ผู้เขียน หัวข้อ: บุญที่ถูกลืม.. (พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล)  (อ่าน 1804 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ lek

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1724
  • พลังกัลยาณมิตร 687
    • ดูรายละเอียด
บุญที่ถูกลืม.. (พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล)



   
“ คุณนายแก้ว ” เป็นเจ้าของโรงเรียนที่ชอบทำบุญมาก
เป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าทอดกฐินอยู่เนือง ๆ
ใครมาบอกบุญสร้างโบสถ์วิหารที่ไหน ไม่เคยปฏิเสธ
เธอปลื้มปิติมากที่ถวายเงินนับแสนสร้างหอระฆังถวายวัดข้างโรงเรียน
แต่เมื่อได้ทราบว่านักเรียนคนหนึ่งไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน
ค้างชำระมาสองเทอมแล้ว
เธอตัดสินใจไล่นักเรียนคนนั้นออกจากโรงเรียนทันที

“ สายใจ ” พาป้าวัย ๗๐ และเพื่อนซึ่งมีขาพิการไปถวายภัตตาหารเช้าที่วัดแห่งหนึ่ง
ซึ่งมีเจ้าอาวาสเป็นที่ศรัทธานับถือของประชาชนทั่วประเทศ
เช้าวันนั้นมีคนมาทำบุญคับคั่ง จนลานวัดแน่นขนัดไปด้วยรถ
เมื่อได้เวลาพระฉัน ญาติโยมก็พากันกลับ
สายใจพาหญิงชราและเพื่อนผู้พิการเดินกะย่องกะแย่งฝ่าแดดกล้าไปยังถนนใหญ่
เพื่อขึ้นรถประจำทางกลับบ้าน ระหว่างนั้นมีรถเก๋งหลายสิบคันแล่นผ่านไป
แต่ตลอดเส้นทางเกือบ ๓ กิโลเมตร
ไม่มีผู้ใจบุญคนใดรับผู้เฒ่าและคนพิการขึ้นรถเพื่อไปส่งถนนใหญ่เลย

เหตุการณ์ทำนองนี้มิใช่เป็นเรื่องแปลกประหลาดในสังคมไทย
“ ชอบทำบุญแต่ไร้น้ำใจ ” เป็นพฤติกรรมที่พบเห็นได้ทั่วไปในหมู่ชาวพุทธ
ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า
คนไทยนับถือพุทธศาสนากันอย่างไร จึงมีพฤติกรรมแบบนี้กันมาก
เหตุใดการนับถือพุทธศาสนา จึงไม่ช่วยให้คนไทยมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์
โดยเฉพาะผู้ที่ทุกข์ยาก
การทำบุญไม่ช่วยให้คนไทยมีเมตตากรุณาต่อผู้อื่นเลยหรือ

หากสังเกตจะพบว่าการทำบุญของคนไทยมักจะกระทำต่อสิ่งที่อยู่สูงกว่าตน
เช่น พระภิกษุสงฆ์ วัดวาอาราม พระพุทธเจ้า เป็นต้น
แต่กับสิ่งที่ถือว่าอยู่ต่ำกว่าตน เช่น คนยากจน หรือสัตว์น้อยใหญ่
เรากลับละเลยกันมาก (ยกเว้นคนหรือสัตว์ที่ถือว่าเป็น “ พวกกู ” หรือ “ ของกู ”)
แม้แต่เวลาไปทำบุญที่วัด เราก็มักละเลยสามเณรและแม่ชี
แต่กุลีกุจอเต็มที่กับพระสงฆ์

อะไรทำให้เราชอบทำบุญกับสิ่งที่อยู่สูงกว่าตน
ใช่หรือไม่ว่าเป็นเพราะเราเชื่อว่าสิ่งสูงส่งเหล่านั้นสามารถบันดาลความสุข
หรือให้สิ่งดี ๆ ที่พึงปรารถนาแก่เราได้
เช่น ถ้าทำอาหารถวายพระ บริจาคเงินสร้างวัดหรือพระพุทธรูป
ก็จะได้รับความมั่งมีศรีสุข มีอายุ วรรณะ สุข พละ เป็นต้น
หรือช่วยให้ได้ไปเกิดในสวรรค์ มีความสุขสบายในชาติหน้า
ในทางตรงข้ามสิ่งที่อยู่ต่ำกว่าเรานั้น ไม่มีอำนาจที่จะบันดาลอะไรให้เราได้
หรือไม่ช่วยให้เราสุขสบายขึ้น
เราจึงไม่สนใจที่จะช่วยเหลือเผื่อแผ่ให้แก่สิ่งเหล่านั้น

นั่นแสดงว่าที่เราทำบุญกันมากมาย ก็เพราะหวังประโยชน์ส่วนตัวเป็นสำคัญ
ดังนั้นยิ่งทำบุญด้วยท่าทีแบบนี้ ก็ยิ่งเห็นแก่ตัวมากขึ้น
ผลคือจิตใจยิ่งคับแคบ ความเมตตากรุณาต่อผู้ทุกข์ยากมีแต่จะน้อยลง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การทำบุญแบบนี้กลับจะทำให้ได้บุญน้อยลง
แน่นอนว่าประโยชน์ย่อมเกิดแก่ผู้รับอยู่แล้ว
เช่น หากถวายอาหาร อาหารนั้นย่อมทำให้พระสงฆ์
มีกำลังในการศึกษาปฏิบัติธรรมได้มากขึ้น
แต่อานิสงส์ที่จะเกิดแก่ผู้ถวายนั้นย่อมไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
เพราะเจือด้วยความเห็นแก่ตัว ยิ่งถ้าทำบุญ ๑๐๐บาทเพราะหวังจะได้เงินล้าน
บุญที่เกิดขึ้นย่อมน้อยลงไปอีกเพราะใช่หรือไม่ว่านี่เป็นการ “ ค้ากำไรเกินควร ”

บุญที่ทำในรูปขการถวายทานนั้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเงินก็ตาม
จุดหมายสูงสุดอยู่ที่การลดความยึดติดถือมั่นในตัวกูของกู
ยิ่งลดได้มากเท่าไรก็ยิ่งเข้าใกล้นิพพานอันเป็นประโยชน์สูงสุด
ที่เรียกว่า “ ปรมัตถะ ” ซึ่งสูงกว่าสวรรค์ในชาติหน้า ( สัมปรายิกัตถะ)
หรือความมั่งมีศรีสุขในชาตินี้ (ทิฏฐธัมมิกัตถะ)
แต่หากทำบุญเพราะหวังแต่ประโยชน์ส่วนตน
อยากได้เข้าตัวมาก ๆ แทนที่จะสละออกไป ก็ยิ่งห่างไกลจากนิพพาน
หรือกลายเป็นอุปสรรคขวางกั้นนิพพานด้วยซ้ำ
อันที่จริงอย่าว่าแต่นิพพานเลย
แม้แต่ความสุขในปัจจุบันชาติ ก็อาจเกิดขึ้นได้ยาก
เพราะจิตที่คิดแต่จะเอานั้นเป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์

ในทานมหัปผลสูตร อังคุตตรนิกาย
พระพุทธองค์ได้ตรัสกับพระสารีบุตรว่าทานที่ไม่มีอานิสงส์มากได้แก่
“ ทานที่ให้อย่างมีใจเยื่อใย ให้ทานอย่างมีจิตผูกพัน
ให้ทานอย่างมุ่งหวังสั่งสมบุญ ”
รวมถึงทานที่ให้เพราะต้องการเสวยผลในชาติหน้า เป็นต้น
พิจารณาเช่นนี้ก็จะพบว่าทานที่ชาวพุทธไทยส่วนใหญ่ทำกันนั้น
หาใช่ทานที่พระองค์สรรเสริญไม่
นอกจากทำด้วยความมุ่งหวังประโยชน์ในชาติหน้าแล้ว
ยังมักมีเยื่อใยในทานที่ถวาย กล่าวคือทั้ง ๆ ที่ถวายให้พระสงฆ์ไปแล้ว
ก็ยังไม่ยอมสละสิ่งนั้นออกไปจากใจ แต่ใจยังมีเยื่อใยในของชิ้นนั้นอยู่
เช่น เมื่อถวายอาหารแก่พระสงฆ์แล้ว
ก็ยังเฝ้าดูว่าหลวงพ่อจะตักอาหาร “ ของฉัน ” หรือไม่
หากท่านไม่ฉัน ก็รู้สึกไม่สบายใจ คิดไปต่าง ๆ นานา
นี้แสดงว่ายังมีเยื่อใยยึดติดผูกพันอาหารนั้นว่าเป็นของฉันอยู่
ไม่ได้ถวายให้เป็นของท่านอย่างสิ้นเชิง

เยื่อใยในทานอีกลักษณะหนึ่งที่เห็นได้ทั่วไป
ก็คือ การมุ่งหวังให้ผู้คนรับรู้ว่าทานนั้น ๆ ฉันเป็นผู้ถวาย
ดังนั้นตามวัดวาอารามต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ของใช้ต่าง ๆ ไม่ว่า ถ้วย ชาม แก้วน้ำ หม้อ โต๊ะ เก้าอี้
ตลอดจนขอบประตูหน้าต่างในโบสถ์ วิหารและศาลาการเปรียญ
จึงมีชื่อผู้บริจาคอยู่เต็มไปหมด กระทั่งพระพุทธรูปก็ไม่ละเว้น
ราวกับจะยังแสดงความเป็นเจ้าของอยู่
หาไม่ก็หวังให้ผู้คนชื่นชมสรรเสริญตน
การทำบุญอย่างนี้ จึงไม่ได้ละความยึดติดถือมั่นในตัวตนเลย
หากเป็นการประกาศตัวตนอีกแบบหนึ่งนั่นเอง

การทำบุญแบบนี้แม้จะมีข้อดีตรงที่ช่วยอุปถัมภ์วัดวาอาราม
และพระสงฆ์ให้ดำรงอยู่ได้ แต่ในอีกด้านหนึ่ง
ก็ไม่ส่งเสริมให้ผู้คนมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน
โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากหรือไร้อำนาจวาสนา
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เมืองไทยมีวัดวาอารามใหญ่โตและสวยงามมากมาย
แต่เวลาเดียวกันก็มีคนยากจนและเด็กถูกทอดทิ้งเป็นจำนวนมาก
ไม่นับสัตว์อีกนับไม่ถ้วนที่ถูกละเลย หรือถูกปลิดชีวิตแม้กระทั่งในเขตวัด

อันที่จริงถ้ามองให้กว้างกว่าการทำบุญ ก็จะพบปรากฏการณ์ในทำนองเดียวกัน
นั่นคือคนไทยนิยมทำดีกับคนที่ถือว่าอยู่สูงกว่าตน
แต่ไม่สนใจที่จะทำดีกับคนที่ถือว่าต่ำกว่าตน
เช่น ทำดี กับเจ้านาย คนรวย ข้าราชการระดับสูง นักการเมือง
ทั้งนี้ก็เพราะเหตุผลเดียวกันคือคนเหล่านั้นให้ประโยชน์แก่เราได้
( หรือแม้เขาจะให้คุณได้ไม่มาก แต่ก็สามารถให้โทษได้ )
ประโยชน์ในที่นี้ไม่จำต้องเป็นประโยชน์ทางวัตถุ
อาจเป็นประโยชน์ทางจิตใจก็ได้ เช่น คำสรรเสริญ หรือการให้ความยอมรับ
ประการหลังคือ เหตุผลสำคัญที่ทำให้คนไทย
ขวนขวายช่วยเหลือฝรั่งที่ตกทุกข์ได้ยากอย่างเต็มที่
แต่กลับเมินเฉยหากคนที่เดือดร้อนนั้นเป็นพม่า มอญลาว เขมร หรือกะเหรี่ยง
ใช่หรือไม่ว่าคำชื่นชมของพม่าหรือกะเหรี่ยง
ความหมายกับเราน้อยกว่าคำสรรเสริญของฝรั่ง

บุคคลจะได้ชื่อว่าเป็นคนใจบุญ ไม่ใช่เพราะนิยมทำบุญกับสิ่งที่อยู่สูงกว่าตนเท่านั้น
หากยังยินดีที่จะทำบุญกับสิ่งที่เสมอกับตนหรืออยู่ต่ำกว่าตนอีกด้วย
แม้เขาจะไม่สามารถให้คุณให้โทษแก่ตนได้ ก็ช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ
ทั้งนี้เพราะมิได้หวังผลประโยชน์ใด ๆ
นอกจากความปรารถนาให้เขาพ้นทุกข์ นี้คือกรุณาที่แท้ในพุทธศาสนา
การทำดีโดยหวังผลประโยชน์ หรือยังมีการแบ่งแยกและเลือกปฏิบัติอยู่
ย่อมไม่อาจเรียกว่าทำด้วยเมตตากรุณาอย่างแท้จริง

จะว่าไปแล้ว ไม่เพียงความใจบุญหรือความเป็นพุทธเท่านั้น
แม้กระทั่งความเป็นมนุษย์ก็วัดกันที่ว่า
เราปฏิบัติอย่างไรกับคนที่อยู่ต่ำกว่าเราหรือมีอำนาจน้อยกว่าเรา
หาได้วัดที่การกระทำต่อคนที่อยู่สูงกว่าเราไม่
ถ้าเรายังละเลยเด็กเล็ก ผู้หญิง คนชรา คนยากจน คนพิการ คนป่วย
รวมทั้งสัตว์เล็กสัตว์น้อย แม้จะเข้าวัดเป็นประจำ บริจาคเงินให้วัด
อุปถัมภ์พระสงฆ์มากมาย ก็ยังเรียกไม่ได้ว่าเป็นคนใจบุญ
เป็นชาวพุทธ หรือเป็นมนุษย์ที่แท้
ไม่ผิดหากจะกล่าวว่านี้เป็นเครื่องวัดความเป็นศาสนิกที่แท้ในทุกศาสนาด้วย
แม้จะปฏิบัติตามประเพณีพิธีกรรมทางศาสนาอย่างเคร่งครัด
แต่เมินเฉยความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์
หรือยิ่งกว่านั้นคือกดขี่บีฑาผู้คนในนามของพระเจ้า
ย่อมเรียกไม่ได้ว่าเป็นศาสนิกที่แท้ จะกล่าวไปใยถึงความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์

ในแง่ของชาวพุทธ การช่วยเหลือผู้ที่ทุกข์ยากเดือดร้อน
ทั้ง ๆ ที่เขาไม่สามารถให้คุณให้โทษแก่เราได้
เป็นเครื่องฝึกใจให้มีเมตตากรุณา และลดละความเห็นแก่ตัวได้เป็นอย่างดี
ยิ่งทำมากเท่าไร จิตใจก็ยิ่งเปิดกว้าง อัตตาก็ยิ่งเล็กลง
ทำให้มีที่ว่างเปิดรับความสุขได้มากขึ้น ยิ่งให้ความสุขแก่เขามากเท่าไร
เราเองก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น
สมดังพุทธพจน์ว่า “ ผู้ให้ความสุขย่อมได้รับความสุข ”
เป็นความสุขที่ไม่หวังจะได้รับ แต่ยิ่งไม่อยาก ก็ยิ่งได้
ในทางตรงข้ามยิ่งอยาก ก็ยิ่งไม่ได้

เมื่อใจเปิดกว้างด้วยเมตตากรุณา เราจะพบว่าไม่มีใครที่อยู่สูงกว่าเราหรือต่ำกว่าเรา
ถึงจะเป็นพม่า มอญ ลาว เขมร กะเหรี่ยง ลัวะ ขมุ
เขาก็มีสถานะเสมอเรา คือเป็นเพื่อนมนุษย์
และเป็นเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย กับเรา
แม้แต่สัตว์ก็เป็นเพื่อนเราเช่นกัน จิตใจเช่นนี้คือจิตใจของชาวพุทธ
และเป็นที่สถิตของพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
การทะนุบำรุงพุทธศาสนาที่แท้
ก็คือการบำรุงหล่อเลี้ยงจิตใจเช่นนี้ให้เจริญงอกงามในตัวเรา
ในลูกหลานของเรา และในสังคมของเรา
หาใช่การทุ่มเงินสร้างโบสถ์วิหารราคาแพง ๆ
หรือสร้างพระพุทธรูปให้ใหญ่โตที่สุดในโลกไม่

ดังนั้นเมื่อใดที่เราเห็นคนทุกข์ยาก ไม่ว่าเขาจะเป็นใครมาจากไหน
เชื้อชาติอะไร ต่ำต้อยเพียงใด อย่าได้เบือนหน้าหนี
ขอให้เปิดใจรับรู้ความทุกข์ของเขา
แล้วถามตัวเองว่าเราจะช่วยเขาได้หรือไม่ และอย่างไร
เพราะนี้คือโอกาสดีที่เราจะได้ทำบุญ
ลดละอัตตาตัวตน และบรงพระศาสนาอย่างแท้จริง
โดย … พระไพศาล วิสาโล


คัดลอกจาก...มติชน ฉบับเดือน มีนาคม 2552 ’ 
 

ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
Re: บุญที่ถูกลืม.. (พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 26, 2010, 10:54:48 pm »
 :13: อนุโมทนาครับ ขอบคุณครับพี่เล็ก
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~