ผู้เขียน หัวข้อ: องค์สามของความดี  (อ่าน 6690 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ 時々होशདང一རພຊຍ๛

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1011
  • พลังกัลยาณมิตร 1119
  • แสงทองส่องฟ้าคือชีวิต
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์สามของความดี
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:05:11 am »


ความเห็นที่กล่าวในสมัยผู้นำามีอำานาจก็ยังคงถูกอยู่แต่มิใช่ถูกโดยธรรม ถูกตามความเห็น
ของเขาเท่านั้น ความถูกแบบนี้เป็นความถูกที่กลับกลายได้ เป็นความถูกที่ไม่ถูกแท้จริง
ความเห็นที่มิใช่เป็นความจริงแท้ขั้นเด็ดขาด ซึ่งเรียกว่า อันติมติ แล้วยังมี การกลับกลายได้
เสมอสมัยหนึ่งเขาว่าโลกแบน ดวงตะวันเป็นเทวดาชักรถเทียมม้า ส่องแสงสว่างแก่โลก พวกเดิน
เรือไม่กล้าไปไกล ๆ เพราะกลัวจะตกออกไปนอกโลก แต่ต่อมาเขาเห็นกันใหม่ว่าโลกกลม
โลกเดินรอบตัวเอง และเดินรอบดวงอาทิตย์ อาทิตย์เป็นไฟดวงใหญ่เวลานี้ชาวโลกมีความ
เข้าใจกันเช่นนั้น แต่ความเห็นแบบนี้ก็มิได้ เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์อย่างแท้จริงเป็นความ
เห็นด้านโลกเท่านั้นหาเป็นความเห็นที่ ควรจะเอามาเถียงกันไม่ในฐานะที่เราท่านทั้งหลายเป็นชาวพุทธ
ลองมาศึกษาความเห็นตามหลัก พุทธธรรมเป็นความเห็นที่เที่ยงแท้เป็นความเห็นที่พิสูจน์ได้ด้วยใจของตนได้ เป็น ความจริงที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ถึงแม้สิ่งทั้งหลายในโลกเปลี่ยนไป ความจริงหาได้ เปลี่ยนไปไม่ ก่อนที่เราจะเข้าถึงความเห็นที่ถูกต้อง - จริง - แท้ของพระพุทธองค์เราลองมาพิจารณาถึงความเห็นของ
คนในยุคของพระพุทธองค์กันสักเล็กน้อย คนในยุคก่อน แต่พระพุทธเจ้าบังเกิดเล็กน้อย
หรือนานไปมาก จนกระทั่งถึงเวลาพระพุทธเจ้าแล้ว เขามีความคิดเห็นแตกต่างกันเป็นอย่าง
มากทีเดียว ในเรื่องเกี่ยวกับการเกิด การตาย การได้รับความทุกข์สุข ตลอดถึงเรื่องโลกที่เขา
อาศัยอยู่นี้ด้วย.....................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 21, 2010, 12:39:17 am โดย กัลยา »
ชิเน กทริยํ ทาเนน


ออฟไลน์ 時々होशདང一རພຊຍ๛

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1011
  • พลังกัลยาณมิตร 1119
  • แสงทองส่องฟ้าคือชีวิต
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์สามของความดี
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:06:24 am »


เขามีความเชื่อแปลก ๆ ตามความคิดเห็นของเขา และปฏิบัติตามความคิดเห็น
ของเขาประการต้นในเรื่องเกี่ยวกับโลกและชีวิตเขาถือว่าโลกนี้มีผู้สร้างผู้รักษา ผู้สร้างเป็นใหญ่กว่า
อะไรทั้งหมด ตัวผู้สร้างเองเป็นผู้เกิดมาเอง เกิดจากความสิ่งว่างเปล่าเป็นตัวขึ้นแล้วสร้าง
อะไรต่ออะไร ให้ยุ่งไปหมด บางพวกถือผู้สร้างองค์เดียว บางพวกถือหลายองค์ ความเห็นก็
แตกแยกออกไป เลยเป็นเหตุให้ทะเลาะกันยุ่งไปหมด
เพราะความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องความสุข - ทุกข์ บางพวกว่าสุขทุกข์เกิดจากภายนอกเช่น
เทวดาดลให้เป็นไป ถ้าเทวดาโกรธก็ทำาให้เป็นทุกข์ ถ้าเทวดาพอใจก็ช่วยให้เป็นสุข ความ
พอใจหรือไม่พอใจของเทวดาอยู่ที่การประจบกราบไหว้ เพียงพอหรือไม่เพียงพอฉะนั้น เขา
จึงทำการบูชาเทวดาเป็นการใหญ่ ฆ่าสัตว์ ฆ่าคน บูชาเทวดา เป็นการกระทำาที่อยากได้ความ
สุขแต่ให้ผู้อื่นสัตว์อื่นเป็นทุกข์ เป็นการกระทำาที่ดีหรือไม่
ลองคิดดูก็พอมองเห็นในเรื่องความตายบางพวกถือว่าตายแล้วเกิด คนเป็นอะไรก็เกิดเป็นอย่างนั้น
บางพวกถือว่าคนตายแล้ว แต่มีการเปลี่ยนแปลงไปได้สุดแล้วแต่กรรม บางพวกว่าตายแล้วหมด
เรื่องกันแต่บางพวกว่าหมดแต่เพียงบางสิ่ง บางสิ่งยังคงเหลืออยู่
บางพวกว่าร่างกายกับวิญญาณอันเดียวกัน บางพวกว่าคนละอันการปฏิบัติจึงแตกต่างกันตาม
ความเห็น ของตน ๆ ทำาให้สถานการณ์ทางศีลธรรม และปรัชญาอยู่ในสภาพที่ยุ่งยากพอใช้ที
เดียวแม้ในสมัยนี้ซากความเห็นต่าง ๆ ก็ยังมีอยู่ เราจึงเห็นการปฏิบัติของโยคีเป็นไปในรูป
แปลก ๆ เช่นบางพวกไม่นุ่งผ้าเลย บางพวกนอนกลางดินเหมือนสัตว์ เดรัจฉานบางพวกก็
กินอาหารอย่างสกปรกดูแล้วเป็นสภาพที่น่าทุเรศและน่าสงสารเขาก็โดยเข้าใจว่าจักเป็น
ทางพ้นทุกข์ได้สมหมาย นี่เป็นความเห็นที่พระบรมครูได้แสดงออกมาแก่พวกเราทั้งหลาย
อันเป็นเรื่องที่ควรจะศึกษาให้เข้าใจ..............................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 21, 2010, 12:39:51 am โดย กัลยา »
ชิเน กทริยํ ทาเนน


ออฟไลน์ 時々होशདང一རພຊຍ๛

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1011
  • พลังกัลยาณมิตร 1119
  • แสงทองส่องฟ้าคือชีวิต
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์สามของความดี
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:07:18 am »


ความเห็นถูกหรือความเข้าใจถูกทางในพุทธธรรมจึงเป็นเรื่องที่พอมองเห็นได้ด้วยการตรึก
ตรองตาม เป็นความเห็นถูกหรือ ความเข้าใจถูกทางในทางพุทธธรรม เป็นความเข้าใจที่ควร
ศึกษาเพื่อทำตนให้พ้นจากทุกข์ แต่ก่อนที่จะศึกษาความเห็นถูกอันเป็นชั้นยอดนี้ เราลองไต่
ตามความเห็นชั้นง่าย ๆ เสียก่อน เป็นความเห็นที่ควรทำาความเข้าใจในเบื้องต้น เป็นการ
เตรียมตัวเพื่อความเห็นชอบชั้นสูงต่อไป จักได้นาความเห็นมาพิจารณาเป็นข้อ ๆ
เห็นหลักกรรม กัลยาณการี กลฺยาณัง ปาปการี จ ปาปกัง - ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คำพูดเพียง
8 คำานี้ เป็นคำาพูดที่อมความจริงไว้มาก เป็นคำาที่เราควรศึกษาสนใจ เป็นคำที่ถ้าเข้าใจและทำา
ตามแล้วก็นำาความสุขความเจริญมาให้ และถ้าไม่เข้าใจ ไม่ทำตามก็นำความทุกข์มาให้ได้
เช่นเดียวกัน จึงเป็นเรื่องที่ชาวพุทธควรทำาความเข้าใจกัน ก่อนเป็นเบื้องต้น ทำดีได้ดี ทำชั่ว
ได้ชั่ว เป็นคำาสอนที่มีทั้งเหตุผลอยู่ในตัวอย่างชัดเจน ทำดีเป็นเหตุ ได้ดีเป็นผล ทำชั่วเป็น
เหตุ ได้ชั่วเป็นผล การกระทำาก่อให้เกิดผลแก่ผู้ กระทำหลักนี้เป็นหลักใหญ่เรียกว่าหลักกรรมคำว่า
กรรม แปลว่าการกระทำเป็นไป ได้ทั้งเหตุและผล เมื่อมีการกระทำา ผลของการก
ระทำก็เกิดแก่ผู้กระทำและส่ง ผลกว้างออกไปถึงคนอื่นด้วยเหมือนการที่เอาก้อนหินปาลงไปใน้ำ
ด้วยแรงดันของ ก้อนกินทำให้น้ำกระเพื่อม ทำให้
ปลาในนำ้าเกิดความรำคาญ ทำให้ตลิ่งพังเกิดการเสียหาย ผลเกิดทยอยกันไปตามลำดับใน
ภาษาสมัยใหม่พูดว่า กิริยาและปฏิกิริยา กิริยาคือ การกระทำา ปฏิกิริยาหมายถึง การกระทำา
ตอบอันเป็นตัวผล เช่น เราเอาฝ่ามือทั้ง 2 ข้างตบกันเป็นกิริยา เกิดเสียงดัง เจ็บฝ่ามือหนวกหหูคน
ที่อยู่ใกล้เคียง เป็นปฏิกิริยาที่ เกิดขึ้นตามลำดับ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นอยู่ใน
อำานาจแห่งกรรมทั้งนั้น อาการ หมุนของโลกการเดินของดวงดาว การเดินของดวงอาทิตย์ ก็
เป็นเหตุให้เกิดการเปลี่ยน แปลงในทางดินฟ้าอากาศ การเปลี่ยนแปลงในทางดินฟ้าอากาศ
ก่อให้เกิดมี การออกดอกออกผลของต้นไม้ คนได้เก็บมารับประทานหล่อเลี้ยงร่างกาย ทำาให้
เกิด ความสุขสบายในเมื่อรับเอาแต่พอดีพอควร เกิดเป็นโทษเพราะรับเอาเกินพอดีไป ความ
เป็นไปของสากลจักรวาลทั้งหมดอยู่ในอำานาจของกรรม พ้นจากกฏนี้ไปไม่ได้เป็นอันขาด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 21, 2010, 12:40:15 am โดย กัลยา »
ชิเน กทริยํ ทาเนน


ออฟไลน์ 時々होशདང一རພຊຍ๛

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1011
  • พลังกัลยาณมิตร 1119
  • แสงทองส่องฟ้าคือชีวิต
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์สามของความดี
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:08:57 am »


ไม่มีสิ่งใดที่จักเกิดขึ้นและเป็นอยู่โดยมิได้อาศัยกรรมต้องมีกฏนี้เข้าไปแทรกแซงอยู่เสมอ
และที่ทุกอย่างดำเนินไปได้เป็นปกติ ก็เพราะยังมีกรรมของมันอยู่ ถ้าหากหมดกรรมลงเมื่อ
ใดแล้วก็แตกสลาย แต่การสลายตัวของสิ่งหนึ่ง ทำให้เกิดสิ่งอื่นต่อไป อีก เช่นต้นไม้ต้นหนึ่ง
ตายก็กลายเป็นไม้ท่อน คนเราเอาไม้ท่อนไปทำรถ ทำเรือน ทำอะไรหลายอย่างถ้าวัตถุที่ถูก
ทำนั้นตายคือผุพังต่อไปอีกก็กลายเป็นปุ๋ยก่อให้เกิดเป็นอาหาร แก่หญ้าแก่ต้นไม้ต่อไป วัตถุทั้ง
ปวงในโลกจึงมิได้หายไปจากโลก มันหมุนเวียนเป็นสัง สารวัฏฏ์วนไปมาอยู่เสมอเป็นเรื่อง
ไม่จบ แต่เป็นวงกลมที่ไม่มีการตั้งต้นและไม่มีที่สุด เป็นแต่อาศัยเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ๆ แล้ว
ก็เกิดขึ้นอีก เป็นวงเวียนตลอดสายจึงเรียกว่า เป็นไปตามอำนาจของกรรม
กมฺมุนา วตฺตติ โลโก - โลกหมุนไป ตามกฏของกรรมเรื่องของโลกเป็นเช่นใดเรื่องของ
ชีวิตก็เป็นเช่นกัน ที่จริงชีวิตเราก็เป็นโลก เหมือนกัน เรียกว่า สัตวโลก โลกคือ หมู่สัตว์ สัตว์
โลกทั้งปวงเกิดดับไปตามอำานาจ ของกรรม กรรมนั้นเป็นของเขาผู้กระทำ
กระทำแล้วก็เกิดผลแก่เขาต่อไป สัตว์โลก เช่นมนุษย์เป็นผู้มีร่างกาย มีใจครองร่างกา
กายกับใจมีส่วนสัมพันธ์กันมาก และก่อให้ เกิดเรื่องราวมากหลาย การกระทำาของกายและใจเป็นกรรมทั้ง
นั้นเช่นเรายกมือ เดิน กิน พูด เราทำทุกอย่าวเป็นเรื่องของกรรม ส่วนใจก็ทำาหน้าที่ในทางคิดค้น
นึกไปใน เรื่องของกรรม ส่วนใจก็ทำหน้าที่ในทางคิดค้นนึกไปในเรื่องต่าง ๆ การกระทำของ
กาย ดยไม่มีการบังคับจากใจ ยังไม่จัดเป็นกรรมที่จักก่อให้เกิดผลแก่ผู้กระทำาในทางเป็น
บุญ เป็นบาป เรียกตามภาษาธรรมะว่า ยังไม่มีเจตนา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 21, 2010, 12:40:42 am โดย กัลยา »
ชิเน กทริยํ ทาเนน


ออฟไลน์ 時々होशདང一རພຊຍ๛

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1011
  • พลังกัลยาณมิตร 1119
  • แสงทองส่องฟ้าคือชีวิต
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์สามของความดี
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:10:51 am »




ดังพุทธดำรัสว่า เจตนาหัง ภิกขะเว กัมมัง วะทามิ -
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็น.......................................
ตัวกรรมเจตนาแปลว่า ความจงใจความตั้งใจที่จะทำ เช่น การทำให้สัตว์ตาย ถ้าเราเดินไป
และไม่ได้เห็นว่า มีตัวสัตว์อยู่บนพื้นดิน เหยียบมันตาย การกระทำเช่นนี้ไม่ก่อให้เป็นบาป
ในทางใจ แต่เจ้าสัตว์ตัวนั้นต้องตายโดยไม่ได้อะไร เป็นการตายเปล่า เพราะผลกรรมของ
มันที่เดินมา ขวางอยู่ตรงนั้น ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าผลของกรรมเป็นไปในด้านวัตถุอย่างหนึ่ง
เป็นไปในด้านจิตใจหรือนามอย่างหนึ่ง ผลกรรมที่เกิดเพราะผลทางด้านวัตถุไม่จัดเป็นบุญ
เป็นบาป เรื่องบุญบาปเป็นเรื่องทางด้านจิตใจโดยเฉพาะ
ส่วนกรรมที่มีเข้าประกอบก็จัดเป็นบุญเป็นบาปได้ บุญบาปก่อให้ชีวิตของผู้กระทำา
หมุนเวียนไปสู่ความสุขบ้างทุกข์บ้าง สุดแต่อย่างไหนเกิดขึ้น ดังที่กล่าวว่า ทำดีได้ดี ทำชั่ว
ได้ชั่ว นั่นเอง เรื่องดีชั่วเป็นเรื่องของ แต่ละบุคคล เป็นเรื่องของใจโดยแท้ ไม่ใช่เรื่องของ
วัตถุ ผู้ใดทำาผู้นั้นได้รับผลของ การกระทำนั้น หาก่อให้เกิดการกระทบกระเทือนทางใจแก่
ใครไม่ แต่อาจมีการกระ ทบกระเทือนทางวัตถุกันบ้าง เพราะเรื่องของวัตถุก็เกิดผลทางด้าน
วัตถุ เรื่องของใจก็ เกิดผลทางด้านจิตใจ ความดีความชั่วเป็นเรื่องของใจล้วน ๆ เมื่อเป็นเรื่อง
ของใจ ผลก็ต้องเป็นไปในทางใจโดยส่วนเดียว ฉะนั้นคำาที่ตรัสว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วจึง
เป็นความจริงแท้ไม่เปลี่ยนแปลง.........................................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 05, 2018, 01:30:20 pm โดย 時々कभीकभी一རພຊຍ๛ »
ชิเน กทริยํ ทาเนน


ออฟไลน์ 時々होशདང一རພຊຍ๛

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1011
  • พลังกัลยาณมิตร 1119
  • แสงทองส่องฟ้าคือชีวิต
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์สามของความดี
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:11:42 am »



เพื่อให้เข้าใจชัดเรามาพิสูจน์อีกสักเล็กน้อย อันที่กระทำความดี ก่อนลงมือกระทำต้องมีความคิดเกิดขึ้นก่อน เช่น คิดจะทำทาน จะรักษาศีล จะไปนั่งภาวนาเพื่อ ความสงบใจ ความคิดเช่นนี้เป็นความคิดในด้านดี เป็นเรื่องของใจ ในขณะที่ใจ คิดอย่างนี้ เรียกว่า การทำกรรมโดยใจ เป็นมโนกรรม คนที่คิดเช่นนี้ ถ้าใจของเขา ไม่มีความชั่ว เมื่อคิดจะทำทาน ความโลภไม่มี ความเห็นแก่ตัวไม่มี เมื่อจะรักษาศีล ความเกลียดไม่มี ความพยาบาทไม่มี ความคิดจะฆ่า จะลัก จะประพฤติผิดในกาม หรือ จะพูดจาหลอกลวงใครไม่มีอยู่ในใจของเขา เขาเริ่มได้ความดีแล้ว เหมือนจะจุดตะ เกียงให้แสงสว่าง พอขีดไม้ขีดไป ก็ได้ความสว่างแล้วนิดหนึ่งพอจุดตะเกียงความส่วางก็มากขึ้นในเรื่องการกระทำาความดีก็เช่นกัน พอคิดก็ได้แล้ว ลงมือทำก็ได้ความดี เพิ่มขึ้นในใจ ทำไปไม่หยุดความดีก็เพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดความสะอาด สงบ สว่าง ใน ทางใจ นี่แหลผลของการกระทำความดี ในด้านความชั่ว การฆ่า การลัก การประพฤติผิดในกาม การพูดโกหกพูดหยาบ พูดเหลวไหล พูดยุให้คนแตกจากกัน การดื่มกินของมึนเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เหล่านี้เป็นความชั่ว เพราะเป็นการกระทำที่ทำลายตนทำลายท่าน ผู้รู้กล่าวติว่าเป็นสิ่งไม่ดี ลองนึกถึงตัวเราเองสักเล็กกน้อย คนที่ใจดีใจงามอยู่จักทำสิ่งเหล่านี้ได้ลงคอ ไหมทำไม่ได้ เมื่อจะทำชั่วเริ่มเศร้าหมอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 30, 2019, 07:31:58 pm โดย 時々होशདང一རພຊຍ๛ »
ชิเน กทริยํ ทาเนน


ออฟไลน์ 時々होशདང一རພຊຍ๛

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1011
  • พลังกัลยาณมิตร 1119
  • แสงทองส่องฟ้าคือชีวิต
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์สามของความดี
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:13:28 am »



เพื่อให้เข้าใจชัดเรามาพิสูจน์อีกสักเล็กน้อย อันที่กระทำความดี ก่อนลงมือกระทำต้องมีความคิดเกิดขึ้นก่อน เช่น คิดจะทำทาน จะรักษาศีล จะไปนั่งภาวนาเพื่อ ความสงบใจ ความคิดเช่นนี้เป็นความคิดในด้านดี เป็นเรื่องของใจ ในขณะที่ใจ คิดอย่างนี้ เรียกว่า การทำกรรมโดยใจ เป็นมโนกรรม คนที่คิดเช่นนี้ ถ้าใจของเขา ไม่มีความชั่ว เมื่อคิดจะทำทาน ความโลภไม่มี ความเห็นแก่ตัวไม่มี เมื่อจะรักษาศีล ความเกลียดไม่มี ความพยาบาทไม่มี ความคิดจะฆ่า จะลัก จะประพฤติผิดในกาม หรือ จะพูดจาหลอกลวงใครไม่มีอยู่ในใจของเขา เขาเริ่มได้ความดีแล้ว เหมือนจะจุดตะ เกียงให้แสงสว่าง พอขีดไม้ขีดไป ก็ได้ความสว่างแล้วนิดหนึ่งพอจุดตะเกียงความส่วางก็มากขึ้นใน

เรื่องการกระทำาความดีก็เช่นกัน พอคิดก็ได้แล้ว ลงมือทำก็ได้ความดี เพิ่มขึ้นในใจ ทำไปไม่หยุดความดีก็เพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดความสะอาด สงบ สว่าง ใน ทางใจ นี่แหลผลของการกระทำความดี ในด้านความชั่ว การฆ่า การลักการประพฤติผิดในกาม การพูดโกหกพูดหยาบ พูดเหลวไหล พูดยุให้คนแตกจากกัน การดื่มกินของมึนเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เหล่านี้เป็นความชั่ว เพราะเป็นการกระทำที่ทำลายตนทำลายท่าน ผู้รู้กล่าวติว่าเป็นสิ่งไม่ดี ลองนึกถึงตัวเราเองสักเล็กกน้อย คนที่ใจดีใจงามอยู่จักทำาสิ่งเหล่านี้ได้ลงคอ ไหมทำไม่ได้ เมื่อจะทำาชั่วเริ่มเศร้าหมอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 30, 2019, 07:29:07 pm โดย 時々होशདང一རພຊຍ๛ »
ชิเน กทริยํ ทาเนน


ออฟไลน์ 時々होशདང一རພຊຍ๛

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1011
  • พลังกัลยาณมิตร 1119
  • แสงทองส่องฟ้าคือชีวิต
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์สามของความดี
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:14:21 am »



เหมือนบ้านจะมืดตะเกียงเริ่มหรี่เพราะหมดน้ำพอน้ำมันแห้ง ตะเกียงดับทันทีความมืดปรากฏออกมาให้เห็น คนทำาบาปก็เช่น เดียวกัน เขามีความตั้งใจในทางผิดเกิดขึ้นเป็นความชั่วและทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น จนกระทั่งทำาบาปได้โดยปราศจากความยับยั้ง ผลที่เกิดทางใจก็คือความเศร้าหมองทวี จำนวนมากชึ้น ใจเป็นบาปหนักเพราะความเศร้าหมองนั้น ๆ นี่เป็นความชั่วที่เขาได้รับทุกครั้งขณะทำาชั่วอันคนที่ทำชั่วนั้น ๆ นี่เป็นความชั่วที่เขาได้รับทุกครั้งขณะที่ทำชั่ว อันคนที่ทำชั่วนั้น ทำทีละน้อย ๆ ไปก่อน ค่อยทวีจำนวนมากขึ้นจนชินและรู้สึกตัวต่อความชั่ว เหมือนคนที่ไปทำงานที่สกปรก เช่นทำงานถ่ายอุจจาระ นานเข้าจมูกชินกับกลิ่นนั้น ความรู้สึกว่าสกปรกหายไปจากใจ

เขาก็จับถึงอุจจาระได้สบายเหมือนจับถังข้าวต้มคนที่ทำาชั่วก็เป็นเช่นนั้น ทำหนักเข้าก็กลายเป็นคนชั่วชนิดถอนตัวไม่ออก ใจของ เขาถูกเย็บย้อมพัวพันรัดรึงกับควมชั่วเสียแล้ว เป็นเรื่องน่ากลัวโดยแท้ ความดีความชั่ว เป็นเรื่องของใจก่อน เมื่อใจมีความดี การกระทำก็เป็นไปในทางดี เป็นการเพิ่มความดี ให้แก่ตน ถ้าใจมีความชั่วการกระทำก็เป็นความชั่ว เป็นการเพิ่มความชั่วให้แก่ตน การ เพิ่มความดีเป็นความสุขการเพิ่มความชั่วเป็นความทุกข์ ท่านชอบอย่างไหน ?ในสมัยนี้มีคนจำนวนมาก มีความเข้าใจผิดจากความจริงเขาเข้าใจคำาว่าคำสอนที่ว่า ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว เป็นสิ่งที่ไม่จริง โดยอ้างว่าบางคนทำชั่วแต่เห็นเขาร่ำรวยมีกินมีอยู่ดีบางคนเป็นซื่อตรงสุจริต แต่ลำาบากยากจนต้องหาเช้ากินเย็นความเป็นอยู่ลำบากเต็มทีเขาจึงกล่าวติหลักธรรมข้อนี้ว่าเรื่องเหลวไหล ไม่เป็นจริง เป็นเช่นนี้มีอยู่มากเหมือนกัน เพราะเขาตีความหมายผิดไปจากหลักเดิม เข้าใจว่า ได้ดีได้ ชั่วเป็นเรื่องของวัตถุเงินทองไปเสียเขาจึงเขวไปจากแนวทางของความเห็นชอบ และเมื่อเ้ขวก็เป็นเหตุทำาให้ทำาผิดไปได้มาก มีตัวอย่างอยู่มากมายในสมัยนี้...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 30, 2019, 07:26:48 pm โดย 時々होशདང一རພຊຍ๛ »
ชิเน กทริยํ ทาเนน


ออฟไลน์ 時々होशདང一རພຊຍ๛

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1011
  • พลังกัลยาณมิตร 1119
  • แสงทองส่องฟ้าคือชีวิต
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์สามของความดี
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:15:32 am »



ที่จริงคำสอนนี้ ท่านพูดให้ฟังอย่างง่าย ๆ ที่สุดว่า ทำาได้ดี ทำชั่วได้ชั่วดีกับชั่วเป็นคุณภาพของจิตใจ ต้องได้ดีเมื่อมีการกระทำส่วนวัตถุต่าง ๆนั้นมันเป็นผลพลอยได้อีกทีหนึ่งอาจได้เร็วหรือช้าสุดแล้วแต่การประกอบ เพราะการประกอบกรรมที่จะให้ได้ผลทางวัตถุนั้นต้องรอเวลา ต้องรอบุคคล ต้องรอสถานที่ และต้องมีการประกอบให้ตรงกับสิ่งเหล่านี้ ถ้าพลาดไปก็ยังไม่เกิดผลและทำให้เข้าใจผิดเป็นอื่นไปก็ได้เหมือนการปลูกต้นไม้และหวังผล ต้องรอไปหน่อยอย่าใจร้อน ถ้าร้อนใจก็เป็นทุกข์ และเป็นความเศร้าหมองแก่ตนโดยใช่เหตุ ให้ทำาความ

เข้าใจเสียก่อนว่า ผลที่ได้ก่อนเป็นเรื่องทางใจแล้วต่อมาก็เป็นเรื่องทางวัตถุ เช่นว่า ท่านเป็นข้าราชการไปทำงาน ถ้าท่านไปทำงานดีตลอดมาท่านได้ความสบายแล้ว ต่อมาก็ได้เลื่อนยศขึ้นเงินเดือนสูงขึ้นถ้าท่านขาดสายหรือทำงานอย่างขาดตกบกพร่องขั้นต้นท่านก็ร้อนใจ ต่อมางานเสียหนักเข้าพอผลกรรมสุกกรอบดี ท่านก็ตกจากตำแหน่ง นี่เป็นผลที่เกิดมาตามลำาดับ เป็นเรื่องจริงทั้งนั้นจึงควรได้ตั้งไว้เป็นกฎว่าทำดีได้ความดีในทางใจก่อน ความดีในใจเป็นทาง ให้ได้วัตถุวัตถุทีได้มาโดยควมดีเป็นสิ่งให้ใจสบาย ในที่สบายเห็นเหตุให้สงบ สะ อาด สว่าง ทำความชั่วได้ความชั่วในทางใจก่อนความชั่วเจริญในก็หมดทรัพย์สิน คนหมดทรัพย์ต้องมีความทุกข์ ความทุกข์ทำาให้ใจเป็นบาปและบาปหนักขึ้น...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 30, 2019, 07:23:32 pm โดย 時々होशདང一རພຊຍ๛ »
ชิเน กทริยํ ทาเนน


ออฟไลน์ 時々होशདང一རພຊຍ๛

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1011
  • พลังกัลยาณมิตร 1119
  • แสงทองส่องฟ้าคือชีวิต
    • ดูรายละเอียด
Re: องค์สามของความดี
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2010, 12:16:14 am »




ใคร่จะแนะนำอีกสักเล็กน้อย เกี่ยวกับการทำกรรมเพื่อหวังผลแก่ตน ผู้กระทำที่มีความเชื่อในทางผลกรรมแล้วว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นเรื่องของใจก่อน ผลเป็น วัตถุเป็นสิ่งตามมาทีหลัง เป็นของแน่นแน แต่การเป็นอยู่ในโลก เราอยู่กับคนที่มีนิสัยใจ คอไม่เหมือนกันมีความคิดเห็นแตกต่างกัน การอยู่ร่วมกันต้องเรียรู้นิสัยใจคอกันบ้าง พอให้รู้ใจว่าใครชอบอย่างไร เพื่อจักได้ปฏิบัติตนให้พอเหมาะพอควรกัน การกระทำา อะไรทุกอย่างต้องเป็นไปในรูปพอดี และเหมาะแก่กาละเทศะเสมอ ถ้าขาดความพอดีไม่เหมาะแก่กาละเทศะผลก็ไม่อำนวยให้แก่ตนได้ฉะนั้นการทำความดีที่หวังผลทางวัตถุต้องเข้าใจว่าวัตถุที่คนจักพึงได้นั้นจะได้จากไหนใครเป็นผู้อำานวยให้วัตถุอันนั้นมาบ้าง แล้วคิดต่อไปว่าคนนั้นๆ เขาชอบในทางไหน ต้องหาทางเข้าถึงจิตใจของเขา แต่ไม่ทิ้งความดีของเรา การ

ทำความดีในบางครั้งอาจไม่เป็นที่พอใจของคน บางคนก็ได้ เมื่อเขาไม่พอใจ เขาก็เป็นปรปักษ์กับเรา เราเองต้องได้รับความเบียดเบียนจากเขา เรื่องมันยุ่งอยู่เหมือนกัน เพราะการกระทำที่ไม่ถูกกาลและบุคคลจึงเป็นความจำเป็นต้องทำให้เหมาะแก่กาลเวลาผู้ใหญ่บางคนก็มีศีลธรรมดีบางคนก็ปราศจากศีลธรรมถ้าเราอยู่ใต้บังคับบัญชาของคนที่มีศีลธรรม ก็ไม่สู้ลำบากนักแต่ถ้าได้คนขาดศีลธรรมก็เดือดร้อนจึงต้องหาทางออกให้แยบคายอย่าทำสิ่งใดที่เขาไม่ชอบใจการทำดีนั้นมีหลายอย่างเหมือนทางเดินมีหลายทางถ้า...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 30, 2019, 07:20:09 pm โดย 時々होशདང一རພຊຍ๛ »
ชิเน กทริยํ ทาเนน