พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ 384
๘. เรื่องภิกษุประมาณ ๕๐๐ รูป [๒๕๙]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุประมาณ
๕๐๐ รูป ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "วสฺสิกา วิย ปุปฺผานิ" เป็นต้น.
ดังได้สดับมา ภิกษุเหล่านั้นเรียนพระกัมมัฏฐานในสำนักของพระ-
ศาสดา บำเพ็ญสมณธรรมอยู่ในป่า เห็นดอกมะลิที่บานแล้วแต่เช้าตรู่
หลุดออกจากขั้วในเวลาเย็น จึงพากันพยายาม ด้วยหวังว่า " พวกเราจัก
หลุดพ้นจากกิเลสมีราคะเป็นต้น ก่อนกว่าดอกไม้ทั้งหลายหลุดออกจากขั้ว.
ภิกษุควรพยายามให้หลุดพ้นจากวัฏทุกข์
พระศาสดาทรงตรวจดูภิกษุเหล่านั้น แล้วตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย
ธรรมดาภิกษุพึงพยายามเพื่อหลุดพ้นจากวัฏทุกข์ให้ได้ ดุจดอกไม้ที่หลุด
จากขั้วฉะนั้น." ประทับนั่งที่พระคันธกุฎีนั่นเอง ทรงเปล่งพระรัศมีไป
แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า:-
๘. วสฺสิกา วิย ปุปฺผานิ มทฺทวานิ ปมุญฺจติ
เอว ราคญฺจ โทสญฺจ วิปฺปมุญฺเจถ ภิกฺขโว.
" ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงปลดเปลื้องราคะและ
โทสะเสีย เหมือนมะลิเครือปล่อยดอกทั้งหลายที่
เหี่ยวเสียฉะนั้น."
แก้อรรถ
มะลิ ชื่อว่า วสฺสิกา ในพระคาถานั้น.
บทว่า มชฺชวานิ๑ แปลว่า เหี่ยวแล้ว.
๑. สี. ยุ. มทฺทวานิ. ม. มจฺจวานิ. บาลี มทฺทวานิ.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ 385
ท่านกล่าวคำอธิบายนี้ไว้ว่า :-
" มะลิเครือ ย่อมปล่อยคือย่อมสลัดซึ่งดอกที่บานแล้วในวันวาน ใน
วันรุ่งขึ้นเป็นดอกไม้เก่า เสียจากขั้วฉันใด; แม้ท่านทั้งหลายก็จงปลด-
เปลื้องโทษทั้งหลายมีราคะเป็นต้นฉันนั้นเถิด."
ในกาลจบเทศนา ภิกษุแม้ทั้งหมดตั้งอยู่ในพระอรหัตแล้ว ดังนี้แล.
เรื่องภิกษุประมาณ ๕๐๐ รูป จบ.
http://www.samyaek.com/pratripidok/index.php?topic=790.0http://agaligohome.fix.gs/index.php?topic=2129.0