ผู้เขียน หัวข้อ: มิลินทปัญหา  (อ่าน 107296 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มิลินทปัญหา
« ตอบกลับ #160 เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2011, 10:28:39 am »


เรื่องนันทกยักษ์

" มหาบพิตรได้เคยทรงสดับหรือไม่ว่า นันทกยักษ์ มีจิตคิดร้ายต่อ พระสารีบุตรเถระ แล้วถูกแผ่นดินสูบ ? "
" ไม่เคยสดับ ผู้เป็นเจ้า เพราะเรื่องนี้ปรากฏอยู่ในโลก"
" ขอถวายพระพร พระสารีบุตรยินดีให้นันทกยักษ์ถูกแผ่นดินสูบหรือไม่? "

พระเจ้ามิลินท์ตรัสตอบว่า
" ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ถึงมนุษย์โลก เทวโลกเป็นไปอยู่ก็ดี ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์จะตกลงมาที่พื้นดินก็ดี พระยาเขาสิเนรุจะแตกกระจัดกระจายก็ดี พระสารีบุตรก็ไม่ยินดีต่อทุกข์ของผู้อื่น เพราะเหตุว่าพระเถระนั้น ได้ตัดมูลเหตุที่ให้เกิดความยินดีร้ายเสียแล้ว ถึงจะมีผู้ทำลายชีวิตของท่าน ท่านก็ไม่โกรธ "

พระนาคเสนจึงถามต่อไปว่า
" ขอถวายพระพร ถ้าพระสารีบุตรไม่ยินดีให้แผ่นดินสูบนันทกยักษ์ เหตุใดนันทกยักษ์จึงถูกแผ่นดินสูบจมลงไปใต้พื้นดิน ?"

" อ๋อ...เพราะเหตุอกุศลกรรมของเขาแรงกล้าน่ะซิ พระผู้เป็นเจ้า"

" ขอถวายพระพร ถ้านันทกยักษ์จมลงไปในพื้นดิน เพราะอกุศลกรรมของเขาแรงกล้า การบูชาพระพุทธเจ้าผู้ไม่รู้จักทรงยินดี ก็ไม่เป็นหมัน ยังมีอานิสงส์อยู่ เพราะกุศลกรรมเป็นของแรงกล้า ด้วยเหตุอันนี้ก็ดี จึงชี้ให้เห็นว่า การบูชาพระพุทธเจ้าผู้ดับขันธปรินิพพานแล้ว ผู้ไม่รู้จักทรงยินดี ก็ยังมีผลอยู่ "


ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มิลินทปัญหา
« ตอบกลับ #161 เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2011, 10:34:54 am »



ผู้ที่ถูกแผ่นดินสูบมี ๔ คน

" ขอถวายพระพร พวกมนุษย์ที่ถูกแผ่นดินสูบในครั้งพุทธกาลนี้ มีอยู่สักเท่าไร...มหาบพิตรได้เคยสดับหรือไม่ ? "
" เคยสดับ ผู้เป็นเจ้า "

" ขอเชิญมหาบพิตรว่าไป คือใครบ้าง ? "
" ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า คนที่ถูกแผ่นดินสูบนั้น โยมได้สดับมาว่ามีอยู่ ๕ คน คือ
นางจิญจมาณวิกา ๑ สุปปพุทธสักยะ ๑ พระเทวทัต ๑
นันทกยักษ์ ๑ นันทมาณพ ๑
"

" ขอถวายพระพร บุคคลเหล่านั้นผิดต่อใคร ? "
" ผิดต่อพระพุทธเจ้าก็มี ผิดต่อพระสาวกก็มี พระผู้เป็นเจ้า"

" ขอถวายพระพร พระพุทธเจ้าทรงยินดีให้บุคคลเหล่านั้นถูกแผ่นดินสูบจนลงไปในแผ่นดินหรือไม่ ?"
" ไม่ทรงยินดีเลย พระผู้เป็นเจ้า "
" ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้นขอจงเข้าพระทัยเถิดว่า การบูชาพระพุทธเจ้าผู้ปรินิพพานแล้ว ผู้ไม่รู้จักทรงยินดี จึงไม่เป็นหมัน ยังมีผลอยู่ "

พระเจ้ามิลินท์ตรัสสรรเสริญว่า
" ข้าแต่พระนาคเสน ปัญหาอันรู้ได้ยาก พระผู้เป็นเจ้าทำให้รู้ได้ง่ายแล้ว ปัญหาอันลึก พระผู้เป็นเจ้าทำให้ตื้นแล้ว พระผู้เป็นเจ้าได้ทำลายข้อลี้ลับแล้ว ทำลายข้อยุ่งยากแล้ว ทำลายถ้อยคำของผู้อื่นแล้ว
ความเห็นอันชั่วร้ายของพวกเดียรถีย์สิ้นแล้ว พระผู้เป็นเจ้ามาถึงแล้ว ซึ่งความเป็นผู้ประเสริฐในหมู่ผู้ประเสริฐ"


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 06, 2011, 01:56:04 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มิลินทปัญหา
« ตอบกลับ #162 เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2011, 11:04:35 am »


           

ปัญหาที่ ๒ ถามถึงความเป็น พระสัพพัญญูของพระพุทธเจ้า

"ข้าแต่พระนาคเสน พระพุทธเจ้าเป็นพระสัพพัญญู คือรู้ทุกสิ่งจริงหรือ? "
" ขอถวายพระพร จริง แต่ว่าความรู้ความเห็นของพระพุทธเจ้านั้น ไม่ใช่ปรากฏอยู่เป็นนิจ คือเป็นของเนื่องด้วยการนึก พระพุทธเจ้าทรงนึกอยากรู้สิ่งใด ก็รู้สิ่งนั้นสิ้นเท่านั้น"

" ข้าแต่พระนาคเสน ถ้าอย่างนั้น
พระพุทธเจ้าก็ไม่ใช่พระสัพพัญญู เพราะถ้าความรู้สิ่งทั้งปวง ยังเป็นของต้องแสวงหาอยู่ "
" ขอถวายพระพร มีข้าวเปลือกอยู่ ๑๐๐ เกวียน บุคคลตักออกคราวละ ๕ ทะนาน ๔ ทะนาน ๓ ทะนาน ๒ ทะนาน จิตที่เป็นไปในขณะลัดนิ้วมือเดียว อันกำหนดข้าวเปลือกว่ามีเท่านั้น ๆ ก็ถึงซึ่งความสิ้นไป"


   จิตของผู้ที่ยังไม่ได้อบรม
   บุคคลเหล่าใดยังมีราคะ โทสะ โมหะ ตัณหา กิเลสอยู่ ไม่ได้อบรมกาย ไม่ได้อบรมศีล ไม่ได้อบรมจิต ไม่ได้อบรมปัญญา จิตของบุคคลเหล่านั้นก็เกิดช้า เป็นไปช้า เพราะไม่ได้อบรมจิต เหมือนกับบุคคลตัดไม้ไผ่ที่มีแขนง เกี่ยวกระหวัดรัดรึงหุ้มห่อ รกรุงรัง ให้ขาดแล้ว ก็ดึงมาได้ช้าฉันนั้น อันนี้เป็น จิตดวงที่ ๑

   จิตของพระโสดาบัน
   จิตดวงที่ ๒ นั้นได้แก่จิตของพระโสดาบัน คือพระโสดาบันทั้งหลาย ผู้พ้นอบายภูมิแล้ว ผู้ถึงความเห็นแล้ว ผู้รู้แจ้งพระพุทธศาสนาแล้วมีอยู่ จิตของพระโสดาบันทั้งหลายนั้น ย่อมเกิดไว เป็นไปไวในที่ทั้ง ๓ ( คือสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ) แต่เกิดช้า เป็นไปช้า ในชั้นสูงขึ้นไป เพราะยังไม่ได้ละกิเลสชั้นสูง ข้อนี้เหมือนกับบุคคลตัดไม้ไผ่แล้ว ลิดข้อลิดปมทั้ง ๓ ข้อ แต่ยังไม่ได้ตัดยอดเบื้องบนให้ขาด ให้หายรุกรัง ก็ดึงมาได้ช้าฉะนั้น

   จิตของพระสกิทาคามี
   จิตดวงที่ ๓ นั้น ได้แก่จิตของพระสกิทาคามี คือจิตของสกิทาคามี ผู้มีราคะ โทสะ โมหะ น้อยเบาบางลงมากนั้น ย่อมเกิดเร็ว เป็นไปเร็ว ในฐานะทั้ง ๕ แต่เกิดช้า เป็นไปช้า ในชั้นสูงขึ้นไป เปรียบเหมือนกับบุคคลตัดไม้ไผ่ ลิดข้อทั้ง ๕ ให้ขาดแล้ว ก็ดึงมาได้ไวหน่อย แต่ว่าเมื่อข้างปลายยังรกรุงรังอยู่ ก็ยังดึงมาได้ช้าเพราะเบื้องบนยังรุงรัง อันเปรียบเหมือนยังไม่ได้ละกิเลสชั้นสูงฉะนั้น

   จิตของพระอนาคามี
   จิตดวงที่ ๔ ได้แก่จิตของพระอนาคามีที่ละสังโยชน์ ๕ เบื้องต่ำได้ขาดแล้ว จิตของพระอนาคามีย่อมเกิดเร็ว เป็นไปเร็ว ในฐานะทั้ง ๑๐ แต่เกิดช้า เป็นไปช้าในชั้นสูงขึ้นไปเพราะยังไม่ได้ละกิเลสชั้นสูง เหมือนกับบุคคลตัดไม้ไผ่ ลิดข้อทั้ง ๑๐ ให้เกลี้ยงเกลาดีแล้ว ก็ดึงมาได้เร็วเพียง ๑๐ ปล้องเท่านั้น พ้นจากนั้นยังดึงมาได้ช้าฉะนั้น

   จิตของพระอรหันต์
   จิตดวงที่ ๕ ได้แก่จิตของพระอรหันต์คือจิตของพระอรหันต์ผู้สิ้นอาสวกิเลสทั้งหมดแล้ว ย่อมเกิดเร็ว เป็นไปเร็วในวิสัยของสาวก แต่เกิดช้า เป็นไปช้า ในภูมิพระปัจเจกพุทธเจ้าที่สูงกว่า เปรียบเหมือนบุคคลตัดไม้ไผ่ ลิดข้อทั้งปวงให้ตลอดลำแล้ว ก็ดึงมาได้เร็วฉันนั้น

   จิตของพระปัจเจกพุทธเจ้า

   จิตดวงที่ ๖ ได้แก่จิตของพระปัจเจกพุทธเจ้า ผู้ตรัสรู้เอง ไม่มีอาจารย์ ก็เกิดได้เร็ว เป็นไปเร็ว ในภูมิของตนเท่านั้น แต่เกิดช้า เป็นไปช้า ในภูมิของพระสัพพัญญูพุทธเจ้าเพราะภูมิของพระสัพพัญญูพุทธเจ้านั้น เป็นของใหญ่ เปรียบเทียบเหมือนบุรุษผู้ไม่กลัวน้ำ ก็ว่ายข้ามแม่น้ำน้อยได้ตามสบาย แต่พอไปถึงน้ำมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ แลไม่เห็นฝั่งก็กลัวก็สะดุ้ง ก็ช้า ก็ไม่อาจข้ามไปได้ฉะนั้น


ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มิลินทปัญหา
« ตอบกลับ #163 เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2011, 11:12:12 am »


จิตของพระสัพพัญญูพุทธเจ้า

จิตดวงที่ ๗ ได้แก่จิตของพระสัพพัญญูพุทธเจ้า ผู้ทรงทศพลญาณ จตุเวสารัชชญาณ ประกอบด้วยพุทธธรรม ๑๘ ชนะไม่มีที่สิ้นสุด มีญานไม่มีที่สิ้นสุด ย่อมเกิดรวดเร็วเป็นไปรวดเร็วในสิ่งทั้งปวงเพราะจิตบริสุทธิ์ในสิ่งทั้งปวงแล้ว

" ขอถวายพระพร ลูกศรที่ไม่มีข้อ มีปมที่เกลี้ยงเกลา ไม่มัวหมอง อันนายธนูยกขึ้นสู่แล่งธนู อันไม่คดโก่ง อันเลี่ยงสุขุมเป็นอันดีแล้วยิงไปที่ผ้าฝ้าย หรือผ้ากัมพลเนื้อละเอียด ลูกศรนั้นจะทะลุไปได้ช้า หรือว่าจะข้องอยู่ที่ผ้าประการใด ? "
" อ๋อ...ไม่ช้า พระผู้เป็นเจ้า ลูกศรนั้นต้องทะลุไปได้อย่างรวดเร็ว"
" ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร ความคิดของพระสัพพัญญูพุทธเจ้า ก็ทะลุปรุโปร่งไปในสิ่งทั้งปวงได้รวดเร็วฉะนั้น

ขอถวายพระพร จิตของพระสัพพัญญูพุทธเจ้า ได้ล่วงเลยจิตทั้ง ๖ ไปแล้ว จึงเป็นจิตบริสุทธิ์ เป็นจิตรวดเร็ว เป็นจิตหาเครื่องเปรียบมิได้ ด้วยคุณอันคณานับมิได้ เพราะเหตุที่จิตของพระพุทธเจ้า เป็นจิตบริสุทธิ์รวดเร็วนั่นเอง พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ได้ จิตของพระพุทธเจ้าในเวลาทรงทำยมกปาฏิหาริย์นั้น เป็นไปรวดเร็วนักไม่มีใครอาจชี้เหตุการณ์ได้ มหาบพิตร ปาฏิหาริย์เหล่านั้น เมื่อเทียบกับจิตของพระสัพพัญญูทั้งหลายแล้ว ยังไม่ได้เสี้ยวหนึ่ง เพราะพระสัพพัญญุตญาณของพระพุทธเจ้า เนื่องด้วยการนึกด้วยจิตนั้น พอนึกก็รู้ได้ตามประสงค์"



ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มิลินทปัญหา
« ตอบกลับ #164 เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2011, 11:21:18 am »


อุปมาเหมือนผู้ยกสิ่งของ

" ขอถวายพระพร เหมือนอย่างว่าบุรุษยกของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ที่วางอยู่ที่มือข้างหนึ่งมาไว้บนมืออีกข้างหนึ่ง หรืออ้าปากพูด กลืนอาหาร ลืมตา หลับตา คู้แขน เหยียดแขน อันนับว่าเร็วอยู่แล้ว แต่ยังช้ากว่าพระสัพพัญญุตญาณ คือพอพระพุทธเจ้าทรงนึกก็รู้ได้ทันที ไม่ใช่ว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จะไม่เป็นพระสัพพัญญูด้วยเหตุเพียงนึกเท่านี้"

" ข้าแต่พระนาคเสน เมื่อยังนึกหาอยู่ก็ยังไม่ชื่อว่าเป็นพระสัพพัญญู ขอนิมนต์ชี้แจงให้โยมเข้าใจตามเหตุการณ์อีกเถิด "


อุปมาเหมือนบุรุษผู้มั่งคั่ง

" ขอถวายพระพร เปรียบเหมือนกับบุรุษผู้หนึ่ง เป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีเครื่องกินมาก มีเงินทองมาก มีเครื่องปลื้มใจมาก มีธัญชาติ ข้าวสาลี ข้าวเปลือก ข้าวสาร งา ถั่ว ฟักแฟง แตงเต้า เนยใส น้ำมัน นมข้น นมสด นมส้ม น้ำผึ้ง น้ำอ้อย อยู่มาก เวลามีแขกมาหา ซึ่งเป็นผู้ควรต้อนรับด้วยอาหาร อาหารก็ทำเสร็จแล้ว ยังแต่จะต้องคดข้าวออกจากหม้อเท่านั้น บุรุษนั้นจะเรียกว่า เป็นผู้มีทรัพย์มาก หรือจะเรียกว่าไม่มีทรัพย์มาก ด้วยเหตุเพียงเวลาคดข้าวจากหม้อเท่านั้นหรืออย่างไร ?"

" ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ทำไมจึงว่าอย่างนี้ ถึงในราชมณเฑียรของพระเจ้าจักรพรรดิก็ตาม ถ้านอกเวลาก็ต้องรอเวลาอาหารสุก ไม่ต้องพูดถึงในบ้านเรือนของคฤหบดี "

" ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร คือ พระสัพพัญญุตญาณอันเนื่องด้วยการนึกของพระพุทธเจ้านั้น พอถึงก็รู้ได้ตามประสงค์ "


ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มิลินทปัญหา
« ตอบกลับ #165 เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2011, 11:55:34 am »


อุปมาเหมือนต้นไม้ที่มีผล

" ขอถวายพระพร ต้นไม้ที่มีผลดกเต็มต้นยังไม่มีผลหล่นลงมาเลย เมื่อรอเวลาผลหล่นลงมา จะเรียกว่าต้นไม้นั้น ไม่มีผลได้หรือไม่? "
" ไม่ได้ พระผู้เป็นเจ้า เพราะต้นไม้นั้นเนื่องด้วยการหล่นแห่งผล พอผลหล่นลงคนก็เก็บเอาได้ตามประสงค์ "
" ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร พระสัพพัญญุตญาณก็เนื่องด้วยการนึกของพระพุทธเจ้า พอนึกก็รู้ทันที "

" ข้าแต่พระนาคเสน เป็นอันว่า พระพุทธเจ้าทรงนึกก็รู้ได้ทันทีอย่างนั้นหรือ? "
" อย่างนั้น มหาบพิตร คือพระเจ้าจักรพรรดิพอทรงนึกถึงจักรแก้ว จักรแก้วก็มาปรากฏทันทีฉันใด พระพุทธเจ้าพอนึกก็รู้ทุกสิ่งฉันนั้น ขอถวายพระพร"

" ข้าแต่พระนาคเสน โยมตกลงรับว่าพระพุทธเจ้าเป็น พระสัพพัญญู แน่ละ "



ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มิลินทปัญหา
« ตอบกลับ #166 เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2011, 01:52:42 pm »


       

ปัญหาที่ ๓ ถามเรื่องโปรดให้พระเทวทัตบรรพชา

ข้าแต่พระนาคเสน พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่าพระตถาคตเจ้าเป็นผู้มีพระมหากรุณา เป็นผู้แสวงหาสิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นผู้อนุเคราะห์สัตว์ทั้งหลายอย่างนั้นหรือ ? "
" อย่างนั้น มหาบพิตร "

" ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระเทวทัต ใครบวชให้ ขอจงว่าไปตามจริง ? "
" ขอถวายพระพร สมเด็จพระชินวรเจ้าทรงบวชให้พร้อมกับ พระภัททิยะ พระอนุรุทธ พระอานนท์ พระภัคคุ พระกิมพิละ พระอุบาลี "

" ข้าแต่พระนาคเสน พระเทวทัตบวชแล้วจึงทำสังฆเภทได้ เพราะคฤหัสถ์ หรือ ภิกษุณี นางสิกขมานา สามเณร สามเณรี ทำสังฆเภทไม่ได้ ทำได้แต่เฉพาะภิกษุ ผู้ยังเป็นภิกษุอยู่ตามปกติ ยังร่วมกับสงฆ์ได้อยู่ อยู่ในเสมาอันเดียวกันกับสงฆ์เท่านั้น "

" ถูกอย่างนั้น มหาบพิตร พระเทวทัตบวชแล้วจึงทำสังฆเภทได้ "



ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มิลินทปัญหา
« ตอบกลับ #167 เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2011, 02:11:41 pm »

พระพุทธองค์ทรงทราบเหตุการณ์ล่วงหน้า

" ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทำสังฆเภทได้รับกรรมอย่างไร ? "
" ขอถวายพระพร
ผู้ทำสังฆเภทต้องตกนรกอยู่ตลอด ๑ กัป "

" ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระตถาคตเจ้าทรงทราบหรือไม่ว่า พระเทวทัตบวชแล้วจักทำสังฆเภท แล้วจักไปตกนรกอยู่ตลอดกัป ? "
" ขอถวายพระพร ทรงทราบ "

พระเจ้ามิลินท์จึงตรัสต่อไปว่า
" ข้าแต่พระนาคเสน
ถ้าทรงทราบ คำที่ว่า
พระพุทธเจ้าเป็นผู้มีพระมหากรุณาแสวงหาประโยชน์ โปรดสรรพสัตว์ทั้งหลายนั้น ก็ผิดไป ถ้าไม่ทรงทราบ พระพุทธเจ้าก็ไม่ใช่พระสัพพัญญู ปัญหานี้เป็นอุภโตโกฏิมีสองแง่ ได้มาถึงพระผู้เป็นเจ้าแล้ว ขอพระผู้เป็นเจ้าจงแก้ไขให้สิ้นสงสัย พระภิกษุมีความรู้ดังพระผู้เป็นเจ้า ในภายหน้าโน้นจักหาได้ยาก  ขอพระผู้เป็นเจ้าจงแสดงกำลังปัญญาของพระผู้เป็นเจ้าไว้ "



ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มิลินทปัญหา
« ตอบกลับ #168 เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2011, 02:39:47 pm »


ทรงใช้วิธีผ่อนหนักเป็นเบา

" ขอถวายพระพร พระตถาคตเจ้าเป็นผู้มีพระมหากรุณาจริง เป็นพระสัพพัญญูจริง
เป็นพระสัพพทัสสาวี คือเห็นทุกสิ่งจริง
เมื่อพระตถาคตเจ้าทรงเล็งดูคติของพระเทวทัตด้วยพระสัพพัญญุตญาณ
อันประกอบด้วยพระมหากรุณา ก็ได้ทรงเห็นว่า พระเทวทัตถ้าเป็นคฤหัสถ์ ก็จักทำบาปกรรมอันจักให้ไปตกนรก
เกิดเป็นเปรต อสุรกาย เดรัจฉาน หลายกัป และทรงทราบว่า กรรมของพระเทวทัตจักไม่มีที่สิ้นสุด
แต่เมื่อ
พระเทวทัตได้บรรพชาในพระพุทธศาสนาแล้ว ก็จักมีสิ้นสุดได้
เมื่อบรรพชาแล้ว ก็จักทำกรรมเพียงให้ตกนรกอยู่ ๑ กัปเท่านั้น ทรงเห็นอย่างนี้
จึงได้โปรดให้พระเทวทัตบรรพชา ด้วยอำนาจพระมหากรุณา"

" ข้าแต่พระนาคเสน ถ้าอย่างนั้น ก็เป็นอันว่า พระตถาคตเจ้าทุบตีพระเทวทัตแล้วทาน้ำมันให้
ผลักให้ล้มแล้ว ดึงแขนให้ลุกขึ้นฆ่าแล้วชุบชีวิตให้ เพราะให้ทุกข์ก่อนแล้วจึงให้สุขต่อภายหลัง "

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 06, 2011, 02:46:08 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มิลินทปัญหา
« ตอบกลับ #169 เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2011, 04:04:38 pm »

   อุปมามารดาบิดาลงโทษบุตร

   " ขอถวายพระพร พระตถาคตเจ้าทรงทำอย่างนั้นจริง ข้อนี้ควรทราบด้วยอุปมา เหมือนมารดาบิดาเฆี่ยนตีบุตรแล้ว ให้ประโยชน์ทีหลังฉันใด พระตถาคตเจ้าก็ทรงทำฉันนั้น พระเทวทัตถ้าจักไม่ได้บรรพชา ยังเป็นคฤหัสถ์อยู่ ก็จักทำบาปกรรม อันจักให้ไปตกนรกอยู่หลายแสนกัป เมื่อพระตถาคตเจ้าทรงทราบอย่างนี้ จึงได้ทรงพระกรุณาให้บรรพชา ได้ทรงทำทุกข์หนักให้เป็นทุกข์เบา ด้วยทรงเล็งเห็นว่า เมื่อพระเทวทัตได้บรรพชาในศาสนาของเราแล้วทุกข์ก็จักมีที่สิ้นสุด "

  อุปมาบุรุษผู้มีอำนาจ

   " มหาราชเจ้า เปรียบประดุจบุรุษผู้มีกำลังทรัพย์ ยศ ศักดิ์ ญาติวงศ์ รู้ว่าญาติหรือมิตรจะต้องได้รับพระราชอาญาหนัก ก็ช่วยให้เบาตามความสามารถของตนฉันใด สมเด็จพระจอมไตรทรงทราบว่า พระเทวทัตจะได้รับทุกข์อยู่หลายแสนกัป จึงให้บรรพชาช่วยให้หนักเป็นเบา ด้วยอำนาจศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณฉันนั้น "

   อุปมาเหมือนหมอผ่าตัด

   " อีกอย่างหนึ่ง หมอผ่าตัดย่อมตัดโรคที่หนัก ๆ ออกเสียทำให้เบาลง ด้วยอำนาจยาอันแรงกล้าฉันใด พระพุทธเจ้าผู้ทรงเห็นว่า พระเทวทัตจะได้รับทุกข์อยู่หลายแสนกัป จึงโปรดให้บรรพชาทำทุกข์หนักให้เป็นทุกข์เบาด้วยกำลังยา คือพระธรรม อันประกอบด้วยพระมหากรุณาฉันนั้น ขอถวายพระพร เมื่อพระตถาคตเจ้าทรงทำพระเทวทัตผู้จะได้รับทุกข์มาก ให้ได้รับทุกข์น้อย จะได้บาปอย่างใดอย่างหนึ่งหรือ ? "

   " ไม่ได้บาปอย่างใดเลย พระผู้เป็นเจ้า "
   " ขอถวายพระพร เหตุการณ์ข้อนี้ มหาบพิตรจงรับไว้ตามความจริงว่า พระพุทธเจ้าได้โปรดให้พระเทวทัตบรรพชา เพราะทรงพระมหากรุณาแท้ ๆ "