ผู้เขียน หัวข้อ: นักรบแห่งแสงสว่าง : การรู้เแจ้งในยุคพลังงานใหม่  (อ่าน 12286 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
นักรบแห่งแสงสว่าง
 
 
2.1 ผู้สื่อ " ครายออน " ของเมืองไทย

........ ต้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2541

สายวันหนึ่งในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ดร. ดรัณ เตชะโสภณวณิช กัลยาณมิตรท่านหนึ่งของผม ซึ่งในปีที่แล้วพาผมไปรู้จักอาจารย์วิรัตน์ โรจนจินดา เพื่อเสาะหาความจริงเกี่ยวกับ หลวงปู่เทพโลกอุดร ดังที่ผมได้นำมาถ่ายทอดแล้วใน " ริ้วรอยเทพยาดา " มาคราวนี้ ด.ร. ดรัณ ได้โทรมาหาผมที่ธรรมศาสตร์ด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นว่า ในเมืองไทยเราก็มีคนไทยที่สื่อสารติดต่อกับ " ครายออน " ( KRYON ) ได้เหมือนกัน คนผู้นั้นคือ อาจารย์ปริญญา ตันสกุล ซึ่งเพิ่งเขียนหนังสือออกมาเล่มหนึ่งชื่อ " พฤติกรรมมนุษย์ มหัศจรรย์อำนาจแม่เหล็กโลก กับจิตจักรวาล " ซึ่งมีเนื้อหาชนิดแทบถอดความออกมาจากหนังสือ " KRYON " อันโด่งดังเลยก็ว่าได้

ดร. ดรัณยังบอกผมว่า ท่านได้เจอตัวจริงของอาจารย์ปริญญาแล้ว และได้สนทนากันหลายชั่วโมงจนมั่นใจว่า อาจารย์ปริญญาไม่เคยรู้เรื่อง หรืออ่าน " KRYON " มาก่อนเลย อันที่จริงก่อนหน้านี้เขาเป็นคนไม่เชื่อเรื่องราวประเภทนี้เลย เห็นว่าคนที่พูดเรื่องนี้เป็นคนเพี้ยนด้วยซ้ำ แต่พอมาเดือนพฤษภาคมของปีนี้ ตัวเขาเองกลับสามารถรับ " คลื่นความคิด " จาก " จิตจักรวาล " ( The Spirit ) ซึ่งเป็นพวกเดียวกับ " ครายออน " ได้ โดยที่ตัวเขาก็นึกไม่ถึงมาก่อน ดร. ดรัณ ได้ย้ำกับผมว่า ผมต้องติดตามสืบหาความจริงในเรื่องนี้ให้ได้ เพราะการปรากฏ ตัวของอาจารย์ปริญญาที่สามารถสื่อกับ " จิตจักรวาล " หรือ " ครายออน " ได้ จะเป็นการพิสูจน์อย่างดียิ่งกว่า สิ่งที่ผมเขียนมาทั้งหมด ในงานเขียนชุดมังกรจักรวาลนั้น มีความเป็นจริงดำรงอยู่ในตัวของมันเองไม่มากก็น้อย


ผมขอสารภาพตามตรงว่า ก่อนที่ผมจะได้รับการติดต่อจาก ดร.ดรัณนั้น ตัวผมมิได้ให้ความสนใจกับหนังสือ " ครายออน " เป็นพิเศษแต่ อย่างใด สาเหตุหนึ่งก็เพราะฉบับที่แปลเป็นภาษาไทยเล่มที่ 1 นั้น แปลได้ต่ำกว่ากว่ามาตรฐานมาก และคนแปลก็หาได้มีความรู้ในศาสตร์ ทางจิตวิญญาณแต่อย่างใด ( ตอนนั้นผมยังไม่มีฉบับภาษาอังกฤษ ) อีกสาเหตุหนึ่งก็เพราะ ก่อนหน้านี้ผมได้อ่านหนังสือประเภท " สื่อคลื่นความคิด " ( Channelling ) ของพวกนิวเอจมาไม่น้อย สำหรับตัวผมแล้ว ข่าวสารที่ได้โดยผ่านการ " สื่อคลื่นความคิด " นั้น ที่สุดยอดที่สุดในสายตาของผมคือ ข่าวสารจาก " ชีพ บาบา " ของบราห์มากุมารี ราชาโยคะ ซึ่งผมได้ทำการสืบสวนไปแล้วใน " คุรุมังกร " จึงยังไม่คิดที่จะติดตามข่าวสารประเภทนี้อีก

แต่คำแนะนำของ ดร.ดรัณ ทำให้ผมฉุกใจ บ่ายวันนั้น ดร.ดรัณ ได้รีบบึ่งรถมาหาผมถึงที่ทำงานแล้วมอบหนังสือของอาจารย์ปริญญา เพื่อให้ผมทำการศึกษาด้วยตนเอง ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะสืบสวนเรื่องนี้หรือไม่ ตกลงผมอ่านหนังสือเล่มนั้นของอาจารย์ปริญญาจบรวด เดียวในคืนนั้นเอง ซึ่งทำให้ผมต้องไปขวนขวายหาชุดหนัวสือ " KRYON " ฉบับภาษาอังกฤษมาอ่านเพิ่มเติม โดยเฉพาะเล่ม 2 " Don' t Think Like a Human ! " ( อย่าคิดแบบจิตมนุษย์ ) กับเล่ม 3 " Alchemy of The Human Spirit " ( ศาสตร์แห่งการแประธาตุด้วย จิตวิญญาณมนุษย์ )

จากการได้ศึกษาเปรียบเทียบงานเขียนชุด " KRYON " กับหนังสือของอาจารย์ปริญญาอย่างละเอียด ทำให้ผมพบว่า เนื้อหาของสองฝ่าย เหมือนกันว่า 90 เปอร์เซ็นต์ มิหนำซ้ำข้อมูลของอาจารย์ปริญญาบางเรื่องละเอียดกว่าด้วย โดยตั้งอยู่บนสมมติฐานว่า อาจารย์ปริญญา ไม่เคยอ่านหนังสือเหล่านี้มาก่อน และอาจารย์ปริญญาก็ยืนยันกับผมว่า เขาไม่เคยอ่านงานเขียนชุด " KRYON " มาก่อน และแทบไม่อ่าน หนังสือทางด้านจิตเล่มไหนเลย เพราะไม่อยากเกิดอุปทานในขณะที่เขาได้รับ " คลื่นความคิด " จาก " จิตจักรวาล " ที่ส่งมาถึงเขาทุกคืน ในช่วงนี้

ผมได้อ่านเจอในหนังสือ " KRYON " ว่า ในโลกนี้จะมีผู้สื่อคลื่นความคิดจาก " ครายออน " ( หรือ " จิตจักรวาล " ) อยู่ 9 คน กระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก คนแรกคือ ลี คาร์รอล ( Lee Carroll ) นักธุรกิจวัยกลางคนผู้ถูกพรหมลิขิตเล่นตลกให้กลายมาเป็น " ผู้สื่อคลื่นความคิด " จาก " ครายออน " เป็นคนแรก ส่วนคนที่สองเท่าที่รับรู้ตอนนี้น่าจะเป็นอาจารย์ปริญญา ตันสกุล อดีตวิทยากร สถาบันพัฒนาบัณฑิตธุรกิจและวิทยากรอำนวยการศูนย์พัฒนาพฤติกรรมมนุษย์ ผู้ไม่เคยมีภูมิหลังทางด้านจิตศาสตร์มาก่อนเลย แต่ตัว " ครายออน " เองกลับบอกว่า 8 คนที่เหลือนั้นอยู่ใน ประเทศเมกซิโก อินเดีย แอฟริกา รัสเซีย อิสราเอล อเมริกาใต้ จีน และซีเรีย ไม่มีประเทศไทย

ปัญหาที่ต้องขบให้แตกมีอยู่ 2 ประเด็น ประเด็นแรก ข่าวสารที่สื่อเป็น " คลื่นความคิด " ผ่านมายังอาจารย์ปริญญาเป็นภาษาไทย ทำไมถึงบังเอิญไปคล้องจองสอดคล้องกับข่าวสารของ " คราออน " ที่สื่อผ่าน ลี คาร์รอล ได้มากถึงขนาดนี้ เกี่ยวกับประเด็นนี้ผมไม่ติดใจสงสัย กลับรู้สึกว่ามันทำให้ผมสนใจต่อข่าวสารของ "ครายออน " อย่างจริงจังมากกว่าแต่ก่อนมากเลย เพราะฉะนั้นก่อนอื่นเราต้องมีความเข้าใจแบบองค์รวมเสียก่อนว่า ข่าวสารจากจาก " ครายออน " และจาก " จิตจักรวาล " ที่สื่อผ่านอาจารย์ปริญญานั้น โดยภาพรวมแล้วต้องการจะบอกอะไร แก่ชาวโลก ? ถ้าตีประเด็นนี้แตกได้ ถึงค่อยตรวจสอบประเด็นสองต่อไป นั่นคือ ข่าวสารที่สื่อมานี้ เชื่อได้แค่ไหน ? เชื่อได้ทั้งหมดเลย หรือว่าเชื่อได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ประเด็นที่สองนี้ต่างหากที่เป็นเรื่องยากสำหรับผม


" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด

 
 
2.2 สื่อสัญญาณสดจาก " จิตจักรวาล " ถึงเหล่า " นักรบแห่งแสงสว่าง "
 

ผมสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับอาจารย์ปริญญาทางโทรศัพท์ เป็นเวลาหลายชั่วโมง ประมาณ 2 ครั้งด้วยกัน ก่อนที่เราจะนัดเจอกัน ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในจังหวัดนครนายก ในงาน " ฤาษีฟอรั่ม 1998 " ตอนบ่ายวันที่ 26 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2541 ผมพาเวทินศิษย์คนหนึ่ง ของผมกับ " หมอกบ " ศิษย์คนที่ 67 ของผม ซึ่งมี " ตาทิพย์ " ไปด้วย โดยผมต้องการให้เวทินเป็นผู้ช่วยผมในการตรวจสอบประเด็นที่สอง ส่วนหมอกบ ผมต้องการให้เขาช่วยเพ่งด้วยตาใน เพื่อรู้ให้ได้ว่า ตัวตนที่แท้จริงของ " จิตจักรวาล " ที่สื่อคลื่นความคิดผ่านมาให้อาจารย์ ปริญญานั้นคือใครกันแน่ ?

ในระหว่างที่พวกผมกำลังคุยกับ " จิตจักรวาล " ผ่านอาจารย์ปริญญาอยู่นั้น มันเป็นเรื่องแปลกมากที่หมอกบไม่สามารถใช้ตาของเขาเห็น อะไรได้เลย ซึ่งไม่บ่อยครั้งนักที่เขาจะเป็นเช่นนี้ เพราะพวกผมรู้ความสามารถในเรื่องนี้ของหมอกบเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม บรรยากาศ ที่เราคุยซักถาม " จิตจักรวาล " นั้น เป็นบรรยากาศที่เป็นกันเองมาก ราวกับเพื่อนกำลังคุยกับเพื่อนอยู่ หาได้มีบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ เหมือนตอนที่พวกผมสนทนาธรรมกับ " หลวงปู่ " แต่อย่างใดเลย " จิตจักรวาล " ยังบอกผมว่า ผมเคยเป็นหลานศิษย์ของปิธากอรัส ( Pythagoras ) นักปราชญ์แนวเร้นลับ ผู้ยิ่งใหญ่ชาวกรีกในสมัยโบราณมาก่อน จึงใฝ่หาความรู้นัก

คืนนั้นเอง พวกผมและผู้เข้าร่วมงานฤาษีฟอรั่มจำนวนหนึ่งได้นั่งสมาธิร่วมกันเป็นวงกลม โดยผมเป็นคนคุมกรรมฐาน ผมได้ใช้วิชาสมาธิ ของหลวงปู่ฤาษีเวชยันต์ที่ร่ำเรียนมาจากท่านอาจารย์แอ๊ด ทำให้เกิดการหมุนวนแห่งพลังจิตรวมหมู่ของกลุ่ม แล้วส่งพลังด้านบวกของกลุ่ม ที่เกิดขึ้นจากการทำสมาธิแบบนี้ไปให้อาจารย์ปริญญาที่นั่งหลับตาอยู่ข้าง ๆ เพื่อทำการ " สื่อสัญญาณสด " ( Live Channel ) กับ " จิตจักรวาล " ถ่ายทอดข่าวสารแบบองค์รวมมาให้แก่พวกเราผู้เป็น " นักรบแห่งแสงสว่าง "
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด

 
สัญญาณสด ( The Live Channel ) จาก " จิตจักรวาล "
ถึง
ดร.สุวินัย ภรณวลัย และเหล่า " นักรบแห่งแสงสสว่าง " ผ่านอาจารย์ปริญญา ตันสกุล
 
ในคืนวันที่ 26 เดือนธันวาคม ค.ศ.1998 ( พ.ศ. 2541 )
 
ณ อุทยานธารทิพย์ สีดารีสอร์ต นครนายก ในงานชุมนุมนักสมาธิธรรมและพลังจิตแห่งยุคสมัย " ฤาษีฟอรั่ม 1998 " จัดโดย สถาบันพลังจิตและจักรวาลร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมภูมิปัญญามนุษยชาติ
 
ดร.สุวินัย : " จิตจักรวาล ! ข้าและพวกข้าคือนักรบแห่งแสงสว่าง ! ข้ารู้ดีว่า ท่านรู้จักตัวตนที่แท้จริงของข้าและพวกข้าดี ข้าอยากได้รับคำแนะนำจากท่าน จิตจักรวาล เกี่ยวกับ วิถีของนักรบแห่งแสงสว่าง ขอให้ท่านจงชี้แนะแก่พวกข้าด้วย "
 
จิตจักรวาล : ... ข่าวสารจาก " จิตจักรวาล " ที่นำมาฝากแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อที่จะทำตนให้เป็นนักรบแห่งแสงสว่าง บนเส้นทางแห่งการรู้แจ้ง ที่ถูกต้อง สิ่งที่ท่านควรจะทราบก็คือ การเดินทางไปสู่แสงสว่างของพวกท่านทั้งหลายที่ผ่านมานั้น ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรก็ตามพวกท่านได้ใช้สติปัญญาในการคิด ในการรู้ จากสมองซีกซ้ายของท่านเป็นหลัก
 
ท่านต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่า ร่างกายของท่านเป็นผลกำเนิดของรูปธรรมบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ข้างใน ในยุคพลังงานเก่าที่ผ่านมา และจะสิ้นสุดในปี ค.ศ. 2002 ( พ.ศ. 2545 ) อยากจะฝากให้ท่านทั้งหลายที่กำลังเป็นนักรบแห่งแสงสว่างที่ยังขาดสมดุล และกำลังแสวงหาอยู่นั้น บ่อยครั้งและบางครั้งพวกท่านได้ใช้สติปัญญาและสมาธิของท่านโดยการมองในสิ่งที่เป็นรูปธรรม มองในสิ่งที่เป็นตัวตน พวกท่านมีเป้าหมายที่ชัดเจนและถูกต้องแล้วที่จะไปหาแสงสว่างตรงนั้น แต่บางครั้งพวกท่านเองอาจจะได้แนวทาง หรือแนวคิดซึ่งเกิดจากความเชื่อที่ผิดพลาด เกิดจากความศรัทธาที่ผิดพลาด บางครั้งหลายคนทีเดียวที่ใช้เงื่อนไขจากสิ่งแวดล้อม จากบุคคลอื่นจากอัตตาของตัวเองมาเป็นแนวทางในการคิด แนวทางในการตัดสินใจ โดยขาดการใช้สติปัญญาที่มีพลังอำนาจที่อยู่ในตัวเรา
 
ท่านทั้งหลายครับ ท่านต้องทราบว่า ในเครื่องยนต์แห่งกรรมของเรานั้น จักรวาลได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาเป็นกระบวนการในการสร้าง เพื่อจะใช้กระบวนการในการสร้างอันนี้ สร้างการดำรงอยู่ของสรรพสิ่งในจักรวาล ท่านจะต้องหาคำตอบให้แก่ตนเองให้ได้เท่านั้น นั่นคือ หน้าที่ของนักรบแห่งแสงสว่าง คำตอบที่ท่านต้องหาให้ได้ก็คือ ค้นหาให้พบว่าตัวท่านเป็นใคร ? ความมี 2 ภาคในตนเองของมนุษย์อย่าง ท่านนั้น มันหมายถึงอย่างไร ? และหลักสัจธรรมของศาสนาทุกศาสนาที่มีหลายศาสนาในโลกของเรานั้นเขามีไว้เพื่ออะไร ? และถ้าหากว่า ท่านเป็นนักรบแห่งแสงสว่าง แสงสว่างที่ท่านแสวงหานั้นมันคือสีใด ? อะไรเรียกว่าแสงสว่าง ?
 
ท่านที่รักครับ แสงสว่างนั้น คือแสงสว่างทางปัญญา ถ้าท่านต้องการศึกษาแสงสว่างในความคิดแบบจิตมนุษย์ มนุษย์ทั่ว ๆ ไปมักจะมองหา ปรากฏการณ์ของแสงสว่าง และบอกว่านั่นคือการศึกษาเรื่องของแสง แต่มนุษย์ลืมคิดไปว่า เรายังมองข้ามสิ่งที่เป็นประโยชน์ และเป็นแก่นสารที่แท้จริงของแสงสว่างตรงนั้น นั่นก็คือ คุณสมบัติของแสงสว่าง ถ้าหากว่าท่านมองที่ปรากฏการณ์ของแสง ท่านจะพบ ความเป็นตัวตนอะไรต่าง ๆ อีกมากมาย และนั่นเท่ากับว่าท่านกำลังหลงทาง ถ้าท่านต้องการแสวงหาสัจธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านจะต้องแสวงหาแก่นแท้ของธรรมะที่เกิดจากปัญญาซึ่งเป็นปัญญาตัวที่สองของสมองซีกขวา
 
สมองท่านถูกแบ่งออกเป็นสองซีก ซีกซ้ายจะเกิดขึ้นก่อนพัฒนาก่อน เมื่อตอนท่านอายุครบยี่สิบปีบนโลก สมองซีกขวาของท่าน ถึงจะเชื่อมต่อกับสมองซีกซ้ายได้สำเร็จ ถ้าพูดกันง่าย ๆ ก็หมายความว่า สมองซีกขวาถูกสร้างขึ้นมาทีหลังเนื่องจากว่าต้องการจะสร้าง เป็นกลไกอย่างหนึ่งเอาไว้ให้มนุษย์เราทุกคนผ่านบททดสอบ
 
ทำไม เราถึงเอาความจริงอันนี้มาบอก ? ก็เพราะพวกท่านคือ นักรบแห่งแสงสว่าง และบัดนี้ โลกยุคพลังงานเก่า กำลังจะเปลี่ยนไปสู่ โลกยุคพลังงานใหม่ ซึ่งมนุษย์เราทุกคนที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ ( และผู้ที่กำลังอ่านหนังสือเล่มนี้ ) และเพื่อนสรรพสัตว์ทั้งหลายที่อยู่ในโลก จะไม่ได้อยู่ในบทเรียนของโลกหรืออยู่ในบทเรียนของกรรมที่เราสร้างไว้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแต่เพียงอย่างเดียวเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว แต่มนุษย์เรากำลังจะเข้าสู่บทเรียนใหม่ มันจะเป็นบทเรียนที่ท้าทายมนุษย์ยุคใหม่อย่างมาก ยุคใหม่นี้ภาษาโลกคือ ยุคนิวเอจ ( New Age )
 
ถ้าไม่อธิบายตรงนี้ หลายคนอาจจะไม่เข้าใจ โลกของเราในอดีตที่ผ่านมานั้น ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กโลก และคลื่นความถี่ของสนามแม่เหล็กโลก เป็นสิ่งสำคัญที่มนุษย์เรา ถูกจักรวาลสร้างให้มาเกิดบนโลก เพื่อจะให้มาช่วยทำหน้าที่ทางด้านพลังงานให้แก่โลก นั่นคือหน้าที่หลักที่เราจะเรียกว่า " พันธสัญญา " มนุษย์เราทุกคนเกิดมาชาติแรกในการเป็นมนุษย์ในวัฏจักรชีวิตแรก ได้รับมอบหมายให้มาทำหน้าที่นี้ร่วมกันกับโลก
 
โลกเป็นระบบเดียวกันกับมนุษย์ มนุษย์เป็นระบบเดียวกันกับโลก พวกเราทุกคนจะแยกตัวเองออกจากโลกไม่ได้ มนุษย์เราเกิดมามีจิตอยู่ 2 จิต จิตตัวแรกเป็นจิตที่มนุษย์เราเคยชินเคยใช้มาโดยระบบอัตโนมัติ เป็นจิตที่เกิดจากสมองซีกซ้ายที่ใช้ในการบริหารสมองซีกซ้าย และจิตตัวที่สองจะใช้ในการช่วยบริหารสมองซีกขวา สติปัญญาที่เกิดขึ้นจากสมองซีกซ้ายจะเป็นสติปัญญาที่เกิดจากสมาธิในระดับปกติ สมองซีกซ้ายจะเป็นด่านแรกที่มนุษย์เราจะต้องฝ่านด่านให้ได้ เป็นสมองที่สร้าง " ขยะ " ขึ้นมาในโลกมากมาย สร้างขึ้นมาในชีวิตเรา ในสังคมของเรา จนกระทั่งทุกวันนี้ทั้งโลกยังไม่รู้จะหาที่กลบฝังขยะที่เกิดจากสมองซีกซ้ายของเราได้หมดหรือไม่
สมองซีกซ้ายของคนเรานั้นถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นด่านแรกหลังจากที่มนุษย์เราบรรลุวุฒิภาวะทางจิตวิญญาณถึงอายุยี่สิบ สมองซีกขวากับ ซีกซ้ายจะสามารถทำหน้าที่ได้ทัดเทียมกัน มนุษย์เราถูกหลอกให้เข้าใจว่า สมองซีกซ้ายเป็นสมองที่มีปัญญาเพียงซีกเดียวเท่านั้น ท่านต้อง เข้าใจว่าจิตที่จะบริหารสมองของท่านทั้งหลายนั้นจะมีอยู่ 2 ภาค สิ่งที่ท่านได้ยินพระเทศน์หรือสอนเป็นประจำว่า " จิตในจิต " คำว่าจิตในจิตนี้ ก็หมายถึง จิตอีกจิตหนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปข้างใน สมองซีกซ้ายเป็นสมองที่ถูกใช้งานมาตั้งแต่เด็ก ๆ จนโตเป็นผู้ใหญ่ หลายคนเกิดแล้วตายไป หมดวัฏจักรในชีวิตนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่า จิตที่อยู่ในจิตนั้นคืออะไร ?
 
ท่านที่รักครับ พวกท่านเป็นผู้ที่ได้ใช้สมองซีกขวากันเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่ท่านทั้งหลายไม่เข้าใจ เหตุผลที่สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติธรรมะ บัญญัติศีลขึ้นมา ซึ่งพวกท่านผู้เป็นนักรบแห่งแสงสว่างที่นั่งอยู่ ณ ที่แห่งนี้ได้ยึดถือปฏิบัติ กันมาตลอดนั้น มันเป็นกลไกหนึ่งที่เราอยากจะเปิดเผยมิติให้ท่านทั้งหลายได้ทราบกันในวันนี้ เพราะต่อไปนี้ทุกคนจะต้องเข้าใจ มันจะไม่ถูกปิดบังเหมือนโลกยุคพลังงานเก่าอีกต่อไปแล้ว จิตจักรวาลจึงอยากจะเผยแพร่ตรงนี้ให้ท่านได้เข้าใจ มีสติทางวิญญาณขึ้นสักนิด ว่าตรงนั้นมันจะเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์เราเคยชินกับสมองซีกซ้ายเป็นหลัก เพื่อให้กงล้อของอารมณ์ของมนุษย์เป็นตัวการที่จะทำให้มนุษย์เรา สอบบทเรียนผ่านไปได้ยาก
 
การที่มนุษย์เราถูกสร้างขึ้นมาเกิดบนโลก เป็นอารมณ์ขันอย่างหนึ่งของจักรวาล แต่ไม่ใช่อารมณ์ขันที่มาให้ทุกคนมีความสุขกับครอบครัว มีความสุขกับชีวิต มีความสุขกับการทำมาหากิน และมีความทุกข์กับสองอย่าง คือมีความทุกข์กับเวลาที่เป็นเงื่อนไข มีความทุกข์กับ ภาระหน้าที่ที่ตนเองต้องปฏิบัติจนเกิดเป็นความวิตกกังวล หรือความเครียดอันเกิดจากการใช้สมองซีกซ้ายแต่เพียงด้านเดียว ทั้ง ๆ ที่สมอง ซีกขวาสามารถจะใช้ได้แล้วถ้าท่านมีอายุตั้งแต่ยี่สิบปีขึ้นไป เพียงแต่ท่านต้องแสวงหามันให้พบ สมองซีกซ้ายกับซีกขวาถูกสร้างขึ้นมาไว้ เพื่อทำหน้าที่ร่วมกัน สมองซีกซ้ายเอาไว้ใช้วิเคราะห์ทุกสิ่งที่เป็นผลที่ท่านคิดรู้ได้ในภาวะปกติ แต่สมองซีกขวานั้นมันจะทำให้ตัวท่าน มีพลังอำนาจสูงขึ้น ถ้าท่านสามารถค้นพบมัน
 
การปฏิบัติธรรมที่ศาสนาต่าง ๆ ในโลกนี้ได้เผยแพร่เอาไว้นั้น มันเป็นการฝึกตัวท่านในการทำให้สมองซีกซ้ายไร้สำนึกและทำให้ สมองซีกขวามีโอกาสสำแดงพลังอำนาจออกมา หลายท่านในที่นี้มีความสามารถในการปฏิบัติจิตให้เป็นสมาธิ ถึงแม้จิตที่เป็นสมาธิของ ท่านนั้นจะเป็นวิธีการปฏิบัติในโลกยุคพลังงานเก่าก็ตาม แต่ต่อไปในปี ค.ศ. 2003 ( พ.ศ. 2546 ) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม เป็นต้นไป ถ้าหากว่าอำนาจแม่เหล็กโลกในขณะนี้ที่กำลังถูกปรับเปลี่ยนอย่างไม่คงที่นั้นมันทำสำเร็จทางเทคนิคแล้ว คนที่จะฝึกใหม่ไม่จำเป็นจะต้อง ใช้วิธีการทำสมาธิแบบเดิมให้เสียเวลา ส่วนคนที่ฝึกแล้วก็แล้วกันไปเถิด ส่วนผู้ที่ฝึกใหม่เขาจะสามารถฝึกสมาธิพลังงานใหม่ได้แม้ใน ขณะเดิน ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนเขาจะสามารถทำสมาธิได้ทั้งสิ้น และจะยิ่งได้ผลมากถ้าหากทำสมาธิแบบรวมหมู่ เพราะมันจะช่วย ผู้มีพลังจิตที่อ่อนไหวยังไม่เที่ยงให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้ และสามารถทำต่อไปได้เรื่อย ๆ
 
มนุษย์ทุกคนสามารถจะมีสมาธิสูงมาก และจะสามารถใช้สายธารแห่งการคิดรู้เพื่อทำหน้าที่ที่เราจะบอกต่อไปนี้ได้ ทั้งหมดนั้นอยู่ใน กระบวนการของสมองซีกขวาในภาวะที่สมองซีกซ้ายไร้สำนึกทั้งสิ้น สมองซีกขวาเมื่อเกิดการสั่นสะเทือนขึ้น มันจะให้คลื่นพลังงาน แม่เหล็กไฟฟ้าออกมา และจะพุ่งผ่าน " ตาที่สาม " ที่เราเรียกว่า " ต่อมไพนีล " ที่อยู่บริเวณหว่างคิ้วของท่าน มันจะไม่แผ่ออกมาเป็น วงกลมที่สมบูรณ์เหมือนกับกระบวนการบิ๊กแบง แต่มันจะเป็นลำแสงที่พุ่งผ่านไปตามแนวของเส้นแรงแม่เหล็กโลก ถ้าท่านจะตะโกนให้ จักรวาลได้ยิน ท่านสามารถจะตะโกนด้วยจิตของท่านส่งคลื่นพลังงานนั้นออกมา จะร้องขอสิ่งใด ๆ ต่อจักรวาล ท่านก็สามารถ จะกระทำได้ ขึ้นอยู่กับพลังอำนาจจิตของท่านว่าจะมีสมาธิเที่ยงหรือไม่เที่ยงเพียงไร และขึ้นอยู่กับว่าพลังงานของจิตวิญญาณที่ท่านนำมา จากจักรวาลนั้นอยู่ในกายท่าน และมีการสะสมเพิ่มเติมหรือไม่ ท่านนำไปใช้อย่างฟุ่มเฟือยหรือไม่ ถ้าใช้แล้วไม่เติมมันก็หมดนะ หากท่านไม่ใช้มันเลยแต่สร้างใหม่ขึ้นมาเรื่อย ๆ ท่านจะมีพลังอำนาจที่สูงขึ้น
 
ในทางจักรวาลบอกว่า ถ้ามนุษย์เราต้องการมีพลังอำนาจมากขึ้น มนุษย์เราไม่ต้องแสวงหาสิ่งใด จงหาจิตสำนึกโดยเฉพาะจิตภาคสองของ ตัวเราเองให้พบว่า สมองซีกขวาของเรานั้นเป็นเครื่องยนต์แห่งกรรม มันได้ถูกสร้างขึ้นมาเอาไว้ให้อย่างพร้อมสมบูรณ์แล้ว แต่ท่านจะต้อง รู้จักใช้มันให้เป็น สำหรับผู้ที่ฝึกสมาธิได้ดีในขณะนี้แล้ว จงสบายใจได้ว่า ท่านได้ค้นพบว่าการทำงานของสมองซีกขวานั้นทำอย่างไร แต่จิตจักรวาลอยากจะแนะเน้นท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านต้องการจะสื่อกับจักรวาลได้ในโลกยุคพลังงานใหม่หรือนิวเอจ จากปี ค.ศ. 2003 จนถึงอีกห้าร้อยล้านปีข้างหน้า ท่านจะค้นพบตัวเองว่า สามารถจะคุยกับรูปธรรมจากต่างดาว หรือรูปธรรมจากต่างแกแล็กซี่ เพราะภาษา ที่เกิดขึ้นจากการคิดซึ่งเป็นคุณสมบัติของคลื่นพลังงานที่แผ่มาจากต่อมไพนีลที่พุ่งออกไปตามแนวเส้นแรงแม่เหล็กโลก คลื่นพลังงานของ ความคิดสั่นสะเทือนในสมองของท่านมันจะกลายเป็นคุณสมบัติของพลังงานที่ปนออกมากับคลื่นพลังงานที่แผ่ผ่านออกมาจากร่างกายไป ตามแนวเส้นแรงแม่เหล็กโลก คลื่นความคิดใด ๆ ก็ตามในสนามพลังงานถ้าเป็นความถี่เดียวกัน มันจะมีค่า พาย ( ไพ ) เป็นค่าคงที่เฉพาะตัว ของมันอย่างเดียวกัน
 
เพราะฉะนั้นผู้ที่สามารถวัดคลื่นความคิดของเราได้ไม่ว่า เขาจะอยู่ที่ดาวดวงใดก็ตาม เขาจะสามารถแปลความหมายคำพูดของท่านได้ ด้วยการสัมผัสคุณสมบัติของคลื่นที่ติดไปกับคลื่นพลังงานที่ท่านส่งออกไปได้อย่างสบาย ๆ เพียงแต่ว่า เครื่องส่ง กับ เครื่องรับ นั้นจะต้องสมดุลกัน จะต้องเป็นคลื่นชนิดเดียวกันเท่านั้น ท่านสามารถทำได้อย่างมีทักษะมากขึ้นแน่นอน ถ้าท่านทำกายของท่าน ให้บริสุทธิ์ ทำจิตของท่านให้บริสุทธิ์ คิดดี พูดดี แล้วก็อย่าไปเน้นที่ " ตัวตน " อย่าไปยึดที่ " ตัวตน "
 
คำว่า " ตัวตน " ในที่นี้ มนุษย์เราโดยเฉพาะมนุษย์โลกยุคหลัง ๆ นี้หลงทางกันมาก เวลาเราปฏิบัติสมาธิ เรามักจะพยายามไป มองหาแสงสว่าง แสงสีต่าง ๆ บางครั้งเราไปฝักใฝ่กับศาสตร์บางศาสตร์โดยที่ไม่รู้ว่าศาสตร์นั้นมีวัตถุประสงค์ใด สิ่งเหล่านี้จะทำให้ ตัวท่านเองมีจิตสับสน จิตวิญญาณของตัวท่านที่อยู่ในกายก็จะพลอยสับสนไปด้วย ทำให้พลังต่าง ๆ ของท่านถดถอยลง ท่านจึงค้นพบ พลังอำนาจในตนเองของท่านไม่พบ เพราะฉะนั้นจงอย่าใช้พลังจิตวิญญาณของท่านอย่างฟุ่มเฟือย สิ่งที่ท่านพึงกระทำแต่เพียงอย่างเดียวคือ หาความเป็นตนเองให้พบ และเมื่อพบแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยให้ใครรู้ ให้ท่านปฏิบัติต่อไปเรื่อย ๆ เพราะเส้นทางแห่งการรู้แจ้งนั้น ยาวไกลนัก วัฏจักรชีวิตของมนุษย์เรานั้นคือ ทุกคนได้สร้าง " พันธกรรม " ทับซ้อน " พันธสัญญา " ขึ้นมามากมาย จนไม่รู้ว่าอีกกี่วัฏจักร ชีวิตถึงจะยุติและสิ้นสุดลงได้
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


 
 
คงเข้าใจแล้วนะ ถ้าหากมีคนนั่งสมาธิรวมหมู่กันหนึ่งร้อยคนและทุกคนปล่อยพลังงานด้านบวกออกมา ก็จะเท่ากับหนึ่งร้อยยกกำลังสอง ( หรือหนึ่งหมื่น ) คูณด้วยผลรวมของพลังงานจิตสำนึกด้านบวกที่สั่นสะเทือนและปลดปล่อยออกมาของแต่ละคน ... ในวันที่ 16 เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2535 ( ค.ศ.1992 ) " จิตจักรวาล " และบรรดารูปธรรมชั้นสูงในจักรวาลได้ทำการวัดค่าพลังงานของโลก ก็เลยตกใจว่า ทำไมมนุษย์โลกถึงก้าวหน้าไปไกลขนาดนี้ มีมนุษย์อยู่ 144 , 000 คน สามารถจะบรรลุ " การรู้แจ้ง " ในขณะที่ยังเป็นมนุษย์ เขาอาสาช่วย ค้ำจุนความถี่ของสนามแม่เหล็กโลก และอาสาในการค้ำจุนพลังงาน ทำให้โลกมีแรงเหวี่ยงรอบตัวเองที่คงที่ ไม่ต้องกลัวเหมือน นักวิทยาศาสตร์ชาวโลกที่กล่าวว่า แกนของโลกจะพลิกคว่ำหงาย อะไรเหล่านั้น
 
มีมนุษย์อยู่ 144 , 000 คน ที่ทุกวันนี้ก็ยังคงดำรงชีวิตอยู่เป็นผู้บรรลุการรู้แจ้ง มีจิตสำนึกที่สั่นสะเทือนด้านบวกอย่างรุนแรง มีพลังงาน ความรักที่สามารถสั่นสะเทือนไปได้ทั้งจักรวาลเลยทีเดียวเป็นตัวแทนของพวกเราทุกคน ... ที่ผ่านมามีรูปธรรมชั้นสูงจากดวงดาวหลายดวง ที่ใกล้ชิดกับพวกเราชาวโลกมาโดยตลอด ตัวอย่างเช่น กลุ่มดาวเพลอาเดียนส์ ( Pleiadians ) หรือกลุ่มดาวลูกไก่ หรือ " ดาว 7 พี่น้อง " ในภาษาอังกฤษ กลุ่มรูปธรรมในดวงดาวนี้ เป็นผู้ที่บรรลุความรู้แจ้งไปแล้วสองแสนห้าหมื่นกว่าปี แต่ขณะนี้พวกเขายังเป็นห่วงมนุษย์ เราอยู่ จึงคอยเข้ามาช่วยเหลือมนุษย์บนโลกมาโดยตลอด แม้ทุกวันนี้พวกเขาก็ยังเกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่ไม่ได้เป็นไปตามกฎแห่งกรรม พวกเขาคอยดู " ผลผลิต " ของตน เพราะพวกเขาคือผู้ให้กำเนิดวิวัฒนาการทางพันธุกรรมของมนุษย์ โดยทำให้มนุษย์เกิดเมล็ดพันธุ์ใหม่ ที่มีโครงสร้างทางชีวภาพเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ไกลจากความเป็นสัตว์ได้ชัดเจนขึ้น พวกเขาเป็นบรรพบุรุษของร่างกายมนุษย์ที่แท้จริง เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้สร้างเส้นโยเกลียวแม่เหล็ก 12 แท่งต่อเซลล์ในนิวคลิโอไทด์ในร่างกายมนุษย์ เพื่อทำให้เกิดความสัมพันธ์กับ จักรวาลที่ลงตัวยิ่งขึ้นกว่าความเป็นสัตว์เดรัจฉานซึ่งจิตสำนึกของมันไม่อาจให้พลังอะไรแก่โลกได้ ไม่อาจช่วยเหลืออะไรแก่จักรวาลได้ ยกเว้นน้ำหนักจิตวิญญาณของมันเท่านั้นที่เป็นตัวสร้างความสมดุลให้กับโลก
 
ทุกอย่างจะเสียสมดุลไม่ได้ คนที่เกิดมาเป็นบ้า เป็นใบ้ ขาดสติ คนพวกนั้นก้มีความหมายต่อพวกเราที่มีสติปัญญา จงให้ความเมตตาเขา เพราะเขาเป็นเหมือนกับวัตถุล่องลอยเพื่อทำให้น้ำหนักมวลของเขารวมกับของพวกเราแล้วสมดุล ไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะเสียศูนย์ ... ทีนี้ขอพูดต่อจากที่ค้างไว้เมื่อครู่ว่า จิตจักรวาลคืออะไร ? เนื่องจากมีหลายคนในที่นี้ส่งคลื่นความคิดถามขึ้นมาอีก
 
" จิตจักรวาล " ก็คือตัวตนอันสูงส่งของพวกเราทุกคน ที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ ( หรือกำลังอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ ) ทุกคนจะมีจิตจักรวาลหนึ่งดวง ทั้งสิ้นก่อนที่จะมาเกิดเป็นรูปธรรมมนุษย์บนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ ซึ่งเรียกกันว่า " ดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี " เพราะเป็นที่ที่คนอยาก จะเป็นคนดีเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นคนชั่วเมื่อไหร่ก็ได้ ขณะที่บนดาวดวงอื่นไม่ใช่อย่างนี้ ... " จิตจักรวาล " เกิดจากคลื่นความถี่หลาย ๆ ความถี่มารวมกัน เหมือนกับ " น้ำ " ที่เกิดจากการรวมตัวกันของธาตุไฮโดรเจนสองตัวมารวมกับธาตุออกซิเจนหนึ่งตัว ถ้าหากมนุษย์เราไม่ประหลาดใจกับการเกิดขึ้นของ " น้ำ " ก็จงอย่าประหลาดใจกับการเกิดขึ้นของ " จิตจักรวาล " ซึ่งมีความสามารถในการคิดรู้ได้ทุกสรรพสิ่ง
 
นักรบแห่งแสงสว่างทั้งหลาย ! " จิตจักรวาล " ทุกดวงที่อยู่ดำรงคุณสมบัติในสนามพลังงานจักรวาล ไม่ใช่จิตจักรวาลของตัวท่าน จิตจักรวาลของตัวท่านถูกยึดรั้งเอาไว้อยู่ที่วิหารแห่งหนึ่งลึกไปใต้พื้นพิภพ ประมาณ 500 เมตร อยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตรในประเทศที่ รุ่งเรืองด้วยศาสนา ที่นั่นถูกยึดไว้ด้วยพลังงานค่อนข้างสูงมาก เหตุที่ต้องยึดไว้ก็เพราะว่า " จิตจักรวาล " เป็นคลื่นพลังงานที่ต้องมีพลังงาน ที่เข้มข้นกว่าห่อหุ้มรูปธรรมตนเองเอาไว้ ไม่เช่นนั้นจะแตกกระจายสลายตัวจนไร้คุณสมบัติของความเป็น " จิตจักรวาล " จิตจักรวาลก็เลย จำเป็นต้องเหนี่ยวรั้งสภาวะจิตตนเองเอาไว้ เพราะว่าได้แบ่งพลังงานส่วนหนึ่งออกมาเป็นส่วนที่เราเรียกว่า " จิตวิญญาณ " เป็นมวลสาร ระดับปรมาณูแล้วเข้ามาปฏิสนธิในครรภ์มารดา
 
" จิตจักรวาล " จึงเป็นตัวตนแก่นแท้ของมนุษย์อยู่ในกายของเรา หลายคนเข้าใจว่านี่คือ ตัวกู-ของกู จริง ๆ แล้วมันเป็นเรื่องน่าขำสำหรับ จักรวาลมากที่ปิดมิติไว้ จนกระทั่งมนุษย์เราถูกหลอกและหลงตนเองได้ขนาดนี้ กายของมนุษย์ที่อยู่ข้างนอกมันเป็นเปลือกของรูปธรรมที่ ซ่อนเร้นบางสิ่งที่มีความหมายกว่าเอาไว้ข้างในเสมอ ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลจะเป็นเช่นนั้น เพราะฉะนั้นถ้ามนุษย์เราเข้าใจตัวตนแก่นแท้ ที่แท้จริงที่อยู่ข้างใน นั่นเท่ากับว่ามนุษย์เราเริ่มรู้จักภาคแรกของตัวเองแล้ว ไม่ใช่แค่รู้จักตัวเองที่เป็นเปลือกนอก ก็คือ " เครื่องยนต์แห่งกรรม " ตัวนี้ และภาคที่สองก็คือความเป็น " จิตจักรวาล "
 
ในใจกลางของ " จิตจักรวาล " เกิดจากคลื่นความถี่หลาย ๆ ความถี่ มีการสั่นสะเทือนอยู่ตลอดเวลา ละเอียดมาก เล็กมาก เมื่อมีการสั่นสะเทือนตลอดเวลาก็เลยมีพลังงานแห่งการคิดรู้อยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ชั้นนอกของ " จิตจักรวาล " ยังถูกห่อหุ้มไว้ด้วย พลังงานที่เข้มข้นกว่าเป็นส่วนที่เรียกว่า " จิตวิญญาณ " นั่นคือเปลือกชั้นที่สอง ถัดออกมาภายนอกก็จะมีปรมาณูละเอียดเหมือนกัน แต่เข้มข้นกว่า ภาษาจักรวาลเรียกว่า " เมอร์คาบาร์ " ( Merkabar : แปลตามตัวว่า พาหนะของพระจิต ) เป็นเปลือกชั้นที่สาม ทั้งสามส่วน นี้ร้อยเรียงรัดเลี้ยวเกี่ยวพันกันอยู่ด้วยความเป็นหนึ่งเดียว เวลาหมุนตังก็หมุนไปด้วยกัน เวลาสั่นสะเทือนก็สั่นไไปพร้อมกัน
" จิตจักรวาล " มีอำนาจสูงส่งได้ เป็นเพราะว่า หนึ่ง จิตสั่นสะเทือนตลอดเวลา สอง จิตวิญญาณ และเมอร์คาบาร์จะต้องสั่นสะเทือน ไปพร้อมกันและกันด้วยพลังงานแห่งความรัก สาม ทั้งสามอย่างนี้จะต้องหมุนไปด้วยกัน หลายคนเวลาถามถึงจิตจักรวาลและจิตวิญญาณ มักถามว่ามันจะมีรูปทรงหรือ ? มันจะมีตัวตนหรือ ? ในทางโลกมนุษย์นั้น จิตวิญญาณถูกปิดมิติไว้ ทำให้ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเรารับรู้ ได้แต่สิ่งที่เป็นตัวตนที่คงที่ ที่เที่ยงแท้ แต่ถ้าเป็นรูปธรรมที่เป็นพลังงานแล้ว จักรวาลถือว่ามีรูปธรรมทั้งสิ้น ไม่มีคำว่านามธรรมเหมือน มนุษย์โลก คำว่านามธรรม มนุษย์เราใช้คำพูดตั้งขึ้นมาเพื่อจะแบ่งแยกระหว่างสิ่งที่เห็นคงที่กับสิ่งที่มองไม่เห็นนั่นเอง
 
แต่ในทางพลังงานของจักรวาลนั้นเป็นรูปธรรมเสมอ เพียงแต่ว่ารูปธรรมของจิตจักรวาลนั้นมันจะไม่คงที่ แต่ถ้าเป็นรูปธรรมที่คงที่ซึ่งเป็น รูปทรงเรขาคณิตที่แท้จริง " จิตจักรวาล " อยากจะบอกท่านทั้งหลายว่า จิตจักรวาลและจิตวิญญาณของตัวท่านเองหรือของใครก็ตามจะมี รูปทรงเป็นสิบเอ็ดเหลี่ยม แต่ที่เราเห็นเป็นดวง ๆ กลม ๆ นั้น เนื่องจากจิตวิญญาณและจิตจักรวาลทุกดวงจะต้องหมุนรอบตัวเองตลอดเวลา เพื่อรักษาสมดุลของพลังงานหรือของระบบตัวเองเอาไว้ หยุดหมุนเมื่อไหร่เป็นอันสลายทันที จะมีแต่พลังแต่ไร้อำนาจ เพราะฉะนั้น ความสมดุลของพลังงานจะต้องมี 2 ตัว คือ " พลัง " กับ " อำนาจ " ถ้ามีพลังแต่ไร้อำนาจก็ถือว่า ไม่บรรลุไม่ถึงที่สุด มีแต่อำนาจแต่ขาด พลังก็ถือว่าไม่สุดเช่นกัน จะเป็นนักรบแห่งแสงสว่างไม่ได้ มนุษย์ก็เช่นกัน ต้องเลียนแบบตรงนี้ทำให้ได้หาพลังและอำนาจในตัวเองให้พบ มนุษย์เราจึงต้องมีการสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกตลอดเวลา จะนั่งง่วง เหงา หาว นอน เกียจคร้าน ไม่ขยัน ไม่เคลื่อนไหวก็ไม่มีวันสำเร็จ ได้แต่คิดแต่ไม่ลงมือทำ ไม่เคลื่อนไหวก็ไม่ประสบความสำเร็จอีก " จิตจักรวาล " ก็เช่นกัน เวลาจิตจักรวาลสั่นสะเทือนมันจะเปล่งแสงออก มาเป็นตัวแทนของพลังงาน เวลาจิตวิญญาณและเมอร์คาบาร์ที่เป็นเปลือกนอกเกิดการสั่นสะเทือน มันจะเกิดเป็นโทนเสียง แต่เป็นระดับคลื่นความถี่ที่หูมนุษย์ไม่อาจจะได้ยิน ไม่สามารถจะวัดค่าได้ ทั้งหมดนี้คือโครงสร้างคร่าว ๆ ที่ มนุษย์ยุคพลังงานเก่า ซึ่งกำลังจะก้าวสู่ยุคพลังงานใหม่ที่เป็น นักรบแห่งแสงสว่าง ทุกคนซึ่งเป็นตัวแทนแห่งมนุษยชาติทุก ๆ คนที่อยู่ในซีกโลก ด้านตะวันออกพึงทราบและพึงเข้าใจ
 
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่โลกยุคพลังงานเก่าถูกปิดมิติเอาไว้ พวกท่านจึงไม่รู้ บางคนศึกษาเรื่องกรรม แต่ไม่รู้ว่ากรรมคืออะไร หลายคนส่งคลื่น ความคิดขึ้นมาถามว่า แล้วบางคนที่พยายามปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไปสู่เส้นทางแห่งการรู้แจ้งได้ แต่ทำไมถึงบรรลุการรู้แจ้งไม่ได้ ? " จิตจักรวาล " ก็อยากจะบอกตรงนี้ว่า เพราะพวกเขายังใช้สมองซีกซ้ายเข้ามาเป็นอุปสรรคอยู่นั่นเอง ถ้าพวกท่านต้องการจะไปสู่โลกุตระ กลายไปเป็น " จิตจักรวาล " กลับไปสู่สภาวะเดิมของตัวเองก่อนจะมาเป็นมนุษย์ พวกท่านจะต้องไม่ทำกรรมบวกและไม่ทำกรรมลบ นั่นหมายความว่า พวกท่านต้องไม่ทำดีเพื่อหวังสิ่งตอบแทน หรือทำชั่วเพราะพลั้งเผลอไม่เจตนา ภาษาวิทยาศาสตร์ บนโลกมนุษย์ เราเรียกว่า ต้องทำกรรมให้เป็นกลาง ( Neutral ) ก็คือไม่บวกไม่ลบ รู้ว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนชั่ว สิ่งไหนเหมาะ สิ่งไหนควรก็พอ จงอย่าทำบุญทำกุศลเพื่อหวังผลภายหน้า ประเภท " ทำบุญเบื้องล่าง เอาไปสร้างเบื้องบน ทำบุญหลายหน ได้กุศลหลายครั้ง " เพราะนั่นแสดงว่า พวกท่านต้องการพ้นจากวัฏจักรการเป็นมนุษย์ เพื่ออยากจะไปเป็นเทพเทวดาอยู่อีก
 
พวกท่านต้องใช้สมองซีกขวา แล้วสร้างกระบวนการสังเคราะห์ขึ้นมาโดยส่งสายธารแห่งการรู้แจ้ง สายธารแห่งการหยั่งรู้ ทำการปลดปล่อยมันออกมา แล้ววางคำถามไว้ในสมาธิในการคิดนั้นให้ได้ แล้วพวกท่านจะค้นพบด้วยตัวของพวกท่านเองได้ ตอนนี้อย่าเพิ่งเชื่อหรือไม่เชื่อ จงฟังแล้วเก็บไปเป็นความรู้ใส่ตัว ... " จิตจักรวาล " สามารถเคลื่อนที่ไปได้ไกลมาก เคลื่อนที่ไปได้ในทุก ๆ ที่ แต่จะไม่เข้ามาในสนามพลังของโลก เพราะว่าเป็นคนละระบบกัน " จิตจักรวาล " จะเข้ามาได้ต้องแบ่งพลังงานออกมาเป็นจิตวิญญาณ อย่างที่ได้เล่าให้ฟังแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าหากมนุษย์เราต้องการการหลุดพ้น มนุษย์เราก็ต้องกลับไปเอา " ตัวตนอันสูงส่ง " ของตัวเอง ที่วิหารแห่งนี้เสมอ
 
หลายคนส่งคลื่นความคิดถามขึ้นอีกว่า จะไปวิหารแห่งนี้ได้มั๊ย ทั้ง ๆ ที่ยังเป็นมนุษย์อยู่ ก็ขอตอบว่า เราจะไปที่วิหารนี้ได้ ครั้งแรกก่อน มาเกิดเป็นมนุษย์ ครั้งที่สองก็คือตอนตายใหม่ ๆ เราจะต้องไปที่นั่นเสมอ เพื่อจะสรุปบทเรียนของตนเองว่าบรรลุหรือไม่ หรือยังมีบททดสอบไหนที่บกพร่องอยู่อีก แต่ถ้ามนุษย์ตั้งจิตเจตนาว่า ชาติใด ๆ ก็แล้วแต่ที่เกิดมาเป็นมนุษย์ต้องการบรรลุการรู้แจ้ง มนุษย์ต้องกลับไปเอา " ตัวตนอันสูงส่ง " ของตัวเอง แล้วก็พากันกลับไปสู่สนามพลังงานตามเดิม แต่จะฝ่ากรรมไปได้หรือไม่ ถ้ามีกรรมบวกอยู่ เราต้องอยู่เพราะกรรมมันเป็นสัมภาระของมนุษย์ ใครทำใครก่อ ไม่ว่ากรรมดีกรรมชั่วเป็นของตัวเอง ใครทำใครได้ ทำแทนกันไม่ได้ ทุกคนจะต้องระลึกไว้เสมอว่า จงอย่าทำกรรมอะไรไว้ ถ้าท่านต้องการบรรลุการรู้แจ้งด้วยปัญญาญาณของท่าน ท่านจงอย่าสร้างกรรม ถ้าทำบุญก็จงอย่าหวังสิ่งตอบแทน ถ้าท่านยังหวังสิ่งตอบแทนท่านจะไม่มีวันหลุดพ้นไปจากจักรวาลโลกนี้ได้
 
อยากให้นักรบแห่งแสงสว่างทุกคน เข้าใจเรื่องสุดท้ายที่ " จิตจักรวาล " อยากจะกล่าวในคืนวันนี้ ก็คือ เรื่องที่หลายคนกลัวโลกจะแตกในปี ค.ศ. 2000 ก็อยากจะฝากนักรบแห่งแสงสว่างทุกคนให้เกิดสติ ทางวิญญาณว่า ที่ " จิตจักรวาล " พยายามลงมาสื่อสิ่งเหล่านี้ให้กับมนุษย์ ก็เพื่อให้พวกเราทุกคนเป็นนักรบแห่งแสงสว่างที่ไม่เดินหลงทาง อยากให้นักรบแห่งแสงสว่างทุกคนมีสติ สามารถเดินไปสู่เส้นทาง เป้าหมายที่เป็นทิศทางตรง ไม่ต้องเดินอ้อมสะเปะสะปะอย่างที่เรียกกันว่าเป็นมนุษย์ที่สับสน มนุษย์ต้องรู้จักสร้างสมดุลในตัวเอง รู้จักว่า อันไหนกาย อันไหนจิต ทำกายกับจิตให้มารวมเป็นหนึ่งเดียวให้ได้ ที่ที่กายกับจิตมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวนั้นคือ ที่ตั้งของวิญญาณท่าน จงหามันให้พบ พลังอำนาจในตัวท่านก้จะเกิดขึ้น
 
ฝากเรียนนักรบแห่งแสงสว่างทุกคนว่า มนุษย์เราที่มีชีวิตอยู่มาถึงบัดนี้ล้วนได้รับของขวัญที่สำคัญจากจักรวาลอยู่ 2 ชิ้น ชิ้นที่หนึ่งจาก คลื่นพลังงานสุริยะที่เป็นคลื่นแม่เหล็กส่งมาจากดวงอาทิตย์ด้วยความเร็วประมาณหนึ่งล้านกิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งได้ส่งมาถึงโลกเราแล้ว ขณะนี้ปรากฏการณ์ที่เป็น พายุธรณี พายุแม่เหล็กต่าง ๆ เป็นผลมาจากการส่งคลื่นแม่เหล็กจากใจกลางดวงอาทิตย์มากระทำต่อโลกโดยตรง เพื่อต้องการจะขับเคลื่อนแกนแม่เหล็กของเรานี้ให้มันเคลื่อนไปได้ 3 องศาจากเดิม เพื่อปรับเปลี่ยนแนวของโครงสร้างเส้นแรงแม่เหล็ก โลกเสียใหม่ ซึ่งทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหน หรือมีการศึกษาระดับไหน ๆ ก็จะมีโอกาสเท่าเทียมกันในการรู้แจ้ง นอกจากนั้นในขณะที่ ส่งคลื่นพลังมา จักรวาลก็ยังช่วยยกระดับจิตสำนึกของนักรบแห่งแสงสว่างอย่างพวกเราทุกคนให้มีจิตสำนึกที่สูงส่งขึ้นด้วย
 
ของขวัญชิ้นที่สองที่จักรวาลมอบให้แก่มนุษย์ก็คือ การระเบิดกรรมโดยกลุ่มคลื่นพลังงานที่รุนแรงและเข้มข้นกว่าเก่า ซึ่งขณะนี้ กำลังเดินทางมายังโลก และรูปธรรมชั้นสูงในจักรวาลได้มารวมตัวกันประมาณแสนกว่าตนอยู่ในยานที่อยู่ในวงโคจรของดาวจูปิเตอร์ หรือดาวพฤหัส เพื่อช่วยขับเคลื่อนแกนแม่เหล็กโลกให้ขยับไปอีกหนึ่งองศาครึ่ง คลื่นพลังงานนี้จะเป็นคลื่นสีครามเป็นคลื่นพลังงาน ที่บนโลกใบนี้ไม่มี เป็นพลังงานแห่งความรักที่ให้กับมนุษย์ เพราะฉะนั้นมนุษย์ต้องมีสติ พยายามฝึกหัดสมาธิด้วยวิธีแบบใหม่ที่ " จิตจักรวาล " ได้แนะนำไปแล้วเมื่อครู่ พยายามหัดฟังสัญชาตญาณของตนเอง พยายามหัดฟังลางสังหรณ์ของตนเอง พยายามฟังจิต ของตัวเราเองให้มาก ๆ อย่าดำรงตนอยู่ในความประมาท อย่าติดยึดอยู่กับการเชื่อหรือไม่เชื่อ ถึงจะรู้สึกไม่เชื่อก็ขอให้เปิดใจให้กว้าง และรับฟังไว้ก่อน จากนั้นให้พยายามวิเคราะห์และสังเคราะห์ดูเอง แล้วจะพบคำตอบได้เอง ปรากฏการณ์ใดที่จะเกิดขึ้น จักรวาลรู้ล่วง หน้าเสมอ แต่การตัดสินใจต่าง ๆ เป็นเรื่องของมนุษย์ เป็นเรื่องของนักรบแห่งแสงสว่างทุกคน ตัวเองเป็นผู้ตัดสินและเป็นผู้กระทำ ใจของแต่ละคนนั้นสำคัญที่สุด ใจเท่านั้นที่จะเป็นผู้ทำให้มนุษย์มีพลังอำนาจสูงสุดได้
 
อยากจะฝากอีกว่า กระบวนการในการที่จะเกิดภัยอันตรายบนโลกมนุษย์นั้น มันจะกระจายไปทั่วโลก จะรุนแรงมากน้อยขึ้นอยู่กับบุพกรรม ของคนชาตินั้น และของผู้นำของประเทศนั้น ท่านจงตั้งจิตตั้งสติให้มั่น อย่ามีความหวาดกลัวจนสติแตก จักรวาลต้องการใช้บทเรียนที่สำคัญ บทหนึ่งเพื่อสอนมนุษย์ สร้างความพร้อมให้กับมนุษย์ที่ยังเหลืออยู่บนโลก ให้สามารถผ่านบททดสอบได้อัตโนมัติโดยทุกคนไม่รู้ เพราะที่ ผ่านมารอให้ผ่านกันแล้วไม่ค่อยจะผ่าน นั่นก็คือ การให้มนุษย์เรารู้จักปลดปล่อยพลังงานความรักออกมาให้แก่เพื่อนมนุษย์ให้ได้ พลังงาน แห่งความรักที่เกิดจากสมองซีกขวา ! มันมีอยู่วิธีเดียวที่จักรวาลจะทำได้ คือ ทำให้มนุษย์เราเกิดความกลัว ความกลัวเป็นตัวเดียวเท่านั้น ที่จะเป็นสะพานพาไปสู่การสั่นสะเทือนในจิตสำนึกและปลดปล่อยพลังงานด้านบวกออกมา
 
ความกลัวเป็นบทเรียนอันสำคัญ ท่านนักรบแห่งแสงสว่างที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ทุกคน จงเข้าใจว่า ถ้าท่านมีสมาธิ แสดงว่าท่านมีสติ ท่านมีปัญญา จงมีความหนักแน่น จงเอาสติของท่านวางไว้ให้มั่น เมื่อท่านคุมสติของท่านได้ จงช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์คนอื่น ๆ ที่เป็นผู้ยากไร้ด้วยเถิด จงช่วยเขาให้รอดพ้นจากภยันตรายทั้งปวง จักรวาลมอบความรักมาให้กับทุก ๆ คนแล้ว มอบความรักให้ด้วยพลังงานสั่นสะเทือนไปทั้ง จักรวาล ขอให้ทุกคนจงบรรลุเป้าหมายเส้นทางแห่งการรู้แจ้งด้วยเทอญ
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


 
 
2.3 ผมคือครายออน
 
" จิตจักรวาล " ตามที่อาจารย์ปริญญาบอกกับผมนั้น มีลักษณะเป็น " ครู " ( Master ) ขณะที่ " ครายออน " เป็นนักเทคนิคผู้มาทำหน้าที่ ปรับสนามแม่เหล็กโลกเป็นครั้งที่ 3 โดยที่ " ครายออน " ไม่เคยจุติลงมาเกิดเป็นมนุษย์เลยแม้แต่ครั้งเดียว ในหนังสือ " ครายออน เล่ม 1 ยุคแห่งการสิ้นสุด " " ครายออน " ได้พูดถึงตัวเองเอาไว้ว่า

" ผมคือครายออน ผู้มาจากอำนาจแม่เหล็ก แท้จริงแล้วผมมิได้ชื่อครายออน และผมมิใช่มนุษย์เพศชายด้วย แต่ด้วยพื้นฐานข้อจำกัดทาง ความคิดแบบจิตมนุษย์ จึงทำให้คุณไม่อาจเข้าใจสิ่งที่ผมเป็น ความจริงชื่อของผมคือกลุ่มความคิดที่มีพลังงานห่อหุ้มไว้ " กล่องพลังงาน ความคิด " อย่างหนึ่ง ผมคือสิ่งที่มาจากแรงดึงดูด รูปธรรมของผมคือ การให้บริการอย่างหนึ่ง ผมไม่เคยเป็นมนุษย์หรือสิ่งอื่นใดนอกจาก ครายออน "

" ผมเป็นผู้รับใช้ของอำนาจแม่เหล็ก ผมได้สร้างระบบเครือข่ายแม่เหล็กบนโลกของคุณ การสร้างสรรค์ระบบโครงข่ายนี้กินเวลาชั่วกัปกัลป์ ตามเวลาบนโลก มันได้รับการเปลี่ยนให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อให้เหมาะสมกับแรงสั่นสะเทือนทางกายภาพของโลกที่ กำลังวิวัฒนาการ "

" ผมเคยมาที่โลกนี้ 2 ครั้งแล้วในอดีตกาล เพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนและปรับปรุงโลกให้ดีขึ้น จะได้เหมาะสมสอดคล้องกับการเจริญเติบโต ของมนุษย์ชาติในแต่ละครั้งที่มีการปรับเปลี่ยนสนามแม่เหล็ก มวลมนุษย์ส่วนใหญ่ได้ถูกกวาดล้างไปเพื่อวัตถุประสงค์อันนี้ และในแต่ละครั้ง อีกเช่นกันที่จะมีสิ่งมีชีวิตหลงเหลืออยู่เพื่อสืบสายพันธุ์ คราวนี้ผมมาที่นี่อีกเป็นครั้งที่ 3 และคงเป็นครั้งสุดท้ายของผมด้วยจุดประสงค์เช่น เดียวกับครั้งก่อน ๆ "

" การเคลื่อนตัวของเปลือกโลกจะนำมาซึ่งมหันตภัยต่อมวลมนุษย์ น้ำในมหาสมุทรจะล้นไหลบ่าเข้าท่วมผืนแผ่นดิน เปลือกโลกจะโค้งร้าว อย่างรุนแรง ดวงจันทร์จะดึงดูดบริเวณแผ่นดินใหม่ออกมา และทำให้พื้นผิวโลกระส่ำระสาย ภูมิอากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนเห็น ได้ชัด ภูเขาไฟทีรอการปะทุระอุอยู่นั้นจะระเบิดออกมาทั่วโลก .. นี่คือกระบวนการที่เกิดขึ้นเมื่อผมมาที่นี่ครั้งแรก ในอนาคตอันไกล้ ( ขณะที่ถ่ายทอดข้อความนี้คือปี พ.ศ.1992 ) โลกของคุณอาจเผชิญกระบวนการเช่นนี้อีกครั้ง แต่นี่ไม่ใช่การล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์หรอก เพราะพวกคุณบางส่วนจะยังคงอยู่ เพียงแต่จะอยู่ในสถานที่ที่แตกต่างไปจากเดิมเท่านั้น "

" จุดจบของคุณ ควรจะเป็นจุดจบในวัฏสงสารนี้ ถ้าหากคุณสามารถบรรลุทางจิตวิญญาณที่สูงขึ้นได้ งานของผม มันคือการเคลื่อนตัวของ อำนาจแม่เหล็ก และเป็นการวางแนวโครงข่ายแม่เหล็กครั้งใหม่ของโลก เพื่อให้เหมาะสมกับเวลาช่วงสุดท้ายแห่งยุคเก่าของพวกคุณ "

" ขั้นตอนของผมต้องใช้เวลาประมาณ 10-12 ปีจึงจะสำเร็จ นับแต่นี้ไปจนถึงปี ค.ศ. 2002 ( พ.ศ.2545 ) จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็น ค่อยไป ประมาณปี ค.ศ. 1999 คุณก็จะรู้ว่า ผมกำลังพูดถึงอะไร ... ผมมาถึงที่โลกนี้ในปี ค.ศ. 1989 เพื่อเริ่มงานของผม ขณะนั้นมนุษย์ บางส่วนได้เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองไปแล้ว มีกลุ่มรูปธรรมชั้นสูงในจักรวาลที่ให้การสนับสนุนผมอยู่ในวงโคจรของดาวจูปิเตอร์ การสนับสนุน ของพวกเขาที่มีต่อผมคือ การสนับสนุนทางพลังงานและวิธีในการปฏิบัติงานของผม แม้ว่าตัวผมเองจะเป็นอำนาจแรงดึงดูด แต่ผมก็ไม่อาจ ทำงานนี้เพียงลำพังได้ "

" ผมต้องใช้เวลาถึง 3 ปี ในการตระเตรียมต้อนรับ การเริ่มต้นของปี ค.ศ. 1992 การเปลี่ยนแปลงได้เริ่มต้นขึ้นแล้วนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ปี ค.ศ. 1992 และจะดำเนินการไปตามกระบวนการที่ใช้เวลา 11 ปี เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอันสมบูรณ์แบบตามที่มุ่งหวังไว้ในวันที่ 31 ธันวาคม ปี ค.ศ. 2002 เมื่อถึงเวลานั้น ผมคงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว เพราะภาระหน้าที่ของผมนั้นจะกินเวลาไม่มากไปกว่ากว่า 14 ปี ซึ่งเป็น ช่วงเวลาที่สำคัญและมีความหมายมากต่อโลก จงอย่าทำสิ่งใดผิดพลาด เพราะผมคือผู้ที่คุณคาดหวังไว้ ผมคือผู้ที่ได้รับเลือกให้มารับผิดชอบ การวางแนวระบบใหม่ และจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อพลังงานของคุณอย่างเห็นได้ชัด "

" ผมคือครายออน หน้าที่อันดับแรกของผมที่มีต่อคุณในฐานะที่เป็นครายออนคือ มีความรักต่อคุณ หน้าที่อันดับต่อไปคือ รับใช้คุณ ด้วยความรู้ทางอำนาจแม่เหล็กที่ผมมีอยู่ เพราะคุณคือนักรบแห่งแสงสว่าง "

" ผมคือครายออน ผู้รับใช้ทางอำนาจแม่เหล็ก จงคิดถึงผมเมื่อคุณมีความสงสัย หรือตกอยู่ในความหวาดกลัว ความคิดของคุณจะสามารถ เปลี่ยนเป็นความสงบสุขได้ "

" ผมคือครายออน สีสันที่แท้จริงของรูปธรรมครายออน คือสีทองแดงสุกใส หากคุณถอดจิตดูผมได้ คุณจะเห็นว่าผมมี 11 เหลี่ยม หรือ 11 ด้าน และแต่ละเหลี่ยมหรือแต่ละด้านก็มีรูปแบบอย่างหนึ่งที่มิได้มีเหลี่ยมมุมที่ตรงกัน และไม่มีด้านใดคล้ายคลึงกันเลย ดุจหน้าต่าง ที่ทำด้วยกระจกสี มันจะถูกแบ่งออกเป็นเสี้ยวส่วนต่าง ๆ แต่ละด้านก็จะมีสีสันเป็นของตนเอง เมื่อคุณเข้ามาไกล้ตัวผมและล้อมรอบตัวผม ผมจะเริ่มหมุนวน เมื่อผมหมุนวนตัวจนกลายเป็นแรงสั่นสะเทือนซึ่งเป็นพลังงานของครายออน คุณจะมองเห็นสีสันของผมที่เกิดขึ้นซึ่งเป็น พลังงานของครายออนอีกเช่นกัน เพราะมันคือสิ่งสุดยอดแห่งการหมุนตัวของทั้ง 1 ด้านเข้าด้วยกัน และรวมกันเป็นหนึ่งเดียว "

" คุณคือมนุษย์ที่ควบคุมการทำงานของผม ในยุคพลังงานใหม่นี้ คุณมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงบุพกรรมที่สั่งสมมาของคุณเองได้ด้วย การมาของผมและภารกิจของผม คือ การร่วมมือกับการปฏิบัติตัวของคุณ ... ยุคแห่งการสิ้นสุดลงของพลังงานเก่านี้ได้ถูกทำนายไว้ ล่วงหน้าแล้ว ภายใต้การเรียกชื่อที่แตกต่างกันออกไปตามวัฒนธรรมและขณะนี้เวลานั้นก็มาถึงแล้ว บริเวณที่คุณอาศัยอยู่บนโลกและผู้คน ที่คุณกำลังทำงานด้วยนั้นคือส่วนหนึ่งของระบบกลุ่มกรรมของคุณ พลังอำนาจใหม่ที่คุณได้รับนี้ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคุณในการนำไปใช้ เปลี่ยนแปลงโลก โลกยังต้องการพวกคุณเป็นจำนวนมากในการก้าวกระโดดครั้งใหญ่นี้ "

" โครงสร้างระบบความคิดของคุณจะเปลี่ยนไป คุณจะไม่ซึมซับรับเอาพลังงานด้านลบอีกต่อไป แต่คุณจะเป็นสื่อกลางที่ถ่ายทอดพลังงาน ด้านบวกให้กับทุกที่ที่คุณเดินทางไป ...บางทีคุณอาจไม่เชื่อก็ได้ แต่จงรู้ไว้เถิดว่า ถ้อยคำต่าง ๆ ในหนังสือเล่มนี้มีไว้สำหรับคุณ คุณมิได้อ่าน หนังสือเล่มนี้โดยบังเอิญ แต่เป็นเพราะสถานการณ์ที่เหมาะสมที่ได้นำหนังสือเล่มนี้มาอยู่บนมือคุณ แน่นอนว่า คุณมีสิทธิ์ที่จะเลือกนำไป ปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติก็ได้ "

" โปรดจำไว้ว่า ไม่มีรูปธรรมใดในจักรวาลที่ทราบว่า คุณจะทำอย่างไรต่อไปในอนาคตอันไกล้นี้ ถ้าคุณได้รับภาพนิมิตของเหตุการณ์ ในอนาคต จงชั่งน้ำหนักเหตุการณ์เหล่านั้นตามที่คุณมีความรู้อย่างแท้จริง จงคงอยู่ในแรงสั่นสะเทือนของพลังงานความรักและรวมตัว กันในการตัดสินใจ เพราะคุณจะมีพลังและญาณหยั่งรู้มากขึ้นเมื่ออยู่รวมกันเป็นกลุ่ม "

" โปรดเข้าใจด้วยว่า การสื่อสารที่แท้จริงของผมที่มีต่อคุณนั้น อยู่ในแรงสั่นสะเทือนของพลังงานความรัก ส่วนข้อมูลนั้นเป็นสิ่งสำคัญ รองลงไปและเกิดขึ้นตลอดเวลา ข่าวสารที่แท้จริงคือเรื่อง พลังอำนาจของพลังงานใหม่ และผมต้องการให้คุณรู้สึกถึงพลังนั้น "

" คุณจะได้รับการยอมรับและการยกย่องมากเมื่อคุณกลับมาอยู่กับพวกเราอีกครั้ง คุณคือสิ่งหนึ่งที่ได้รับการเคารพนับถือมากที่สุดในบรรดา รูปธรรมด้วยกันเพราะคุณคือนักรบแห่งแสงสว่าง ... นี่คือจุดประสงค์ของคุณขณะที่คุณอยู่บนโลกนี้ และมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่คุณเลือก จะอยู่ที่นี่ ( หรือกำลังอ่านข้อความนี้อยู่ ) คุณเป็นคนที่พวกเรารับใช้ด้วยความรัก พวกเราอยู่ที่นี่ก็เพราะสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ เรารับใช้คุณ เรารักคุณ พวกเราทั้งหมดที่กำลังทำหน้าที่อยู่นี้ ให้การยอมรับและรักคุณอย่างลึกซึ้งต่อการทำงานของคุณเพื่อโลก เพื่อยกแรงสั่นสะเทือน ของโลกให้สูงขึ้น "

" จงรู้ไว้ด้วยเถิดว่า เมื่อคุณอยู่ในสภาพสมดุล ทุกอย่างก็จะทำงานไปเพื่อประโยชน์ของมวลสรรพสิ่ง ไม่ว่าร่างกาย จิตใจ และวิญญาณของคุณ ความอุดมสมบูรณ์จะหลั่งไหลมาสู่ตัวคุณ คุณจะมีสุขภาพที่ดีและมีความสงบในจิตใจ คุณจะถูกห้อมล้อมไปด้วยคนที่ คุณรัก คุณจะเป็นคนที่มีความสมบูรณ์พร้อมทุกอย่างในสายตาของทุกคน ถ้าหากคุณค้นพบว่าคุณมีสิ่งที่น้อยไปกว่านี้ เมื่อนั้นคุณจำเป็นต้อง ตรวจสอบความสมดุลของคุณแล้ว และจงเรียกหาพลังงานความรักมาช่วยเยียวยาคุณโดยเร็ว "
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


 
 
 
2.4 ความรู้ใหม่จาก " จิตจักรวาล "
 
" จิตจักรวาล " หรือ " พระจิต " ( The Spirit ) ได้ลงมาสื่อสัญญาณกับอาจารย์ปริญญา ตันสกุล อย่างจริงจังต่อเนื่องตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2541 ( ค.ศ.1998 ) หลังจาก " ครายออน " ไม่ต่ำกว่าเจ็ดปี การรับคลื่นความคิดจาก " จิตจักรวาล " ของอาจารย์ปริญญา นับเป็นเรื่อง บังเอิญจริง ๆ เมื่อเขาพบว่า ขณะที่ตนเองนั่งอยู่ตรงหน้าอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เปิดสวิตช์ไว้ คือเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าที่เขานิยมใช้เป็นประจำ เขาก็ได้รับ " คลื่นความคิด " มาเป็นชุด ๆ เกี่ยวกับ " ความรู้ใหม่ " ซึ่งเขายืนยันว่ามิใช่ความคิดหรือความรู้ใด ๆ ของตัวเองเลยแม้แต่ นิดเดียว แต่เป็นความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดผ่านคลื่นความคิด เป็นรหัสสัญญาณในระบบไฟฟ้าแม่เหล็ก เหมือนคลื่นความคิดที่เกิดจาก สมองของคนเรา

ในขณะที่การนำเสนอใน " ครายออน " นั้น รูปแบบที่ " ครายออน " แนะนำตัวเอง พูดกับผู้ฟังหรือผู้อ่านโดยตรง โดยคุณลี คาร์รอล เป็นเพียง " ล่าม " หรือ " ผู้ถ่ายทอด " เท่านั้น มีการแบ่งแยกความเป็น " ครายออน " กับความเป็น " ลี คาร์รอล " อย่างชัดเจนภายใน หนังสือ แต่การนำเสนอหนังสือ " มหัศจรรย์อำนาจแม่เหล็กโลก " ของอาจารย์ปริญญานั้น อาจารย์สื่อออกมาเป็นภาษาวิชาการ มุ่งเน้นที่เนื้อหาความรู้ใหม่ และไม่มีการแบ่งแยกตัวตนของเขากับของ " จิตจักรวาล " ออกมาอย่างชัดเจน

ภาษาของ " ครายออน " นั้นน่ารัก สงบสุข และปลอบโยนจิตใจด้วยลีลาถ้อยคำเรียบง่าย ขณะที่ภาษาของ " จิตจักรวาล " นั้น หนักสมอง อัดแน่นไปด้วยข้อมูลข่าวสารความรู้แต่ขาดความเป็นกันเองและปัจเจกภาพ อย่างไรก็ตาม " ความรู้ใหม่ " จาก " จิตจักรวาล " ที่สื่อผ่าน อาจารย์ปริญญามานั้น มีเนื้อหาที่ใกล้เคียงกับของ " ครายออน " และละเอียดกว่าด้วย ดังที่จะขอนำมาสรุปโดยย่อ ดังต่อไปนี้ ...

( 1 ) ในสนามพลังจักรวาลนั้นจะเต็มไปด้วย " กล่องพลังงานความคิด " หรือ " พระจิต " หรือ " จิตจักรวาล " อันเป็นตัวตนที่แท้จริง อันสูงส่ง ซึ่งเป็นอีกภาคหนึ่งของมนุษย์ดำรงคุณสมบัติอยู่ โดยเกาะเกี่ยวเคลื่อนไหวไปบนโครงข่ายสนามพลังงานนั้น ตัว " จิตจักรวาล " เองแต่ละกล่องแต่ละดวงจะประกอบด้วยอนุภาคของพลังงานขนาดเล็ก ที่มีมวลระดับปรามณู ลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันอยู่ภายใน เปลือกพลังงานที่เข้มข้นกว่าห่อหุ้มไว้ภายนอก โดยนิวเคลียสจะเกิดการสั่นสะเทือนตลอดเวลา เพื่อปลดปล่อยคลื่นพลังงาน และแสง ที่ตามนุษย์มองไม่เห็นออกมาภายนอกอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดนิ่ง

( 2 ) " จิตจักรวาล " ทุกดวงมีคุณสมบัติสำคัญคือ เป็นผู้รอบรู้ในสรรพสิ่งและคุ้นเคยกับพลังงานความรักเป็นที่สุด ภาระหน้าที่าสำคัญ ของ " จิตจักรวาล " มีอยู่ 2 ประการ คือ การดำรงอยู่ต่อไป และการรักษาระดับพลังงานด้านบวกที่สมดุลของสนามพลังงานจักรวาล ที่มีผลต่อการดำรงคุณสมบัติของทุกสรรพสิ่งในสากลจักรวาลอันไพศาลนี้ไว้ได้

( 3 ) " จิตจักรวาล " มีกำเนิดมาจากการระเบิดของดวงอาทิตย์ ทีทำให้กลุ่มพลังงานแผ่กระจายออกมาแล้วมาเกาะกลุ่มรวมตัวกันด้วย พลังงานด้านบวกอย่างลงตัว จนกลายเป็นกล่องพลังงานความคิดและรอบรู้จำนวนมากมายบนโครงข่ายสนามพลังงานในจักรวาล

( 4 ) เหนือสิ่งอื่นใด " จิตจักรวาล " ทุกดวงมีความสัมพันธ์กับมนุษย์บนโลกทุกคนทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางตรงก็คือ มนุษย์ทุกคนที่ได้ รับโอกาสมาเกิดบนดาวเคราะห์โลกที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบันนี้ล้วนมีจิตจักรวาลเป็นของตนเองในต่างมิติด้วยกันทั้งสิ้น เพราะพลังงานของ จิตจักรวาลส่วนหนึ่งถูกแบ่งภาคมาถือกำเนิดพร้อมกับกายมนุษย์อยู่ในโครงสร้างทางชีววิทยาของคนเรา ซึ่งมนุษย์เรียกว่า จิตวิญญาณ โดยที่ตำแหน่งที่ตั้งของจิตวิญญาณอยู่ที่ต่อมพิทูอิทารีในสมองมนุษย์ ส่วนความสัมพันธ์ทางอ้อมระหว่างจิตจักรวาลกับมนุษย์ คือ การสนับสนุนคลื่นความคิดด้านบวก การถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ให้แก่มนุษย์เพื่อสร้างความคิดใหม่ ความรู้ใหม่ที่เป็นประโยชน์ ในการดำเนินชีวิต และสอดคล้องกับความต้องการของมนุษย์แต่ละคนตามจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม

( 5 ) สำหรับ " จิตจักรวาล " ที่มิได้แบ่งภาคพลังงานมาสู่รูปธรรมมนุษย์ ( อย่างครายออน - สุวินัย ) จะมีหน้าที่ในการรักษาความสมดุล ของอำนาจแม่เหล็กโลก ที่เกิดจากคลื่นแม่เหล็กโลกในการโคจรของโลกเสียดสีกับลมสุริยะ ซึ่งเป็นกระบวนการทางเทคนิคของจิตจักรวาล เพื่อรักษาชีวิตมนุษย์และความเป็นไปของทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ไว้ด้วย

( 6 ) การดำรงอยู่ของ " จิตจักรวาล " ทั้งหลายเหล่านี้ ได้ทำให้โครงข่ายสนามพลังงานจักรวาลสามารถเชื่อมต่อกับโครงข่ายสนาม แม่เหล็กโลกอย่างลงตัว จนสามารถโต้ตอบรหัสสัญญาณใด ๆ ในรูปของคลื่นพลังงานที่เกิดจากอารมณ์และการคิดของมนุษย์ได้ โดยกระทำออกมาในรูปของพลังงานกรรม และพลังชีวิตจากจักรวาลเอง

( 7 ) ถ้าหากมนุษย์สามารถมองเห็น พลังงานกรรม ที่ติดตามมาจากอดีตชาติของตนเองได้ มนุษย์จะเห็นมันมีลักษณะคล้ายฟองอากาศสีดำขนาดใหญ่ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาสำหรับมนุษย์แต่ละคนโดยเฉพาะ เพื่อให้มนุษย์เดินฝ่ามันเข้าไป ฟองอากาศสีดำที่เป็นเงามายานี้ จะเคลื่อนตัว เข้าหามนุษย์ที่เป็นเจ้าของกรรม แล้วปกคลุมตัวผู้นั้นเอาไว้ ซึ่งจะมีผลให้ผู้นั้นเกิดอารมณ์ไม่ปกติ เพราะขาดสมดุลไป เช่น ความรู้สึกทุกข์ ร้อนใจ วิตกกังวล หวาดกลัว โดยหาคำตอบให้แก่ตัวเองไม่ได้ แต่ภายในฟองอากาศสีดำที่ว่านี้ จะมีแสงสว่างอยู่ภายใน การผ่านบทเรียน หรือบททดสอบนี้ให้ได้ก็คือ การที่มนุษย์ผู้นั้นจะต้องเดินฝ่ามันเข้าไปสู่ใจกลางของฟองอากาศเหล่านี้ เพื่อพบกับแสงสว่างที่เร้นอยู่ภายใน และในทันทีที่พบกับแสงสว่าง ฟองอากาศสีดำดังกล่าวก็จะแตกกระจัดกระจาย ทำให้กรรมจากอดีตชาติของผู้นั้นก็จะกระจัดกระจายหายไป จากบทเรียนชีวิตของผู้นั้นไปตลอดกาลด้วยนี่คือ วิธีการผ่านบทเรียนบนโลกนี้ของมนุษย์ในการกำจัดกรรมของตน ที่จิตจักรวาลเปิดเผย ออกมา และมนุษย์ที่ผ่านบทเรียนเช่นนี้ได้จะได้รับการยกย่องทั่วจักรวาลว่าเป็น " นักรบแห่งแสงสว่าง " ( THE WARIOR OF LIGTH )

( 8 ) " จิตจักรวาล " ยังได้เปิดเผยอีกว่า พลังกาย พลังจิต และพลังงานวิญญาณของมนุษย์ เป็นสิ่งที่จะต้องสมดุลกันและรวมกัน เป็นหนึ่งเดียว ถ้าคนเราสามารถรวมกาย จิต และวิญญาณให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ เขาก็จะสามารถเป็นผู้รู้แจ้งได้เมื่อนั้น ( สิ่งทำให้ ผมนึกถึงวิชาลม 7 ฐาน - สุวินัย )

( 9 ) ในขณะที่ความสมดุลทางจิตวิญญาณเป็นเรื่องของการรวมกายจิตและวิญญาณให้เป็นหนึ่งเดียว ส่วนความสมดุลทางชีวภาพของ มนุษย์กลับเป็นสภาวะความสมดุลกันทางแม่เหล็กของเซลล์แต่ละเซลล์ในร่างกายซึ่งเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับอำนาจแม่เหล็กโลกด้วย การฝึกหมุนตัว คือ วิธีการบำบัดและรักษาสมดุลทางแม่เหล็กของเซลล์ของคนเราที่ " จิตจักรวาล " แนะนำ ( สิ่งนี้ทำให้ผมนึกถึงวิชาฝ่ามือมังกรแปดทิศ - สุวินัย )
 
( 10 ) การมาสู่รูปธรรมที่มีชีวิตของมนุษย์บนโลกทุกคน แท้จริงแล้วล้วนมีเป้าหมายหลักที่สำคัญคือ การหาหนทางเพื่อรวม กาย จิต และวิญญาณ ให้เป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อให้เกิดพลังงานที่มีอิทธิพลด้านบวกและเพื่อยกระดับจิตสำนึกของตัวมนุษย์เองให้สูงขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อการยกระดับจิตสำนึกของโลกให้สูงขึ้นด้วย นี่คือเป้าหมายหลักที่เป็นความรับผิดชอบของมนุษย์ในการผ่านการทดสอบ บทเรียนของตัวเองซึ่งเป็น พันธสัญญา ก่อนลงมาเกิดเป็นมนุษย์

( 11 ) เพราะฉะนั้นพฤติกรรมใด ๆ ที่มนุษย์แสดงหรือกระทำต่อกัน ถ้าเป็นพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ แม่เพียงแค่การคิดโดยไม่กระทำ พลังงานของพฤติกรรมเหล่านั้นจะเกิดขึ้นทันที ซึ่งเป็นพลังงานที่มีสภาพเป็นลบ ขณะที่พฤติกรรมที่พึงประสงค์จะเป็นพลังงานด้านบวก ( หรือ พลังบุญ นั่นเอง - สุวินัย ) แต่ไม่ว่าจะเป็นพลังงานด้านลบหรือด้านบวกต่างก็จะถูกส่งผ่านออกมาภายนอกร่างกายมนุษย์ คล้าย ๆ กับการเกิดพลังงานผลกรรมของมนุษย์ในแต่ละภพชาติ ซึ่งจะคงตัวอยู่ในจักรวาลชั่วนานเท่านาน จนกว่าเจ้าของผลกรรมนั้นสามารถจะ กำจัดมันไปได้

( 12 ) ทั้งผลกรรมและพฤติกรรมจะปรากฏอยู่ในรูปของพลังงานทั้งสิ้น เพียงแต่พลังงานจากพฤติกรรมจะมีสภาพของความเป็นบวกลบ ทางคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นคุณสมบัติอยู่ด้วยเท่านั้น และผลรวมของพลังงานจากพฤติกรรมใด ๆ ของมนุษย์ย่อมเป็นพลังงานทางแม่เหล็ก ไฟฟ้าที่มีผลต่อความสมดุลของสนามแม่เหล็กโลก หากมีสภาพเป็นลบมาก ๆ โลกก็จะขาดสมดุล เกิดปรากฏการณ์ภูมิอากาศวิปริตแปร ปรวน แห้งแล้ง น้ำท่วม อุณหภูมิโลกสูงขึ้น ฯลฯ ปรากฏการณ์บางอย่างมนุษย์อาจหาสาเหตุได้ แต่บางอย่างก็ไม่รู้สาเหตุ

( 13 ) มนุษย์สามารถหลีกเลี่ยงปรากฏการณ์ธรรมชาติข้างต้นได้ ถ้าสามารถทำให้ผลรวมของพลังงานเมื่อหักล้างกันแล้วมีสภาพเป็นบวก งจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์ส่วนใหญ่เริ่มรู้จักใช้พลังงานแห่งความรักอันเป็นพลังอำนาจสูงสุดในจักรวาลมาเป็นแก่นแท้ของอารมณ์ตนเอง ได้แล้วเท่านั้น

( 14 ) ความเป็นนักรบแห่งแสงสว่าง คือ เกียรติยศอันสูงส่งที่มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาเป็นรูปธรรมมนุษย์ที่มีชีวิตในจักรวาลนี้ควรภูมิใจ เพราะมีแต่ต้องเกิดมาเป็นมนุษย์เท่านั้นถึงจะได้รับเกียรติยศอันนี้ได้ สถานภาพของการเป็นนักรบแห่งแสงสว่างของมนุษย์แต่ละคน ๆ ต่อการกำจัดผลกรรมใด ๆ ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็น พันธสัญญา ( AGREEMENT ) อันเป็นเงื่อนไขดั้งเดิมซึ่งมนุษย์เองเป็นผู้ร่วมวาง แผนบทเรียนกรรม จัดทำหลักสูตรของตนเองเอาไว้ล่วงหน้า ก่อนก้าวมาสู่รูปธรรมมนุษย์ในมิติที่ต่ำกว่า คือ โลกใบนี้ โดยที่บทเรียน นั้นคือโจทย์ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างท้าทาย โดยละเว้นคำตอบไว้ เพื่อใช้ในการทดสอบความสามารถของตนเองในสภาพของความเป็นมนุษย์ ว่าจะบรรลุผลสำเร็จได้หรือไม่ และทำได้อย่างไร

( 15 ) การตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว ความหนักแน่นมั่นคงในเป้าหมาย ความตั้งใจในการลงมือทำด้วยหัวใจที่ฮึกเหิมเยี่ยงมังกร ด้วยความกล้าหาญดุจดังพยัคฆ์ มีความมุ่งมั่นมานะพยายามโดยไม่หวั่นกลัว ไม่หวั่นไหว ต่ออุปสรรค ไม่ยี่หระต่อคำเยาะเย้ยถากถาง ไม่ย่างก้าวอย่างหวาดกลัว ใช้พลังสติของตัวขับดันตนเองไปสู่จุดหมายแห่งการรู้แจ้งให้จงได้คือ ส่วนผสมของพลังงานทางอารมณ์ ด้านบวกของผู้ที่เป็นนักรบแห่งแสงสว่าง

( 16 ) ขณะนี้โลกกำลังอยู่ในช่วงการปรับเปลี่ยนสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 2002 ( 2545 ) โดยที่เป้าหมาย ในการยกระดับความเข้มสนามแม่เหล็กโลกของจักรวาลในครั้งนี้ก็คือ ต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นนี้ไปเปลี่ยนแปลงโลกสู่ความสมดุล และเปลี่ยนแปลงมนุษย์ทุกคนให้มีจิตสำนึกที่สูงขึ้นด้วยอำนาจแม่เหล็ก

( 17 ) ในการสร้างความสมดุลของโลกนี้ " จิตจักรวาล " บอกว่า จะมีมนุษย์จำนวน 1 % ของประชากรโลกที่ต้องจบชีวิตลงด้วย ภัยธรรมชาติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วทุกทวีปไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย ผู้เสียชีวิตเหล่านี้เป็นมนุษย์ผู้เสียสละอันยิ่งใหญ่ตามพันธสัญญาที่พวกเขา เหล่านั้นได้ให้ไว้ต่อจักรวาล เป็นการวางแผนของพวกเขาล่วงหน้าก่อนมาเกิดเป็นมนุษย์ในชาตินี้ ส่วน 99 % ของมนุษย์ที่เหลือ ถ้าหากเป็นคนที่ไม่รู้จักใช้ความอดทน อดกลั้น ไม่รู้จักให้อภัย ไม่รู้จักมอบพลังงานความรักให้แก่ผู้ที่ด้อยกว่า ขาดความสมดุล เต็มไปด้วยพฤติกรรมขยะ ประพฤติตนเป็นที่น่ารังเกียจของผู้อื่น บุคคลเหล่านี้ " จิตจักรวาล " บอกว่า จะต้องตกเป็นเหยื่อของ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ด้วยเช่นกัน พวกเขาจะอยู่อย่างทุกทรมาณ และต้องตายด้วยอายุขัยอันแสนสั้น เพราะเชื้อโรคร้ายชนิดใหม่ หรือการเจ็บป่วยเรื้อรัง หรือการตายอย่างฉับพลันเพราะโรคเครียด บางคนอาจเสียสติไปเลย

( 18 ) ในอดีต รูปธรรมชั้นสูงต่าง ๆ มากมายจากมิติต่าง ๆ ทั่วจักรวาล ได้พากันมายังโลกใบนี้ เพื่อคุ้มครองและรักษาพลังงานความสมดุล ให้แก่โลกและมนุษย์ทั้งระบบด้วยพลังงานความรักอันสูงส่ง ซึ่งมนุษย์ทั่วไปอาจยังไม่รู้ว่า รูปธรรมชั้นสูงเหล่านี้ได้ปฏิบัติหน้าที่ดั่ง " ผู้ถือคบเพลิง " ให้แก่โลกใบนี้มาโดยตลอด แต่มาบัดนี้ รูปธรรมชั้นสูงเหล่านี้กำลังจะจากโลกใบนี้ไปแล้ว เพราะเห็นแล้วว่า ขณะนี้มี มนุษย์จำนวน 144 , 000 คนที่กำลังดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้ด้วยวิถีแห่งสัจธรรมในฐานะ ผู้บรรลุการรู้แจ้ง และมีความสมดุลทางจิตวิญญาณ ได้พร้อมต่อการรับหน้าที่ที่สืบทอดการเป็น " ผู้ถือคบเพลิง " เพื่อมนุษย์อื่น ๆ และเพื่อโลกใบนี้แล้ว

( 19 ) พลังงานแม่เหล็กที่เพิ่มขึ้นในครั้งนี้ จะเป็นพลังงานความรักครั้งสุดท้าย ที่จักรวาลมอบให้แก่มวลมนุษย์ เพื่อการเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นมนุษย์ที่สมดุลขึ้น ด้วยสัจธรรมจากธรรมะที่เป็นวิทยาศาสตร์ เพื่อการนี้ " จิตจักรวาล " จึงได้เริ่มถ่ายทอดรหัสสัญญาณจากจิตจักรวาล สู่คลื่นความคิดของบรรดานักวิทยาศาสตร์ ครูอาจารย์วิทยากรผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์แขนงต่าง ๆ ผู้มีจิตสะอาด มีชีวิตที่สมดุลและใฝ่สัจธรรม เพื่อให้เป้นผู้รับสื่อ เพื่อถ่ายทอด " ธรรมะจากวิทยาศาสตร์ " แก่มนุษย์ทั้งหลายอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผู้รับสื่อเหล่านั้นอาจดำเนินการใด ๆ ออกไปโดยไม่ทราบความจริงนี้มาก่อน หรืออาจคิดว่าเหมือนมีสิ่งดลใจให้กระทำ แต่ที่จริงมันเกิดจากแรงบันดาลใจภายในของคนผู้นั้น โดยมีอิทธิพลของพลังงานแม่เหล็กที่จิตจักรวาลถ่ายทอดมาให้พร้อมข้อมูลทางความคิดอันแสนวิเศษ บุคคลเหล่านี้คือ ผู้ถูกเลือก ให้ปฏิบัติ ภารกิจอันยิ่งใหญ่ต่อมวลมนุษยชาติในยุคพลังงานใหม่นี้อย่างแท้จริง

( 20 ) โลกยุคพลังงานใหม่ นับตั้งแต่สิ้นปี ค.ศ. 2002 นี้เป็นต้นไปจะเกิดผลกระทบด้านบวกต่อจิตสำนึกของมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้โดยตรง อันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงความเข้มสนามแม่เหล็กโลก ที่มีอัตราการสั่นสะเทือนสูงขึ้น เพราะความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กโลกที่ เพิ่มขึ้นจะสนับสนุนกิจกรรมทางจิตวิญญาณของมนุษย์ไปสู่การมีพฤติกรรมดี เพิ่มโอกาสแห่งการรู้แจ้ง ช่วยในการปรับเปลี่ยน รหัสบุพกรรมทางชีวภาพของมนุษย์แต่ละคนให้มีอายุขัยที่ยืนยาวยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะต่อมพิทูอิทารีจะถูกพัฒนาประสิทธิภาพให้สูงขึ้น ตามระดับพลังงานที่ได้รับ อันมีผลต่อระดับจิตสำนึกของมนุษย์ในเชิงปัญญาญาณ นอกจากนี้ ต่อมไฮเปอร์ทาลามัส จะทำหน้าที่ร่วมกันกับ ต่อมพิทูอิทารีในการกระตุ้นให้มนุษย์สามารถนำเอาพลังงานอารมณ์ด้านบวกมาใช้กันได้มากขึ้นและสะดวกยิ่งขึ้นกว่าเก่า

( 21 ) ในยุคพลังงานใหม่สิ้นปี ค.ศ. 2002 มนุษย์จะมีความสามารถนำพาตนเองเข้าสู่สัจธรรมเพื่อการรู้แจ้งได้ โดยสามารถเรียนรู้กลวิธี การรวมกายและจิตใจ ( ความคิด ) หรือสติปัญญาตน ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับวิญญาณ ซึ่งเป็นตัวตนที่สูงส่งของตนเองได้ โดยปัญหา อุปสรรคบนเส้นทางแห่งการรู้แจ้งนี้จะลดลง และมนุษย์ส่วนใหญ่ในโลกจะได้รับโอกาสให้บรรลุการรู้แจ้งแบบรวมหมู่ ได้เป็นครั้งแรก ในประวัติศาสตร์ของโลก เพราะต่อมไพนีล หรือ ดวงตาที่สามของมนุษย์ที่ตั้งอยู่บริเวณหว่างคิ้ว ซึ่งถูกเปิดโดยบุพกรรมทางแม่เหล็ก ในเซลล์ร่างกายมนุษย์เองในยุคพลังงานเก่า จะถูกแง้มประตูสู่มิติอื่น ให้เปิดออกได้อย่างง่ายดาย หากคนผู้นั้นสามารถรวบรวมสมาธิได้ ขณะที่แต่เดิมมันถูกปิดไว้อย่างมิดชิด

( 22 ) " จิตจักรวาล " ย้ำว่า " หน้าที่ของมนุษย์ที่สำคัญที่สุดก็คือ จะต้องหาหนทางไปสู่การรู้แจ้งให้จงได้ เพื่อปลดเปลื้องพันธนาการใด ๆ ทั้งกาย จิต และวิญญาณสู่การหลุดพ้น และการจะทำเช่นนั้นได้ กายต้องสะอาด ( กายศักดิ์สิทธิ์ ! - สุวินัย ) จิตสำนึกต้องบริสุทธิ์ ( จิตศักดิ์สิทธิ์ ! - สุวินัย ) วิญญาณถึงจะมีพลังจนสามารถเปิดบานประตูระหว่างมิติ ( ประตูวิญญาณ ! - สุวินัย ) ที่เร้นอยู่กับต่อมไพนีล บริเวณหน้าผากสู่อิสรภาพได้ เพราะประตูบานนี้คือช่องทางเข้าออกของพลังงานที่มีความไวสูงมาก หากผู้ใดปฏิบัติจนวิญญาณได้รับ พลังงานด้านบวกในระดับที่สูงพอ วิญญาณนั้นก็จะมีพลังสามารถละออกจากกายหยาบ เคลื่อนตัวออกมาภายนอกสู่โครงข่าย สนามแม่เหล็กโลก จนสามารถเข้ารวมกับจิตจักรวาลที่เป็นแก่นแท้ของตนคืนสู่ความเป็นอิสระอย่างสมบูรณ์ของจิตวิญญาณได้ คือ สามารถ " หลุดพ้น " ได้ หรือสามารถทำให้จิตเป็นอิสระจากกายได้

( 23 ) " จิตจักรวาล " บอกว่า การหลุดพ้นสามารถบรรลุผลได้ด้วยกระบวนการปฏิบัติดังต่อไปนี้
ก. นึกนำจิตของตนไปไว้ที่หัวใจ เพื่อกำหนดให้หัวใจเป็นรูปธรรมแทนจิตสำนึกของตนเองที่ไร้รูป ข. จูงจิตของตนเองจากหัวใจไปสู่ต่อมไพนีลบริเวณกลางหน้าผากแล้วทำให้ต่อมไร้ท่อนี้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ด้วยพลังงานด้านบวกของจิตนั้น เมื่อเกิดการสั่นสะเทือนขึ้น " ประตูวิญญาณ " หรือบานประตูแห่งมิติจะถูกเปิดออก ค. จากนั้นให้นึกนำจิตต่อไปยังต่อพิทูอิทารีที่ตั้งอยู่ระหว่างคิ้ว แล้วให้จิตจูงวิญญาณออกมาสู่ประตูแห่งมิติที่ต่อมไพนีลตรงกลางหน้าผาก ซึ่งถูกเปิดอ้าไว้แล้ว วิญญาณของผู้นั้นก็จะเป็นอิสระจากกายได้ในทันที เนื่องจากต่อมพิทูอิทารีเป็นบริเวณที่ตั้งของวิญญาณที่ถูกจองจำไว้ จึงต้องใช้จิตจูงวิญญาณจากต่อมนี้มาที่ต่อมไพนีลก่อนปลดปล่อยให้เป็นอิสระ

( 24 ) เมื่อวิญญาณได้รับการปลดปล่อย มนุษย์ผู้นั้นจะต้องจบชีวิตลง เนื่องจากสิ้นสุดภาระการเป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมเรียบร้อยแล้ว แต่หากมนุษย์นั้นซึ่งเกิดการรู้แจ้งจนพร้อมที่จะสู่การหลุดพ้นได้ พอใจที่จะเลือกมีชีวิตอยู่ต่อไป และพร้อมต่อการเวียนว่ายตายเกิดอีก บนดาวเคราะห์ดวงนี้ เขาก็จะได้รับสิทธิพิเศษที่ต้องการนั้นได้ โดยไม่เกี่ยวกับบุพกรรมใด ๆ เหมือนมนุษย์ทั่วไป และจะต้องดำรง สภาพของ " คุรุ " ( พระโพธิสัตว์ ) ผู้มีความสมดุลทางจิตวิญญาณของตนไว้ได้อย่างเสรี เพื่อช่วยชี้ทางแก่เพื่อมนุษย์อื่น ๆ สู่การหลุดพ้นต่อไป

( หมายเหตุ : บางครั้ง " จิตจักรวาล " บอกว่า ต่อมไพนีล คือตาที่สามอยู่บริเวณหว่างคิ้ว แต่บางครั้งก็บอกว่าอยู่บริเวณห้นาผาก เมื่อผมสอบถามกับอาจารย์ปริญญาแล้วก็ยังยืนยันตามนั้น เพราะต่อมพิทูอิทารีไม่มีความเกี่ยวข้องกับการมีดวงตาเห็นธรรมในทัศนะของ " จิตจักรวาล " นอกจากเป็นที่จองจำวิญญาณเท่านั้น )
 
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


 
 
 
จิตจักรวาล กับ ขบวนการ " นิวเอจ "
 
 
 
บทนี้ ผมได้ขอร้องให้ เวทิน ชาติกุล ศิษย์คนที่หนึ่งของผม ผู้ซึ่งจะเป็นนักคิดนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้นขบวนการ นิวเอจ ( New Age ) รุ่นใหม่ไฟแรงคนหนึ่งในอนาคตอันไกล้นี้อย่างแน่นอน ช่วยเขียนขึ้นมาเพื่อเป็นการตรวจสอบวิเคราะห์ ประเมินข้อมูลของ จิตจักรวาล จากอีกแง่มุมหนึ่ง ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระของผมไปได้มากเลย
 

จิตจักรวาล กับ ขบวนการ ' นิวเอจ '
โดย เวทิน ชาติกุล

3.1 เปิดแฟ้มขึ้นมาอีกครั้ง


ประมาณปี ค.ศ. 1991 คลื่นสัญญาณความคิดจากจักรวาลอันไกลโพ้นชุดหนึ่ง ซึ่งเรียกตัวเองว่า ครายออน ได้ติดต่อกับ ชาวอเมริกันคนหนึ่งชื่อ ลี คาร์รอล ซึ่งขณะนั้นเขาเป็นเพียงนักธุรกิจคนหนึ่งเท่านั้น ลีได้สื่อสัญญาณกับครายออน ในหลายเรื่องเป็นระยะ เวลานาน และได้เขียนหนังสือหรือจริง ๆ ต้องการกล่าวว่ารวบรวมตีพิมพ์การสื่อสัญญาณครั้งต่าง ๆ ออกมาเป็นรูปเล่ม ซึ่งถึงปัจจุบัน ( ปี ค.ศ. 1991 ) ออกมาทั้งหมด 6 เล่มด้วยกัน และถือได้ว่าเป็นหนังสือแนว นิวเอจ ( ยุคใหม่ ) ที่ประสบความสำเร็จชุดหนึ่งจนได้รับ การถ่ายทอดเป็นภาษาอื่นอีกมากมาย

สาระประเด็นหลักที่ ครายออน ต้องการนำเสนอต่อชาวโลกก็คือ จาก ปี ค.ศ. 1992 ถึงสิ้นปี ค.ศ. 2002 สนามแม่เหล็กโลกจะถูก ปรับครั้งใหญ่และจะเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากที่ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติได้มีการปรับมาแล้วก่อนหน้าที่ 3 ครั้งด้วยกัน การปรับสนาม แม่เหล็กนี้จะมีผลกระทบต่อโลกในรูปของ ภัยธรรมชาติต่าง ๆ ซึ่งจะนำความกลัวที่ฝังอยู่ในลักษณะเมล็ดพันธุ์แห่งความกลัวในจิตมนุษย์ ให้ปรากฏออกมา ทำให้มนุษย์ต้องเผชิญกับบททดสอบครั้งใหญ่ แต่ด้วยความรักที่มีต่อมวลมนุษย์ ครายออนจึงได้สื่อสัญญาณข้อมูลต่าง ๆ ที่สำคัญเพื่อเป็นแนวทางให้มนุษย์ได้เรียนรู้และสอบผ่านบททดสอบนี้ เพื่อให้จิตของมนุษย์พัฒนาสูงขึ้นไปอีก หรือกลายเป็นสิ่งที่ครายออน เรียกว่า " นักรบแห่งแสงสว่าง "


โชคดีที่หนังสือชุด " ครายออน " ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยแล้ว 3 เล่ม จาก 6 เล่ม แต่โชคร้ายที่ผู้แปลไม่สามารถถ่ายทอดสาระของ " ครายออน " ออกมาให้ผู้อ่านชาวไทยรู้เรื่อง เข้าใจ และตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลเหล่านี้ได้ ทั้ง ๆ ที่หากใครมีต้นฉบับภาษา อังกฤษก็จะเห็นได้ว่า ภาษาและสิ่งที่ครายออนเสนอไม่ได้ยากเย็นขนาดต้องปีนบันไดอ่าน ศัพท์แสงก็ธรรมดา ผมจึงไม่แน่ใจว่าจะมีคน ไทยสักกี่คนที่เข้าถึงสารของครายออนในฉบับแปลภาษาไทยได้อย่างที่คนชาติอื่นเขาได้กัน ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ข้อมูลของ " ครายออน " จะมีบางประเด็นที่น่าสนใจ แต่ในตอนแรก ๆ " มังกรจักรวาล " ก็ยังไม่ได้ใส่ใจมากนัก จึงทำให้เรื่องนี้ถูกปิดแฟ้มไปโดยปริยายในราว ต้นปี ค.ศ. 1998

จนกระทั่ง ประมาณกลางปี ค.ศ. 1998 คลื่นสัญญาณความคิดจากจักรวาลอีกชุดหนึ่งได้ส่งผ่านสัญญาณคลื่นความคิดลงมาที่คนไทยคนหนึ่งคือ อาจารย์ปริญญา ตันสกุล ( โทร. 511 - 4793 หรือ 512 - 1010 ) เท่าที่ทราบอาจารย์ปริญญาเป็นนักธุรกิจและวิทยากรด้านจิตวิทยาพฤติกรรม มนุษย์ที่มีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง พื้นเพทางความคิดของอาจารย์ปริญญาเองก็ไม่ได้สนใจในแนวคิดแบบ นิวเอจ มาตั้งแต่แรกอาจถึงขั้น ไม่เชื่อด้วยซ้ำ และที่น่าแปลกยิ่งกว่านั้นก็คือ ข้อมูลที่คลื่นสัญญาณความคิดที่ไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งอาจารย์ปริญญาเรียกว่า จิตจักรวาลนั้น ได้สื่อสัญญาณผ่านอาจารย์ปริญญาออกมาโดยที่ 95 % จะตรงกับข้อมูลที่สื่อสัญญาณลงมาโดยครายออน ตัวอาจารย์ปริญญาเองก็เขียน หนังสือออกมาเล่มหนึ่งชื่อว่า " พฤติกรรมมนุษย์ มหัศจรรย์อำนาจแม่เหล็กโลก จิตและจักรวาล " ซึ่งสาระที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้คือ สาระเดียวกันกับของครายออน แต่อาจจะต่างกันในรายละเอียดบางส่วน และวิธีการนำเสนอ

ในกระบวนทัศน์ใหม่นั้น สิ่งที่บังเอิญมาสอดคล้องต้องกันนั้น เราไม่ถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ในตัวมันเองจะเป็น สัญญาณ อะไรบางอย่าง ที่เราต้องลุกขึ้นมาหาความหมาย ครูสุวินัยซึ่งเปิดแฟ้ม " ครายออน " ไปแล้วจึงต้องรีบเปิดแฟ้มขึ้นมาอีกครั้ง
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


 
 
3.2 ความหมายกับความจริง


ถ้าหากถามว่า ผมตื่นเต้นกับเรื่องนี้ไหม ? ผมคงต้องถามกลับไปว่าในแง่ไหน ? ถ้าหากในแง่เป็นเรื่องเร้นลับประเภทเรื่องจริงที่เหลือเชื่อ ผมคงต้องตอบได้ว่า ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ เพราะตลอดปี ค.ศ. 1998 ที่ผ่านมาจนถึงบัดนี้ มังกรจักรวาลที่นำโดยครูสุวินัย ได้พบเจอเรื่องที่ ยิ่งกว่าประหลาดมามากต่อมาก จนความตื่นเต้น ฉวน งงงวย ที่พวกผมซึ่งติดตามครูสุวินัยมาโดยตลอดเคยได้รับในช่วงแรก ๆ เพราะไม่เคยพบเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนนั้น ได้ลดน้อยลงไปเป็นลำดับ แต่ถ้าหากถามผมว่า เรื่องนี้หรือข้อมูลของจิตจักรวาล หรือข้อมูล ของครายออนน่าสนใจไหม ? ผมคงตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า น่าสนใจ ! เพราะนอกจากจะมีเรื่องราวความสอดคล้องต้องกัน อย่างน่าประหลาดของข้อมูลทั้งสองแล้ว โดยลำพังตัวข้อมูลเองก็มีความน่าสนใจในประเด็นหลัก ๆ 2 ประเด็น คือ ประเด็นความหมาย กับประเด็นความจริง

ประเด็นความหมาย หากพูดง่าย ๆ ก็คือ ข้อมูลที่เราได้จาก จิตจักรวาล จะมีผลหรือมีความหมายกับชีวิตของพวกเราอย่างไร โดยเฉพาะ ในแง่การพัฒนาจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นหัวข้อหลักของ " มังกรจักรวาล " ด้วย ตัวผมเองได้ยินครูสุวินัยกล่าวย้ำ เขียนย้ำหลายต่อหลายครั้ง เหลือเกินว่า ลำพังต่อให้ข้อมูลนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องแนวไหน ไม่ว่าจะอัศจรรย์พันลึกเพียงใด หากไม่นำไปสู่การพัฒนาทางจิตวิญญาณ หรือเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์สำหรับการบ้านทางจิตวิญญาณของท่านผู้อ่าน ไม่เป็นไปเพื่อความรักแต่เป็นไปเพื่อความแตกแยก สับสนหวาดกลัวฟุ้งซ่าน เสริมสร้างอัตตาแล้ว นั่นไม่ใช่ข้อมูลของ " มังกรจักรวาล " ในประเด็นนี้ หากใครที่เคยอ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษ ของ " ครายออน " หรืออ่านหนังสือของอาจารย์ปริญญาจะเห็นว่า ความรักคือพื้นฐานที่มีความสำคัญยิ่งที่จะทำให้มนุษย์ผ่านการทดสอบ นี้ไปได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ข้อมูลของครายออนหรือจิตจักรวาลจึงน่าสนใจยิ่ง

ประเด็นความจริง ประเด็นนี้แทบหลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะถูกถามไถ่ขึ้นมาจนอาจจะมองได้ว่า ในก้นบึ้งของวิธีคิดแบบคนทั่วไป มี ปิศาจของความจริง มาคอยหลอกหลอนให้กระหายใคร่รู้ความจริงไปเสียทุกเรื่อง โดยบางทีก็ไม่ได้รู้ว่าศักยภาพหรือวิธีการหาความรู้ ของตนมีแค่ไหน ? เพียงไร ? หรืออยากจะรู้ความจริงไปทำไม ? เพื่ออะไร ? ผมไม่ได้ต้องการบอกว่าความจริงไม่มีประโยชน์ แต่อยากให้ ย้อนถามตัวเองอีกทีถึงคำถามข้างต้นข้างต้น ถ้าหากคุณมีความสามารถที่จะหยั่งรู้ความจริงอย่างพระอริยเจ้าทั้งหลาย อย่างผู้ทรงฤทธิ์หรือ อย่างอัจฉริยะทางวิทยาศาสตร์ คุณอยากจะรู้ความจริงของโลกของจักรวาลแค่ไหนก็เชิญ ตราบใดที่มันไม่ส่งผลทางลบมาสู่คนอื่นนั่นเป็น สิทธิ์ของคุณ แต่หากคุณมีเพียงสมองซีกซ้ายขี้สงสัยที่ใช้การไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่น จะไม่ดีกว่าสักนิดหรือที่คุณจะย้อนถามตัวเองว่า " ฉันอยากจะรู้มันไปทำไม ? ถ้าหากรู้ว่า พญานาคมีจริง เทวดามีจริง เทวดามีจริง มนุษย์ต่างดาวมีจริง แอตแลนติสมีจริง แล้วฉันก็ไม่ได้ มีอะไรดีขึ้นทั้งทางโลกและทางธรรม " จงอย่าให้กลไกทางจิตวิทยาแบบง่าย ๆ ของตัวเองมาครอบงำโดยที่เราไม่รู้ตัว ไม่เช่นนั้นเราจะกลาย เป็นผู้งมงาย 2 แบบ ที่ไม่แบบใดก็แบบหนึ่ง แบบแรกคืองมงายในความไม่เชื่อ ( พวกสมองซ้ายจัด ) แบบที่สอง คืองมงายในความเชื่อ ( สมองขวาจัด )

ประเด็นความจริงนี้ผมต้องขอบอกไว้ ณ ที่นี้ว่าไม่ใช่แนวทางที่ " มังกรจักวาล " ได้นำเสนอมาตั้งแต่ต้น แต่มันก็เป็นประเด็นที่หลีกเลี่ยง ไม่พ้นที่จะต้องถูกถาม ในมังกรจักวาลภาค 7 " นักรบแห่งแสงสว่าง " นี้ ผมเชื่อว่าครูสุวินัยคงนำเสนอประเด็นการค้นหาความหมาย มากกว่าความจริง ขณะที่ผมจะนำเสนอบางส่วนของประเด็นความจริง โดยพยายามยึดแนวทางการสืบค้น แบบมังกรจักวาล เอาไว้มาก ที่สุด ซึ่งผมต้องออกตัวไว้ก่อนว่า เป้าหมายของข้อเขียนชิ้นนี้ ไม่ใช่การตามล่าหาความจริงหรือการนำไปสู่ข้อสรุป ถูก-ผิด อย่างใด อย่างหนึ่ง แต่เป็นการนำเสนอรูปแบบ กระบวนทัศน์หรือวิธีคิดของพวก นิวเอจ ซึ่งเกิดขึ้นในยุคเปลี่ยนกระบวนทัศน์ใหม่ขณะนี้ โดยผ่านการสืบค้นข้อมูลความคิดของจิตจักรวาลและครายออนเป็นหลัก ซึ่งเมื่อถึงจุดหนึ่งมันจะสะท้อนวิธีคิดแบบเก่า ซึ่งมีข้อจำกัด และอาจเผยให้เห็นว่า ความจริงนั้นไม่ได้เข้าถึงง่าย ๆ อย่างที่เราเข้าใจกัน และการถามหาความจริงแบบอยากรู้อย่างพวกขี้สงสัยจะไม่ สามารถรับรู้หรือเข้าใจได้เลย เกี่ยวกับความหมายกับความจริง โดยเฉพาะความหมายที่เป็นประเด็นหลักของ มังกรจักวาล ที่สืบค้นทั้ง ความหมายกับความจริง
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


 
 
3.3 ข้อมูลจาก " จิตจักรวาล "


จากข้อมูลที่ " จิตจักรวาล " สื่อลงมาด้วยความรักผ่านการสัญญาณของ อาจารย์ปริญญา เราพอที่จะแยกแยะข้อมูลเพื่อความสะดวกในการ ทำความเข้าใจเรื่องต่าง ๆ ได้ดังนี้ ( ขอให้ท่านผู้อ่านเปิดใจกว้างเพื่อรับฟังข้อมูลเหล่านี้ที่ผมจะนำเสนออย่างตรงไปตรงมาที่สุดเท่าที่ผม จะเข้าใจได้ )
 
ก. ข้อมูลเกี่ยวกับตัว " จิตจักรวาล " เอง
 
" จิตจักรวาล " หรือ " พระจิต " ( ตามคำที่อาจารย์ปริญญาใช้ ) ก็คือ กล่องพลังงานความคิดที่เกาะเกี่ยวอยู่ในสนามพลังงานหรือโครงข่าย สนามแม่เหล็กของจักรวาล ตัว " จิตจักรวาล " จะประกอบด้วยคลื่นความคิด หรือโทนเสียงที่ไม่ได้ยิน ซึ่งเป็นระดับที่ละเอียดที่สุด ถัดมาเป็นคลื่นแสง ซึ่งปรากฏเป็นแถบสีต่าง ๆ และมวลสารที่สั่นเป็นคลื่นอนุภาคที่มีเปลือกหรือกรอบหุ้มล้อมรอบอยู่ที่เรียกว่า " เมอร์คาบาห์ " ( Merkabah ) เพื่อยึดไว้กับสนามพลังงานของจักรวาล เปลือกหรือกรอบนอกสุดจะมีลักษณะเป็นรูปทรง 11 เหลี่ยม ที่มีมุมไม่เท่ากันและจะหมุนตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อรักษาสมดุลเอาไว้

" จิตจักรวาล " เป็นกลุ่มพลังที่เกิดจากการระเบิดของดวงอาทิตย์ ( เข้าใจว่าเป็นดวงอาทิตย์แม่ ) ที่แผ่ออกมาเกาะกลุ่มกัน บางส่วนจะรวมตัว กันด้วยพลังงานด้านบวก หรือความรัก มีการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติบางประการ แต่โดยแก่นแท้แล้วก็คือสิ่งเดียวกันทั้งหมด " จิตจักรวาล " หรือ " พระจิต " จะดำรงอยู่ตลอดไป และทำหน้าที่รักษาสมดุลของพลังงานด้านบวกของสนามพลังของจักรวาลเอาไว้ หน้าที่โดยตรงของ " จิตจักรวาล " คือการแบ่งภาคหรือแบ่งพลังงานของตนเองมาอยู่ในรูปธรรมที่มีโครงสร้างทางชีววิทยา เช่น คนหรือรูปธรรมที่ดวงดาวอื่น ๆ ที่มีพลังสนามแม่เหล็กห่อหุ้มอยู่ ขณะที่หน้าที่ทางอ้อมสำหรับจิตจักรวาลที่ไม่ได้แบ่งภาคลงมาคือการสนับสนุนความคิดเชิงบวก ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ รักษาความสมดุลของอำนาจแม่เหล็กของดวงดาวอื่น ๆ และรักษารหัสบุพกรรมคือ ตัวเนื้อแท้ของจิตเดิมก่อน แบ่งภาคลงมา

 
ข. ข้อมูลเกี่ยวกับ " นักรบแห่งแสงสว่าง "

จิตจักรวาลจะแบ่งภาคลงมาเป็นมนุษย์ เพื่อเรียนรู้บทเรียนแห่งความเป็นไปของมายาจักรวาล ซึ่งประกอบด้วย 3 กระบวนการ คือ การเปลี่ยนแปลงไม่คงที่ การสร้างใหม่และการดำรงอยู่ ( ซึ่งเทียบได้กับ พระศิวะ - พระพรหม - พระนารายณ์ หรือ ตรีมูรติ ) จิตวิญญาณ ของคนก็คือจิตจักรวาลหรือพระจิตที่แบ่งภาคลงมาเกิด โดยที่จิตจักรวาลแต่ละดวงจะมีการวางแผนของการเรียนรู้ที่เรียกกันว่า " พันธสัญญา " และมีการสลักชื่อที่แท้จริงของตนไว้ ณ ที่แห่งหนึ่งที่เรียกกันว่า " วิหารแห่งการสร้าง " แต่การลงมาเพื่อเรียนรู้นี้เป็น ไปโดย อารมณ์ขันของจักรวาล กล่าวคือ คนเราจะไม่รู้หรือระลึกไม่ได้ว่า ตัวเองได้เขียนพันธสัญญา ก่อนลงมาเกิดว่าอย่างไร และโลก หรือดาวเคราะห์ดวงที่เราอาศัยอยู่ก็ได้ชื่อว่าเป็น ดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี ในการกระทำหนึ่ง ๆ มนุษย์จะเลือกทำถูกหรือทำผิดก็ได้ หากทำถูกต้องมนุษย์ก็จะผ่านบทเรียนข้อนั้น ๆ ไปได้ หากไม่ผ่านก็คือทำผิด มนุษย์จะสร้างพันธกรรมขึ้นมาอีก อันเป็นกรรมที่มนุษย์ก่อ มันขึ้นมาเองในภายหลัง และความซับซ้อนของพันธกรรม ( COMMITMENT ) ที่มนุษย์สร้างขึ้นเนื่องจากการเลือกหรือตัดสินใจด้วยพลัง ด้านลบ ทำผิดอยู่บ่อย ๆ จะมำให้มนุษย์ต้องวนเวียนอยู่กับการเรียนรู้บทเรียนอย่างไม่จบสิ้น กรรมที่มนุษย์กระทำจะพอกพูนมีลักษณะ คล้ายเมฆหรือฟองอากาศสีดำที่ครอบคลุมแสงสว่างภายในไว้ ทำให้มนุษย์ขาดความสมดุล แต่เมื่อไรก็ตามที่มนุษย์เรียนรู้และตัดสินใจ เกี่ยวกับบทเรียนนั้นด้วยพลังงานด้านบวกคือ ความรัก - ความอดทน - การให้อภัย เมฆหรือฟองอากาศสีดำนั้นก็จะกระจายหายไปพร้อม กับกรรมนั้น ๆ มนุษย์ที่ปล่อยตัวเองจากกรรมได้จะได้รับการกล่าวขานจากจักรวาลว่าเป็น " นักรบแห่งแสงสว่าง "

อารมณ์ขัยของจักรวาลนั้นไม่เพียงทำให้มนุษย์ไม่สามารถจดจำพันธสัญญาของตนได้เท่านั้น แต่ยังทำให้มนุษย์มาอยู่ในรูปธรรมที่มีขีดจำกัด ของการรับรู้เวลาอย่าง 2 มิติ คือ เป็นเส้นตรงมีเริ่มมีจบ ขณะที่เวลาของจักรวาลจริง ๆ ใน 3 มิติแห่งเวลาจะเป็น ' ปัจจุบัน ' ขณะของ ทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ วิธีคิดแบบมนุษย์จึงไม่อาจจะเข้าถึงความจริงของจักรวาลได้ เว้นเสียแต่ว่า ตัวมนุษย์เองจะมีการพัฒนาการใช้สมอง ซีกขวามากขึ้น ให้ซีกขวานำซีกซ้าย ซึ่งหากทำได้มนุษย์ก็สามารถรับฟังข่าวสารจากจักรวาลได้มากขึ้น

กรรมที่มนุษย์ทำทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น การคิด พูด ทำ จะมีลักษณะเป็น พลังงานกรรม ที่จะแผ่ออกมานอกร่างกาย ซึ่งจะมีผลต่อโครงข่าย สนามแม่เหล็กโลกและสนามแม่เหล็กของจักรวาล นอกจากการแบ่งภาคมาเป็นมนุษย์เพื่อเรียนรู้ทางจิตวิญญาณแล้ว มนุษย์ยังต้องสร้างสรรค์ พัฒนาพลังงานต่าง ๆ ของจักรวาลให้สมดุล โดยอาศัยจิตมนุษย์เป็นบ่อเกิดของการสั่นสะเทือนคลื่นอนุภาคหรือคลื่นพลังงานใหม่ที่จะมีผล ต่อพลังงานของจักรวาลโดยรวม หากมนุษย์โดยรวมแผ่พลังงานด้านลบออกไปมากจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อจักรวาล จิตจักรวาลอื่น ๆ ก็จำเป็นต้องเข้ามาแทรกแซง





ค. ข้อมูลเกี่ยวกับ " คำทำนาย "

ข้อมูลเกี่ยวกับคำทำนายของจิตจักรวาลที่สำคัญคือ ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1992-2002 สนามแม่เหล็กของโลกจะถูกปรับครั้งใหญ่ เป็นการปรับครั้งที่ 4 และเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งจะมีความเปลี่ยนแปลงทั้งในแง่ผลร้ายและผลดีต่อโลกและมนุษย์ ผลร้าย คือ จะเกิดภัยธรรมชาติร้ายแรง คลื่นอากาศแปรปรวน เกิดโรคระบาด แผ่นดินไหว รวมถึงจิตใจของผู้มีอำนาจหรือผู้นำประเทศเสื่อมทรามลง ภัยพิบัติจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และจะมีคนประมาณ 1 % ของจำนวนประชากรโลกทั้งหมดเสียชีวิต แต่การเสียชีวิตนี้เป็นไปตามพันธสัญญา ที่คนเหล่านั้นได้ทำเอาไว้ก่อนที่จะแบ่งภาคลงมา หลังจากการปรับสนามพลังงานเสร็จสิ้นแล้ว มนุษย์ยังเหลืออยู่ซึ่งเป็นมนุษย์ที่ไม่มีดุลยภาพ คือไม่มีการพัฒนาการทางวิญญาณ ไม่รู้จักการให้อภัย ไม่มอบพลังงานความรักแก่ผู้อื่น จะมีอายุสั้น ตายด้วยโรคร้าย หรือมีอาการเครียด ตายเฉียบพลัน เรื่องจาก ฮอร์โมนแห่งความตาย ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับสนามพลังแม่เหล็กก็จะหลั่งออกมามากและทำลาย ระบบชีวภาพจนหมดสิ้น มนุษย์ในยุคที่ปรับสนามแม่เหล็กแล้ว หรือยุคพลังงานใหม่ จะไม่มีการทำสงครามระหว่างประเทศอีกต่อไป แต่จะเผชิญหน้ากับการคุกคามจาก รูปธรรม ที่มีพลังงานด้านลบจากดาวดวงอื่น ซึ่งจะทำอะไรมนุษย์ไม่ได้ในเบื้องต้น ส่วนผลดีก็คือ การปรับสนามแม่เหล็กโลกโดยตัวมันเอง จะเป็นการช่วยทำลายพลังงานกรรมด้านลบที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ภัยพิบัติต่าง ๆ จะกระตุ้นให้ มนุษย์เกิดความกลัวซึ่งถูกฝังรากลึกอยู่ในจิตของมนุษย์และจะทำให้มนุษย์มีบทเรียนที่หนักและสำคัญ ซึ่งจะนำไปสู่การแผ่พลังด้านบวก หรือความรักออกมาจากจิตใจ มนุษย์ที่มีชีวิตในยุคพลังงานใหม่จะมีการพัฒนาทางจิต เรียนรู้สัจธรรมของจักรวาลได้เร็วกว่ามนุษย์ใน ยุคพลังงานเก่า หรือพูดง่าย ๆ ว่า สมาธิแบบพลังงานใหม่ จะทำให้มนุษย์รู้แจ้งได้รวดเร็วกว่า สมาธิแบบพลังงานเก่า ขณะที่จะมี 144 , 000 คน เป็นผู้ถือคบเพลิงให้กับโลกในฐานะผู้รู้แจ้ง การยกระดับหรือการพัฒนาทางจิตวิญญาณจะเป็นไปแบบรวมหมู่ มนุษย์จะมีอายุยืนยาวมากขึ้นและสามารถพัฒนาการใช้สมองซีกขวาได้มากขึ้น รวมไปถึงการใช้พลังจิตเพื่อการบำบัดรักษาตนเอง และรับฟังข่าวสารข้อมูลของจักรวาล สำหรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับโลกก็คือ โลกจะเคลื่อนตัวเข้าสู่พิกัดใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์กายภาพของโลก มีน้ำเพิ่มขึ้นมีแผ่นดินน้อยลง ท้องฟ้าที่เห็นจะเป็นท้องฟ้าใหม่ จะเห็นดาวที่ไม่เคยเห็น มาก่อน และทิศเหนือจะเบนไปจากเดิม 3 องศา นอกจากนี้การรับรู้การปรากฏตัวของ รูปธรรม ที่มีชีวิตอื่น ๆ ในจักรวาลจะชัดเจน อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน






ง. ข้อมูลเกี่ยวกับ หลักปฏิบัติ ของมนุษย์ในช่วงปรับเปลี่ยนสนามแม่เหล็ก

ในการยกระดับจิตวิญญาณของตนเอง มนุษย์จะต้อง ( 1 ) เผชิญหน้ากับกรรมด้วยพลังงานด้านบวกคือความรัก มนุษย์ต้องไม่หลีกเลี่ยง หรือตอบโต้กรรมของตน ( 2 ) ค้นหา ความเป็นพระเจ้าในตัวเอง ให้พบ และสร้างความสัมพันธ์กับจักรวาลเพื่อการบรรลุภารกิจ ทางวิญญาณ เข้าใจและรับรู้การมี 2 ภาค มีสติทางวิญญาณ นำความรักมากระตุ้นจิตสำนึกให้สูงขึ้น ( 3 ) พัฒนาจิตวิญญาณของตนไปสู่ การรู้แจ้งโดยการมีสติในทุก ๆ อิริยาบท รวมกายกับจิตให้เป็นหนึ่งไม่แยกจากกัน เชื่อมโยงการสัมผัสสิ่งแวดล้อมด้วยประสาทสัมผัส พัฒนาการรับรู้ที่ถูกต้องจนเกิดสภาวะหยั่งรู้ ซึ่งก็คือ สภาวะพิเศษของจิต ( สมองซีกขวา ) ในการรับคลื่นจิตจักรวาล โดยการเรียบเรียง คลื่นความคิดให้เป็นระบบระเบียบไม่สับสนและมีความคิดที่แน่วแน่ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างผ่อนคลาย จนเกิดความคิดใหม่ ๆ เข้ามาในสมองเป็น ความรู้ใหม่ และท้ายที่สุดหลอมรวมกาย จิต และวิญญาณให้มีพลังมากพอที่วิญญาณจะเป็นอิสระออกจากกายได้ โดยการเปิดประตูที่กั้นมิติที่บริเวณต่อมไพนีลให้เคลื่อนเข้าสู่โครงข่ายสนามแม่เหล็กจักรวาลไปรวมกับจิตที่เป็นแก่นแท้ ( 4 ) เงื่อนไขในการรู้แจ้งอีกอย่างหนึ่งคือ การทำกรรมทั้งหมดให้เป็นกลาง ไม่ประกอบกรรมชั่ว และไม่ยึดติดในกรรมดี เรียนรู้บทเรียน ทุกบทของจักรวาลจนจบสิ้น ศึกษาแก่นของศาสตร์ต่าง ๆ โดยไม่ยึดติดกับ อัตตา หรือ รูปแบบ วิธีการ ของศาสตร์นั้น ๆ

มนุษย์ในยุคพลังงานใหม่จะต้องร่วมกันพัฒนาจิตวิญญาณแบบรวมหมู่ เพราะยุคนี้พลังงานด้านบวกที่เกิดขึ้นจากการรู้แจ้งจะเท่ากับ จำนวนคนที่มีพัฒนาการทางวิญญาณที่ร่วมกันทำสมาธิรวมหมู่ ยกกำลังสองแล้วคุณกับค่าพลังงานด้านบวกที่ปล่อยออกมาในการทำสมาธิ ครั้งนั้น ๆ ส่งคลื่นพลังด้วนบวกสู่จักรวาล

ที่กล่าวมาทั้งหมด คือข้อมูลหลัก ๆ ที่ จิตจักรวาล สื่อผ่านอาจารย์ปริญญาลงมาและอยู่ในความสนใจของ มังกรจักรวาล แต่นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลอื่น ๆ อีกที่ไม่ได้นำมาเสนอในที่นี้ เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับอดีตกาลของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ข้อมูลเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ใหม่ เหล่านี้เป็นต้น หากผู้อ่านสนใจในรายละเอียด ก็ขอแนะนำให้อ่านหนังสือของอาจารย์ปริญญาโดยตรง หรือสอบถามจากตัวอาจารย์เอง จะเหมาะที่สุด

อย่างไรก็ดี เราต้องไม่ลืมว่า ข้อมูลทำนองเดียวกันนี้มีถึง 2 ชุดด้วยกันคือ ข้อมูลของจิตจักรวาล กับข้อมูลของครายออนที่มีความคล้ายคลึง กันถึง 95 % คำถามง่าย ๆ ที่อาจเกิดขึ้นก็คือ ข้อมูลอีก 5 % ที่ต่างกันคืออะไร ? และ จิตจักรวาล กับ ครายออน เป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


 
 
 
3.4 จิตจักรวาล กับ ครายออน เป็น ' พระจิต ' คนละดวงกัน ?


จากการสอบถามกับตัวอาจารย์ปริญญาเอง เราจึงทราบว่า จิตจักรวาล ไม่ใช่ ครายออน ซึ่งแม้แต่อาจารย์ปริญญาเองก็ไม่ทราบ ชื่อ หรือคลื่นรหัสความถี่เสียงของจิตจักรวาลคืออะไร ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่าไม่อยากให้คนที่รับข่าวสารยึดติดตัวตนหรือชื่อใด ๆ

แต่หากใครเคยอ่านหนังสือ " KRYON " ก็จะพบว่า คนที่สามารถรับสื่อสัญญาณของครายออนได้จะมี 9 คน บนโลก แต่นั่นก็ไม่ใช่ การยืนยันว่า จิตจักรวาล คือ ครายออน ที่ไม่เปิดเผยชื่อ เพราะจากการบอกเล่าของอาจารย์ปริญญาเอง จิตจักรวาลหรือที่เรียกรวม ๆ ว่า พระจิต นั้น แม้มีแก่นแท้เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่จะมีคุณสมบัติหรือความชำนาญเฉพาะต่างกันออกไป ซึ่งจิตจักรวาลเหล่านี้ก็มีอยู่ มากมายบนสนามแม่เหล็กของจักรวาล ครายออน คือผู้ที่มีความชำนาญเกี่ยวกับสนามแม่เหล็ก หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นช่างเทคนิค ขณะที่คุณสมบัติหรือความชำนาญเฉพาะของ จิตจักรวาล ไม่ได้ถูกเปิดเผยออกมาโดยตัว จิตจักรวาล เอง

ดังที่กล่าวมาแล้วว่าไม่ใช่ทุก ๆ ข้อมูลของจิตจักรวาลและของครายออนจะตรงกัน มีหลายส่วนตั้งแต่ประเด็นหลักถึงประเด็นปลีกย่อย ที่ไม่ตรงกัน ซึ่งพอจะแสดงเปรียบเทียบให้เห็นได้ดังต่อไปนี้
 
( 1 ) ประเด็นเรื่องการปฏิบัติ

จิตจักรวาล : พูดถึงหลักปฏิบัติโดยเฉพาะการทำสมาธิเพื่อการรู้แจ้งอย่างเป็นระบบชัดเจน
ครายออน : ( เท่าที่ปรากฏในเล่ม 1-3 ) กล่าวเพียง การทำกรรมให้เป็นกลางเท่านั้น
จิตจักรวาล : ให้ผู้ปฏิบัติทำกรรมให้เป็นกลางด้วยตนเอง
ครายออน : ผู้ปฏิบัติสามารถร้องขอให้ครายออนช่วยทำกรรมให้เป็นกลางได้
 
( 2 ) ประเด็นเรื่องกลุ่มคนจำนวน 144 , 000

จิตจักรวาล : คนเหล่านี้คือคนที่ทำให้เกิดคลื่นพลังบวกจนเป็นเหตุให้ปรับสนามแม่เหล็กโลก
ครายออน : คนเหล่านี้จะทำหน้าที่ดูแลสนามแม่เหล็กที่ปรับแล้วต่อจากครายออน

( 3 ) ประเด็นเรื่อง สงครามจักรวาล หรือการคุกคามจาก รูปธรรม ต่างดาว

จิตจักรวาล : พูดเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจน
ครายออน : ไม่พูดเรื่องนี้ ( เท่าที่มีข้อมูล )

( 4 ) ประเด็นเรื่องศาสตร์โบราณ

ข้อมูลทั้งสองฝ่ายพูดตรงกันว่า ผู้ที่สนใจศาสตร์โบราณเหล่านั้น ล้วนเคยอยู่ในยุคนั้นหรือมีส่วนร่วมกับศาสตร์นั้น ๆ มาก่อนแทบทั้งสิ้น แต่ จิตจักรวาล จะพูดเหมือนแสดงนัยว่าศาสตร์ต่าง ๆ เป็นแค่เปลือก ให้รีบศึกษาแก่นของศาสตร์นั้น ๆ เถอะ ขณะที่ ครายออน พูดแค่ว่า ถ้าสนใจศาสตร์เหล่านี้ก็ศึกษาไปเถอะ

( 5 ) ประเด็นเรื่องชื่อของ แอตแลนติส

จิตจักรวาล ระบุว่า อารยธรรมทั้ง 3 ยุคที่ถูกทำลายล้วนชื่อ แอตแลนติส เหมือนกัน ในขณะที่ ครายออน กลับระบุว่า อารยธรรมครั้งที่ 2 ที่ถูกทำลายคือ เลอมูเรีย ขณะที่ครั้งที่ 3 คือ แอตแลนติส ซึ่งตรงกับข้อถกเถียงของผู้คนคว้าในเรื่องนี้มากกว่า

ทำไมเราถึงต้องมาให้ความสนใจกับประเด็นปลีกย่อยเหล่านี้ ? เหตุผลคือ

หนึ่ง ปัญหาเรื่อง การกรองสัญญาณ สมมติว่า เหตุการณ์สื่อสัญญาณนั้น เกิดขึ้นจริง ปัญหาคือ ข้อมูลที่สื่อลงมาผ่านความคิดของ ผู้สื่อสัญญาณ เมื่อผ่านระบบประมวลข้อมูลของผู้สื่อสัญญาณแล้วจะยังคงมีความสมบูรณ์เพียงใด ? ทัศนะส่วนตัว ความคิดเห็นส่วนตัว ของผู้สื่อสัญญาณในกรณีที่สื่อสัญญาณอย่างมีสติรู้ตัวจะมีผลต่อคลื่นความคิดที่ถูกสื่อลงมาหรือไม่ ? อันนี้ยังเป็นคำถามของผู้อยู่ใน แวดวงที่ศึกษาเรื่องนี้ ถ้าหากการกรองสัญญาณไม่สมบูรณ์ เราอาจจะได้ข้อมูลบางส่วนที่ต่างกันออกไปหรือคลาดเคลื่อนกัน นี่เองเรา จึงพบว่าทำไมข้อมูลปลีกย่อยระหว่าง จิตจักรวาล กับ ครายออน จึงไม่ตรงกัน

สอง จินตลักษณะ ( MENTALITY ) ของพระจิตที่สื่อสัญญาณลงมา ถ้าหากไม่มีปัญหาเรื่องการกรองสัญญาณ ข้อมูลที่ต่างกันอาจแสดงนัย ว่า จินตาลักษณะ ของ พระจิต นั้น ๆ ต่างกัน คือเป็นคนละดวง หรือคนละคุณสมบัติกันนั่นเอง แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ สัมพัทธ์ กับผู้รับสัญญาณในคนตะวันตกกับคนตะวันออกที่มีพื้นฐานทางจิตวิญญาณต่างกัน อาจต้องการ จินตลักษณะ ที่ต่างกัน การสื่อให้ชาว ตะวันตกเช่นที่ ครายออน ทำอาจจะเน้นที่ ความรักความศรัทธา ซึ่งเข้ากับพื้นฐานของเขามากกว่า ขณะที่ จิตจักรวาล เมื่อสื่อลงมาที่ ตะวันออกก็ย่อมต้องพูดหรือเน้นในเรื่องวิธีปฏิบัติแทน เป็นต้น

ถึงตอนนี้จะเห็นได้ว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะรีบด่วนสรุปอะไรลงไปอย่างตายตัว หากถามว่า จะรู้ได้อย่างไรว่ามีปัญหาเรื่องการกรอง สัญญาณหรือไม่ ? จะแยกได้อย่างไรระหว่างคลื่นความคิดของ พระจิต กับควงามคิดของผู้สื่อ ? คำตอบที่ซื่อตรงที่สุดน่าจะเป็นว่า เราไม่รู้และไม่อาจแยกได้ เว้นเสียแต่ว่า เราจะเชื่อใจว่าตัวผู้สื่อสัญญาณไม่มีผลประโยชน์อันใดแอบแฝง และทำหน้าที่ของเขาได้อย่างดี ที่สุดเท่านั้น และ สาระของสารที่สื่อลงมาต้องไม่มีความขัดแย้งภายในตัวมันเองด้วย เช่น สมมติบอกว่า มนุษย์มีทางเลือกเสรีแต่มาบอก อีกทีภายหลังว่า มนุษย์ไม่มีทางเลือกใด ๆ หากเป็นเช่นนี้ก็ไม่น่าจะใช้ได้ และที่สำคัญที่สุด พฤติกรรมหรือการกระทำของผู้สื่อสัญญาณ จะต้องไม่ขัดแย้งกับ สาระของสารนั้น ๆ เพราะเรามองได้ง่ายว่าผู้สื่อสัญญาณเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดพระจิตมากที่สุด หากเขามีพฤติกรรม ตรงกันข้ามกับ สาระ ของสารนั้น ๆ ก็คงไม่มีใครที่จะเชื่อถือเป็นแน่

มีข้อสังเกตุที่น่าสนใจอยู่คือ ความคล้องจองกันระหว่าง ผู้สื่อสัญญาณทั้งสองคนคือ ลี คาร์รอล กับอาจารย์ปริญญา ตันสกุล ทั้งสอง เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มีความสามารถในการพูดเหมือนกัน และทั้งคู่ไม่มีพื้นฐานทางความคิดแบบนิวเอจ และไม่สนใจเรื่อง พวกนี้มาก่อนเลย นี่คือความคล้ายกันของผู้สื่อสัญญาณ แต่สิ่งที่ต่างกันก็คือ การนำเสนอข้อมูลของทั้งสองคน ซึ่งแม้จะได้รับการเปิดเผย จากทั้งคู่ว่า จิตจักรวาล และ ครายออน เป็นผู้เข้ามาจัดการเรื่องนี้เอง แต่เป็นที่เห็นชัดว่า การนำเสนอของครายออนด้วยการสื่อสัญญาณสด มีความนุ่มนวล ( SOFT ) ของข้อมูลและวิธีการตอบมากกว่า การนำเสนอของ จิตจักรวาล ที่บางครั้งเป็นข้อมูลดิบที่ผ่านการวิเคราะห์ที่แข็ง ( HARD ) และรวบรัดกว่า ตรงนี้หากไม่เป็นเพราะคุณสมบัติแห่งจิต ของผู้สื่อสัญญาณทั้งคู่ต่างกัน เราก็ต้องยอมรับว่า จิตจักรวาล กับ ครายออน เป็นพระจิตคนละดวง
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...