ผู้เขียน หัวข้อ: ชมรมพระวังหน้า เพื่อพระวังหน้าและงานบุญต่างๆ  (อ่าน 356416 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
.
สำหรับการเรียนรู้ เรื่องราวประวัติของ หลวงปู่เทพโลกอุดร 
.
ผมเรียนตามหนังสือ 2 เล่มนี้(เท่านั้น) คือ
 - หนังสือบรมครูพระเทพโลกอุดร
ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ผู้เขียน
และ
 - หนังสือหนังสือ พุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย
พระราชกวี (อ่ำ ธมมทตโต ป.ธ.6) วัดโสมนัสราชวรวิหาร
.
และ ผมเรียนรู้จาก ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ที่ท่านได้เล่าให้ฟังนอกเหนือจากข้อมูลในหนังสือ
รวมทั้ง ได้รับฟังข้อมูลจาก พระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่ง
.
.
.
ส่วนเรื่อง พระวังหน้า ที่ผมเรียนรู้จากหนังสือฯ  ผมเรียนรู้จากหนังสือ 2 เล่มนี้(เท่านั้น) คือ
 - หนังสือวิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จฯและสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า
ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ผู้เขียน
และ
 - หนังสือปู่เล่าให้ฟัง
ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ผู้เขียน
.
และ ผมเรียนรู้จาก ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร และ ฆารวาสอีก 1 ท่าน โดยการเรียนรู้จากพระวังหน้าองค์จริงๆ
การเรียนรู้นั้น เรียนทั้ง รูป (เนื้อหาทรงพิมพ์) และ นาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต)
ผมได้เห็นพระวังหน้า ผ่านสายตาผมมา น่าจะไม่ต่ำกว่าเป็นหมื่นองค์
.
หมายเหตุ ผมเคยอธิบายไปหลายรอบแล้วว่า ทำไมผมใช้คำว่า พลังอิทธิคุณ
ลองไปหาอ่านกันดู ครับ
.
ส่วนหนังสืออื่นๆ ที่ผมเคยไปซื้อมาศึกษาในสมัยเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้  ผมเก็บลงลังไปทั้งหมดแล้ว
ในหนังสือเหล่านั้น  เพิ่มเติม และ แต่งเติม เป็นนวนิยาย มีการเพิ่มเรื่องราวของปาฏิหาริย์จนมากเกินไป
.
.
.
ผมมาบอกเพิ่มเติม
.
หลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านคือ คณะพระธรรมทูต คณะโสณะอุตระ ที่มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ
ดังนั้น คำสอนของหลวงปู่เทพโลกอุดร ก็คือ นำ พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม พระโคตมพุทธเจ้า ( หรืออีกชื่อ พระสมณโคดมพุทธเจ้า) มาสอนให้กับผู้คนทั่วไป ครับ
.
.
.

.

หลวงปู่เทพโลกอุดร คือ คณะพระธรรมทูต คณะโสณะอุตตระ ที่มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ ปี พ.ศ.235

.

คำบูชา (บทสวด) ของ หลวงปู่เทพโลกอุดร (คือ คณะพระธรรมทูต คณะโสณะอุตตระ ที่มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ ปี พ.ศ.235)

โลกุตตะโร ปัญจะมหาเถโร อะหัง วันทามิ ตัง สะทา เมตตาลาโภ นะโสมิยะ อะหะพุทโธ

.

.

องค์ที่ 1 คือ #พระอุตตระเถระเจ้า หรือ พระอุตระเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ดำ

.

รูปร่างสันทัดผิวกายค่อนข้างดำคล้ำ มีจิตเยี่ยงพระโพธิสัตว์เจ้า บรรลุอภิญญาหก และปฎิสัมภิทาญาณ ใจดีประกอบด้วยเมตตา มีอารมณ์ขัน มีสภาวะจิตที่รวดเร็วมาก มีความเชี่ยวชาญในวิชาแพทย์และเภสัชกรรม เป็นพี่ชายของพระโสณะเถระเจ้า

.

พระอุตตระเถระเจ้า ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 12 ปีพุทธกาล 287

เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 1 ปีพุทธกาล 288

มีการเก็บธาตุ ที่ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า

(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 510)

หมายเหตุ ปีพุทธกาล 288 ผมนับจากวันที่พระอุตตระเถระเจ้า ท่านมรณภาพ(นิพพาน) คือ อยู่ในเดือน 1 ครับ

.

.

องค์ที่ 2 คือ #พระโสณะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ตีนโต  และเป็นหัวหน้าคณะพระธรรมทูต คณะโสณะอุตตระ

.

รูปกายสูงใหญ่ผิวดำ ทรงคุณสมบัติเหมือนกับ พระอุตรเถระเจ้า เว้นวิชาแพทย์ ใจดี เยือกเย็น ประกอบด้วยเมตตาธรรม ชอบผาดโผนเหินฟ้านภาลัยโขดเขินเนินไศลเป็นที่สัญจร และเป็นน้องชายของพระอุตระเถระจ้า

.

พระโสณะเถระเจ้า ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 6 ปีพุทธกาล 264

เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 ปีพุทธกาล 264

มีการเก็บธาตุ ด้านหน้าพระพุทธรูป ที่ พระอุโบสถ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า

(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 497)

.

.

องค์ที่ 3 คือ #พระมูนียะเถระเจ้า  หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เทพโลกอุดร  หรืออีกชื่อ #บรมครูมูนียะโลกอุดร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่อิเกสาโร  หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เดินหน  หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ในดง  หรืออีกชื่อ #หลวงปู่โพรงโพ (เดิมพิมพ์ว่า #หลวงปู่โพรงโพธิ์ เป็นการพิมพ์ผิด)

.

มีบุคลิกภาพสง่างาม มีความเชี่ยวชาญในวิชาแปรธาตุ เป็นผู้คงแก่เรียน ชอบเจริญอสุภกรรมฐาน 10 (ภาพในนิมิตร มักจะปรากฎเส้นเกสายาวจรดเอว)

.

พระมูนียะเถระเจ้า ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 4 ค่ำ เดือน 5 ปีพุทธกาล 298

เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 6 ปีพุทธกาล 298

มีการเก็บธาตุ ที่ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า

(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 511)

.

.

องค์ที่ 4 คือ #พระฌานียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อกบวัดเขาสาริกา #วัดเขาสาริกา ลพบุรี (เดิมที่พิมพ์ไว้ #หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า เป็นการพิมพ์ผิด)

.

มีรูปกายค่อยข้างสูงใหญ่ ขนตาดกยาว มีอำนาจ แต่ขี้เล่นใจดี

.

พระฌาณียะเถระเจ้า ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 8 ปีพุทธกาล 278

เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันแรม 15 ค่ำ เดือน 8 ปีพุทธกาล 278

มีการเก็บธาตุ ที่ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า

(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 506 - 507)

.

.

องค์ที่ 5 คือ #พระภูริยะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่หน้าปาน หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อโอภาสี #วัดโอภาสี กรุงเทพ

.

สำเร็จปรอท ล่องหนย่นระยะทางเก่ง

.

พระภูริยะเถระเจ้า ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 ปีพุทธกาล 295

เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ปีพุทธกาล 295

มีการเก็บธาตุ ที่ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า

(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 511)

.

.

.

.

.

หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ( คณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตตระ ที่มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ จากการที่ พระเจ้าอโศกมหาราช ได้อาราธนามาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ) ในสายที่ 8 จาก 9 สายของคณะพระธรรมทูตที่พระเจ้าอโศกมหาราชได้อาราธนามาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในประเทศต่างๆ ข้อมูลจาก หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย เขียนโดย พระราชกวี (อ่ำ ธมมทตโต) วัดโสมนัสวิหาร กรุงเทพมหานคร

.

หมายเหตุ ในหนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย เขียนโดย พระราชกวี (อ่ำ ธมมทตโต) วัดโสมนัสวิหาร กรุงเทพมหานคร เขียนคำว่า สุวัณณภูมิ แต่ในที่นี้ ผมขอใช้คำว่า สุวรรณภูมิ แทน เนื่องจากน่าจะเข้าใจกันได้ง่ายกว่า)

.

พระอุปัชฌาย์ของคณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตตระ คือ พระมหาโมคคัลลีปุตตติสสเถร ที่ท่านเป็นผู้เลือกคณะโสณะอุตตระ มาเป็นคณะพระธรรมทูตมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ

(พระมหาโมคคัลลีปุตตติสสเถร เป็นพระอุปัชฌาย์ของ พระโสณะเถระเจ้า , พระอุตตระเถระเจ้า , พระมูนียะเถระเจ้า , พระฌาณียะเถระเจ้า และ พระภูริยะเถระเจ้า)

(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 428)

.

คณะคณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตตระ เดินทางมาโดยทางเรือ มาถึงถิ่นสุวรรณภูมิที่เมืองทอง (ไม่ทราบว่า อยู่ในจังหวัดไหน) เมื่อเดือนอ้าย ขึ้น 14 ค่ำ ปีพุทธกาล 235 (ปีไทยฉลู) โดยอยู่ที่วัดปุณณาราม

(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 439)

.

พระโสณะเถระเจ้า ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 6 ปีพุทธกาล 264

เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 ปีพุทธกาล 264

มีการเก็บธาตุ ด้านหน้าพระพุทธรูป ที่ พระอุโบสถ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า

(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 497)

.

พระฌาณียะเถระเจ้า ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 8 ปีพุทธกาล 278

เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันแรม 15 ค่ำ เดือน 8 ปีพุทธกาล 278

มีการเก็บธาตุ ที่ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า

(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 506 - 507)

.

พระอุตตระเถระเจ้า ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 12 ปีพุทธกาล 287

เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 1 ปีพุทธกาล 288

มีการเก็บธาตุ ที่ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า

(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 510)

หมายเหตุ ปีพุทธกาล 288 ผมนับจากวันที่พระอุตตระเถระเจ้า ท่านมรณภาพ(นิพพาน) คือ อยู่ในเดือน 1 ครับ

.

พระภูริยะเถระเจ้า ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 ปีพุทธกาล 295

เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ปีพุทธกาล 295

มีการเก็บธาตุ ที่ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า

(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 511)

.

พระมูนียะเถระเจ้า ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 4 ค่ำ เดือน 5 ปีพุทธกาล 298

เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 6 ปีพุทธกาล 298

มีการเก็บธาตุ ที่ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า

(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 511)

.

พระโสณะเถระเจ้า ได้บวชให้กับ พระญาณจรเถระเจ้า (ดี หรือ ทองดี) ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปี 236 โดยมี พระโสณะเถระเจ้า เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอุตตระเถระเจ้า เป็นผู้สวดญัตติจตุุถกัมวาจา และ พระฌาณียะเถระเจ้า เป็นผู้สอนอนุสาสน

(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 440)

.

พระญาณจรเถระเจ้า (ดี หรือ ทองดี) (ธัมมปาโมกขสังฆราช) ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 4 ค่ำ เดือน 5 ปีพุทธกาล 313

เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 3 ปีพุทธกาล 314

มีการเก็บธาตุ ที่ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า

(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 539)

.

ชื่อ พระญาณจรเถระเจ้า (ดี หรือ ทองดี)

ญาณจรโณ ดี (หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 440)

ญาณจรโณ ทองดี (หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 539)

.

ชื่อ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า

โลกกนลว เมืองสุวัณณภูมิ ผู้โปรสเห้าหม่อมเมีย(ก้านตาเทวี) เป็นผู้ให้สร้างวัดศรีมหาธาตุแดนลว้า เมื่อวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ปีพุทธกาล 238

(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 443-444)

.

Sithiphong (Noom Wangna) ผู้เรียบเรียง โดยเรียบเรียงมาจากหนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย เขียนโดย พระราชกวี (อ่ำ ธมมทตโต) วัดโสมนัสวิหาร กรุงเทพมหานคร

.

.

.

หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ( คณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตตระ ที่มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ จากการที่ พระเจ้าอโศกมหาราช ได้อาราธนามาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ) ข้อมูลจาก หนังสือบรมครูพระเทพโลกอุดร ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ผู้เขียน

.

พระอุตรเถระเจ้า

รูปร่างสันทัดผิวกายค่อนข้างดำคล้ำ มีจิตเยี่ยงพระโพธิสัตว์เจ้า บรรลุอภิญญาหก และปฎิสัมภิทาญาณ ใจดีประกอบด้วยเมตตา มีอารมณ์ขัน มีสภาวะจิตที่รวดเร็วมาก มีความเชี่ยวชาญในวิชาแพทย์และเภสัชกรรม เป็นพี่ชายของพระโสณะเถระเจ้า

.

พระโสณะเถระเจ้า

รูปกายสูงใหญ่ผิวดำ ทรงคุณสมบัติเหมือนกับ พระอุตรเถระเจ้า เว้นวิชาแพทย์ ใจดี เยือกเย็น ประกอบด้วยเมตตาธรรม ชอบผาดโผนเหินฟ้านภาลัยโขดเขินเนินไศลเป็นที่สัญจร และเป็นน้องชายของพระอุตรเถระจ้า

.

พระมูนียะเถระเจ้า

มีบุคลิกภาพสง่างาม มีความเชี่ยวชาญในวิชาแปรธาตุ เป็นผู้คงแก่เรียน ชอบเจริญอสุภกรรมฐาน 10 (ภาพในนิมิตร มักจะปรากฎเส้นเกสายาวจรดเอว)

.

พระฌาณียะเถระเจ้า

มีรูปกายค่อยข้างสูงใหญ่ ขนตาดกยาว มีอำนาจ แต่ขี้เล่นใจดี

.

พระภูริยะเถระเจ้า

สำเร็จปรอท ล่องหนย่นระยะทางเก่ง

.

(หนังสือบรมครูพระเทพโลกอุดร หน้าที่ 23 - 25)

.

คณะคณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตตระ เดินทางมาโดยทางเรือ มาถึงถิ่นสุวรรณภูมิ โดยได้มาพักที่ วัดช้างค่อม (นครศรีธรรมราช) เมื่อวันขึ้น 14 คำ เดือน 1 พุทธศักราช 235

(หนังสือบรมครูพระเทพโลกอุดร หน้าที่ 10)

.

พระอุตรเถระเจ้า เป็นพี่ชายของพระโสณะเถระเจ้า

พระโสณะเถระเจ้า เป็นน้องชายของพระอุตรเถระจ้า

(หนังสือบรมครูพระเทพโลกอุดร หน้าที่ 11)

.

Sithiphong (Noom Wangna) ผู้เรียบเรียง โดยเรียบเรียงมาจากหนังสือบรมครูพระเทพโลกอุดร ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ผู้เขียน

.

.

.

.

.

ผม Sithiphong (Noom Wangna) ขอนำเรื่องราวของ หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ( คณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตตระ ที่มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ จากการที่ พระเจ้าอโศกมหาราช ได้อาราธนามาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ)

.

มายืนยันว่า หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ( คณะพระธรรมทูต คณะโสณะอุตตระ ที่ประกอบด้วยแกนหลัก คือ พระโสณะเถระเจ้า , พระอุตตระเถระเจ้า , พระมูนียะเถระเจ้า , พระฌาณียะเถระเจ้า และ พระภูริยะเถระเจ้า) ได้มรณภาพกันไปทั้งหมดแล้ว และกายที่ท่านมีในปัจจุบันคือ อทิสมานกาย ไม่มีตัวตนที่แท้จริง แต่เนื่องจากการที่คณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร มีการฝึกฤทธิ์มามาก ส่งผลให้สามารถทำให้อทิสมานกาย ปรากฎเป็นกายเนื้อได้

.

อีกเรื่องก็คือ ปัจจุบันมีรูป พระภิกษุที่เป็นรูปโครงกระดูก ที่ระบุเป็นรูปของหลวงปู่เดินหน (พระมูนียะเถระเจ้า) โครงกระดูกที่ปรากฎนั้น เป็นสิ่งที่หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า ท่านทำให้ปรากฎขึ้น เพื่อให้คนทั้งหลายที่ได้เห็น จะได้ระลึกถึงเรื่อง อสุภกรรมฐาน ส่วนกายของหลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า ได้มีการประชุมเพลิง(ฌาปนกิจ) ไปเมื่อปีพุทธกาล 298 (ตามข้อมูลด้านบนที่ผมนำมาให้อ่าน) แล้ว

.

ขอกราบในพระคุณของหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ( คณะพระธรรมทูต คณะโสณะอุตตระ ที่ประกอบด้วยแกนหลัก คือ พระโสณะเถระเจ้า , พระอุตตระเถระเจ้า , พระมูนียะเถระเจ้า , พระฌาณียะเถระเจ้า และ พระภูริยะเถระเจ้า) ที่ทำให้ดินแดนสุวรรณภูมิ มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลัก ที่ทำให้ผู้คนได้มีหลักปฎิบัติตามหลักธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อความหลุดพ้นในวัฏสงสาร มุ่งสู่แดนพระนิพพาน

.

โลกุตตะโร ปัญจะมหาเถโร อะหัง วันทามิ ตัง สะทา เมตตาลาโภ นะโสมิยะ อะหะพุทโธ

.

กราบ กราบ กราบ กราบ กราบ

Sithiphong (Noom Wangna)

.

รูปและเนื้อหา  สงวนลิขสิทธิ์ 

แต่อนุญาตให้นำไปลงยังเพจ.อื่นๆ หรือ นำไปลงในสื่อออนไลน์ทุกประเภท

และต้องระบุที่มาของ รูปและเนื้อหา

ดังนี้  ที่มาของรูปและเนื้อหา โดย Sithiphong (Noom Wangna) ชมรมพระวังหน้า

.

.

#หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร5พระองค์

.

#หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร

.

#คณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตระ

.

#สมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี

.

#หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ

.

#พระเจ้าอโศกมหาราช

.

#ชมรมพระวังหน้า

.

#พระวังหน้า

.
.
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=166285946100096&id=100081560750868&mibextid=Nif5oz
.
.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
.
สวัสดีปีใหม่ทุกท่าน
วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566
.
.
มาเล่าสู่กันฟัง นำมาให้อ่านกัน
.
ผมและหมู่คณะ  ได้จัดตั้งชมรมขึ้นมา โดยชมรมที่จัดตั้งขึ้นมานั้น
ครั้งแรก ผมตั้งชื่อชมรมคือ ชมรมรักษ์พระวังหน้า
แต่มีปัญหาภายในกันมากพอสมควร
มีกติกาและเงื่อนไขของชมรมรักษ์พระวังหน้า
แต่มีสมาชิกบางท่าน ไม่ได้สนใจในกติกาและเงื่อนไขของขมรมฯ
ผมจึงยุบชมรมรักษ์พระวังหน้า
.
ต่อมาผมมาตั้งชมรมใหม่  นั่นก็คือ ชมรมพระวังหน้า
โดยมีการจัดตั้งชมรมพระวังหน้าขึ้นในวันเสาร์ที่  11 ธันวาคม พุทธศักราช 2553
.
ชมรมพระวังหน้า จะมีผู้ที่ดำเนินการ(ที่เป็นหลัก)
1.ประธานชมรมพระวังหน้า
2.รองประธานชมรมพระวังหน้า
3.เลขานุการชมรมพระวังหน้า
.
และ ชมรมพระวังหน้า ก็ยังคงดำเนินการในงานบุญต่างๆมาจนถึงทุกวันนี้
เพียงแต่จะไม่ได้ออกสื่อมากนัก ครับ
.
.
อีกเรื่องที่เป็นเรื่องของความภาคภูมิใจของ ผมและสมาชิกชมรมพระวังหน้า นั่นก็คือ
.
ผมและคณะ ได้ค้นพบ พระกริ่งปวเรศ (รุ่น 2) ที่สร้างขึ้นในปี 2433
โดยมีการสร้างขึ้นในทวีปยุโรป และ สร้างในประเทศไทย
.
ในช่วงก่อนหน้าที่ผมและคณะได้ค้นพบพระกริ่งปวเรศ (รุ่น 2) ที่สร้างขึ้นในปี 2433 
ไม่ปรากฎข้อมูลพระกริ่งปวเรศ (รุ่น 2) ที่สร้างขึ้นในปี 2433 ในที่ไหนเลย
.
ท่านผู้ให้สร้าง คือ กลุ่มลูกศิษย์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ (สมเด็จพระสังฆราชไทย พระองค์ที่ 8 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
.
 - ในการจัดสร้างขึ้นในทวีปยุโรป มวลสาร(หลัก)ที่นำมาใช้ในการจัดสร้างคือ  เงินสเตอร์ลิง (Sterling Silver) (ที่เป็นโลหะเงินของทวีปยุโรป)
.
 - ในการจัดสร้างขึ้นในประเทศไทย มวลสารที่นำมาใช้ในการจัดสร้างคือ ทองคำ , เงิน , นาค และ โลหะผสม
.
มีการนำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวง ในวาระสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชไทย พระองค์ที่ 8 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในปี พ.ศ.2434
.
พระกริ่งปวเรศ รุ่น 2 (ปี 2434) บางองค์หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ ท่านจารที่องค์พระ
และมีบางองค์ที่พระสงฆ์(ที่เป็นพระผู้ช่วยของหลวงปู่ฯ)เป็นผู้จารที่องค์พระ
.
ผมได้นำพระกริ่งปวเรศ รุ่น 2 (ปี2434) นำไปให้ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร และ อาจารย์(อีกท่าน)ของผม
ตรวจสอบทั้ง รูป (เนื้อหาทรงพิมพ์) และ นาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต) 
อาจารย์ของผมทั้งสองท่าน ยืนยันว่า พระกริ่งปวเรศที่ผมนำไปให้ท่านทั้งสองดู เป็นพระกริ่งปวเรศ รุ่น 2 (ปี2434)
.
ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ท่านเคยบอกกับกลุ่มลูกศิษย์ว่า พระกริ่งปวเรศ(รุ่น ปี 2434)
เป็นพระกริ่งปวเรศ รุ่น 2 พลังอิทธิคุณครบทุกด้าน
.
ส่วนพระกริ่งปวเรศ รุ่นที่ 1 ใช้สำหรับการทำน้ำมนต์เพียงอย่างเดียว
.
.
การค้นพบเนื้อ เงินสเตอร์ลิง (Sterling Silver) ของพระกริ่งปวเรศ รุ่น 2 (ปี 2434)
เนื่องจาก สมาชิกชมรมพระวังหน้าท่านหนึ่งที่ได้จากผมไป นำไปใช้ครีมขัดองค์พระ
ปรากฎว่า เนื้อภายในเป็นสีเงิน  แต่ต่อมาทิ้งไว้(ขอไม่แจ้งระยะเวลา) ผลปรากฎว่า เนื้อสีเงินกลับเป็นสีทอง
.
ต่อมาเมื่อผมทราบเรื่อง ก็เลยนำไปคุยกับพี่ท่านหนึ่ง  พี่ท่านนี้นำแก้วไวน์(เนื้อ เงินสเตอร์ลิง (Sterling Silver)) ที่ซื้อมาจากประเทศอิตาลี
นำมาให้ผมชม และ ผมได้ใช้ครีมขัดแก้วไวน์ ผลปรากฎว่า สีของแก้วจากเดิมเป็นสีเหลืองทอง กลายเป็นสีเงิน
.
ขอเล่าสู่กันฟัง เขียนมาให้อ่านเพียงเท่านี้
.
หมายเหตุ ปัจจุบันนี้  มีข้อมูลที่เกี่ยวกับพระกริ่งปวเรศอย่างมากมาย  ให้ระมัดระวังกันให้มากที่สุด
หากไปศึกษาข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแล้วนำไปเผยแพร่กันต่อ
เป็นการร่วมกันทำกรรม มุสาวาท และ ต่อตีนโจร อย่างที่ผมเคยบอกไว้ ครับ
.
หมายเหตุ รูปและเนื้อหา สงวนลิขสิทธิ์
.
#สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์
#สมเด็จพระสังฆราชไทยพระองค์ที่8แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ในปี2434
#พระกริ่งปวเรศรุ่น2
#พระกริ่งปวเรศรุ่นปี2434
#เงินสเตอร์ลิง
#SterlingSilver
.
.
ผมนำบทความเรื่อง เงินสเตอร์ลิง (Sterling Silver) มาให้ได้อ่านกัน
.
เงิน...โลหะมีค่าที่ไม่ควรมองผ่าน
.
เงินจัดเป็นโลหะมีค่าที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งในวงการอัญมณีและเครื่องประดับ แต่มีราคาถูกกว่าทองคำโดยประมาณถึง 70 เท่า คุณสมบัติของเงินคล้ายทองคำ คือมีโครงสร้างผลึกแบบ FCC ทำให้สามารถแปรรูปได้ง่าย และมีสีขาวเงิน หรือเรียกว่า Silver White ซึ่งส่วนนี้ทำให้โลหะเงินมีผิวมันเงา และสามารถนำมาขัดมันได้อย่างดี ซึ่งคุณสมบัตินี้เพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ด้านศิลปะกรรมต่างๆ มีความเหนียวสูง และความสามารถในการตี้ขึ้นรูปได้ดี เมื่อเทียบกับโลหะชนิดอื่น ยกเว้นทองคำ มีการนำไฟฟ้าดีเยี่ยม จึงเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีที่สุด มีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อนได้ดีพอควร แต่เครื่องใช้และเครื่องประดับเงินนั้นก็มีข้อเสียคือ ผิวเงินเมื่อสัมผันกับอากาศเป็นเวลานานจะสามารถเปลี่ยนเป็นสีดำ ได้เนื่องจากทำปฏิกิริยากับกำมะถันในอากาศ (ธาตุซัลเฟอร์ หรือ สารประกอบที่มีซัลเฟอร์เป็นองค์ประกอบ) ทำให้เกิดความหมอง เงินนั้นมักพบเป็นผลพลอยได้จากการถลุงโลหะชนิดอื่นๆ เช่น ทองคำ ตะกั่ว ทองแดง เป็นต้น และเงินที่ใช้ในปัจจุบันก็มีหลากหลายประเภท ซึ่งผู้ที่ชื่นชอบโลหะชนิดนี้ควรทำความเข้าใจกันไว้สักนิด
.
ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับปัจจุบันโลหะเงินถูกใช้เป็นโลหะหลักในการผสมในเครื่องประดับเงินประเภทต่างๆ หรือถูกใช้เป็นโลหะผสมในการผลิตเครื่องประดับทองคำ สำหรับการบอกความบริสุทธิ์ของเงินนั้นจะไม่ใช่หน่วยกะรัต เหมือนทองคำ แต่จะเรียกโดยใช้ค่าปริมาณ เนื้อเงินที่อยู่ในเครื่องประดับนั้น เช่นมีปริมาณเงินอยู่ 92.50 % เรียกกันในตลาดว่า Sterling Silver
.
เงินสเตอร์ลิง (Sterling Silver) โลหะมีเงินผสมชนิดนี้ยังเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เงินมาตรฐาน (Standard Silver) มีการใช้งานอย่างกว้างขวางมานานกว่า 800 ปี แล้ว ซึ่งกำเนิดของการใช้โลหะชนิดนี้มาจากสมัยโรมัน และเหรียญเงินเพนนี ของอังโกลแซคซอน (Anglo-Saxon) ก็ทำมาจากโลหะผสมนี้ คำว่า “สเตอร์ลิง” มีการใช้กันมาตั้งแต่ยุคศตวรรษ ที่ 12 ในสมัยพระเจ้าเฮนรีที่ 2 ที่นำช่องหลอมและช่องทำเหรียญจากเมือง อีสเสตอร์ลิง ประเทศเยอรมันตะวันออกมาปรับปรุงและทำมาตรฐานของเหรียญของเหรียญเครือจักรภพ
ดังนั้นคำว่า สเตอร์ลิง จึงมีที่มาจากว่าว่า “อีสเตอร์ลิง” นั่นเอง ซึ่งธาตุผสมที่สำคัญที่ใช้ผสมกับเนื้อเงิน คือ ทองแดงผสมในเนื้อเงินสเตอร์ลิงนิยมทำกันมาก และต่อเนื่อง เพราะทองแดงมีคุณสมบัติทำให้โลหะผสมแข็งแรงขึ้น แต่เงินสเตอร์ลิงประเภทนี้จะหมองง่าย ดังนั้นการพัฒนาในปัจจุบันจึงได้มีการนำธาตุอื่นมาใช้ผสมด้วยเพื่อให้ได้คุณสมบัติพิเศษอื่นๆ เช่น นิกเกิล เพื่อผลิตเงินสปริง หรือ ผสมสังกะสี อินเดียม ซิลิคอน เจอร์มาเนียม เพื่อเพิ่มความสามารถในการต้านทางการหมอง
.
เงินเหรียญ (Coin Silver) ในยุคสมัยก่อน ค.ศ.1966 โลหะผสมที่ใช้ทำเงินเหรียญ โดยปกติในประเทศอื่นๆ ยกเว้นสหราชอาณาจักร จะมีส่วนผสมของเนื้อโลหะเงินอยู่ประมาณ 90 % และทองแดง 10% โดยน้ำหนัก หรือเรียกว่า เงิน 900 (Silver 900 fine) อุณหภูมิหลอมเหลวอยุ่ประมาณ 1615 องศาฟาเรนไฮน์ ปัจจุบันโลหะที่ใช้ทำเหรียญทำจากแผ่นโลหะของโลหะนิกเกิลและทองแทนที่จะใช้โลหะเงิน
.
เงินแผ่น (Silver Plate) เงินแผ่นที่ใช้กันทั่วไป ยกเว้นในสหราชอาณาจักร มักจะใช้ดลหะเงินผสมที่มีความบริสุทธิ์ของเนื้อเงินอยู่ในช่วงระหว่าง 800 ถึง 950 (80-95%)
.
เงินบริตทานเนีย (Britannia Silver) โลหะเงินผสมชนิดนี้เป็นโลหะมาตรฐานตามระยยของสหราชอาณาจักร ซึ่งใช้กับแผ่นโลหะเงินและมีการใช้ระบบนี้มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1696 โดยเนื้อโลหะจะมีปริมาณเงินอยู่ที่ 95.83% และเรียกขื่อว่า เงินบริตทานเนีย เนื่องจากเมื่อนำโลหะไปตรวจสอบวิเคราะห์หาปริมาณธาติและทำเครื่องหมายทางการ (Hallmark) ไว้บนโลหะชนิดนี้ด้วยการปั๊มเป็นตรารูปภาพนั่งของผุ้หญิงที่รุ้จักกันดี ชื่อว่า บริตทานเนีย แทนการใช้รูปสิงโตเหมือนกับเงินสเตอร์ลิง การใช้งานโลหะประเภทนี้ถือได้ว่ามีไม่มากนัก เพราะโลหะชนิดนี้จะมีความแข็.ต่ำและไม่ทนทานเท่าเงินสเตอร์ลิง อย่างไรก็ตาม ในวงการเครื่องประดับบางแห่งจะผลิตเครื่องประดับตามส่วนผสมนี้หรือาจจะเติมปริมาณเงินมากกว่า หรือใช้เงินบริสุทธ์อย่างเดียวเพื่อผลิตเป็นเครื่องประดับ เพื่อต้องลดปัญหาต่างๆ ที่มีผลจากอิทธิพลของธาตุทองแดง และต้องการผ่านการตรวจสอบปริมาณเนื้อเงิน
.
เงินเมกซิกัน (Mexican Silver) โลหะเงินชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า เงินเมกซิกัน เนื่องจากเป็ฯโลหะเงินที่ถูกใช้โดยชาวเมกซิกันและชาวอเมริกันอินเดียนเป็นส่วนมาก โดยเนื้อเงินที่อยู่ในโลหะทั่วไปมีสูงกว่า 90%
.
เงินสปริง (Spring Silver) โลหะชนิดนี้เป็นเงินสเตอร์ลิงที่นำมาลดขนาดความหนาลงถึง 10 เท่า จากขนาดความหนาเดิมของโลหะในสภาพอบอ่อน (Last annealed thickness) การลดความหนานี้อาจจะทำได้โดยการขึ้นรูป (Rolling) หรือการลากขึ้นรูป (Drawing) เพื่อทำให้โลหะแข็งขึ้น ดังนั้นจึงใช้ในงานหรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความแข็งและความเป็ฯสปริงสูงเช่น คลิปหนียเน็คไท หรือเป็นโลหะเงินผสมทองแดงและนิกเกิล โดยปริมาณเนื้องเงินในโลหะทำสปริงนี้จะมีประมาณ 83-85% อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมีความพยายามที่จะผลิตโลหะสปริงที่มีปริมาณเนื้องเนสูงเท่าเกรดเงินสเตอร์ลิง แต่ยังคงความเป็นสปริงเหมือนเดิม
.
โลหะเงินนั้นมีการใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวางไม่เพียงเฉพาะการทำเครื่องประดับเท่านั้น แต่ยังมีใช้ในอุตสาหกรรมเคมี และเครื่องไฟฟ้าหลายชนิด อีกด้วย
.
ที่มา https://www.git.or.th/g20131120.html
.
.
.***************************************
.
.
#พระเก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า
#เก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า
#พระเก๊จี๊ดจ๊าด
#เก๊จี๊ดจ๊าด
.
การเรียนรู้ ต้องมี สุ(ฟัง) จิ(คิด) ปุ(ถาม) ลิ(เขียน)
.
พาหุสัจจะ แปลว่า ความเป็นผู้ได้สดับมาก
หนังสือบางฉบับเรียกว่า หัวใจนักปราชญ์
.
สุ ย่อมาจาก สุตะ แปลว่า ฟัง
จิ ย่อมาจาก จินตะ แปลว่า คิด
ปุ ย่อมาจาก ปุจฉา แปลว่า ถาม
ลิ ย่อมาจาก ลิขิต แปลว่า จด
.
#อย่าไปเรียนกับกลุ่มเก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า
.
#เรียนรู้ของเก๊จี๊ดจ๊าดแทนของแท้   #เก็บสะสมของเก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้าแทนของแท้
.
#หลงทางหลงป่าเข้าพงลงเหว จาก #กลุ่มกูรูเก๊
.
ระวังให้มากสำหรับ เก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า และ เก๊จี๊ดจ๊าด กัน
.
 #อย่าไปเข้าป่าเข้าพงลงเหว #ไม่หลงทิศหลงทางลงนรก #อย่าตกเป็นเหยื่อ
.
ในเรื่อง #มุสาวาท และ #ปรามาสผู้มีธรรม จากกลุ่ม #กูรูเก๊
.
#โง่จริงแบบว่าไม่โง่จริงทำไม่ได้
.
รูปสงวนลิขสิทธิ์
.
.
.----------------------------------.
.
.

สองคน ยลตามช่อง คนหนึ่ง มองเห็นโคลนตม คนหนึ่ง ตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวแพรว
บทกวีของท่านเช็คสเปียร์  "Two folks look through same hole, one sees mud, one sees star.
ถอดเป็นภาษาไทยโดยท่านภราดา ฟ. ฮีแรห์ แห่งอัสสัมชัญ
.
“สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมคม เห็นดวงดาวอยู่พราวพราย”
แปลโดยเจษฏาจารย์ ฟ. ฮีแลร์ (F. Hilaire)
สุภาษิตนี้แปลมาจากภาษาอังกฤษ
Two men look out through the same bars; One sees the mud, and one the stars
โดย Frederick Longbridge
.
.

                "สองคน ยลตามช่อง
                คนหนึ่ง มองเห็นโคลนตม
                คนหนึ่ง ตาแหลมคม
                มองเห็นดาวอยู่พราวแพรว"
.
.....ต่อมาเมื่อได้ค้นคว้าเพิ่มเติมก็ได้ทราบว่าต้นแบบเป็นบทกวีของท่านเช็คสเปียร์ ที่ว่า "Two folks look through same hole, one sees mud, one sees star." ถอดเป็นภาษาไทยโดยท่านภราดา ฟ. ฮีแรห์ แห่งอัสสัมชัญ เมื่อกว่า 50 ปีที่แล้ว (ข้อมูลจาก ไทยโพสต์ 25 พ.ย. 2547 โดยคุณสุวรรณ) ความหมายก็คือมุมมองของคนหลายคนในเรื่องเดียว อาจมีความแตกต่างกันได้ ไม่จำเป็นว่าคนหนึ่งต้องมองว่าบวกอีกคนต้องมองว่าลบเสมอไป อาจจะมองทางบวกทั้งคู่ หรือลบทั้งคู่ก็ได้ ถ้าแตกต่างกันในความคิดเห็นก็จัดว่าเป็นสองคนยลตามช่องได้ทั้งสิ้น
.
#สองคนยลตามช่อคนหนึ่งมองเห็นโคลนตม
#คนหนึ่งตาแหลมคมมองเห็นดาวอยู่พราวแพรว
.
ที่มา https://www.facebook.com/Noom.Wangna11122553/posts/pfbid02BxMHsWdQWKe7rQh3ykQLVXxKwMUNx9fMC7jizDZXHysH8pFktJsRZifqZMfQHiW1l
.
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=169784005750290&id=100081560750868&mibextid=Nif5oz
.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
.
.
การนำบทความของผู้อื่นที่มีการเขียนที่ต้องผ่านการค้นคว้ามาอย่างถูกต้อง
โดยที่ผู้เขียนไม่ได้อนุญาตให้นำบทความนั้นๆ
ไปลงยังสื่อออนไลน์ประเภทต่างๆ
เมื่อนำบทความไปลงยังสื่อออนไลน์แล้ว
นั่นก็คือ เป็นความผิดสำเร็จตามเจตนาของผู้กระทำแล้ว
.
เรียกผู้ที่มีพฤติกรรมนั้นได้เลยว่า เป็นการลักทรัพย์
.
โทษทางกฎหมาย  เรียกว่า เป็นการลักทรัพย์ (ละเมิดลิขสิทธิ์)
โทษทางกฎแห่งกรรม เรียกว่า การลักทรัพย์
.
อีกเรื่อง ความสำนึกในการที่ตนเองได้กระทำผิดไป ยังไม่มีในสันดาน
เมื่อมีคนไปเตือนแล้ว บอกแต่เพียงว่า จะลบโพสต์
ไม่มีการแสดงถึงความสำนึกในการกระทำผิด
ไม่มีการแสดงคำขอโทษ
แต่ถ้ามีความสำนึกในสันดาน  สามารถฝากคำขอโทษที่แสดงถึงความจริงใจในการสำนึกในการกระทำผิด
.
ตามโคลงโลกนิติที่ลงให้อ่านด้านล่าง
.
ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร
มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ
หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายแสลงดิน
(ผู้แต่ง - สมเด็จกรมพระยาเดชาดิศร - หนังสือ - โคลงโลกนิติ)
สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล
.
แต่ที่แน่นอน  ยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ฟันธง คอนเฟิร์ม การันตี และ รับรอง ได้ว่า ผู้ที่กระทำกรรมในเรื่องของ การลักทรัพย์  ต้องไปชดใช้กรรม แน่นอน
.
.
.
ขอเพิ่มเติมในส่วนที่เคยเห็นมา ก็คือ โชว์พระเก๊จี๊ดจ๊าดเยอะ แถมเล่านิยายเก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้าใหัอ่านอีก
.
กรรมในส่วนนี้ คือ การกระทำในเรื่องของ มุสาวาท
.
ใครทำอะไร ต้องได้เช่นนั้นเสมอ
.
ของจริงต้องพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง
.
.
.
.
.
#ลักทรัพย์ #ขโมย
#ละเมิดลิขสิทธิ์
#มุสาวาท
.
.
.
.
.

“ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร…” การสื่อความและเจตนารมณ์ใน “โคลงโลกนิติ”
.
ที่มา ศิลปวัฒนธรรม
โพสโดย ผู้เขียน     เด็กชายผักอีเลิด
เผยแพร่  วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ.2565
.
    “ก้านบัวบอกลึกตื้น   ชลธาร
    มารยาทส่อสันดาน   ชาติเชื้อ
    โฉดฉลาดเพราะคำขาน   ควรทราบ
    หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ  บอกร้ายแสลงดิน”
.
ถอดความหมายบทประพันธ์นี้ได้ว่า กิริยามารยาทบอกได้ถึงชาติตระกูลและอุปนิสัยของบุคคล เช่นเดียวกับความสั้น-ยาวของก้านบัวย่อมบอกระดับความลึกของหนองบึงนั้น คำพูดสามารถแสดงระดับสติปัญญาของบุคคลได้ เปรียบเหมือนหญ้าที่เหี่ยวแห้งย่อมบอกถึงคุณภาพหรือความอุดมสมบูรณ์ของดินบริเวณนั้น กล่าวโดยสรุปว่า การแสดงออกทางพฤติกรรมและคำพูดสามารถบอกตัวตนของบุคคลนั้นได้
.
บทประพันธ์ดังกล่าวอยู่ใน “โคลงโลกนิติ” (อ่านว่า โคลง-โลก-กะ-นิด) ประพันธ์โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร ระหว่าง พ.ศ. 2374-2378 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) สืบเนื่องจากมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพลวิมลมังคลาราม และมีพระราชประสงค์ให้รวบรวมสรรพวิชาความรู้ของไทยมาจารึกบนแผ่นศิลาประดับไว้ในวัดพระเชตุพลฯ
.
รัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร ซึ่งขณะนั้นดำรงพระยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนเดชอดิศร รวบรวมและชำระโคลงโลกนิติสำนวนเก่าแล้วนำมาจารึกบนแผ่นศิลา เพื่อเป็นโอวาทสอนใจประชาชน ดังปรากฏในโคลงบทแรกว่า
.
    “อัญขยมบรมเรศน์เรื้อง   รามวงศ์
    พระผ่านแผ่นไผททรง   สืบไท้
    แสวงยิ่งสิ่งสดับองค์   โอวาท
    หวังประชาชนให้   อ่านแจ้งคำโคลง”
.
โคลงโลกนิติสำนวนของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร เมื่อรวมสำนวนเดิมที่นำมาปรับปรุง และส่วนที่ประพันธ์ขึ้นใหม่ รวมเป็นทั้งสิ้น 593 บท สำหรับสำนวนเดิมนั้น สันนิษฐานว่ามีการแต่งขึ้นก่อนสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ สืบเนื่องจากเนื้อความในบท 2 ที่ว่า
.
    “ครรโลงโลกนิตินี้   นมนาน
    มีแต่โบราณกาล   เก่าพร้อง
    เป็นสุภษิตสาร   สอนจิต
    กลดั่งสร้อยสอดคล้อง  เวี่ยไว้ในกรรณ”
.
โคลงโลกนิติใช้ฉันทลักษณ์หรือรูปแบบการประพันธ์แบบ “โคลง” โดยคำว่า “โลกนิติ” หมายถึง “ระเบียบแบบแผนของโลก” เนื้อหาของโคลงโลกนิติมุ่งเน้นการกล่าวถึงสัจธรรมหรือความเป็นจริงของโลก ความไม่เที่ยงของสิ่งทั้งปวง หรือความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์ และสอนเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตหรือการประพฤติตน เช่น การพูด การคบคน การใฝ่หาความรู้ ฯลฯ
.
ดังโคลงบท “ก้านบัวบอกลึกตื้น   ชลธาร…” ที่กล่าวถึงแต่แรกนั้น คือการเสนอความจริงเกี่ยวกับมนุษย์ว่า อากัปกิริยาที่แสดงออกทั้งหลายเป็นเครื่องสะท้อนชาติกำเนิด การเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน อุปนิสัย และสติปัญญาของแต่ละบุคคล สิ่งเหล่านี้เป็น “นามธรรม” แต่ผู้ประพันธ์หยิบยก “รูปธรรม” จากธรรมชาติ คือ บึงน้ำ – บัว และ ผืนดิน – หญ้า มาเปรียบเทียบให้เห็นภาพได้อย่างแยบคาย
.
การเปรียบเทียบดังกล่าวนอกจากจะสอนเรื่องการมองโลกหรือมองคนแล้ว ยังช่วยกระตุ้นเตือนบุคคลให้ระมัดระวังการแสดงออกของตนทั้งคำพูดและการกระทำ อันก่อประโยชน์ในเรื่องการได้รับการยอมรับจากบุคคลอื่นและการอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุขด้วย
.
อ้างอิง :
.
ราชบัณฑิตยสถาน. (2557). กวีวัจน์วรรณนา วรรคทองในวรรณคดีไทยพร้อมประวัติและคำอธิบาย. กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน
.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 19 กันยายน 2565
.
.
.
.
.
#ก้านบัวบอกลึกตื้นชลธาร
#มารยาทส่อสันดานชาติเชื้อ
#โฉดฉลาดเพราะคำขานควรทราบ
#หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อบอกร้ายแสลงดิน
(ผู้แต่ง - สมเด็จกรมพระยาเดชาดิศร - หนังสือ - โคลงโลกนิติ)
#สำเนียงส่อภาษา #กิริยาส่อสกุล
#สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล
.
.
.
.
.
#ไม่เคยนำปืนไปจ่อหัวบังคับใครให้กระทำ
#การกระทำเป็นการกระทำด้วยกายวาจาใจของตนเองทั้งสิ้น
.
.
.
#กระทำถูกกฎระเบียบหน่วยงานราชการและบริษัทแต่ผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินคดี
#กระทำถูกต้องตามกฎหมายแต่ผิดกฎแห่งกรรมต้องไปใช้กรรมเสมอ
.
.
.
#ต่อให้ไปไหว้พระพุทธรูปทั่วโลก
#ต่อให้ไปไหว้พระอริยสงฆ์ทั่วโลก
#ต่อให้ไปไหว้เทวรูปเทวดาทั่วโลก
#ไม่มีใครช่วยให้หนีกรรมพ้น
.
.
.
#ไม่ว่าใหญ่แค่ไหน
#ไม่ว่ารวยล้นฟ้าเพียงใด
#ไม่มีใครหนีกรรมพ้น
#แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังหนีกรรมไม่พ้น
.
.
.
#ต่อให้ใหญ่แค่ไหน
#ต่อให้รวยล้นฟ้าเพียงใด
#ไม่เคยมีใครหนีกรรมพ้น
#แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังต้องชดใช้กรรม
#บุพกรรมพระพุทธเจ้า
.
.
.
#พระเก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า
#เก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า
#พระเก๊จี๊ดจ๊าด
#เก๊จี๊ดจ๊าด
#ต่อตีนโจร
.
.
ที่มา https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=171859462209411&id=100081560750868&mibextid=Nif5oz
.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
.
สวัสดีในวันเด็ก ของปี พ.ศ.2566
.
เด็กๆคือ อนาคตของชาติ ต้องได้รับการอบรมในเรื่องที่ถูกต้อง
.
ไม่ว่าจะได้รับการอบรมมาจาก พ่อ แม่
ไม่ว่าจะได้รับการอบรมมาจาก ครูบาอาจารย์
ไม่ว่าจะได้รับการอบรมจากผู้ใหญ่รอบข้าง
.
อนาคตประเทศชาติ จะได้มีควาาเจริญรุ่งเรือง
ที่เจริญทั้งวัตถุ และจิตใจ
ที่เจริญทั้งทางโลก และทางธรรม
.
.
..*****************************..
.
.
ผมขออัญเชิญ คำขวัญ พระราชทานพระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) สำหรับลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็กแห่งชาติ ปี 2566
.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท ลงหนังสือวันเด็กแห่งชาติ 2566
.
ที่มา mgronline
.
วันนี้ (1 ม.ค.) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท สำหรับลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็กแห่งชาติ ปี 2566 ดังนี้
.
“เด็กทุกคนเติบโตขึ้นได้ ด้วยอาศัยการโอบอุ้มช่วยเหลือ ทั้งจากผู้ใหญ่และสังคม. การรู้และเห็นความดีของผู้ที่ได้โอบอุ้มช่วยเหลือนั้น นับเป็นคุณธรรมสำคัญประการหนึ่ง ชื่อว่าความกตัญญู. เด็ก ๆ จึงควรเรียนรู้ และสร้างสมอบรมคุณธรรมข้อนี้ ให้บริบูรณ์.”
.
พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต วันที่ 23 ธันวาคม พุทธศักราช 2565
.
.
.*****************************.
.
.
เพลง ค่านิยม 12 ประการ พร้อมเนื้อร้อง
.
.
https://www.youtube.com/watch?v=DrrJ7sKFqJI
.
โพสโดย Dek-Geng
.
3 ธ.ค. 2557
.
บทเพลงค่านิยมหลักคนไทย 12 ประการ
.
คำร้อง โดย พันเอก สมศักดิ์ เตียสุวรรณ
.
ทำนอง/เรียบเรียงเสียงประสาน โดย ร้อยเอก สุระชัย ถวิลไพร
.
ขับร้อง โดย นางสาว กฤติญา สาริกา
.
จัดทำโดย กองดุริยางค์ทหารบก
.
หนึ่งรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
.
สองซื่อสัตย์ เสียสละ อดทนได้
.
สามกตัญญู พ่อแม่ สุดหัวใจ
.
สี่มุ่งใฝ่ เล่าเรียน เพียรวิชา
.
ห้ารักษา วัฒนธรรม ประจำชาติ
.
หกไม่ขาด ศีลธรรม ศาสนา
.
เจ็ดเรียนรู้ อธิปไตย ของประชา
.
แปดรักษา วินัย กฏหมายไทย
.
เก้าปฏิบัติ ตามพระ ราชดำรัส
.
สิบไม่ขาด พอเพียง เลี้ยงชีพได้
.
สิบเอ็ดต้อง เข้มแข็ง ทั้งกายใจ
.
สิบสองไซร้ คิดอะไร ให้ส่วนรวม
.
.-------------------------------------------------.
.
เพลง หน้าที่เด็ก ( เด็กเอ๋ย เด็กดี )
.
https://www.youtube.com/watch?v=BBfg1choSm4
.
โพสโดย Sattahip Today
.
9 ธ.ค. 2561
.
เพลง หน้าที่เด็ก (เด็กเอ๋ย เด็กดี)
.
คำร้อง : ชอุ่ม ปัญจพรรค์
.
ทำนอง : เอื้อ สุนทรสนาน
.
.
เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
.
เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
.
หนึ่ง นับถือศาสนา
.
สอง รักษาธรรมเนียมมั่น
.
สาม เชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์
.
สี่ วาจานั้นต้องสุภาพอ่อนหวาน
.
ห้า ยึดมั่นกตัญญู
.
หก เป็นผู้รู้รักการงาน
.
เจ็ด ต้องศึกษาให้เชี่ยวชาญ
.
ต้องมานะบากบั่นไม่เกียจไม่คร้าน
.
แปด รู้จักออมประหยัด
.
เก้า ต้องซื่อสัตย์ตลอดกาล
.
น้ำใจนักกีฬากล้าหาญ
.
ให้เหมาะกับกาลสมัยชาติพัฒนา
.
สิบ ทำตนให้เป็นประโยชน์
.
รู้บาปบุญคุณโทษสมบัติชาติต้องรักษา
.
เด็กสมัยชาติพัฒนา
.
จะเป็นเด็กที่พาชาติไทยเจริญ
.
เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
.
เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
.
สำหรับเพลง "หน้าที่ของเด็ก" หรือเพลง "เด็กเอ๋ยเด็กดี" นี้ ประพันธ์คำร้องโดย ชอุ่ม ปัญจพรรค์ นักเขียนนวนิยายชื่อดังคนหนึ่งของไทย ซึ่งท่านเป็นพี่สาวของอาจินต์ ปัญจพรรค์ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2534
.
.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
.
.
เพลง วัดป่าภัทรปิยาราม จ.ลพบุรี / by Tong Aim
.
https://www.youtube.com/watch?v=S_iUGXI0jOg
.
ธรรมมะสบายใจ / by Tong Aim
14 ก.ค.2564
.
.
ขอนมัสการ จากอรุโณ โลกุตตระ
/ ประพันธ์โดย พระครูสังฆรักษ์ ณริชธันร์ อรุโณ วัดป่าภัทรปิยาราม จ.ลพบุรี
.
https://www.youtube.com/watch?v=R_zeVfI3oYQ
.
ธรรมมะสบายใจ / by Tong Aim
19 ก.ค.2564
.
.
.
.
.
#พระพุทธยมกปาฎิหาริย์
.
#พระพุทธมณีรัตนอัมรินทรถสถิต (พระประธาน พระอุโบสถเจดีย์ จักรรัตนอุโบสถ โลหะสัมฤทธิ์เจดีย์ บรมพิมาน พระพุทธมณีรัตนอัมรินทรถสถิต อัมพรสุวรรณนพรัตนมณีโชติจรัสสุริเยนทร์ วัดป่าภัทรปิยาราม)
.
#พระอุโบสถเจดีย์จักรรัตนอุโบสถโลหะสัมฤทธิ์เจดีย์ บรมพิมานพระพุทธมณีรัตนอัมรินทรถสถิตอัมพรสุวรรณนพรัตนมณีโชติจรัสสุริเยนทร์
.
#พระบรมธาตุเจดีย์ศรีอิทธิมนต์ทิพยสถานอรุโณโลกุตตระ
.
#พระอาจารย์ณริชธันร์  #วัดป่าภัทรปิยาราม
.
#ถ้าสุวรรณคูหามัฆวานวินิจฉัย
.
#พญานาคราชศีลวิสุทธิโลกาธิบดี
.
#ศาลาศรีอิทธิมนต์ (#ศาลาเคียงอุโบสถวัดป่าภัทรปิยาราม)
.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ชมรมพระวังหน้า เพื่อพระวังหน้าและงานบุญต่างๆ
« ตอบกลับ #545 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2023, 03:55:10 pm »
.
.
สืบเนื่องจากที่ผมลงประวัติของ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ
.
มาแอบกระซิบกัน ว่า การสร้าง #พระวังหน้า ในช่วงนั้น แม่พิมพ์หลายๆพิมพ์ เป็นการออกแบบแม่พิมพ์โดย พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ
.
#แม่พิมพ์พระสมเด็จ นั้น
ผมเคยบอกมาก่อนหน้านี้แล้วว่า พระสมเด็จ มีการสร้างกันมาตั้งแต่ยุคศรีสัชนาลัย ที่ทางกลุ่มลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร มีการค้นพบแม่พิมพ์พระสมเด็จในสมัยนั้น
ปัจจุบัน แม่พิมพ์พระสมเด็จอันนั้น อยู่ในกลุ่มลูกศิษย์ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร
.
พระสมเด็จที่ผมได้พบที่มีการสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา(เกือบ)ตอนปลาย
.
ในสมัยกรุงศรีอยุธยา(เกือบ)ตอนปลาย มีการสร้างพระสมเด็จขึ้นมา
คาดว่า น่าจะมีการสร้างขึ้นมาในช่วงสมัย สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (หรือ สมเด็จพระบรมราชาที่ 1 หรือ สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงธรรมอันมหาประเสริฐ) ถึง สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
.
ดังนั้น แม่พิมพ์พระสมเด็จ ไม่มีการสร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์แน่นอน
.
ผมลงรูป #พระสมเด็จที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเกือบตอนปลาย นำมาให้ชม
.
ส่วนหลวงวิจารณ์เจียรนัย เป็นช่างสิบหมู่เช่นกัน เพียงแต่เป็นช่างที่ทำงานด้านการทำเพชรพลอย
.
รูปสงวนลิขสิทธิ์
.
.
.
.
หนังสือทั้ง 3 เล่ม
เป็นความรู้เบื้องต้นเท่านั้น
ในการเรียนรู้เรื่อง #พระวังหน้า
.
เพราะว่า มีอีกหลายเรื่องมากที่ไม่มีในหนังสือทั้ง 3 เล่ม ที่ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ได้สอนลูกศิษย์และผู้ที่ไปหาท่าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง #รูป (คือ #เนื้อหาทรงพิมพ์ และ #นาม (คือ #พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต) ครับ
.
.
.
#หนังสือบรมครูพระเทพโลกอุดร
#ท่านอาจารย์ประถมอาจสาครผู้เขียน
.
#หนังสือวิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จฯและสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า
#ประถมอาจสาคร ผู้เขียน
#ปรัชนีประชากร
.
#หนังสือปู่เล่าให้ฟัง
#ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ผู้เขียน
.
#ถ้ายังไม่ได้อ่านหนังสืออย่าริเป็นเซียน
.
.
.*******************************************.
.
.
ประวัติของ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02RppDfpueNY5p4h1uRkHdyV7CZn6n1pgnJFbmycyF2j7AmDXNesy7FK7AHSSXbejXl&id=100081560750868&mibextid=Nif5oz
.
.
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ
.
ที่มา thestatestimes
เรื่อง: สถาพร บุญนาจเสวี Content Manager
ที่มาของภาพ สถาพร บุญนาจเสวี Content Manager
07 JANUARY , 2023
.
.
เจ้าชายนักประดิษฐ์ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ผู้สร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง
.
.
เมื่อช่วงปีใหม่ผมมีโอกาสได้ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามวิถีของชาวพุทธ โดยได้ไปสักการะ 'พระพุทธอังคีรส' ประธานพระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม คำว่า 'อังคีรส' มีความหมายว่า 'มีพระรัศมีเปล่งออกมาจากพระวรกาย'
.
พระพุทธรูปองค์นี้ หล่อขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 ต่อต้นรัชกาลที่ 5 ด้วยกะไหล่ทองคำเนื้อแปดหนัก 180 บาท เป็นทองที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงใช้เมื่อยังทรงพระเยาว์ เดิมพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะทรงนำไปประดิษฐานที่พระปฐมเจดีย์ แต่สิ้นรัชกาลเสียก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้นำมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดราชบพิธ เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2415 ซึ่งใต้ฐานบัลลังก์ของ 'พระพุทธอังคีรส' นั้น เป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมสรีรางคารของ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
.
พุทธลักษณะของ 'พระพุทธอังคีรส' ประกอบด้วยพระพักตร์ค่อนข้างกลม ขมวดพระเกศาเล็ก ไม่มีอุษณีษะ (ปุ่มด้านบนศรีษะ) มีพระรัศมีขนาดใหญ่เป็นเปลว พระกรรณสั้นเหมือนมนุษย์ปกติ ไม่ยาวเหมือนพระพุทธรูปทั่วไป การครองจีวรห่มเฉียง มีริ้วแบบธรรมชาติ สังฆาฏิเป็นแผ่นใหญ่เหมือนผ้าสังฆาฏิที่ใช้จริงแบบพระสงฆ์ทั่วไป นักวิชาการให้ความเห็นกันไว้ว่านี่คือพระพุทธรูปที่มีลักษณะ 'เทวดาครึ่งมนุษย์' ที่งดงาม ไร้ที่ติ ถึงตรงนี้ใครกันหนอ ? คือผู้ปั้นและหล่อ 'พระพุทธอังคีรส' องค์นี้
.
'พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ' พระองค์คือช่างปั้นและช่างหล่อท่านที่ผมสงสัยนั่นเอง พระองค์ทรงเป็นพระโอรสของ 'พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นณรงค์หริรักษ์' ต้นราชสกุล 'ดวงจักร' เมื่อแรกประสูติ ทรงพระนามว่า 'หม่อมเจ้าดิศ' พระบิดาของพระองค์นั้น ทรงกำกับ 'กรมช่างหล่อ' (เป็น DNA จากพ่อสู่ลูกแน่ ๆ อันนี้ผมคิดเองนะ) ในรัชสมัยของ 'พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว' โดย 'ช่างหล่อ' เป็นหนึ่งในกลุ่ม 'ช่างหลวง' ที่เรียกกันว่า 'ช่างสิบหมู่'
.
โดย 'ช่างหล่อ' มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการหล่อโลหะ เช่น การหล่อกลองมโหระทึก หล่อพระพุทธรูปขนาดใหญ่ การหล่อพระพุทธรูปโลหะทำได้โดยการใช้ขี้ผึ้งทำเป็นหุ่นแล้วละลายขี้ผึ้งจนเกิดที่ว่างในแม่พิมพ์ แล้วจึงเทโลหะหรือทองที่กำลังหลอมละลายเข้าแทนที่ จะได้เป็นรูปหล่อโลหะสำริด เรียกวิธีนี้ว่า 'ไล่ขี้ผึ้ง' ซึ่งก็คืองานวิจิตรศิลป ประเภทงานประติมากรรมนั่นเอง ซึ่งนับว่ามีความสำคัญมาก ๆ ในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ จึงเชื่อได้ว่า 'พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ' คงจะได้เรียนรู้ ศึกษา และสั่งสมประสบการณ์ จาก 'พระบิดา' ของพระองค์นั่นเอง
.
ผมคงไม่เล่าพระประวัติของพระองค์มากนัก แต่จะเล่าถึงความสามารถของพระองค์และงานปั้นที่พระองค์ได้ทรงปั้นไว้ดีกว่า
.
เริ่มต้นในรัชสมัยของ 'พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว' รัชกาลที่ 4 ซึ่งในช่วงนั้น ฝรั่งเศสและอังกฤษ พยายามหาทางจะยึดครองสยามให้ได้ แต่เมื่อถึงช่วงเวลาวิกฤติก็เกิดเหตุพลิกผันที่ทำให้ผ่านพ้นวิกฤติไปได้อย่างอัศจรรย์ พระองค์จึงทรงดำริว่า เป็นไปได้ว่าน่าจะมีเทพยดาคอยพิทักษ์รักษาสยามอยู่ จึงสมควรจะสร้างรูปสมมติของเทพยดาองค์นั้นขึ้นเพื่อสักการบูชา จึงได้มีพระบรมราชโองการ ให้ 'พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ' เมื่อครั้งดำรงพระยศเป็น 'หม่อมเจ้าดิศ' รับราชการในกรมช่างสิบหมู่ ได้เป็นนายช่างเอกออกแบบเทพยดาองค์หนึ่ง ตามพระราชดำริของพระองค์ ซึ่งใช้คติ 'มเหศักดิ์' หรือเทวดาผู้คุ้มครองบ้านเมืองมาจินตนาการแล้วปั้นขึ้นเป็น 'เทวรูปยืน' ทรงเครื่องต้น พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายยกเสมอพระอุระในท่าประทานพร มีขนาดสูง 8 นิ้ว หรือ 20 เซนติเมตร เป็นที่พอพระราชหฤทัยของ ร.4 เป็นอย่างยิ่ง จึงโปรดเกล้าฯ ให้หล่อขึ้นแล้วถวายพระนามว่า 'พระสยามเทวาธิราช'
.
ช่วงปลายรัชกาลที่ 4 'พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ' ก็ได้ใช้ประสบการณ์ด้านงานปั้นและงานหล่อที่ฝึกฝนมายาวนานจนชำนาญในงานแขนงนี้มากกว่าใคร จนถือได้ว่าศิลปินเอกแห่งยุคนั้น มาปั้นพระพุทธรูปที่ใช้คติ 'เทวดาครึ่งมนุษย์' ที่สวยงามแตกต่าง ก่อนจะนำไปหล่อด้วย กะไหล่ทองคำเนื้อแปดหนัก 180 บาท ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้เมื่อคราวพระราชพิธีโสกันต์ เกิดเป็นพระพุทธรูปที่มีพระวรรณะเปล่งปลั่งงดงามที่สุด สมกับพระนามว่า
.
'พระพุทธอังคีรส' ซึ่งผมได้กล่าวไว้ในข้างต้น
.
พระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งซึ่งมาจากฝีมือของ 'พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ' ที่จะไม่กล่าวถึงคงไม่ได้คือ พระประธานในพระอุโบสถของ 'วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ' โดยพุทธลักษณะแบบผสมผสานระหว่างประเพณีนิยมและตะวันตก รับกับตัวอุโบสถที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบกอธิกของยุโรป โดยพุทธลักษณะมีความใกล้เคียงกับมนุษย์ จากขมวดพระเกศาไม่มีพระเกตุมาลา มีแต่พระรัศมี ครองจีวร อย่างพระสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ริ้วจีวร เลียนแบบธรรมชาติ นิ้วพระหัตถ์ยาวเท่ากัน ฐานพระเป็นฐานกลีบบัวหลายบนฐานสิงห์ประดับลวดลายอย่างวิจิตร ซึ่ง ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพอพระราชหฤทัยมาก โดยถวายพระนามว่า 'พระพุทธนฤมลธรรโมภาส'
.
ย้อนกลับไปตอนต้นรัชกาล พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้า ฯ ให้ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมช่างสิบหมู่ และได้สร้างผลงานสำคัญซึ่งปัจจุบันประดิษฐานไว้ ณ ปราสาทพระเทพบิดร นั่นก็คือพระบรมรูป 4 รัชกาล โดยพระบรมรูปรัชกาลที่ 1 - 3 นั้นเป็นการปั้นขึ้นมาใหม่ โดยใช้ความทรงจำของเจ้านายที่ทันเห็นในหลวงทั้ง 3 รัชกาลมาสร้างงานปั้น โดยปั้นไป แก้ไป ซึ่งต้องนับว่า พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ทรงมีความอดทนและความสามารถเป็นอย่างมาก เมื่อปั้นเสร็จก็ได้แก้ไขข้อบกพร่องของพระบรมรูปรัชกาลที่ 4 ที่ได้มีแบบปั้นอยู่แล้ว เมื่อเสร็จก็หล่อพระบรมรูปทั้งหมดในบริเวณวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยแรกเริ่มนั้นได้ประดิษฐานไว้ในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ก่อนที่จะย้ายมาประดิษฐานไว้ ณ ปราสาทพระเทพบิดรในรัชสมัย 'พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว' รัชกาลที่ 6
.
ส่วนงานที่ 'พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ' ยังดำเนินการไม่สำเร็จ แต่ได้ส่งต่อร่างต้นแบบที่สวยงามอัศจรรย์ใจ และยังปรากฏอยู่จนถึงวันนี้ นั่นก็คือการออกแบบภายนอกพระอุโบสถของ 'วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม' ที่ผมได้เข้าไปสักการะ 'พระพุทธอังคีรส' นั่นเอง โดย 'พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ' ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นแม่กองอำนวยการสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2412 แต่ยังไม่แล้วเสร็จพระองค์ก็ประชวรด้วย 'พระโรคคันธสูตปลายปัตฆาฏ' ซึ่งน่าจะเกิดจากการที่พระองค์ทรงนั่งปั้นงานอย่างต่อเนื่องยาวนาน พระองค์สิ้นพระชนม์ในวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2428 สิริพระชันษา 68 ปี เมื่อ 'พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ' สิ้นพระชนม์ลง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้ 'พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ' เป็นแม่กองอำนวยการสร้างต่อ
.
แม้พระประวัติของ 'พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ' จะมีไม่มาก แต่ฝีมือเชิงช่างของพระองค์ยังคงเฉิดฉายและงดงาม ควรค่าแก่การสักการะ จวบจนปัจจุบันนี้ ผมขอก้มกราบฝีมือเชิงช่างของพระองค์อย่างหมดหัวจิตหัวใจ
.
กราบ...
.
.
เรื่อง: สถาพร บุญนาจเสวี Content Manager
.
.
.
.
.**********************************.
.
.
ว่าด้วยเรื่อง หลวงวิจารณ์เจียรนัย
โพสโดย Paisal Puechmongkol
วันที่ 2 กรกฎาคม 2020
.
หลวงวิจารณ์เจียรนัย!!!
.
กองเชียร์ของเซียนพระบางท่าน ที่ปฏิเสธการมีอยู่ของพระสมเด็จเวอร์ชั่นงานหลวงทั้งหมด กล่าวอ้างว่าหลวงวิจารณ์เจียรนัย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้แกะแบบพิมพ์พระสมเด็จเวอร์ชั่นงานหลวง ว่าไม่มีตัวตนอยู่จริง โดยอ้างเหตุผล 3 ประการคือ
.
ก. ไม่พบประกาศการแต่งตั้งในราชกิจจานุเบกษา
ข.ไม่มีหลักฐานการขอนามสกุลพระราชทาน และไม่มีประกาศตั้งบรรดาศักดิ์ ในราชกิจจานุเบกษาด้วย
ค.ไม่เคยได้ยินประวัติหลวงวิจารณ์เจียรนัยมาก่อน และไม่มีทายาท ให้ปรากฏ!!
.
ข้อกล่าวอ้าง 3 ประการนี้ไม่เพียงพอที่จะสรุป ว่าหลวงวิจารณ์เจียรนัยไม่มีตัวตน เพราะ
.
1 ราชกิจจานุเบกษานั้นเริ่มมีในสมัยรัชกาลที่ 4 แต่ตีพิมพ์เพียงบางส่วน และมาตีพิมพ์เป็นส่วนใหญ่ในกลางรัชกาลที่ 5 ดังนั้นพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 จึงทรงโปรดให้นำราชกิจจานุเบกษาฉบับสำคัญในรัชกาลที่ 4 มาพิมพ์ใหม่เป็นบางฉบับ ดังนั้นขุนนางข้าราชการ เกือบทั้งหมด จึงไม่มีการประกาศแต่งตั้งในราชกิจจานุเบกษาในขณะนั้น
ผมมีการศึกษาไม่มากนัก แต่ผมก็ประกาศได้ว่า ผมเป็นคนหนึ่งในไม่กี่คนของประเทศไทยที่ได้อ่านและศึกษาราชกิจจานุเบกษาทุกฉบับที่มีการตีพิมพ์ในสมัยรัชกาลที่ 5
.
2 นามสกุลพระราชทานนั้น เป็นค่านิยมที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ส่วนในรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 ยังไม่มีพระราชนิยมในเรื่องนี้ แม้ในสมัยรัชกาลที่ 6 ก็มีขุนนางข้าราชการที่ได้รับนามสกุลพระราชทาน ไม่ถึง 300 ตระกูล
.
3 การพระราชทานบรรดาศักดิ์ก่อนสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นแบบแผนแต่โบราณ ไม่ได้มีการวางระบบพระราชทานเป็นนามชุด ที่สอดคล้องกัน เหมือนสมัยรัชกาลที่ 6 ดังเช่น บรรดาศักดิ์ชั้น"พระ" ที่มีนามว่า พระดุลยพากษ์สุวมัณฑ์ พระดุลยฑัณฑ์ชนาณัติ พระดุลยทัศน์ปฏิภาณ
หรือชั้นหลวง เช่น หลวงสุทธิมลนฤนาท หลวงสุทธิวาทนฤพุฒิ เป็นต้น
.
4 หลวง วิจารณ์เจียรนัยมีชีวิตอยู่ในยุครัชกาลที่ 4 ถึงกลางรัชกาลที่ 5 เป็นข้าราชการในสังกัดกรมช่างสิบหมู่ ในสังกัดของกระทรวงวัง ซึ่งในช่วงที่มีการสร้างพระสมเด็จ เวอร์ชั่นงานหลวงของวังหลวงนั้นอยู่ในบังคับบัญชาของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลากรมพระยาบำราบปรปักษ์ เสนาบดีกระทรวงวัง ซึ่งท่านก็มีทายาทสืบสายสกุลลงนาจนถึงวันนี้ และได้รับพระราชทาน หรือมีพระสมเด็จวังหลวงอยู่มากแบบ
.
ส่วนหลวงวิจารณ์เจียรนัยท่านก็มีทายาทสืบทอดลงมาจนถึงปัจจุบันนี้
.
ผมรู้จักเชื้อสายพระทายาทรุ่นปัจจุบันของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์นั้น และท่านก็เมตตามอบพระสมเด็จให้ผม มาแล้ว และผมรู้จักทายาทของหลวงวิจารณ์เจียรนัยด้วย
.
ความจริงเป็นเช่นนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเชื่อของใคร
.
.
.***********************************************
.
.
.
.
การเรียนรู้ ต้องมี สุ(ฟัง) จิ(คิด) ปุ(ถาม) ลิ(เขียน)
.
พาหุสัจจะ แปลว่า ความเป็นผู้ได้สดับมาก
หนังสือบางฉบับเรียกว่า หัวใจนักปราชญ์
.
สุ ย่อมาจาก สุตะ แปลว่า ฟัง
จิ ย่อมาจาก จินตะ แปลว่า คิด
ปุ ย่อมาจาก ปุจฉา แปลว่า ถาม
ลิ ย่อมาจาก ลิขิต แปลว่า จด
.
#อย่าไปเรียนกับกลุ่มเก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า
.
#เรียนรู้ของเก๊จี๊ดจ๊าดแทนของแท้ #เก็บสะสมของเก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้าแทนของแท้
.
#หลงทางหลงป่าเข้าพงลงเหว จาก #กลุ่มกูรูเก๊
.
ระวังให้มากสำหรับ เก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า และ เก๊จี๊ดจ๊าด กัน
.
#อย่าไปเข้าป่าเข้าพงลงเหว #ไม่หลงทิศหลงทางลงนรก #อย่าตกเป็นเหยื่อ
.
ในเรื่อง #มุสาวาท และ #ปรามาสผู้มีธรรม จากกลุ่ม #กูรูเก๊
.
#โง่จริงแบบว่าไม่โง่จริงทำไม่ได้
.
.
#พระเก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า
#เก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า
#พระเก๊จี๊ดจ๊าด
#เก๊จี๊ดจ๊าด
#ต่อตีนโจร
.
.
.
.----------------------------------.
.
.
สองคน ยลตามช่อง คนหนึ่ง มองเห็นโคลนตม คนหนึ่ง ตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวแพรว
บทกวีของท่านเช็คสเปียร์ "Two folks look through same hole, one sees mud, one sees star.
ถอดเป็นภาษาไทยโดยท่านภราดา ฟ. ฮีแรห์ แห่งอัสสัมชัญ
.
“สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมคม เห็นดวงดาวอยู่พราวพราย”
แปลโดยเจษฏาจารย์ ฟ. ฮีแลร์ (F. Hilaire)
สุภาษิตนี้แปลมาจากภาษาอังกฤษ
Two men look out through the same bars; One sees the mud, and one the stars
โดย Frederick Longbridge
.
.
"สองคน ยลตามช่อง
คนหนึ่ง มองเห็นโคลนตม
คนหนึ่ง ตาแหลมคม
มองเห็นดาวอยู่พราวแพรว"
.
.....ต่อมาเมื่อได้ค้นคว้าเพิ่มเติมก็ได้ทราบว่าต้นแบบเป็นบทกวีของท่านเช็คสเปียร์ ที่ว่า "Two folks look through same hole, one sees mud, one sees star." ถอดเป็นภาษาไทยโดยท่านภราดา ฟ. ฮีแรห์ แห่งอัสสัมชัญ เมื่อกว่า 50 ปีที่แล้ว (ข้อมูลจาก ไทยโพสต์ 25 พ.ย. 2547 โดยคุณสุวรรณ) ความหมายก็คือมุมมองของคนหลายคนในเรื่องเดียว อาจมีความแตกต่างกันได้ ไม่จำเป็นว่าคนหนึ่งต้องมองว่าบวกอีกคนต้องมองว่าลบเสมอไป อาจจะมองทางบวกทั้งคู่ หรือลบทั้งคู่ก็ได้ ถ้าแตกต่างกันในความคิดเห็นก็จัดว่าเป็นสองคนยลตามช่องได้ทั้งสิ้น
.
#สองคนยลตามช่อคนหนึ่งมองเห็นโคลนตม
#คนหนึ่งตาแหลมคมมองเห็นดาวอยู่พราวแพรว
.
.
ที่มา https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=178927421502615&id=100081560750868&mibextid=Nif5oz
.
.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ชมรมพระวังหน้า เพื่อพระวังหน้าและงานบุญต่างๆ
« ตอบกลับ #546 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2023, 04:01:24 pm »
.
.
หนังสือทั้ง 3 เล่ม
เป็นความรู้เบื้องต้นเท่านั้น
ในการเรียนรู้เรื่อง #พระวังหน้า
.
เพราะว่า มีอีกหลายเรื่องมากที่ไม่มีในหนังสือทั้ง 3 เล่ม ที่ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ได้สอนลูกศิษย์และผู้ที่ไปหาท่าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง #รูป (คือ #เนื้อหาทรงพิมพ์ และ #นาม (คือ #พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต) ครับ
.
.
.
#หนังสือบรมครูพระเทพโลกอุดร
#ท่านอาจารย์ประถมอาจสาครผู้เขียน
.
#หนังสือวิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จฯและสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า
#ประถมอาจสาคร ผู้เขียน
#ปรัชนีประชากร
.
#หนังสือปู่เล่าให้ฟัง
#ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ผู้เขียน
.
#ถ้ายังไม่ได้อ่านหนังสืออย่าริเป็นเซียน
.
.
.
.
.
การเรียนรู้ ต้องมี สุ(ฟัง) จิ(คิด) ปุ(ถาม) ลิ(เขียน)
.
พาหุสัจจะ แปลว่า ความเป็นผู้ได้สดับมาก
หนังสือบางฉบับเรียกว่า หัวใจนักปราชญ์
.
สุ ย่อมาจาก สุตะ แปลว่า ฟัง
จิ ย่อมาจาก จินตะ แปลว่า คิด
ปุ ย่อมาจาก ปุจฉา แปลว่า ถาม
ลิ ย่อมาจาก ลิขิต แปลว่า จด
.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ชมรมพระวังหน้า เพื่อพระวังหน้าและงานบุญต่างๆ
« ตอบกลับ #547 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2023, 08:33:14 pm »
.
"หลวงพ่อกวย ชุตินธโร" อดีตเจ้าอาวาสวัดโฆสิตาราม ครับ
.
หลวงพ่อกวย ท่านเก่งมากครับ
.
ประสบการณ์ส่วนตัว
.
เมื่อก่อนมีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมจะเดินทางไปกราบหลวงพ่อสนอง วัดนครไทยวราราม (พิษณุโลกฉ)
.
ผมไปแวะกราบหลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข สิงห์บุรี
.
พอกราบหลวงปู่บุดดาเรียบร้อยแล้ว ผมตั้ง Google Map ไปที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่)  จ.พิษณุโลก
.
ผมขับรถมาตาม Google Map ที่ตั้งไว้  ขับมาได้สักพัก ปรากฎว่า ผมเห็นป้ายวัดโฆสิตาราม
.
ผมก็เลยแวะเข้าไปกราบ หลวงพ่อกวย ชุตินธโร พอกราบหลวงพ่อกวยเสร็จเรียบร้อย
.
ผมก็ตั้ง Google Map ไปที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่)  จ.พิษณุโลก
.
ปรากฎว่า เส้นทางใน Google Map ให้ย้อนกลับไปทางเดิม  ไปได้สักพัก ก็มีทางแยก (ให้เลี้ยวขวา)
.
พอเลี้ยวขวาแล้ว ขับตามเส้นทางมาได้สักพัก ก็ออกมาสู่ถนนสายเอเซีย แล้วก็เดินทางต่อไปยังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่)  จ.พิษณุโลก 
.
ในความเห็นของผม กับ อีกหลายท่าน บอกมาตรงกันว่า หลวงพ่อกวย ท่านให้ไปกราบท่านก่อน
หากเดินทางไปโดยไม่ไปแวะกราบท่าน อาจจะประสบกับอุบัติเหตุก็ได้ ครับ
.
หลวงพ่อกวย ท่านเปลี่ยนเส้นทางใน Google Map ในมือถือผม ครับ
.

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: ชมรมพระวังหน้า เพื่อพระวังหน้าและงานบุญต่างๆ
« ตอบกลับ #548 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 17, 2023, 08:54:52 pm »
.
.
สืบเนื่องจากเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2566) ผมและคณะไปร่วมงานบุญที่วัดป่าภัทรปิยาราม
.
.
.
ผมนำแผ่นทองเหลือง จำนวน 3 แผ่น
(ที่ผมเคยนำไปขอพระเมตตา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด อธิษฐานจิตแผ่นทองเหลืองชุดนี้ที่วัดแค (วัดราชานุวาส) จ.พระนครศรีอยุธยา
.
นำไปใส่ในเตาหลอม (เป็นส่วนหนึ่งของมวลสาร) ในการสร้างพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" ทั้ง 2 องค์
.
ผมนำรูปพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร และ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จากพระอาจารย์ณริชธันร์ มาให้ชมกัน
.
พระพุทธรูปประจำพระชนมวาร และ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  สวยงามมาก ครับ
.
.**************************************************.
.
รายละเอียดของงานบุญในวันนั้น ด้านล่าง ครับ
.
.
.**************************************************.
.
.
รายละเอียดของงานบุญ
.
ที่มา และโพสโดย อรุโณ โลกุตตระ
วันที่ 8 มกราคม 2566 เวลา 05:18 น.
.
เรียนเชิญร่วมงาน
.
วันอาทิตย์ที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖” (ขึ้น ๑ ค่ำ เดือนสาม ปีขาล)
.
ณ วัดป่าภัทรปิยาราม ต.โคกตูม อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี
.
~ ยกช่อฟ้า, ปั้นลม, หน้าบัน ศาลาเคียงอุโบสถ วัดป่าภัทรปิยาราม
~ หล่อพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช”
~ ประดิษฐานศาลาเคียงอุโบสถวัดป่าภัทรปิยาราม
~ ประดิษฐานหน้าเสาธงโรงเรียนบ้านวังเพลิง
~ หล่อพระบรมรูป สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
~ ประดิษฐานหน้าเสาธงโรงเรียนบ้านวังเพลิง
.
.
มาร่วมโมทนาบุญกันครับ
.
.
.
#สมเด็จเจ้าพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์
#หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
#หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้
#พระพุทธรูปประจำพระชนมวาร
#สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
#วัดแค #วัดแคอยุธยา
#วัดราชานุวาส #วัดราชานุวาสอยุธยา
#วัดป่าภัทรปิยาราม
.
#หลวงปู่พระอุตระเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ดำ
.
#หลวงปู่พระโสณะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ตีนโต
.
#หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เทพโลกอุดร หรืออีกชื่อ #บรมครูมูนียะโลกอุดร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่อิเกสาโร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เดินหน หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ในดง หรืออีกชื่อ #หลวงปู่โพรงโพ (เดิมที่พิมพ์ไว้ #หลวงปู่โพรงโพธิ์ เป็นการพิมพ์ผิด)
.
#หลวงปู่พระฌานียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อกบวัดเขาสาริกา #วัดเขาสาริกา ลพบุรี (เดิมที่พิมพ์ไว้ #หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า เป็นการพิมพ์ผิด)
.
#หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่หน้าปาน หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อโอภาสี #วัดโอภาสี กรุงเทพ
.
#หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร5พระองค์
.
#หลวงปู่เทพโลกอุดร
.
#หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร
.
#คณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตระ
.
#สมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี
.
#หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ
.
#พระพุทธยมกปาฎิหาริย์
.
#พระพุทธมณีรัตนอัมรินทรถสถิต (พระประธาน พระอุโบสถเจดีย์ จักรรัตนอุโบสถ โลหะสัมฤทธิ์เจดีย์ บรมพิมาน พระพุทธมณีรัตนอัมรินทรถสถิต อัมพรสุวรรณนพรัตนมณีโชติจรัสสุริเยนทร์ วัดป่าภัทรปิยาราม)
.
#พระอุโบสถเจดีย์จักรรัตนอุโบสถโลหะสัมฤทธิ์เจดีย์ บรมพิมานพระพุทธมณีรัตนอัมรินทรถสถิตอัมพรสุวรรณนพรัตนมณีโชติจรัสสุริเยนทร์
.
#พระบรมธาตุเจดีย์ศรีอิทธิมนต์ทิพยสถานอรุโณโลกุตตระ
.
#พระอาจารย์ณริชธันร์ #วัดป่าภัทรปิยาราม
.
#ถ้าสุวรรณคูหามัฆวานวินิจฉัย
.
#พญานาคราชศีลวิสุทธิโลกาธิบดี
.
#ศาลาศรีอิทธิมนต์ (#ศาลาเคียงอุโบสถวัดป่าภัทรปิยาราม)
.
#ชมรมพระวังหน้า
.
#พระวังหน้า
.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
.
.
หลวงพ่อสนอง วัดนครไทยวราราม ท่านมรณภาพแล้วในวันที่ 2 มีนาคม 2566 ประมาณ 11.30 น.ด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด
.
ขอกราบส่งดวงจิตหลวงพ่อและกราบด้วยความเคารพอย่างสูง ครับ
.
คุณปู (ภรรยาคุณดาว ที่เป็นคนดูแลหลวงพ่อสนองฯ) ได้จัดตั้งโรงทานขึ้น
ผมได้ร่วมทำบุญในการจัดตั้งโรงทานในงานศพฯด้วย
มาร่วมโมทนาบุญกันครับ
หมู่คณะของผมในไลน์กลุ่มพระวังหน้า และ ไลน์กลุ่มพระวังหน้าโลกอุดร หลายๆท่าน ได้ร่วมทำบุญโรงทานด้วย
ผมขอโมทนาบุญกับทุกท่านที่ได้ร่วมทำบุญโรงทานในครั้งนี้ด้วย ครับ
.
.
.
ส่วนตัว ถือว่า ตนเองโชคดีมาก ที่ได้มีโอกาสไปกราบและได้ร่วมทำบุญกับหลวงพ่อสนองในหลายงานบุญ ครับ
.
.
หมายเหตุ พระสงฆ์รูปหนึ่ง ที่ทางครูบาอาจารย์ผม ได้สั่งให้ผมต้องไปกราบท่าน
เพราะ ปัจจุบัน หาพระสงฆ์ที่ท่านปฎิบัติดีปฎิบัติชอบที่ดีมากขนาดนี้ ที่ไปกราบได้สนิทใจนั้น หาได้ยาก
.
พระสงฆ์รูปนั้นก็คือ หลวงพ่อสนอง วัดนครไทยวราราม ครับ
.
ผมได้มีโอกาสไปกราบท่านมาหลายครั้งแล้ว
แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ได้รับโอกาสพิเศษ
.
มีงานบุญงานหนึ่งที่วัดนครไทยฯ คือ งานตักบาตรเทโว
ผมและหมู่คณะไปร่วมงาน แต่ไปก่อนงาน 1 วัน (วันที่ 12-13 ตุลาคม 2560)
วันนั้น ผมได้รับเส้นเกสา(หลวงพ่อสนอง) ที่ผมได้เคยขอเส้นเกสาจากพี่ทวีป
และ ได้รับเส้นเกสาของหลวงพ่อมาไว้เพื่อสักการะบูชา
ในคืนวันที่ 12 ตุลาคม 2560 (ถ้าจำไม่ผิด)
ผมและหมู่คณะ ได้ไปนั่งฟังหลวงพ่อสวดมนต์ในห้องของท่าน
หลังจากที่หลวงพ่อสวดมนต์เสร็จแล้ว ผมและหมู่คณะได้นั่งสมาธิกับหลวงพ่อฯด้วย
.
หลวงพ่อสนอง ท่านเป็นอริยบุคคลแล้ว โดยเป็นอริยบุคคล ไม่ต้องกลับมาเกิดอีกแล้ว ครับ
.
หมายเหตุ ในกรณีที่พระสงฆ์มรณภาพ ห้ามใช้คำว่า สาธุ
.
หมายเหตุ รูปสงวนลิขสิทธิ์
.
.
.
คำสอนที่หลวงพ่อสนอง วัดนครไทยวราราม ได้สอนลูกศิษย์เสมอก็คือ “หนัก คือ ยึด ว่าง คือ วาง สว่าง คือ ปัญญา รู้จักพอก่อสุขทุกสถาน ความสุขสงบที่แท้จริง จึงจะปรากฏ”
.
.
.
ชาติภูมิหลวงพ่อสนอง
ที่มา เว็บไซด์ คมชัดลึก
.
“สนอง ขำคง” เป็นชื่อและสกุลเดิมของหลวงพ่อสนอง เกิดที่ บ้านนาบัว ต.นาบัว อ.นครไทย เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๔๗๘ อุปสมบทที่พัทธสีมาวัดนาบัว เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๔๙๘ โดยมี พระครูประพัฒน์สรศีล (ชม) วัดหัวร้อง เจ้าคณะอำเภอนครไทย เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ศึกษาพระธรรมวินัยจนสอบได้นักธรรมโท ในปี พ.ศ.๒๕๐๑ และดำรงตำแหน่งเลขานุการเจ้าคณะอำเภอนครไทย
.
เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๕ พระครูประพัฒน์สรศีล ได้ลาสิกขา หลวงพ่อสนอง ขณะนั้นอายุได้ ๒๗ ปี พรรษา ๗ จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นรักษาการเจ้าคณะอำเภอนครไทย ต่อมา พ.ศ.๒๕๐๙ ได้รับพระราชทานสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอชั้นโท ที่พระครูนครบุราณานุรักษ์
.
พ.ศ.๒๕๑๑ เป็น พระอุปัชฌาย์ และใน พ.ศ.๒๕๑๗ เป็นพระครูเจ้าคณะอำเภอชั้นเอก จนในพ.ศ.๒๕๒๒ จึงลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอนครไทย เพื่อมุ่งปฏิบัติธรรม เจริญสมาธิภาวนา แสวงหาความสงบ ในสมณเพศอย่างแท้จริง ดังพุทธพุจน์ที่ว่า นตฺถิ สนฺติ ปรมํสุขขํ สุขใดยิ่งกว่าใจสงบไม่มี
.
.
.
.
.
#พระครูนครบุราณานุรักษ์
#หลวงพ่อสนอง #อตฺตทโป
#หลวงพ่อสนองอตฺตทโป
#วัดนครไทยวราราม หรือ #วัดหัวร้อง (#วัดใต้)
#วัดนครไทยวรารามอำเภอนครไทยจังหวัดพิษณุโลก
.
#ชมรมพระวังหน้า
#ไลน์พระวังหน้า
#ไลน์พระวังหน้าโลกอุดร
.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)