ผู้เขียน หัวข้อ: วีรสตรีไทย ที่ทั้งโลกนับถือ...แต่คนไทยแทบไม่รู้จัก !!! ถึงขนาด บิลเกตส์  (อ่าน 1906 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
วีรสตรีไทยเพียงหนึ่งเดียว ที่ทั้งโลกนับถือ...แต่คนไทยแทบไม่รู้จัก !!! ถึงขนาดที่ "บิล เกตส์" ออกมาทำคลิปสั้นเพื่อยกย่อง !!! #มีคลิป

<a href="https://www.youtube.com/v/PAXo4H93x04" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/PAXo4H93x04</a>



จากhttp://www.tnews.co.th/contents/388018

เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 60 เพจชื่อดัง ได้แชร์โพสต์ ของ Bill Gates ซึ่งเป็นบุคคลทรงอิทธิพลของโลก และเป็นเจ้าของไมโครซอฟผู้เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ โดย Bill Gates ได้ทำคลิปสั้นๆ ยกย่องหญิงไทยคนหนึ่งที่คนไทยแทบไม่เคยรู้จัก โดยทางเพจ Drama-addict ได้แชร์และโพสต์ข้อความดังต่อไปนี้...




เราไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้กันบ่อยๆนะครับ ที่บิล เกตต์ ลงคลิปยกย่องคนไทย คนที่บิล เกตต์แกยกย่องนี่ คนไทยยังไม่ค่อยรู้จัก แต่ป้าแกคือวีรสตรีไม่ใช่แค่สำหรับคนไทย แต่สำหรับชาวโลกทั้งปวง ป้าแกชื่อ ดร กฤษณา ไกรสินธุ์ บ้านเดิมเป็นชาวสมุย เรียนเภสัช และได้ PhD ที่อังกฤษ
ตอนช่วงปี 35 HIV เริ่มระบาดในไทยหนัก (พบรายแรกในไทยปี 26) แต่ยาแม่งยังราคาแพงอยู่มาก จนประชาชนเข้าไม่ถึง ป้าแกเลยวิจัยเรื่องยาต้านไวรัสมารักษา HIV จนในที่สุดก็ผลิตยาต้านไวรัส Zidovudine ที่ไทยใช้ถึงปัจจุบัน มาขายในประเทศในราคาถูกมากกกกกกกกกกกกกกกกก
ถูกขนาด จากราคายาอิมพอรท เม็ดละ 40 พอเราผลิตในประเทศได้ เหลือ 7 บาท นอกนั้นยังมียาต้านไวรัสตัวอื่นอีกที่ป้าแกดัมพ์ราคาลงจาก เม็ดละเกือบ 300 เหลือ 8 บาท เหมือนกัน
จนคนไทยเข้าถึงยาต้านไวรัสกันทั้งประเทศ คุณภาพชีวิตคนไทยที่ติดเชื้อ HIV ดีขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย แต่ระหว่างนั้นป้าแกก็โดนบริษัทยาฟ้องรัวๆ เพราะทำให้บริษัทยาเสียผลประโยชน์นะ
แล้วความเท่ห์คือ พอคนไทยเอาตัวรอดได้ มียาราคาถูกใช้แล้ว
ป้าแกเดินทางไปแอฟริกาใต้ เพื่อบุกเบิกโรงงานผลิตยาต้านไวรัสที่คองโก ไม่ใช่แค่ยาต้านไวรัสอย่างเดียว ยังรวมถึงยาแผนปัจจุบันอื่นๆอีกหลายตัว จนหลายประเทศในแอฟริกาใต้มียาผลิตในประเทศราคาถูกใช้เหมือนบ้านเรา ไม่ต้องอิมพอรทยาราคาแพงกว่าเป็นสิบเท่าจาก ตปท มาใช้อีกต่อไป
ทุกวันนี้งานของป้าแกยังไม่จบ แกยังคงเดินทางไปช่วยเหลือคนทั่วโลกต่อไป
สมแล้วที่บิลเกตต์ยกย่อง ขนาดทำคลิปสรรเสริญป้าแกลงเพจตัวเอง เท่ห์โคตรๆ ความเห็นส่วนตัว ป้าแกควรได้โนเบล แมกไซไซ รอคกี้เฟลเลอร์ ไม่มีใครคู่ควรกับรางวัลทั้งหมดนี้มากไปกว่าแกละ



ประวัติ 'เภสัชกรยิปซี ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์' 'บุคคลแห่งปีเอเชีย' นักสู้เอดส์
ละครบรอดเวย์ สร้างจากชีวิตจริง เภสัชกรยิปซีไทย (แต่คนไทย ไม่รู้จัก ) ลองอ่านกันดูนะครับแล้วคุณจะรู้ว่าชีวิตของคนๆหนึ่งเกิดมาเพื่อให้ผู้อื่นโดยแท้ นั้นงดงามเพียงใด
เภสัชกรยิปซีไทย ผู้ผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ (ซึ่งปัจจุบัน ขณะนี้ ไทยกำลังมีปัญหากับอเมริกา เพราะข้อขัดแย้ง เรื่องราคายา ที่ไทยไม่ยอมอเมริกา เรื่อง สิทธิบัตรยา)
ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ เภสัชกรยิปซีไทย ผู้ผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ที่เร่ร่อนไปทั่วเเอฟริกาจนเป็นที่รู้จัก ถึงขนาดอเมริกานำชีวิตเธอไปสร้างเป็นละครบรอดเวย์ ในขณะที่คนไทยไม่รู้จักเธอ
ชื่อ - ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ เป็นคนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีพี่น้อง 2 คน พ่อเป็นหมอ คุณแม่ เป็นพยาบาล
เรียน - นักเรียนประจำที่ รร.ราชินี ปริญญา คณะเภสัชศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ปริญญาโท สาขาเภสัชวิเคราะห์ ม.Strahclyde ปริญญาเอก สาขาเภสัชเคมี ม.Bath ที่อังกฤษ (ฐานะทางบ้าน ก็สบายๆ ญาติพี่น้อง ทำธุรกินโรงแรมที่เกาะสมุย)
ชอบเล่นดนตรี เคยฝันอยากเป็น Conductor
เคยอยากเปลี่ยนสายเรียน ไปเป็น ไบโอเคมี (ชีวเคมี )แต่เห็นว่า คณะที่เรียนอยู่ ในเมืองไทย มีคนเรียน แค่ 5 คน จึงก้มหน้าก้มตาเรียนต่อไป



ปี 2535 เริ่มมีผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทย เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจาก พบในเอดส์ในไทยครั้งแรก ปี 2526 ทำไห้ตัดสินใจศึกษาวิจัยยาต้านไวรัสเอดส์ คิดค้นอยู่ 3 ปี แรกๆทำงานคนเดียวหมด ประเทศไทยจึงเป็นประเทศแรกของโลก ที่ผลิตยาชื่อสามัญว่า ยาเอดส์ ในปี 2538 ได้
โดนคดีขึ้นศาลกับบริษัทยา(ชื่อของอจ. ถูกบรรจุอยู่ในแบล็กลิสต์ของบริษัทยาเกือบทุกบริษัท) จากเรื่องของผลประโยชน์ เพราะถ้า ผลิตยาได้สำเร็จ ยอดขายของผู้ผลิตรายอื่นๆ ก็ต้องตกแน่นอน เพราะว่า ราคาต่างกันค่อนข้างมาก ถือว่าตัวเองได้ทำหน้าที่ที่ได้ร่ำเรียนมาอย่างดีที่สุดแล้ว ไม่ได้คิดว่าจะตบหน้าใคร หรือมาทำให้ยอดขายของบริษัทไหนลดลง (ก็คนกำลังจะตายอยู่แล้ว ไม่มีเงินซื้อยาแพงๆกิน ก็ต้องช่วยกันไป)
คือ ยา ZIDOVUDINE (AZT)- ยาที่ลดการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก จาก แคปซูลละ 40 บาท เหลือ 7-8 บาท อีกตัวคือ จากเดิม ขาย แคปซูลละ 284 บาท เหลือ 8 บาท ยาที่มีชื่อเสียงมาก คือ GPO-VIR สามารถทำให้ยา 3 เม็ดรวมอยู่ในเม็ดเดียว จากต้องทาน วันละ 6 เม็ด เหลือเพียง 2 เม็ดเท่านั้น
รัฐบาลไทย สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ จาก 1000 คน เพิ่มเป็น 10000 คน ค่ายา จาก คนละ 20,000 เหลือ 1,200 บาท
ปี 2545 ลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา เพื่อจะไปช่วยเหลือทางแอฟริกาใต้อย่างเต็มตัว (เห็นว่า เมืองไทย เริ่มช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว ) ไม่มีใครยอมเซ็น(รวมทั้งรัฐมนตรี)ใบอนุมัติการลาออกให้
มีการยื่นข้อเสนอ ให้เปลี่ยนตำแหน่งสูงขึ้น และการเอายาของเราไปขายที่แอฟริกาแทน แต่ไม่เอาด้วยเหตุผลต้องการให้พวกเขาทำเองให้พึ่งตนเอง เชื่อว่า ถ้าเขาอยากกินปลา เราก็ควรสอนเขาตกปลาเอง ไมใช่ว่าเอาปลาไปให้เขากิน เพราะไม่อย่างนั้น เขาจะไม่มีวันพึ่งตัวเองได้ เมืองไทยไปจำหน่ายได้ มันจะมีประโยชน์อะไร เพราะมันไม่มีความยั่งยืน(ไม่สนเงินเข้ากระเป๋า ว่างั้น)



เดินทางไปคองโก ไปบุกเบิกใหม่หมด วาดแปลนโรงงาน ที่จะผลิตยา ใช้เวลา 3 ปี โรงงานดังกล่าว ผลิต ยาต้านไวรัสเอดส์ ชื่อ AFRIVIR เหมือนเมืองไทยทุกอย่าง ได้สำเร็จ
ปี 2546 ผลิตยาที่ทวีปแอฟริกา ที่ดังมาก และขายดีที่สุดในประเทศแทนซาเนีย คือ ยามาลาเรีย (THAI-TANZUNATE) ยาราคาถูก จาก 360 บาท ผลิตได้ ในราคา 36 บาทเท่านั้น
ประเทศด้อยพัฒนาในแอฟริกายากจนมาก สมมติว่าโรงพยาบาลหนึ่งมีเตียง 150 เตียงแต่มีคนไข้ที่มาแอดมิด 450 คน นั่นหมายถึง ใน 1 เตียง มีคนไข้ 3 คน นอนบนเตียงเดียวกัน 2 คน นอนกลับหัวกลับหางกัน และนอนใต้เตียงอีก 1 คน
เวลาอยู่ที่แอฟริกา ก็ร่อนเร่ไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยมีหลักแหล่ง บางทีก็มีคนช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายการเดินทาง บางทีออกเอง เพราะประเทศเขายากจน ไม่มีตังค์ให้หรอก
อุปสรรคชีวิตโลดโผน
เจอเครื่องบินดีเลย์ ไป 24 ชม.
บางที เครื่องบินก็พาไปลงผิดประเทศ
เสื้อผ้า ต้องมีติดกระเป๋าสะพายตลอดอย่างน้อย 3 ชุด เพราะชุดในกระเป๋าเดินทางที่โหลดไว้ใต้ท้องเครื่องอาจมาช้า ไม่ก็หายไปเลย
ที่คองโก นอนอยู่ดีๆ ก็มีแสงสว่างวาบๆขึ้นมา ก็คิดในใจว่า ทำไมถึงสว่างเร็วจัง ปรากฏว่าไม่ใช่แต่เป็น ระเบิดที่เขายิงมา โดยมีเป้าหมายที่บ้านพักของดิฉัน แต่เขากะพลาดไปหน่อย เลยไปตกข้างๆบ้านแทน คิดว่า คงเป็นฝีมือของพวกที่เขาคิดว่าดิฉันเป็นศัตรูนั่นแหล่ะค่ะ
ตอนไปช่วยเหลือที่ ไนจีเรีย ต้องเดินทางตอนตี 1 จากสนามบิน เข้าสุ่ที่พัก คนเดียว ไม่มีคนมารับ นั่งแท๊กซี่ไป ถูกคนเอาปืนมาจี้ 5 ครั้ง ในคืนเดียว รอดมาได้หมดทุกครั้ง และไม่มีใครเอาทรัพย์สินไปเลยสักคนเดียว ด้วยเหตุผล " ฉันมาช่วยคนในประเทศเธอน่ะ อยากได้อะไรก็เอาไปเลย" เลยไม่มีคนจี้ต่อ แต่เสียเวลาไป 4 ชั่วโมง กับการเดินทาง 20 กม. เพราะมัวแต่โดนจี้ ไป 5 ครั้ง
สื่อของฝรั่งเศสและเยอรมนี ชื่นชมการทำงานมาก นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ จนได้รับรางวัลจาก เทศกาลหนังเมืองคานส์ 3 รางวัล



อ้างอิงข้อมูลจาก - เพจ Drama-addict
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 14, 2017, 12:42:39 pm โดย มดเอ๊กซ »
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...