รูป บุคคลสำคัญของประเทศต่างๆ...ที่หลังธนบัตร

[มดเอ๊กซ]

       
   ท่านแรกได้แก่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่2 ของสหราชอาณาจักร ผู้เป็นประมุขของเครือจักรภพอังกฤษ ธนบัตรจำนวนมากจะมีรูปของท่าน เพราะนอกจาก สหราชอาณาจักรจะใช้แล้ว ประเทศที่อยู่ในกลุ่มเครือจักรภพก็ใช้ด้วยได้แก่แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จาเมกา บาร์เบโดส หมู่เกาะบาฮามาส เกรนาดา ปาปัวนิวกินี หมู่เกาะโซโลมอน ตูวาลู เซนต์ลูเซีย เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์์ แอนติกาและบาร์บูดา เบลิซ และเซนต์คิตส์และเนวิส จึงมีผู้พบเห็นท่านมากเกือบครึ่งค่อนโลก ทั้งเครือจักรภพอังกฤษ มีประชากรวมกันทั้งหมดถึง 128 ล้านคน
   ในปัจจุบัน พระองค์ทรงเป็นพระประมุของค์เดียวในโลกที่ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐของชาติเอกราชมากกว่าหนึ่งชาติพร้อมกัน ในทฤษฏีทางกฎหมาย พระองค์ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐที่ทรงอำนาจมากที่สุดในโลก แม้ว่าในทางปฏิบัติพระองค์จะทรงใช้อำนาจบริหารทางการเมืองส่วนพระองค์เพียงเล็กน้อย
   
   
     
       
   เช กูวารา คนนี้เราก็พบเห็นกันบ่อยมาก แต่ไม่ใช่บนธนบัตร แต่จะเป็นรูปที่ติดอยู่ทั่วไป ไม่ทราบว่าคนทั่วไปจะรู้จักประวัติของเขากันสักเท่าไร แต่ผมเข้าใจว่า รูปเขาเท่มากจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของคนชั้นกรรมาชนไป แม้กระแสของการปฏิวัติแรงงานได้หายไปนานแล้ว แต่รูปของเช เขายังขายได้เรื่อยๆเลยทีเดีย ชื่อเต็มของเขา เอร์เนสโต ราฟาเอล เกบารา เด ลา เซร์นา (Ernesto Rafael Guevara de la Serna) เป็นนักปฏิวัติแนวมาร์กซิสต์ชาวอาร์เจนตินา และเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม 26 กรกฎาคมของฟิเดล คาสโตร ซึ่งเป็นกลุ่มที่ปฏิวัติประเทศคิวบาเมื่อปี พ.ศ. 2502 แต่หลังจากปฏิวัติสำเร็จในคิวบา เชได้ออกจากคิวบาในปี พ.ศ. 2508 โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะให้ประเทศอื่นเพื่อก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวทางการเมืองอีก เช่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกและประเทศโบลิเวีย ซึ่งที่โบลิเวียนี่เอง เขาถูกจับได้โดยกองทัพโบลิเวียที่สนับสนุนโดยซีไอเอของสหรัฐอเมริกา และถูกประหารชีวิตทันทีหลังจากที่โดนจับตัวได้ เช เกวารา เชจึงเป็นสัญลักษณ์ของการปฏิวัติและการเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยภาพถ่ายที่มีชื่อเสียงของเช คือ ภาพใบหน้าที่ถ่ายโดยอัลเบอร์โต คอร์ดา (Alberto Korda)
   
 
               มหาตมะ คานธี เป็นปูชนียบุคคลของอินเดีย ผู้เป็นต้นฉบับของการต่อสู้แบบอหิงสา จนสามารถปลดปล่อยอินเดีย จนเป็นเอกราชจากการปกครองของอังกฤษ เป็นคนตัวเล็กแต่จิตใจเขายิ่งใหญ่มาก การประท้วงแบบคานธีได้กลายเป็นต้นแบบของการประท้วงแบบสันติที่ได้รับการยกย่อง คานธี เกิดในครอบครัวชาวฮินดู เขาได้ไปเรียนต่อด้านกฎหมายที่ลอนดอน เขาเข้าร่วมกลุ่ม Inner Temple เขาทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงเรื่องสิทธิของผู้อพยพชาวอินเดียในแอฟริกาใต้ และเขาได้พัฒนาลัทธิต่อต้านความอยุติธรรมขึ้นที่นั่น จนมักถูกจับขังคุกบ่อยๆ เพราะการประท้วงที่เขาเป็นผู้นำ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับอินเดีย เขาก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอินเดียในแอฟริกาได้อย่างมาก หลังกลับมาอินเดีย เขาก็กลายเป็นผู้นำการต่อสู้เพื่อเอกราชจากอังกฤษ เขาไม่เคยลังเลในความเชื่อที่มั่นคงเกี่ยวกับการประท้วงโดยไม่ใช้ความรุนแรงและความอดทนตามหลักศาสนา ไม่ว่าเมื่อประชาชนชาวมุสลิมและชาวฮินดูก่อเหตุรุนแรงต่อชาวอังกฤษผู้ปกครองอินเดีย หรือเมื่อทั้งสองกลุ่มสู้รบกันเอง เขาจะอดอาหารประท้วงจนความรุนแรงยุติลง การที่อินเดียได้รับเสรีภาพจากอังกฤษในปี 1947 ไม่ได้เกิดจากชัยชนะทางการทหาร แต่เป็นชัยชนะแห่งความพยายามของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม คานธีรู้สึกหมดหวังที่ประเทศต้องถูกแบ่งแยกเป็นฝ่ายฮินดูในอินเดีย และมุสลิมในปากีสถาน ในช่วงสองเดือนสุดท้ายของชีวิต เขาพยายามจะยุติความรุนแรงที่น่าหวาดกลัวซึ่งเป็นผลจากการแบ่งแยกประเทศ ทำให้คานธีต้องอดอาหารประท้วงจนเกือบเสียชีวิต เหตุจลาจลจึงสงบลงได้ ในเดือนมกราคม ปี 1948 คานธีมีอายุ 79 ปี เขาถูกลอบสังหารขณะกำลังเดินผ่านฝูงชนที่แออัดในสวนแห่งหนึ่งในกรุงนิวเดลีเพื่อไปสวดมนต์ตอนเย็น[/COLOR
   
 
   
               
      เตมูจิน หรือที่เราจะคุ้นเคยกับชื่อ เจงกิสข่าน ของเขามากกว่า ท่านเป็นจอมจักรพรรดิของชาวมองโกล ที่สามารถทำสงครามข้ามไปไกลถึงยุโรปได้ มีอาณาจักรภายใต้การปกครองที่กว้างขวางที่สุด เท่าที่เคยมีมา ทรงขึ้นครองราชย์แทนพระบิดาเมื่ออายุเพียง 13 ขวบ และต้องดิ้นรนต่อสู้ขับเคี่ยวกับชนเผ่าต่างๆ ที่เป็นอริอยู่หลายปี ในปี พ.ศ. 1749 เตมูจิน ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น เจงกีส ข่าน และจากปี พ.ศ. 1754 ด้วยการรบพุ่งหลายครั้ง เจงกีส ข่าน สามารถยึดครองจีนตอนเหนือ จักรวรรดิคารา-จิไต (Kara-Chitai Empire) จักรวรรดิคาเรสม์ และดินแดนอื่นๆ อีกมากมาย นับถึงเวลาเมื่อเจงกีส ข่านสิ้นชีพตักษัย จักรวรรดิมองโกลได้แผ่ขยายตั้งแต่ทะเลดำไปจดมหาสมุทรแปซิฟิก ปัจจุบัน เจงกีส ข่าน ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักการทหารที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของโลก
     
               
      มาร์โค โปโล
      นักเดินเรือที่เที่ยวสำรวจไปในท้องทะเลกว้างไกล มาร์โค โปโล เป็นชาวอิตาเลี่ยน ที่เป็นชาวยุโรปคนแรก ที่เดินทางข้ามทวีปเอเชีย และได้เขียนบันทึกการเดินทางเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้ยินได้ฟังเอาไว้ เขาได้อธิบายถึงทวีปๆหนึ่ง ซึ่งไม่เป็นที่รู้จักกันเลยสำหรับชาวยุโรปในยุคสมัยของเขา เขาได้พรรณาถึงอารยธรรมเกี่ยวกับจีน ซึ่งเจริญเหนือกว่าวัฒนธรรม และเทคโนโลยีของชาวยุโรปในสมัยนั้น
     
               
      เหมา เจ๋อ ตุง
      บิดาของจีนคอมมิวนิสต์ ที่เกิดในครอบครัวชาวนา ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เรียนไปทำงานหน้าที่ผู้ช่วยบรรณารักษ์ห้องสมุดไปด้วย
      ซึ่งเป็นคลังความรู้ให้สะสมภูมิปัญญาแก่เขา จนแตกฉานทางอักษรศาสตร์ยอดเยี่ยม เป็นต้นทุนที่ทำให้เขาปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองของจีนได้สำเร็จ เขามักวิพากษ์วิจารณ์การปกครองของราชสำนักชิงซึ่งเป็นชาวแมนจู
      ในที่สุดเหมารวมพลคนใจเดียวกัน ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนในพ.ศ.2464 และปีเดียวกัน เขาเป็นแกนนำหยุดงานประท้วงของ คนงานเหมืองแร่ แล้วก่อตั้งกองทัพแดงกรรมกรและชาวนา ตามด้วยกองทัพปลดแอกประชาชน ปฏิบัติการ "ป่าล้อมเมือง" จนมีชัยเหนือเจียง ไค เช็ก ซึ่งปฏิวัติการปกครองจากระบอบกษัตริย์ ของจีนมาได้ไม่นาน เขาสถาปนา "สาธารณรัฐประชาชนจีน" และดำรงตำแหน่งประธานสาธารณรัฐจนถึงพ.ศ.251

[มดเอ๊กซ]

      อยาตอลลาร์ โคไมนี
      โคไมนี เป็นครูสอนศาสนาของมุสลิมนิกายชีอะห๋ในประเทศอิหร่าน ปี 1964 ถูกเนรเทศไปประเทศอิรัก เนื่องจากปลุกระดมให้ประชาชนตระหนักถึงภัยของประเทศมหาอำนาจ รัฐบาลอิหร่านประกาศให้โคไมนี เดินทางเข้าประเทศได้แต่ต้องยอมรับการทำงานตามขอบเขตรัฐธรรมนูญ ในปี 1978 โคไมนีดำเนินงานการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน โดยให้ทำการปฏิวัติต่อต้านราชวงศ์ปาห์ลาวี ทำให้ประชาชนร่วมกันต่อต้านรัฐบาลเผด็จการของพระเจ้าชาห์ ได้สำเร็จ จัดตั้งรัฐบาลอิสลามขึ้นในวันที่16 ม.ค.1979 ทำให้กษัตริย์ เรซา ปาลลห์ลาวี ต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ อยาตอลลาร์ โคไมนี การปฏิวัติอิสลามก็ประสบชัยชนะ
     
       
         
      สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่สอง (Pope John Paul II)
      ทรงเป็นประมุขของศาสนจักรโรมันคาทอลิก ที่เป็นสันตะปาปาที่ไม่ใช่ชาวอิตาเลียนคนแรกในรอบ 455 ปี เป็นชาวโปแลนด์ และยังเป็นพระสันตะปาปาที่อายุน้อยที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 ทรงต่อต้านกระแสทุนนิยมที่ไร้ขอบเขต การกดขี่ทางการเมือง ต่อต้านการทำแท้ง
      สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 มีพระนามเดิมว่า คารอล วอยตีวา เกิดที่เมือง จากีลลอนส์ ในครอบครัวที่พ่อเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ของกองทัพ
      ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างที่โปแลนด์ถูกทหารนาซีครอบครองอยู่นั้น เขาคุ้นเคยกับชุมชนชาวยิว ซึ่งตอนนั้นเขาทำงานในเหมืองและโรงงานเคมี อย่างไรก็ตาม ต่อมาเขาก็สนใจในการศึกษาด้านเทววิทยา จนตัดสินใจบวชเป็นพระคาทอลิกในปี ค.ศ. 1946 หลังจากการมรณภาพของสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 1 คณะพระคาร์นินัลก็มีมติเลือกให้ท่าน ซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุเพียง 58 พรรษา ขึ้นเป็นพระประมุขแห่งศาสนจักรนิกายโรมันคาทอลิก เมื่อ เมื่อ
     
       
         
      วลาดิมีร์ อิลลิช เลนิน (Vladimir Ilyich Lenin)
      ผู้นำนักปฏิวัติมาร์กซิส คนแรกของสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตที่สถาปนาเมื่อ พ.ศ. 2465 เป็นหัวหน้าพรรคบอลเชวิก นายกรัฐมนตรีคนแรกและเป็นเจ้าของแนวคิดส่วนใหญ่ในลัทธิเลนิน ชื่อ “เลนิน” นั้นเป็นหนึ่งในนามแฝงที่ใช้ในการปฏิวัติ เขาได้รับการศึกษาด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยคาซาน และเซนปีเตอร์สเบิร์ก เลนินถูกจำคุกระหว่าง พ.ศ. 2438-2440 และในปีต่อมาถูกเนรเทศไปไซบีเรียจนถึง พ.ศ. 2443 เนื่องจากเข้าขบวนการปฏิวัติใต้ดิน หลังการปฏิวัติเลนินได้เป็นหัวหน้าพรรค “บอลเชวิค” (Bolshevik) ที่ทำการปฏิวัติล้มล้างระบบกษัตริย์ของรัสเซียในปี พ.ศ. 2460 จนสำเร็จ นับว่าเลนินเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของสหภาพโซเวียตที่ยังมีคนนับถือ
     
       
         
      สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก
      ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งภูฎานพระองค์ที่ 4 ขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนม์ได้ 17 พรรษา คนไทยไม่ค่อยรู้จักพระองค์ท่านกันนัก แต่ว่าที่รู้จักคือ พระราชโอรสพระองค์โตมกุฎราชกุมาร จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และพระองค์ทรงสละราชสมบัติ ก่อนกำหนดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2549 โดยทรงแต่งตั้งพระราชโอรสพระองค์โตมกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุกเสด็จขึ้นครองราชย์แทน
     
       
         
      โชแปง
      คีตกวีเอกของโปแลนด์ โชแปงเกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2353 ที่เมือง เซลาโซวา โวลา แต่บิดาของโชแปงเป็นชาวฝรั่งเศสโดยกำเนิด มารดาเป็นชาวโปแลนด์ โชแปงเริ่มเรียนดนตรีตั้งแต่อายุหกขวบและแต่งเพลงแรกเมื่ออายุเพียงเจ็ดขวบ เปิดการแสดงต่อสาธารณะชนครั้งแรกเมื่ออายุแปดขวบ (ค.ศ. 1818) ในปี พ.ศ. 2373 (ค.ศ. 1830) เขาได้จากโปแลนด์ประเพื่อมาประกอบอาชีพนักดนตรีในประเทศฝรั่งเศส เขาเกิดตกหลุมรักสาวนางหนึ่งอย่างหัวปักหัวปำ จนเกิดแรงบันดาลใจในการประพันธ์เพลง "บัลลาด หมายเลข 1 โอปุสที่ 23" ที่แสนไพเราะ รวมถึงมูฟเมนท์ที่สองของคอนแชร์โต้หมายเลขหนึ่ง เขามีสุขภาพไม่แข็งแรง เพราะป่วยจากวัณโรคเรื้อรัง จนกระทั่งจบชีวิตอย่างน่าสลดด้วยวัยเพียง 39 ปี แต่ผลงานทุกชิ้นของโชแปงนับเป็นผลงานชิ้นเอกที่เป็นอมตะมาจนทุกวันนี้
     
       
         
      อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein)
      คนน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักคนคนนี้ เพราะผลงานของเขา สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลก เลยทีเดียว เขาเป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎี ชาวเยอรมันที่มีสัญชาติสวิสและอเมริกัน ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 เขาเป็นผู้เสนอทฤษฎีสัมพันธภาพ (สูตร E=mc2 ที่โด่งดัง) และมีส่วนร่วมในการพัฒนากลศาสตร์ควอนตัม สถิติกลศาสตร์ และจักรวาลวิทยา เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปี พ.ศ. 2464 จากการอธิบายปฏิกิริยาโฟโตอิเล็กทริก และจาก "การทำประโยชน์แก่ฟิสิกส์ทฤษฎี" ไอน์สไตน์ ได้กลายมาเป็นแบบอย่างของผู้มีปัญญา หรือแม้แต่อัจฉริยะ ความนิยมในตัวของเขาทำให้มีการใช้ชื่อไอน์สไตน์ในการโฆษณา หรือแม้แต่การจดทะเบียนชื่อ "อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์" ให้เป็นเครื่องหมายการค้า ในทุกวันนี้ ไอน์สไตน์ยังคงเป็นที่รู้จักดีในฐานะนักวิทยาศาสตร์ที่โด่งดังที่สุด ทั้งในวงการวิทยาศาสตร์และนอกวงการ
     
       
         
      ซัดดัม ฮุสเซน
      บุรุษผู้สร้างความขมขื่นมอบให้แก่คนค่อนโลก คนที่ประสบปัญหาทางวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปีพ.ศ.2540 ทุกคนคงจำเขาได้ดี ซัดดัมเกิดในครอบครัวชาวนาที่มีฐานะมั่งคั่ง ในเมืองติคริต ห่างจากกรุงแบกแดดไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 100 ไมล์ เขาเติบโตมาโดยมีความตื่นตัวทางการเมืองเป็นอย่างดี เนื่องจากอิรักสมัยนั้นอยู่ภายใต้การปกครองระบอบกษัตริย์ เขาได้ศึกษาวิชากฎหมาย ณ มหาวิทยาลัยไคโร แล้วศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย อัล-มุสแตนเซรียา ในแบกแดด เมื่อมีอายุเพียง 20 ปี ก็ได้เข้าเป็นสมาชิกพรรคบาธ อันเป็นพรรคการเมืองชาตินิยมอาหรับ ที่มีอิทธิพลอยู่ในรัฐอาหรับหลายประเทศ อิรัคผ่านการรัฐประหารมาหลายครั้ง จนในที่สุด ซัดดัม ฮุสเซน ก็ได้เป็นผู้นำเผด็จการ ที่มีความตั้งใจจริงที่จะพัฒนาประเทศชาติ และได้รับความนิยมเป็นอันมาก ทั่วทั้งอิรักก็มีแต่รูปซัดดัมติดอยู่ทั่วไป ตั้งแต่ร้านกาแฟ ซุปเปอร์มาร์เกต ในฐานะผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ แต่ซัดดัม ฮุสเซน มีความทะเยอทะยาน อยากจะเป็นผู้นำของรัฐบาลอาหรับ ที่ยิ่งใหญ่ในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย จึงได้ตัดสินใจทำสงครามกับอิหร่าน แต่ก็ไม่ได้รับชัยชนะ เขายังไม่หยุดอยู่แค่นั้น ต่อมายังได้ส่งกำลังทหารบุกเข้ายึดคูเวต จนเป็นเหตุให้เกิดสงครามยาวนานกับอเมริกา และไม่สามารถรักษาชีวิตของตนเองไว้ได้ใน
     
       
         
      กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei) เกิด ณ เมืองปิซา ประเทศอิตาลี เป็นนักวิทยาศาสตร์ ที่ถูกขนานนามในชื่อต่างๆ เช่น บิดาแห่งวิชาดาราศาสตร์สมัยใหม่ บิดาแห่งวิชาฟิสิกสมัยใหม่ บิดาแห่งวิทยาศาสตร์ เป็นผู้ค้นพบ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์มากมาย เช่น "กฏแห่งการแกว่งของลูกตุ้ม" และ "กฏการตกของวัตถุ" เป็นผู้นำเรื่อง ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล
     
       
         
         
      คริสตอเฟอร์ โคลัมบัส ( Christopher Columbus) เชื่อว่าน่าจะเป็นชาวเจนัว อิตาลี แต่ก็เป็นไปได้ว่าเขาอาจเกิดที่อื่น โคลัมบัสนั้นเป็นนักสำรวจและพ่อค้า เขาไปติดต่อกษัตริย์อิตาลีเพื่อจะออกเรือไปหาขุมทรัพย์ แต่ไม่สำเร็จ จึงไปขอพบพระเจ้าเฟอร์ดินันด์และพระนางอิซาเบลลาแห่งสเปน เพื่อขอทุนทรัพย์ในการแต่งกองเรือออกไปล่ามหาสมบัติยังดินแดนไกลโพ้น เขาได้เดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปถึงทวีปอเมริกา ในปี ค.ศ. 1492 ภายใต้ธงชาติของสเปน โคลัมบัสมีความเชื่อว่าโลกนั้นมีรูปร่างเป็นทรงกลม และเราสามารถไปถึงตะวันออกไกล (Far East) โดยการเดินเรือไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นความเชื่อที่ขัดแย้งกับแนวความคิดในยุคนั้นว่าโลกนั้นมีรูปทรงแบน ปัญหาสำคัญที่มีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง ก็คือ ความเป็นไปได้ของการเดินทางรอบโลก เนื่องมาจากอุปสรรคเรื่องของอาหาร และข้อจำกัดทางเทคโนโลยีการเดินเรือในสมัยนั้น แต่ก็เป็นจุดเริ่มของการติดต่ออย่างถาวรระหว่างโลกใหม่ (ฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติก) และโลกเก่า (ฝั่งตะวันออกของมหาสมุทรแอตแลนติก)
      โคลัมบัสเป็นบุคคลแรกที่ค้นพบอเมริกาโดยบังเอิญ ก่อนอเมริโก เวชปุชชีเสียอีก ตอนนั้นเขากะจะไปที่อินดีส (หรืออินเดีย) พอมาถึงเกาะแห่งหนึ่ง เขานึกว่าเกาะแห่งนี้เป็นอินดีส เมื่อเห็นชาวพื้นเมืองจึงเรียกว่าเป็นอินเดียน
      ทั้งๆที่เป็นคนละประเทศ คนละทวีปกันเลย เป็นทวีปใหม่ที่โคลัมบัสก็นึกไม่ถึง ว่าจะมีมาคั่นระหว่างยุโรป กับเอเชียในทางทิศตะวันตก แต่คนพื้นเมืองของทวีปอเมริกาก็ได้ชื่อว่าเป็นอินเดียนมาตั้งแต่ตอนนั้น
     
      ที่มา

http://fws.cc/muslimchaingmai/index.php?topic=1593.0

http://fws.cc/muslimchaingmai/index.php

[แก้วจ๋าหน้าร้อน]

  ขอบคุณครับพี่มด