ราตรีนาน...
ทีฆา ชาครโต รตฺติ
ทีฆํ สนฺตสฺส โยชนํ
ทีโฆ พาลาน สํสาโร
สทฺธมฺมํ อวิชานตํ . . . ฯ ๖๐ ฯ
ราตรีนาน สำหรับคนนอนไม่หลับ
ระยะทางโยชน์หนึ่งไกล สำหรับผู้ล้าแล้ว
สังสารวัฏยาวนาน สำหรับคนพาล
Long is the night to the wakeful,
Long is the yojana to the weary,
Long is Samsara to the foolish
Who know not the true doctrine
ไม่พบเพื่อนที่ดี..
จรญฺเจ นาธิคจฺเฉยฺย
เสยฺยํ สทิสมตฺตโน
เอกจริยํ ทฬฺหํ กยิรา
นตฺถิ พาเล สหายตา . . . ฯ ๖๑ ฯ
หากแสวงหาไม่พบเพื่อนที่ดีกว่าตนหรือเสมอกับตน
ก็ควรเที่ยวไปคนเดียว เพราะมิตรภาพ ไม่มีในหมู่คนพาล
If, as he fares, he finds no companion
Who is better or equal,
Let him firmly pursue his solitary career;
There is no fellowship with the fool.
มีบุตรมีทรัพย์..
ปุตฺตา มตฺถิ ธน มตฺถิ
อิติ พาโล วิหญฺญติ
อตฺตา หิ อตฺตโน นตฺถิ
กุโต ปุตฺตา กุโต ธนํ . . . ฯ ๖๒ ฯ
คนโง่มัวคิดวุ่นวายว่า
เรามีบุตร เรามีทรัพย์
เมื่อตัวเขาเองก็ไม่ใช่ของเขา
บุตรและทรัพย์จะเป็นของเขาได้อย่างไร
'I have sons, I have wealth';
So thinks the fool and is troubled.
He himself is not his own.
How then are sons, how wealth?
คนโง่รู้ตัว...
โย พาโล มญฺญตี พาลฺยํ
ปณฺฑิโต วาปิ เตน โส
พาโล จ ปณฺฑิตมานี
ส เว พาโลติ วุจฺจติ . . . ฯ ๖๓ ฯ
คนโง่ รู้ตัวว่าโง่
ยังมีทางเป็นบัณฑิตได้บ้าง
แต่โง่แล้ว อวดฉลาด
นั่นแหละเรียกว่าคนโง่แท้
A fool aware of this stupidity
Is in so far wise,
But the fool thinking himself wise
Is called a fool indeed.
เหมือนจวัก..
ยาวชีวมฺปิ เจ พาโล
ปญฺฑิตํ ปยิรุปาสติ
น โส ธมฺมํ วิชานาติ
ทพฺพิ สูปรสํ ยถา . . . ฯ ๖๔ ฯ
ถึงจะอยู่ใกล้บัณฑิต
เป็นเวลานานชั่วชีวิต
คนโง่ก็หารู้พระธรรมไม่
เหมือนจวักไม่รู้รสแกง
Though through all his life
A fool associates with a wise man,
He yet understands not the Dharma,
As the spoon the flavour of soup.
เหมือนลิ้น..
มุหุตฺตมปิ เจ วิญฺญู
ปณฺฑิตํ ปยิรุปาสติ
ขิปฺปํ ธมฺมํ วิชานาติ
ชิวฺหา สูปรสํ ยถา . . . ฯ ๖๕ ฯ
ปัญญาชน คบบัณฑิต
แม้เพียงครู่เดียว
ก็พลันรู้แจ้งพระธรรม
เหมือนลิ้นรู้รสแกง
Though, for a moment only,
An intelligent man associates with a wise man,
Quickly he understands the Dharma,
As the tongue the flavour of soup.
เหล่าคนพาล...
จรนฺติ พาลา ทุมฺเมธา
อมิตฺเตเนว อตฺตนา
กโรนฺตา ปาปกํ กมฺมํ
ยํ โหติ กฏุกปฺผลํ . . . ฯ ๖๖ ฯ
เหล่าคนพาล ปัญญาทราม
ทำตัวเองให้เป็นศัตรูของตัวเอง
เที่ยวก่อแต่บาปกรรมที่มีผลเผ็ดร้อน
Fools of little wit
Behave to themselves as enemies,
Doing evil deeds
The fruits whereof are bitter.
กรรมใดทำ...
น ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ
ยํ กตฺวา อนุตปฺปติ
ยสฺส อสฺสุมุโข โรทํ
วิปากํ ปฏิเสวติ . . . ฯ ๖๗ ฯ
กรรมใดทำแล้วทำให้เดือดร้อนภายหลัง
อีกทั้งทำให้ร้องไห้น้ำตานอง
รับสนองผลของการกระทำ
กรรมนั้นไม่ดี
That deed is not well done,
After doing which one feels remorse
And the fruit whereof is received
With tears and lamentations.
กรรมใดทำ...
ตญฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ
ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ
ยสฺส ปตีโต สุมโน
วิปากํ ปฏิเสวติ . . . ฯ ๖๘ ฯ
กรรมใดทำแล้ว ไม่เดือดร้อนภายหลัง
ทั้งผู้กระทำก็เบิกบานสำราญใจ
ได้เสวยผลของการกระทำ
กรรมนั้นดี
Well done is that deed
Which, done, brings no regret;
The fruit whereof is received
With delight and satisfaction.
พาลสำคัญว่า..
มธุวา มญฺญตี พาโล
ยาว ปาปํ น ปจฺจติ
ยทา จ ปจฺจตี ปาปํ
อถ พาโล ทุกขํ นิคจฺฉติ . . . ฯ ๖๙ ฯ
ตลอดระยะเวลาที่บาปยังไม่ให้ผล
คนพาลสำคัญบาปหวานปานน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล
เมื่อนั้นเขาย่อมได้รับทุกข์
An evil deed seems sweet to the fool
So long as it does not bear fruit;
But when it ripens,
The fool comes to grief.
คนพาลถึง...
มาเส มาเส กุสคฺเคน
พาโล ภุญฺเชถ โภชนํ
น โส สงฺขาตธมฺมานํ
กลํ อคฺฆติ โสฬสึ . . . ฯ ๗๐ ฯ
คนพาล ถึงจะบำเพ็ญตบะ
โดยเอาปลายหญ้าคาจิ้มอาหารกิน ทุกเดือน
การปฏิบัติของเขาไม่เท่าหนึ่งในสิบหกส่วน
ของการปฏิบัติของท่านผู้บรรลุธรรม
Month after month the fool may eat his food
With the tip of kusa grass;
Nontheless he is not worth the sixteenth part
Of those who have well understood the Truth.
นมเปรี้ยว..
น หิ ปาปํ กตํ กมฺมํ
สชฺชุ ขีรํ ว มุจฺจติ
ฑหนฺตํ พาลมเนฺวติ
ภสฺมาจฺฉนฺโน ว ปาวโก . . . ฯ ๗๑ ฯ
กรรมชั่วที่ทำแล้ว ยังไม่ให้ผลทันทีทันใด
เหมือนนมที่รีดใหม่ ๆ ไม่กลายเป็นนมเปรี้ยวในทันที
แต่มันจะค่อย ๆ เผาผลาญผู้กระทำในภายหลัง
เหมือนไฟไหม้แกลบฉะนั้น
An evil deed committed
Does not immediately bare fruit,
Just as milk curdles not at once;
Smouldering like fire covered by ashes,
It follows the fool.
พาลได้ความรู้..
ยาวเทว อนตฺถาย
ญตฺตํ พาลสฺส ชายติ
หนฺติ พาลสฺส สุกฺกํสํ
มุทฺธมสฺส วิปาตยํ . . . ฯ ๗๒ ฯ
คนพาลได้ความรู้มา
เพื่อการทำลายถ่ายเดียว
ความรู้นั้น ทำลายคุณความดีเขาสิ้น
ทำให้มันสมองของเขาตกต่ำไป
The fool gains knowledge
Only for his ruin;
It destroys his good actions
And cleaves his head.
ภิกษุพาล...
อสนฺตํ ภาวมิจฺเฉยฺย
ปุเรกฺขารญฺจ ภิกฺขุสุ
อาวาเสสุ จ อิสฺสริยํ
ปูชา ปรกุเลสุ จ . . . ฯ ๗๓ ฯ
ภิกษุพาล ปรารถนาชื่อเสียงเกียรติยศที่ไม่เหมาะ
อยากเป็นใหญ่กว่าพระภิกษุทั้งหมด
อยากเป็นเจ้าอาวาส
อยากได้รับบูชาสักการะจากชาวบ้านทั้งหลาย
A foolish monk desires undue reputation,
Precedence among monks,
Authority in the monasteries,
Honour among other families.
ขอคฤหัสน์...
มเมว กต มญฺญนฺตุ
คิหี ปพฺพชิตา อุโภ
มเมว อติวสา อสฺสุ
กิจฺจากิจฺเจสุ กิสฺมิจิ
อิติ พาลสฺส สงฺกปฺโป
อิจฺฉา มาโน จ วฑฺฒติ . . . ฯ ๗๔ ฯ
"ขอให้คฤหัสถ์ และ บรรพชิต
จงสำคัญว่า เราเท่านั้นทำกิจนี้
ขอให้เขาเหล่านั้นอยู่ในบังคับบัญชาของเรา
ไม่ว่ากิจการใหญ่หรือเล็ก"
ภิกษุพาล มักจะคิดใฝ่ฝันเช่นนี้
ความทะเยอทะยาน และความหยิ่งก็พลอยเพิ่มขึ้น
'Let both layman and monks think,
By me only was this done;
In every work, great or small,
Let them refer to me.'
Such is the ambition of the fool;
His desire and pride increase.
ทางหนึ่งแสวง...
อญฺญา หิ ลาภูปนิสา
อญฺญา นิพฺพานคามินี
เอวเมตํ อภิญฺญาย
ภิกฺขุ พุทฺธสฺส สาวโก
สกฺการํ นาภินนฺเทยฺย
วิเวกมนุพฺรูหเย . . . ฯ ๗๕ ฯ
ทางหนึ่งแสวงหาลาภ
ทางหนึ่งไปนิพพาน
รู้อย่างนี้แล้ว ภิกษุพุทธสาวก
ไม่ควรไยดีลาภสักการะ
ควรอยู่อย่างสงบ
One is the way to worldly gain;
To Nibbana another leads.
Clearly realizing this,
The bhikkhu, disciple of the Buddha,
Should not delight in worldly favour,
But devote himself to solitude.
http://board.srthinth.info/DhammaPhatha05.html