ผู้เขียน หัวข้อ: ก้าวให้พ้นกรอบ ‘ฝน ธนสุนธร’  (อ่าน 1078 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
ก้าวให้พ้นกรอบ ‘ฝน ธนสุนธร’
« เมื่อ: กันยายน 02, 2016, 05:11:05 am »


ก้าวให้พ้นกรอบ ‘ฝน ธนสุนธร’

 ชีวิตของเด็กสาวตัวเล็ก ๆ จากจังหวัดอุดรธานีเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อตัดสินใจก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงราวยี่สิบปีก่อน สิ่งนั้นทำให้เธอพิสูจน์ตัวเองผ่านผลงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักร้องลูกทุ่ง นักร้องลูกกรุง นางเอกละคร กรรมการตัดสินประกวดร้องเพลง และล่าสุดกับบทบาทที่เธอได้รับคือการเป็นพิธีกรช่วงสนทนาของการรายการ ‘ตีสิบเดย์’ คู่กับวิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ ออกอากาศทุกวันบ่ายเสาร์ ทุกสิ่งที่เธอทำล้วนประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ จากเด็กสาวต่างจังหวัดมาเป็นนักร้องลูกทุ่งชื่อก้อง พิธีกรชื่อดังมากความสามารถ น่าสนใจว่า ทำไม ‘ฝน ธนสุนธร’ ผู้หญิงเสียงหวานคนนี้ กล้าที่จะก้าวออกมาทำอะไรใหม่ ๆ ลบขีดจำกัดที่เธอมีได้ขนาดนี้ ติดตามมุมมองความคิดของเธอได้ในบรรทัดถัดไป



หลายคนอาจไม่รู้ว่า ‘ฝน ธนสุนธร’ เคยเป็น ‘มิสโอเล่’ มาก่อน ตอนนั้นทำไมถึงไปประกวด

ฝน ธนสุนธร :    ทุกอย่างเป็นความบังเอิญจริง ๆ ค่ะ วันนั้นฝนนั่งอยู่ที่แคร่หน้าบ้านที่อุดรฯ ก็มีหนังสือพิมพ์ปลิวมาตกตรงหน้า ในนั้นก็มีโฆษณาประกวดมิสทีนโอเล่ชิงทุนการศึกษา ฝนเห็นว่ายังไม่หมดเขต ก็เลยเขียนจดหมายแนะนำตัวไปสมัคร จริง ๆ คืออยากได้เงิน เพราะบ้านของฝนค่อนข้างยากจน หลายเดือนผ่านไปเขาก็ติดต่อมาให้ฝนไปสัมภาษณ์ที่กรุงเทพฯ ตอนแรกคุณปู่ไม่ยอมให้ไป เพราะฝนอายุแค่ 14 ยังเรียนอยู่ชั้น ม. 2 เอง ส่วนคุณอาที่จะพาไปอายุ 19 และไม่เคยเข้ากรุงเทพฯ ทั้งคู่ แต่ฝนเข้าใจว่าตัวเองติด 1 ใน 5 แน่ ๆ ก็เลยขอคุณปู่ไป ปรากฏว่ามาเจอคนเข้าประกวดทั้งหมด 105 คนรอสัมภาษณ์อยู่เหมือนกัน แต่ในที่สุดฝนก็ผ่านเข้ารอบ 20 คน พอถึงรอบ 5 คน เขาก็ให้เดินโชว์ตัวแบบนางงามค่ะ ฝนก็ติด 1 ใน 5 คนสุดท้าย จากนั้นเขาก็ให้คนทางบ้านโหวตตัดสิน ซึ่งฝนก็ได้รับการโหวตนั้น ได้ตำแหน่งมิสทีนโอเล่ และได้เล่นภาพยนตร์โฆษณาของโอเล่ด้วยค่ะ (ยิ้มภูมิใจ)

ฝนร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กเลยใช่ไหม เห็นว่าเคยรับจ้างร้องเพลงด้วย

ฝน ธนสุนธร :    ตอนเด็ก ๆ ฝนเป็นนักร้องของโรงเรียน แล้วก็รับจ้างร้องเพลงตามที่ต่าง ๆ ได้เงินงานละไม่กี่ร้อยก็ไปค่ะ เพื่อเป็นรายได้จุนเจือครอบครัว พอฝนเริ่มมีชื่อเสียงจากการประกวดมิสทีนโอเล่ คนก็ต้องการฝนไปร้องเพลงตามงานต่าง ๆ มากขึ้น ก็เริ่มมีรายได้มากขึ้นค่ะ ฝนโชคดีที่คุณปู่ก็ชอบร้องเพลงและเป็นนักร้องวงรำวงมาก่อน ฝนก็เลยเหมือนกับได้มรดกเรื่องการร้องเพลงมาจากคุณปู่ เพราะคุณพ่อและน้อง ๆ ไม่มีใครร้องเพลงได้เลย

มาออกเทปกับค่ายเคลฟเวอร์เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ (ในเครือชัวร์ออดิโอ้) ได้อย่างไร

ฝน ธนสุนธร :    ผู้ใหญ่ในค่ายเขาไปเจอฝนที่อุดรฯ เขาบอกว่าจะพาฝนไปเทสต์เสียงที่ร้านคาราโอเกะ ฝนก็กลัวว่าเขาจะมาหลอกเลยพาพ่อแม่พี่น้องไปด้วย คิดว่าถ้าถูกหลอก ไม่ได้เป็นนักร้อง ให้ที่บ้านไปกินฟรีก็ยังดี (หัวเราะ) ตอนเทสต์เขาก็ให้ฝนร้องเพลงหลาย ๆ แบบ พอจะเซ็นสัญญา เขาตัดสินใจให้ฝนร้องเพลงแนวป๊อป – สตริง ซึ่งในความเป็นจริงฝนถนัดเพลงลูกทุ่งมากกว่า แต่ตอนนั้นโอกาสมันมา เขาให้ทำอะไรฝนก็ต้องทำ แล้วทั้งชุดแรกและชุดสองก็ไม่ประสบความสำเร็จจริง ๆ มันดังแค่ในระดับหนึ่ง

ท้อไหมที่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

ฝน ธนสุนธร :    ฝนเองคิดว่าอาจจะยังไม่ใช่เวลาของฝน (ยิ้มเศร้า) ตอนนั้นฝนสงสารที่บ้านมาก เพราะพอคุณปู่เสีย ฝนก็เป็นเสมือนหัวหน้าครอบครัว สมัยก่อนเคยรับจ้างร้องเพลงยังได้เงินมาช่วยครอบครัวบ้าง แต่พอเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาออกเทป ฝนไปรับจ้างร้องเพลงอย่างแต่ก่อนไม่ได้ ฝนจึงไม่มีเงินส่งไปให้ที่บ้านเลย เลยนั่งคิดทบทวนตัวเองไปพร้อม ๆ กับคิดถึงคุณปู่ อยู่ ๆ ก็มีความคิดแว้บขึ้นมาว่า ถ้าเรากำลังว่ายน้ำข้ามฝั่ง แล้วเราว่ายมาถึงตรงกลางแม่น้ำ เราเหนื่อยมาก ระหว่างการว่ายน้ำกลับกับอดทนว่ายต่อไปให้ถึงฝั่งข้างหน้า เราจะเลือกอย่างไหน เพราะระยะทางมันก็เท่ากัน ฝนก็เลยตัดสินใจฮึดสู้อีกครั้ง

กลับมาร้องเพลงลูกทุ่งได้อย่างไร

ฝน ธนสุนธร :    ฝนขึ้นไปร้องเพลงของพุ่มพวง ดวงจันทร์ในงานปีใหม่ของค่าย พี่ที่เป็นโปรดิวเซอร์เพลงลูกทุ่งเขาเห็นว่าฝนร้องเพลงลูกทุ่งได้ เลยให้ฝนเปลี่ยนแนวมาร้องเพลงลูกทุ่ง และออกอัลบั้มชุดแรกชื่อ ‘ฮักอ้ายโจงโปง’ ก็เริ่มได้รับความนิยม พอมาออกอัลบั้มชุดที่ 2 คือ ‘ใจอ่อน’ ได้รับการพูดถึงมากขึ้นไปอีก ตอนนั้น ฝนรู้สึกว่าคนฟังเขาทึ่งกับฝนพอสมควรนะคะ ที่ฝนร้องเพลงสตริงได้ แล้วก็ร้องเพลงลูกทุ่งได้ดีด้วย หลายคนไม่รู้ว่าฝนร้องเพลงลูกทุ่งมาตั้งแต่แรกแล้ว อีกอย่างฝนว่า เพลงลูกทุ่งไม่ได้ร้องง่าย ๆ นะคะ ค่อนข้างจะยากด้วยซ้ำ แต่การที่ฝนได้ร้องเพลงสตริงมาก่อนก็ดีค่ะ ถือเป็นส่วนช่วยส่งเสริมฝนอีกทางหนึ่ง

รู้สึกยังไงที่หันมาร้องเพลงลูกทุ่ง แล้วได้รับความนิยมอย่างล้นหลามยาวนาน

ฝน ธนสุนธร :    ดีใจค่ะ นึกกลับไปถึงว่าถ้าวันนั้นไม่นั่งคุยกับคุณปู่ ฝนคงจะกลับบ้านแล้ว ดีใจที่ฝนเข้มแข็ง ไม่ท้อ และสู้ต่อ ถ้าวันนั้นถอดใจกลับบ้าน คงไม่มีฝนในวันนี้ ฝนจึงมองว่ากำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการให้กำลังใจตัวเอง เวลาหลาย ๆ คนเจอปัญหา มักจะบั่นทอนตัวเอง ทำร้ายตัวเอง ไม่ค่อยให้กำลังใจตัวเองเท่าไหร่ ทำให้ไม่สามารถก้าวพ้นวิกฤติตรงนั้นมาได้ อุปสรรคที่เกิดขึ้นมันเป็นบททดสอบว่า คุณคู่ควรที่จะไปอยู่ตรงจุดนั้นไหม ถ้าคุณก้าวผ่านมันไปได้ คุณก็จะเจอสิ่งที่ดีกว่าเดิม ฟ้าหลังฝนจะสดใสเสมอค่ะ

ออกอัลบั้มเพลงมาแล้วทั้งหมดกี่ชุด ชุดไหนที่ฝนชอบและประทับใจที่สุด

ฝน ธนสุนธร :    ประมาณยี่สิบกว่าชุดค่ะ ที่ชอบและประทับใจที่สุดก็คงจะเป็นเพลงลูกทุ่งชุดแรก ฝนประทับใจที่แฟน ๆ เขาเปิดใจรับฝนให้เข้าไปนั่งในหัวใจของเขาอีกคนหนึ่ง ส่วนอัลบั้มอื่น ๆ ฝนก็ตั้งใจทำเต็มที่ทุกชุดนะคะ เพียงแต่ชุดแรกเป็นชุดที่ฝนไม่มั่นใจว่า แฟนเพลงจะรับฝนไหม ชุดนี้ถือเป็นก้าวแรกของเส้นทางเพลงลูกทุ่งของฝน

แม้จะทำงานหนัก แต่ฝนก็ไม่เคยทิ้งการเรียน เหตุผลที่ฝนยังคงให้ความสำคัญต่อการศึกษาคืออะไร

ฝน ธนสุนธร :    ที่ฝนไม่ทิ้งการเรียนเป็นเพราะฝนสัญญากับคุณครูสมัยเรียนมัธยมไว้ ตอนได้ตำแหน่งมิสทีนโอเล่ ครูเขาห่วงว่าฝนจะหลงแสงสี ไม่ยอมเรียนหนังสือต่อ คุณครูขอให้ฝนเรียนให้จบ ครูบอกว่าถ้าฝนมีการศึกษา ฝนจะทำอะไรก็ได้ที่ฝนอยากทำ แล้วก็มีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ฝนรู้ว่า การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ ตอนนั้นฝนเรียนจบ ม.6 ใหม่ ๆ ไปสมัครงานที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ฝนก็ทำงานเหมือนกับที่คนอื่น ๆ เขาทำ แต่พอวันเงินเดือนออก ฝนไปเซ็นชื่อรับเงินเดือน เห็นตำแหน่งตัวเองคือ ‘คนงาน’ ฝนอึ้งมาก เป็นเพราะฝนเรียนจบแค่ ม.6 ไง ถึงได้ตำแหน่งเพียงเท่านี้ จุดจุดนี้ทำให้ฝนรู้สึกเลยว่า การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ กับชีวิต จึงตั้งปณิธานกับตัวเองไว้ว่า ฝนต้องเรียนหนังสือให้สูงที่สุด ตอนนี้ฝนก็เรียนจบปริญญาโทเรียบร้อยแล้วค่ะ (ฝนเรียนจบคณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยปทุมธานี) มีคนชวนฝนไปเรียนต่อปริญญาเอกนะคะ รับประกันว่าฝนเรียนจบแน่ แต่ฝนอยากเรียนแบบที่ฝนได้ความรู้จริง ๆ มากกว่า ก็เลยยังไม่ได้ตัดสินใจไปเรียน (ยิ้ม)

สิ่งหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในตัวฝนชัดเจนก็คือการไม่หยุดยั้งในการพัฒนาตัวเอง ฝนมองเรื่องนี้ยังไง

ฝน ธนสุนธร :    ฝนคิดว่า ทุกวันนี้มีคลื่นลูกใหม่มาอยู่เรื่อย ๆ เราจำเป็นต้องพัฒนาตัวเอง ในสมัยหนึ่ง เราเคยมองรุ่นพี่เป็นแรงบันดาลใจ พอเรามาอยู่ในจุดที่เราเป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนอื่นได้ เราก็อยากเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับรุ่นน้องค่ะ การหยุดนิ่งอยู่กับที่ก็เหมือนเราก้าวถอยหลัง เพราะคนอื่นเขาก้าวเดินไปเรื่อย ๆ ฝนก็จะไม่ยอมหยุดพัฒนาตัวเอง จะก้าวไปเรื่อย ๆ เหมือนกันค่ะ มีใครชวนให้ไปทำอะไรก็จะพยายามฉกฉวยโอกาสนั้น เพื่อลองทำสิ่งใหม่ ๆ แต่ฝนก็ไม่เคยคิดที่จะแข่งขันกับใครนะคะ ฝนจะแข่งกับตัวเองมากกว่า



 ฝนได้รับรางวัลชนะเลิศการขับร้องดีเด่นด้านภาษาไทย ประเภทเพลงไทยลูกทุ่ง และรางวัล ‘ผู้ขับร้องเพลงไทยถูกหลักภาษาไทย’ ทำไมฝนถึงให้ความสำคัญกับเรื่องการใช้ภาษาไทย

ฝน ธนสุนธร :    การร้องเพลงลูกทุ่งจำเป็นต้องใช้ภาษาไทยที่ถูกต้อง ทำให้ฝนติดการใช้ภาษาไทยแบบนี้ ฝนภูมิใจมากที่ได้ใช้ภาษาไทย ซึ่งเป็นภาษาประจำชาติไทยที่ชาติอื่น ๆ ไม่มีนะคะ เมื่อก่อนฝนเป็นหนักกว่านี้อีก สมัยเป็นคอมเม้นต์เตเตอร์ ใครออกเสียงภาษาไทยไม่ชัด ฝนจะไม่ให้ผ่านเลย ส่วนภาษาเขียน ฝนรู้สึกเศร้ามาก เวลาเห็นคนเขียนภาษาไทยผิด ๆ ผันเสียงวรรณยุกต์ไม่เป็น ฝนจะพยายามสอนน้อง ๆ เวลาเขามาคอมเม้นต์ในไอจีว่าสิ่งที่ถูกคืออะไร ฝนทนไม่ได้จริง ๆ ที่จะเห็นคนไทยใช้ภาษาไทยกันผิด ๆ แบบนี้

 
มาเป็นพิธีกรรายการตีสิบเดย์ช่วงสนทนาคู่กับคุณวิทวัจน์ได้อย่างไร

ฝน ธนสุนธร :    คุณวิทวัจน์เคยบอกว่าที่เลือกฝนเพราะว่าฝนติงต๊องดี (หัวเราะขำ) เขาชอบที่ฝนคุยสนุก จริง ๆ ฝนเคยไปออกรายการตีสิบกับคุณวิทวัจน์หลายครั้ง พอดีช่วงนี่มีการปรับเปลี่ยนรายการ มาออกอากาศช่วงกลางวันของวันเสาร์ เขาก็อยากมีพิธีกรหญิงมาเสริมในช่วงสนทนา ตอนแรกเขาจะเปลี่ยนพิธีกรหญิงไปเรื่อย ๆ ไม่เจาะจง คุณวิทวัจน์บอกกับทีมงานว่า ในเทปแรกเขาตื่นเต้นมาก เพราะมีการปรับเปลี่ยนหลายอย่าง อยากได้พิธีกรคู่ที่ค่อนข้างคุ้นเคยกัน เลยขอให้ฝนมาเป็นพิธีกรให้ในเทปแรก เป็นการสัมภาษณ์คุณบี้ เดอะสตาร์ จากนั้นก็ทำมาโดยตลอดค่ะ (ยิ้ม) ฝนต้องขอบคุณคุณวิทวัจน์มาก ๆ ที่ให้โอกาสนี้กับฝน ฝนรู้ว่าการเป็นพิธีกรไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คุณวิทวัจน์เป็นคนเก่ง เราอยู่ใกล้คนเก่ง ได้มีโอกาสเรียนรู้ เราก็เลยทำได้ค่ะ (ยิ้ม)



เป็นพิธีกรมาหลายเทป มีเทปไหนอยากเล่าให้ฟังบ้าง

ฝน ธนสุนธร :    แม้ว่าฝนจะไม่เคยเป็นพิธีกรมาก่อน แต่ฝนก็บอกตัวเองในทุกเทปว่า ฝนจะไม่ทำงานแบบเกร็ง ๆ ฝนอยากให้เป็นลักษณะของการพูดคุย จะได้สนุกและดูเป็นธรรมชาติ เทปแรกที่สัมภาษณ์บี้ เดอะสตาร์ เป็นเทปที่ฝนควรตื่นเต้น แต่ฝนก็ตั้งสติรับมือได้ ส่วนอีกเทปก็เป็นการสัมภาษณ์พี่เบิร์ด - ธงไชย แมคอินไตย์ ฝนก็ตื่นเต้นดีใจนะคะ แต่ก็ต้องควบคุมสติไม่ให้ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก พยายามทำให้เป็นการพูดคุยกับพี่ชายที่เราปลื้มคนหนึ่งค่ะ ปรากฏว่าคนอื่นตื่นเต้นกว่าฝนหมดเลย (หัวเราะ) ถามฝนกันใหญ่ว่า ตื่นเต้นไหมที่ได้สัมภาษณ์พี่เบิร์ด พี่เบิร์ดเป็นยังไง (หัวเราะขำ) ฝนดีใจมาก ๆ ค่ะ ที่ครั้งหนึ่งได้สัมภาษณ์ซุปเปอร์สตาร์ของคนไทยทั้งประเทศ ก็เลยพยายามทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ที่สุดค่ะ

ทั้ง ๆ ที่ทำงานในวงการมาหลายปี ฝนไม่เคยมีข่าวไม่ดีเลย มีหลักในการใช้ชีวิตยังไง

ฝน ธนสุนธร :    อาจเป็นเพราะฝนเป็นคนเฉย ๆ ไม่หวือหวา ไม่ชอบเที่ยวเตร่ ทำงานเสร็จก็กลับบ้าน แล้วก็ไม่ค่อยยึดติดกับความเป็นนักร้องเท่าไหร่ อยากไปไหนก็ไป แต่งตัวสบาย ๆ ก็แต่งได้ ไม่ได้เอาสิ่งที่คนเคยให้สมญาว่า ‘เจ้าหญิงแห่งวงการลูกทุ่ง’ มาสวมใส่ไว้ในตัวเอง ฝนรู้ตัวเสมอว่า ฝนเป็นใครมาจากไหน ฝนเป็นลูกแม่ค้า พ่อปั่นสามล้อ ปู่เป็นหมอดู สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ฝนภูมิใจในตัวเองที่ฝนสามารถก้าวขึ้นมาอยู่ในจุดนี้ได้ ก็เลยอาจทำให้ฝนไม่ค่อยมีข่าวเสียหายอะไรเท่าไหร่ค่ะ

ในระยะหลัง เห็นฝนโพสต์ใน IG เกี่ยวกับหลักธรรมะบ่อย ๆ เริ่มศึกษาธรรมะตั้งแต่เมื่อไหร่

ฝน ธนสุนธร :    คุณพ่อพาฝนเข้าวัดมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ แต่สมัยเด็ก ๆ การเข้าวัดของฝนคือการเข้าไปกินขนม (หัวเราะ) แต่พอโตขึ้น เจอปัญหาต่าง ๆ มากมาย ฝนรู้สึกว่าธรรมะคือสิ่งแก้ไขปัญหาของฝน ฝนมองว่า ทุกอย่างที่เป็นปัญหาคือจิตของเราไปปรุงแต่งมันเอง ทำให้เราทุกข์ไปกับมัน เครียดไปกับมัน สุขไปกับมัน ทำให้ฝนรู้สึกว่าสิ่งที่เราปรุงแต่งไปกับมันนั้น ไม่มีประโยชน์กับตัวเราเลย

การศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนาให้อะไรกับชีวิตนักร้องที่หรูหราฟู่ฟ่าบ้าง

ฝน ธนสุนธร :    ให้เยอะค่ะ เพราะฝนใช้ธรรมะเป็นหลักดำเนินชีวิต ฝนศึกษาจนถึงขั้นอยากจะปลีกวิเวกเลยนะคะ ฝนมองว่าเราไม่สามารถควบคุมโลกทั้งโลกได้ เพราะมันเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่เราสามารถควบคุมจิตใจตัวเองได้ จะสุขหรือทุกข์ก็ขึ้นอยู่กับตัวเอง ฝนอยากจะบอกว่า คนที่นับถือศาสนาพุทธแล้วเข้าใจถึงแก่นของพระพุทธศาสนาจริง ๆ มีน้อยมาก คนที่เข้าวัดส่วนมากจะเข้าไปขอพรนั่นนู่นนี่ ซึ่งในความเป็นจริง พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้ขอ แต่สอนให้เราปฏิบัติเพื่อที่จะหลุดพ้นมากกว่า ฝนอยากให้ทุกคนเข้าใจพระพุทธศาสนาที่แท้จริงกันมากกว่าค่ะ อย่างที่คำโบราณบอกว่า คนที่เข้าใจพระพุทธศาสนาที่แท้จริงมีอยู่เท่าเขาสัตว์ ส่วนคนที่ไม่เข้าใจนั้น มีเท่าขนสัตว์ ซึ่งมันต่างกันมากนะคะ เวลาฝนเข้าวัด ฝนจะขอแค่ให้ตัวเองมีสติและปัญญา เวลามีอะไรเข้ามา เราก็จะรับมือได้จากสติและปัญญาที่มี แม้ว่าฝนจะเป็นนักร้อง เป็นดารา ฝนก็พยายามไม่ยึดติดกับสิ่งที่ฝนเป็น พยายามละและปล่อยวางให้ได้อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านสอน พอฝนคิดได้แบบนี้ สิ่งที่ฝนได้รับกลับมาทันทีคือความสบายใจ อย่างปีใหม่ที่ผ่านมา ฝนให้ของขวัญตัวเองคือตั้งใจว่าจะไม่โกรธใครอีกแล้ว เพราะการโกรธคนอื่น เป็นเหมือนการจุดไฟเผาบ้าน ถ้าเราดับเร็วเท่าไหร่ ก็จะไม่มีอะไรเสียหาย แล้วถ้าเราไม่โกรธเลย ก็จะยิ่งดีกับตัวเองมากขึ้น


ได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมบ้างไหม

ฝน ธนสุนธร :    ฝนไม่ได้ไปปฏิบัติธรรมที่ไหนค่ะ แต่จะปฏิบัติที่บ้าน การปฏิบัติธรรมไม่ใช่การนั่งสมาธิ สวดมนต์เท่านั้น ขณะทำงานอยู่ก็ปฏิบัติได้ค่ะ เราสามารถดูจิตดูใจตัวเองได้ว่าตอนนี้เรากำลังหงุดหงิดกับใครหรือเปล่า กำลังหลงใหลได้ปลื้มกับอะไรอยู่หรือเปล่า เวลาที่ใจเราเกิดเป็นอารมณ์รัก โลภ โกรธ หรือหลง ฝนจะพยายามตามดูใจตัวเองค่ะ ฝนจึงมองว่า การปฏิบัติธรรมไม่จำเป็นต้องไปอยู่วัดค่ะ เราทุกคนสามารถปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวัน ฝนฟังคำสอนจากหลวงปู่ชา สุภัทโท ท่านบอกว่า ทุกข์กับสุขเป็นตัวเดียวกัน ความทุกข์เปรียบเสมือนหัวงู ถ้าไปจับโดนเข้า มันก็กัดแน่นอน ส่วนความสุขก็คือหางงู มันไม่กัดหรอก แต่ถ้ากำมันไว้นาน งูมันก็จะเอี้ยวตัวมากัดจนได้ ทางที่ดีคือคุณไม่ต้องกำทั้งทุกข์และสุข แล้วคุณจะอยู่เหนือสุข นั่นคือความสบาย (ยิ้ม)



กว่าจะถึงวันนี้ ฝนเคยเหนื่อยและท้อบ้างไหม เวลาเหนื่อยและท้อ ฝนทำอย่างไร

ฝน ธนสุนธร :    ตอนนี้ฝนไม่ค่อยท้อ ไม่ค่อยเหนื่อยค่ะ เพราะฝนรู้สึกว่ามันเป็นเช่นนั้น มันเป็นเรื่องธรรมดา เวลาทำงานก็ตั้งใจทำงานไป คนไม่มีงานทำมากกว่าเราตั้งเยอะ อย่างเวลาไปทำงานข้างนอกแล้วต้องรอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็มีบ่นว่ารอนานจัง แต่เดี๋ยวนี้ ก็นั่งรอไปเรื่อย ๆ ไม่เป็นไร จนมีคนเคยมาถามว่าฝนไม่เคยโกรธอะไรเลยหรือไง ฝนก็ตอบไปว่า ไม่ใช่ไม่โกรธ เพียงแต่เราไม่ยึดมัน ก็เท่านั้นเอง

นี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ฝนไม่อยากมีแฟนด้วยหรือเปล่า

ฝน ธนสุนธร :    ใช่ค่ะ (ตอบทันที) ฝนมองว่าถ้าฝนไม่มีใคร ฝนก็จะได้ปฏิบัติอย่างแท้จริง ฝนจะได้ไม่ต้องผูกกรรมกับใครต่อ ฝนอาจจะได้ละภพชาติได้เร็วขึ้น ฝนมองในแง่นี้นะคะ แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองนะ ฝนแค่มองว่า ถ้ามีแฟนก็เหมือนเป็นบ่วง ถ้าชาตินี้ไม่มีก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องมีบ่วงไปถึงชาติหน้า แล้วถ้าชาติหน้า เรามีโอกาสเกิดเป็นผู้ชาย ได้มีโอกาสบวชเรียน ก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่



อยากให้กำลังใจคนที่มีเรื่องท้อแท้ในชีวิตอย่างไรบ้าง

ฝน ธนสุนธร :    ง่ายที่สุดคือการไม่ยึดติดค่ะ อย่างถ้าคุณมีปัญหาเรื่องเงิน เงินไม่มีเคยมีอยู่จริงนะคะ ตอนคุณเกิดมา คุณก็ไม่ได้มีมันมาด้วย พอคุณใช้หมดไป มันก็ไม่มีอีก เรื่องสมมติทั้งนั้นค่ะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุต้องเกิด มีคนเคยถามฝนว่า ทำไมคนที่ทำบุญทำทานเยอะ ๆ ถึงตายเร็ว ส่วนคนทำเลว กลับมีงานทำ มีชีวิตที่ดี ไม่เห็นจะทุกข์ตรงไหนเลย อย่างนี้พระพุทธเจ้าก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์จริงสิ ฝนก็ตอบไปว่า พระพุทธเจ้าไม่ใช่ศาลที่จะมาตัดสินใครนะ ไม่มีใครลิขิตชีวิตได้หรอกค่ะ และถ้าคุณมองแบบนี้ แล้วแบกมันเอาไว้ คุณก็จะเป็นคนที่ทุกข์ที่สุดเอง พยายามทำตัวให้ดี ไม่เป็นภาระแก่ใคร ชีวิตที่เดินสายกลางน่าจะดีที่สุดแล้ว

ช่วงนี้มีงานอะไรบ้าง มีงานด้านไหนอยากทำ แต่ยังไม่ได้ทำอีกไหม

ฝน ธนสุนธร :    ตอนนี้ฝนสังกัดกับค่ายมิวสิคดี เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ก็กำลังทำเพลงอยู่ค่ะ เป็นเพลงที่ฝนไม่เคยทำมาก่อนด้วย อดใจรอติดตามนะคะ ส่วนงานร้องเพลงและทัวร์คอนเสิร์ตก็มีอยู่เรื่อย ๆ แล้วก็มีงานละคร 2 เรื่องค่ะ ที่กำลังออนแอร์อยู่คือ ‘เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ’ ออกอากาศทางช่อง 3 ส่วนที่กำลังถ่ายทำอยู่คือเรื่อง ‘ราชินีหมอลำ’ ออกอากาศทางช่องวัน ฝนเป็นพิธีกรรายการประกวดร้องเพลง ‘ศึกวันดวลเพลง’ ด้วยนะคะ ฝนโชคดีที่มีโอกาสทำงานหลายอย่าง ทุกงานช่วยเพิ่มประสบการณ์และนำมาปรับใช้ได้ แม้กระทั่งงานที่ฝนรับเป็นคอมเม้นต์เตเตอร์ ก็ทำให้ฝนได้เห็นการร้องเพลงที่หลากหลาย สิ่งไหนดี ฝนก็นำมาปรับใช้ สิ่งไหนไม่ดี ฝนก็ดูไว้เป็นตัวอย่าง คนเข้าประกวดอาจมองว่าฝนเป็นครูของพวกเขา แต่ฝนกลับมองว่า เขาก็เป็นครูของฝนเหมือนกัน เราต่างเป็นครูซึ่งกันและกันค่ะ (ยิ้ม) ฝนทำงานบันเทิงมาแทบทุกด้านแล้ว คงไม่มีอะไรที่อยากจะทำแล้ว แต่สิ่งที่อยากทำจริง ๆ ในชีวิตคือ อยากจะวาง อยากจะละ แต่การวางหรือการละของฝนก็ต้องไม่ทำใครลำบากหรือเดือดร้อนไปด้วย ฝนเองยังมีภาระอีกหลายอย่าง คงมีสักวันที่ฝนจะได้ละวางจากทุกอย่าง แต่คงไม่ถึงกับไปบวชนะคะ ฝนแค่อยากอยู่แบบพออยู่พอกินอย่างที่ในหลวงท่านสอน ชีวิตฝนน่าจะมีความสุขที่สุดแล้วค่ะ (ยิ้ม)
 
อยากฝากอะไรถึงแฟน ๆ ของฝน ธนสุนธร ที่ติดตามอ่านอยู่บ้าง

ฝน ธนสุนธร :    เรื่องของฝนน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลาย ๆ คนได้ แล้วก็น่าจะมีช่วยทำให้เข้าใจว่า ชีวิตมันไม่มีอะไรแน่นอน อย่าไปยึดติดอะไรเลย ฝนอยากฝากให้คนไทยได้ศึกษาและเข้าใจพระพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้ แล้วเราจะรู้ว่านี่คือมรดกล้ำค่าที่พระพุทธเจ้าท่านชี้แนะแนวทางไว้ให้ ฝนอยากขอบคุณแฟน ๆ ที่ติดตามผลงานมาโดยตลอด ฝนสัญญาว่าจะทำผลงานที่ดีมีคุณภาพออกมาให้ฟังกันอยู่เรื่อย ๆ อยากให้แฟน ๆ ติดตามและเป็นกำลังให้ฝนตลอดไปค่ะ

            ชีวิตของ ‘ฝน ธนสุนทร’ ฝ่าฟันอุปสรรคและความยากลำบากมากมาย กว่าจะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ เรื่องที่เธอถ่ายทอดน่าจะเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจดี ๆ ที่จะช่วยผลักดันให้ทุกคนสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดและกรอบที่ตัวเองวางไว้ เพื่อมุ่งไปถึงเส้นชัยของชีวิตเหมือนที่เธอได้ทำสำเร็จมาแล้ว...

จาก http://www.all-magazine.com/ColumnDetail/allColumDetail/tabid/106/articleType/ArticleView/articleId/5287/--.aspx
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...