ผู้เขียน หัวข้อ: หากเหนื่อยนัก..ก็พักหน่อย.แล้วค่อยไป ! (๒)  (อ่าน 42520 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด






ความผิด ความถูก ไม่มีในโลก คงเหลืออยู่แต่เพียง...

นี่แหละวิถีชีวิตของเราแต่ละคน
ว่าทุกคนต้องเรียนรู้
และพยายามปรับตัวให้สอดคล้องกันกับ
คลื่นลมที่มันพัดโชยมากระทบเรา
บนพื้นฐานความอดทน
และอดกลั้นอย่างที่สุด



ผมขอฝากร้อยกรองบทหนึ่ง
ซึ่งได้รับจากศิษย์คนหนึ่ง
เมื่อปี ค.ศ.2000 หรือประมาณ 13 ปีมาแล้ว







.. วานนี้... มีลมแรง
ฉันเห็นดอกหญ้าแดงยืนหยัด
ราบระเนนเอนล่อล้อลมพัด
บางครั้งคล้ายขืนขัดทัดทานลม



หญ้าฝากเกสรดอกหญ้า
ไปกับลมช่วยพาผสานผสม
แจ้งข่าวคราวเคลื่อนเยือนชม
ช่วยทอพรมคลุมพื้นให้ผืนดิน



วันนี้ลมสงบ
ฉันได้พบพรมใหญ่ไม่แหว่งวิ่น
ระดาษดอกหญ้าสวยรวยริน
บานเต็มทั่วถิ่นธรณี



วันนี้ได้เรียนรู้อยู่อย่างหญ้า
ยืนหยัดฉกาจกล้าทำหน้าที่
อาศัยลม สู้ลม บ่มอินทรี
สร้างความดีความงามท่ามกลางลม



นำมาบางส่วนจาก... สามวันที่เชียงใหม่



ใคร.. ทำอะไรก็แล้วแต่ ผลที่ปรากฏ ย่อมอยู่ที่ ใจ ตัวเอง
แล้วคงเห็น ความจริง ได้ว่า.. การถือสาหาความ
ว่าสิ่งนั้นผิด สิ่งนี้ถูก ในที่สุดก็คงเปิดเผย
ออกมาให้รู้ ความจริง ว่า...



ความผิด ความถูก ไม่มีในโลก คงเหลืออยู่แต่เพียง..
.. ความจริง .. ที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน



ระพี สาคริก
จาก.. บทความคนใจแตก มักชอบแหกคอก
หนังสือปรัชญาธรรม หน้าที่ ๙๒




นอนกับงาน
๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖
ระพี สาคริก
บ้านระพี สาคริก พหลโยธิน 41 จตุจักร กรุงเทพฯ 10900
— ที่ F/B บ้านระพี สาคริก


- facebook.com/pages/ศาสตราจารย์-ระพี-สาคริก/461091197241853
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 30, 2016, 04:31:40 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: เพียงฝาก "ความ" ไว้ในคำนึง
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 01:42:08 am »




เพียงฝาก "ความ" ไว้ในคำนึง

ฝากบางถ้อยคำไว้ในคำนึง   
ให้เรื่องราวตราตรึงใต้สำนึก
บ่มเพาะด้วยกาลเวลาจนตกผลึก   
และกลายเป็นความรู้สึกให้เรียนรู้



มีความจริงนับหลายประการ   
ระหว่างทางผ่านเพื่อไปสู่
สายธารแห่งปัญญาอันพรั่งพรู   
ให้เป็น "เครื่องอยู่" ประคองชีวิต



หากเด็กคือจิตวิญญาณอันเก่าแก่   
ผ่านเวียนว่ายผันแปรแห่งดวงจิต
เกินดับยาวนานนิรมิต   
ล้วนต่อยอดความครุ่นคิดตลอดมา



จึงฝากถ้อยคำแห่งความจริง   
ทั้งหมดไม่ละทิ้งทุกคุณค่า
ดี ร้าย พบ พราก สัจจะธรรมดา   
สุข ทุกข์ ปรารถนา ดั่งเดียวกัน



เชื่อมร้อยอยู่ด้วยฐานะมนุษย์   
ไร้สูงส่งหรือต่ำสุดอย่างนั้น
เราต่างล้วนเก่าแก่นับอนันต์   
เกื้อหนุนคืนวันแห่งความพากเพียร



หากต้องบอกเล่าก็ต้องเล่า   
ทั้งเฒ่าทั้งเยาว์ไม่แปลกเปลี่ยน
วิถีแห่งมนุษย์ผู้เล่าเรียน   
ขณะเมื่อยังว่ายเวียนในโลกีย์



เรื่องราวจะบ่มเพาะในญาณ   
ขณะชีวิตค่อยเคลื่อนผ่านวิถี
กลั่นกรองขัดเกลาทุกการณ์ดี   
เผยออกมาชวนชี้หนทางไป



ฝากบางถ้อยคำไว้ในคำนึง   
อาจเป็นความที่ลึกซึ้งและยิ่งใหญ่
รอเวลาใคร่ครวญทำความเข้าใจ   
บนหนทางอันยาวไกลของจิตวิญญาณ


นาโก๊ะลี

>>> F/B Peaceful Death



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 19, 2014, 06:53:38 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มาคนเดียว ไปคนเดียว
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2013, 02:45:51 am »


๐ ทิ้งกลีบดอก บอกว่า เวลาหมด
แม้งามงด เพียงไหน ไม่อาจฝืน
ถึงเวลา ธรรมชาติ ก็ทวงคืน
ร่างดาษดื่น คืนกาย ไว้โลกา

๐ ทุกชีวิต ดับเกิด แล้วเกิดดับ
ทิ้งร่างทับ ไม่มั่นคง จงจำหนา
หวังหลุดพ้น ไม่วนเกิด มาอีกครา
วางอัตตา ไว้ข้างหลัง อย่ากังวล...


f/b คนชอบธรรม
7 พฤษภาคม 2557




มาคนเดียว ไปคนเดียว

วันเวลาผ่าน ไปให้ หยุดคิด…. เพียงสักนิด ว่าเรา จะไปไหน
ถามใจดู ถามให้รู้ จากภายใน…. ถ้าตอบได้ ก็จะรู้ อย่าดูนาน

เพราะเวลา ไม่มี ให้นานนัก…. หากมัวรัก ผูกใจ ในลูกหลาน
เหมือนติดบ่วง รัดไว้ ชั่วกาลนาน…. เพราะบ่วงมาร ร้อยรัด มัดโดยตรง

มาคนเดียว ไปคนเดียว คือจริงแท้…. อย่ามัวแต่ ยึดไว้ใจ ลุ่มหลง
สัจธรรม คือธรรมะ พระพุทธองค์…. จะมั่นคง มิแปรผัน นั่นแหละจริง



เพชรงามน้ำหนึ่ง




สอบอารมณ์ สอบอะไร ใยต้องสอบ?
พึ่งท่านตอบ จึงประจักษ์ ซึ่งมรรคผล?
หากแม้นสอบ ตนเองได้ ไร้กังวล
แจ้งบัดดล มิพึ่งใคร ให้วุ่นวาย

พึงรู้จิต ของตน ด้วยตนเถิด
เป็นทางเลิศ มหาสติ น่ะสหาย
พุทโธวาท ประกาศเตือน เพื่อนหญิงชาย
จักสบาย พ้นทุกข์ พบสุขจริง

จิตฟุ้งซ่าน ก็รู้ชัด ว่าฟุ้งซ่าน
จิตเดือดดาล เห็นอารมณ์ สติคมยิ่ง
จิตเห็นจิต ปล่อยวางไป ไม่ประวิง
สักแต่ว่า สรรพสิ่ง ใช่อัตตา

สอบอารมณ์ เช่นนี้ ชี้ชอบชัด
เป็นทางลัด ล่วง ราคะ หลง โทสา
เพียรพินิจ จิตตา นุปัสสนา
สุดประเสริฐ เกิดปัญญา สอบอารมณ์

::ตรงประเด็น



G+ นวรัตน์ พัชร์นันทพร Shared publicly  -  Jul 27, 2013



Kajitsai Sakuljittajarern ได้แชร์รูปภาพไปยังไทม์ไลน์ของ พอเพียง มาก
6 มกราคม เวลา 20:10 น. ·
..นามรูป..ล้วนแล้วแต่ อวิชชา สังขาร วิญญาณ จะบัญชาการให้เป็นไป..

************
Kajitsai Sakuljittajarern
2/10/2017

อันว่าคำว่า"เจ้ากรรมนายเวร"และ"จองกรรมจองเวร"นั้น
เท่าที่สรุปความจากประสบการณ์ส่วนตนในเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้ากรรมนายเวรโดยเฉพาะในการบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บแก่ผู้ป่วยตามแนวทางการแพทย์แผนไทยมามากกว่า๑๐ปีมีดังต่อไปนี้
๑. ตามสัจธรรมที่ว่า"ทุกความเคลื่อนไหว...ไม่ว่าจะโดยทางกาย/ทางวาจา/ทางใจ...ล้วนก่อให้เกิดกรรมอันจำแนกได้เป็นกรรมดีและกรรมชั่ว คำว่า"เจ้ากรรมนายเวร"โดยปกติมักใช้กับกรณีของกรรมชั่ว กรรมชั่วเป็นการกระทำที่ก่อบาปซึ่งแน่นอนว่ามีผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือถูกเบียดเบียนจากการกระทำนั้นซึ่งต่อไปนี้ขอเรียกว่า"คู่กรณี" กรรมที่เกิดนั้นจะเป็น"เจ้า"ชีวิตของผู้ก่อฯและผู้ร่วมรับผลประโยชน์จากกรรมชั่วนั้นไปตราบกระทั่งผู้ก่อฯและผู้ร่วมฯได้ชดใช้เต็มร้อยแล้วในผลแห่งกรรมนั้น เปรียบเสมือนการก่อให้เกิดหนี้สินซึ่งจะเกิดเจ้าหนี้ตราบกระทั่งหนี้นั้นได้รับการชดใช้จนหมดสิ้นพันธะหนี้ ทุกกรรมชั่วที่เกิดจึงเกิด"เจ้ากรรม"คอยตามกำกับชีวิตของผู้ก่อฯและผู้ร่วมฯตราบจนกว่าได้มีการชดใช้เท่าที่ควรภายใต้หลักดุลยธรรม
มาถึงคำว่า"นายเวร"โดยปกติที่พบนั้น"นายเวร"เกิดขึ้นในกรณีที่"คู่กรณี"เอาเรื่องหรือตัดสินใจที่จะเอาความกับผู้ก่อกรรมชั่วนั้น กล่าวคือหากคู่กรณีไม่ติดใจเอาความกับความเดือดร้อนหรือการถูกเบียดเบียนจากกรรมชั่วของผู้ก่อฯ ผู้ก่อฯและผู้ร่วมฯจะมีเพียง"เจ้ากรรม"ติดตามกำกับการชดใช้กรรมชั่วที่ก่อ(เกิดการ"จองกรรม") แต่หาก"คู่กรณี"ต้องการการชดใช้หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า"จองเวร" ผู้ก่อฯและผู้ร่วมฯก็จะมีทั้ง"เจ้ากรรม"และ"นายเวร"ติดตามกำกับการชดใช้กรรมชั่วที่ก่อไว้ อันเป็นที่มาของคำว่า "จองเวรจองกรรม"
๒.กรรมเกิดตามเหตุตามปัจจัย
เหตุในที่นี้ หมายถึง วิชชาในผู้ก่อกรรมดี และ อวิชชาในผู้ก่อกรรมชั่ว กล่าวในอีกรูปแบบหนึ่งง่ายๆคือเหตุแห่งกรรมชั่วคือความไม่รู้ซึ่ง"สัมมา"ทั้งปวงในมรรค๘
ปัจจัยโดยปกติแบ่งเป็นปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ปัจจัยภายในในที่นี้หมายถึงพันธะผูกพันที่ติดมากับดวงจิตนับตั้งแต่เกิดมาในชาติภพปัจจุบัน...พันธะดังกล่าวอาจเนื่องมาแต่วาสนาแห่งโพธิจิตของจิตเดิมที่ปรารถนาจะช่วยผู้อื่นให้พ้นทุกข์ภัยจึงอาสามาเกิดภายใต้พันธะนั้น(หากสำเร็จกิจโดยสมบูรณ์ตามที่อาสามาก็จะเพิ่มบุญบารมีของดวงจิตเดิมนั้น) หรืออาจเนื่องมาแต่หนี้กรรมในชาติภพที่ผ่านๆมาที่จะต้องชดใช้และถึงเวลาที่จะต้องชดใช้ ปัจจัยภายนอกในที่นี้หมายถึงสภาวะแวดล้อมที่จะส่งเสริมหรือฉุดรั้ง...ไม่ว่าจะทั้งในเหตุและปัจจัยภายใน หรือในประการใดประการหนึ่งในสองประการดังกล่าวนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงเมตตาให้แนวทางในการบริหารจัดการเรื่องของปัจจัยภายนอกไว้อย่างสมบูรณ์แล้วใน"มงคลสูตร๓๘"โดยลำดับความสำคัญที่จำเป็นด้วยการเริ่มจากประการแรกในเรื่องของการคบกัลยาณมิตร
โพสต์นี้เป็นการ"เล่าสู่กันฟัง"แบบ"ผักบุ้งเต็มผิวหน้าน้ำ"ให้แก่friends via fb ผู้สนใจผลการพิจารณาศึกษาธรรมตามที่องค์ครูบาอาจารย์ให้การบ้านไว้ หวังใจว่าจะพอมีประโยชน์ตามควรแก่ผู้ที่ได้อ่าน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 10, 2017, 08:25:37 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: หากเหนื่อยนัก..ก็พักหน่อย.แล้วค่อยไป ! (๒)
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: มีนาคม 20, 2017, 09:46:03 pm »


เวลาผ่าน พ้นไป ไม่หวนกลับ
ตะวันลับ ดับไป ให้โหยหา
ชีวิตพลัน สั้นลงไป ในเวลา
อีกไม่ช้า เวลาครบ จบทุกคน

จงเคร่งครัด ตัดสินใจ ในวันนี้
ว่าจะมี ความสุข ในทุกหน
จะมีทุกข์ หรือสุขไซร้ คือใจตน
เราสิคน กำหนด กฎขึ้นมา

บางคนต้อง มีเงิน สรรเสริญหนัก
บางคนต้อง มีคนรัก เป็นนักหนา
บางคนต้อง มีบ้าน ปานราชา
บางคนต้อง มียศฐา บารมี

หากไม่พบ ครบคาด ที่มาดหมาย
ที่หวังไว้ ยังไม่ได้ ในวิถี
ยังไม่ครบ เงื่อนไข ในชีวี
ไม่อาจมี ความสุข ต้องทุกข์ทน

ไม่ผิดหรอก ที่ตั้งฝัน ให้มันสูง
เพื่อจะจูง ใจเลิศ ให้เกิดผล
แต่อย่ายอม ให้ฝันบัง พรางใจตน
ตามฝันจน ลืมสุข ทุกข์ระทม

มันจะดี กว่าไหม ในวันนี้
หากชีวี ไร้ทุกข์ แสนสุขสม
ตามฝันด้วย ใจสนุก สุขบรม
หัดชื่นชม ความงดงาม ตามมรรคา

ตื่นขึ้นมา พร้อมสรรพ กับความคิด
ว่าชีวิต คือรางวัล ที่สรรหา
คนที่รัก คือสวรรค์ ประทานมา
ไม่อาจหา สิ่งใดเทียบ มาเปรียบปาน

จงอย่าเสีย เวลา แม้สักนิด
เพราะชีวิต อยู่ในวัฏ ฏะสงสาร
แม้เวลา ของเราไซร้ ใช่อยู่นาน
เกินคาดการณ์ เวลาพราก ต้องจากไป

ปฏิบัติ ต่อคน ที่ตนรัก
เหมือนว่าจัก ต้องจากกัน ในวันไหน
ทุกเวลา ทุกนาที อยู่ที่ใด
จงรักษา หัวใจ ใครคนนั้น

จะดูแล พ่อแม่ ที่แก่เฒ่า
จะชื่นชม ลูกเต้า ที่เฝ้าฝัน
จะรักคู่ ชู้ชื่น ทุกคืนวัน
จะแบ่งปัน ความสุข ให้ทุกคน

เพราะชีวิต เรานั้น มันสั้นนัก
อย่าช้าชัก ตัดสินใจ ให้เกิดผล
จะไม่ขอ เสียเวลา มาทุกข์ทน
ทำใจตน ให้สุขล้น จนนิพพาน...

หลับฝันดีนะคะ .... "ราตรีสวัสดิ์ค่ะ"
(Cr: ลูกไม้ ของพ่อ)

>>fb อนนท์ พลพงษ์ >>ธรรมชาติ อันสดใส
5 มีนาคม  2017 เวลา 20:00 น.
..
..

ความรักคือบ้านของพระเจ้า "ตถาคต"  (ตถตา, จิตเดิมแท้ )
และคุณอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น.

Love is the house of God and you are living in that house.

 - Rumi -

นอกเหนือออกไปจากมโนคติ
แห่งความถูกและผิดใดๆ
ยังคงมีท้องทุ่งแห่งหนึ่ง
ฉันจะไปพบกับเธอ ณ ที่แห่งนั้น (จิตเดิมแท้)

เมื่อดวงวิญญาณทอดตัวลงในผืนหญ้า
โลกาทั้งใบคล้ายดั่งเนืองแน่นเกินกว่าจะเอ่ยถึง
ไม่ว่า ความคิดเห็นและภาษาใด (สุญญตา นิพพาน)
หรือแม้แต่วลี 'ซึ่งกันและกัน'
หาได้มีนัยยะสำคัญใดๆไม่

"Out beyond ideas of wrongdoing and rightdoing,
there is a field.
I will meet you there.

When the soul lies down in that grass,
the world is too full to talk about.
Ideas, language, even the phrase 'each other'
doesn't make any sense."
 
????Rumi????

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 03, 2022, 01:23:11 am โดย ฐิตา »