คนเราจะรู้ว่าใครดีไม่ดีก็ต่อเมื่อได้เห็นน้ำใจกันก่อนน้ำใจย่อมมีค่าสูงและ มีพลังมากกว่าน้ำใด ๆ ในโลก พระในบ้านปรารถนาเหลือเกินจะได้เห็นน้ำใจจากลูก ๆ ที่ท่านอุตส่าห์เลี้ยงดูอุ้มชูมาแต่น้อยคุ้มใหญ่ แต่ความปรารถนาของพ่อแม่จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับน้ำใจของเราผู้เป็นลูกเท่านั้น


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 25, 2021, 07:33:17 pm โดย 時々होशདང一རພຊຍ๛ »
ชิเน กทริยํ ทาเนน