พระราชทานน้ำหลวงสรงศพ“สมเด็จวัดชนะฯ”
พระราชทานน้ำหลวง สรงศพ“สมเด็จพระมหาธีราจารย์” เผยก่อนสิ้นเขียนหนังสือลามรณภาพ
เมื่อ วันที่ 11 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) ได้มรณภาพโดยสงบ เมื่อเวลา 01.05 น.ยังกุฎิ คณะ 1 ในวัดชนะสงคราม ด้วยโรคชรา สิริอายุรวม 88 ปี 1 เดือน ซึ่งสร้างความโศกเศร้าให้แก่คณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์ เป็นอย่างมาก โดยตั้งแต่ช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 06.00 น.เป็นต้นมามีพระเถรานุเถระเข้าสักการะศพของสมเด็จพระมหาธีราจารย์อย่างต่อ เนื่อง อาทิ พระพรหมโมลี วัดโมลีโลกยาราม เจ้าคณะภาค 1 พระพรหมสุธี วัดสระเกศ พระเทพสิทธิเมธี วัดจันทาราม เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร
จากนั้นเวลา 08.15 น.คณะสงฆ์วัดชนะสงคราม ร่วมประชุมกันที่พระอุโบสถ เพื่อเลือกรักษาการเจ้าอาวาส โดยมีพระเทพสิทธิเมธี เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมสงฆ์ ได้ลงมติ เลือก พระราชวิมล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม เป็นรักษาการเจ้าอาวาส เนื่องจากมีอาวุโสสูงสุด
ต่อมาในเวลา 12.11 น. คณะสงฆ์ ญาติ และศิษยานุศิษย์ ร่วมเคลื่อนศพสมเด็จพระมหาธีราจารย์ จากกุฎิบริเวณคณะ 1 ไปยังอาคารอุไรศรี คนึงสุขเกษม คณะ 2 โดยเปิดโอกาสให้คณะสงฆ์ พุทธศาสนิกชน ได้ร่วมสรงน้ำศพสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ในเวลาประมาณ 13.00 น .จากนั้นจะเป็นพิธีการหลวง
พระราชวิมล รักษาการเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม กล่าวว่า สำหรับกำหนดการของพิธีศพสมเด็จพระมหาธีราจารย์ โดยสมณศักดิ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระราชทานน้ำหลวงสรงศพ ในเวลา 17.00 น. ในการนี้ทรงโปรดเกล้าฯให้พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์สรงน้ำหลวงสรงศพ ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระราชทานพระพิธีธรรม สวดอภิธรรม 7 คืน และพระราชทานพิธีสวดบำเพ็ญกุศลครบ 7 วัน ในเบื้องต้นทางวัดจะเก็บศพสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ไว้บำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 100 วัน จนกว่าจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ
พระพรหมโมลี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค 1 เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม กล่าวถึงสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ว่า ก่อนที่ท่านจะมรณภาพเมื่อวันที่ 10 มี.ค.นั้น ได้มากราบนมัสการและเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด จนถึงเวลาประมาณ 21.00 น.จึงได้กลับไปที่วัดพิชยาญาติการาม จนกระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น. ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า สมเด็จฯท่านมรณภาพแล้ว จึงได้เดินทางมาเพื่อกราบศพ สำหรับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เป็นพระมหาเถระที่สำคัญรูปหนึ่งของคณะสงฆ์ไทย เป็นผู้บุกเบิกการเรียนด้านบาลีศึกษา และการถวายความรู้สามเณรที่มาเรียนบาลี การบริหารการปกครองของคณะสงฆ์ ถือเป็นต้นแบบของพระสงฆ์ เวลามาฝึกอบรมพระสังฆาธิการก็จะยกตัวอย่างให้ฝึกปฏิบัติอย่างเช่น สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ให้ยึดตามระเบียบวินัย และพระวินัยสงฆ์ นอกจากนี้ ยังมีมรดกธรรมสิ่งหนึ่งที่ท่านมีดำริสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ เมื่อปี 2548 ซึ่งจำลองมาจากพระพุทธรูปในอัฟกานิสถาน เทือกเขาบาบียัน ที่ถูกพวกตาลีบันทำลาย สำหรับพระพุทธรูปที่กำลังสร้างอยู่นี้จะมีขนาดสูง 32 เมตร เป็นพระพุทธรูปยืน ไม่มีอะไรค้ำ มีเพียงแต่พระบาทเป็นฐานเท่านั้น ซึ่งในช่วงแรกท่านห่วงว่า เป็นอะไรโครงการจะไม่สำเร็จ พอความทราบถึงสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระองค์จึงทรงรับการจัดสร้างพระพุทธไว้ในบรมราชินูปถัมภ์ และมอบให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ดูแลทำให้ท่านหมดห่วง ขณะนี้แบบเสร็จหมดแล้ว อยู่ระหว่างการสร้างฐานและสร้างหล่อขนาดองค์จริง คาดว่าจะเสร็จในปี 2556
ร.อ.สุรเชษฐ์ โพธิคำศรี ลูกศิษย์ที่ถวายงานสมเด็จพระมหาธีราจารย์ และเคยบวชเรียนที่วัดชนะสงคราม กล่าวว่า เมื่อเรื่องการละสังขารของสมเด็จมหาธีราจารย์ทราบถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำหลวงสรงศพ โกศไม้ 12 และ ไตรครอง ซึ่งถือเป็นเกียรติยศสูงสุด พร้อมด้วยฉัตรเครื่อง ตั้งประดับรอบๆ โกศ แตรมอญ ปี่กลองชนะใช้สำหรับพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ พระราชทานสวดอภิธรรมศพ 7 คืน และพระราชทานสวดบำเพ็ญพระราชกุศล 7 วัน หลังจากนั้น จะเป็นในส่วนของประชาชนทั่วไปที่จะเข้ามามีส่วนร่วมบำเพ็ญกุศล โดยในการสวดพระอภิธรรมศพนั้น จะต้องเป็นพระสงฆ์จากพระอารามหลวงเท่านั้น เช่น วัดบวรนิเวศวิหาร วัดประยุรวงศาวาส วัดอนงคาราม วัดพระเชตุพลวิมลมังคลาราม วัดระฆังโฆษิตาราม เป็นต้น ซึ่งพิธีดังกล่าวถือเป็นพิธีโบรานที่ถือปฏิบัติมาตั้งแต่รัชกาลที่ 1 เรียกว่าพระพิธีธรรม สำหรับท่านเป็นพระนักพัฒนาอยู่ ทั้งเสนาสนะถาวรวัตถุ และการศึกษาสงฆ์ และในยุคของสมเด็จพระมหาธีราจารย์เป็นยุคทอง ท่านเป็นเจ้าอาวาสมากว่า 40 กว่าปี มีพระสงฆ์ที่จบเปรียญ 9 มากที่สุดถึง 73 รูป ถือว่าเสาหลักเป็นเป็นจอมทัพธรรม ซึ่งการมรณภาพครั้งนี้จึงถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
ด้านนางบุญเรือง จันทนินทร อายุ 59 ปี น้องสาวของสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กล่าวว่า ก่อนที่สมเด็จฯจะมรณภาพ ไม่ได้มีอาการบ่งบอกมาก่อน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนท่านจะรู้ตัวเองว่าจะมรณภาพในวันที่ 11 มี.ค. ก็คือ ท่านได้มีการแจ้งไปยังญาติที่สนิท ให้มาร่วมพิธีทำบุญถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ เหมือนเป็นการสั่งลาก่อนจะมรณภาพ ทั้งนี้ สมเด็จเป็นพระที่ดุ และตรง รักความยุติธรรม เน้นสอนหลักธรรมให้เหล่าญาติพี่น้องเสมอ ที่สำคัญสมเด็จได้เป็นตัวอย่างของพระผู้ความกตัญญูสูงสุด ถึงแม้ว่าท่านเป็นพระ แต่ก็ยังดูแลโยมพ่อไม่ได้ขาด แม้ท่านโยมพ่อได้เสียไปแล้ว ก็จะทำบุญไปให้เสมอ และเน้นให้ทำสิ่งของที่โยมพ่อชอบ โดยเฉพาะข้าวเหนียวมูน ซึ่งก่อนมรณภาพ 1 วัน ท่านก็ยังทำบุญให้โยมพ่อ โดยเรียกญาติพี่น้องที่สนิทมาร่วมทำบุญด้วย
จากนั้นในเวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นผู้แทนพระองค์ สรงน้ำหลวงสรงศพสมเด็จพระมหาธีราจารย์
สำหรับประวัติ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) (นามเดิม: นิยม จันทนินทร) เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 11 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2466 ณ บ้านท่าหิน อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นามบิดา นายโหร่ง นามมารดา นางฮิ่ม จันทนินทร เมื่ออายุได้ 14 ปี บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดกระสังข์ ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2479 โดยมีพระเทพวงศาจารย์ (ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่พระครูโบราณคณิสสร) วัดตองปุ เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดพระญาติการาม ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2487โดยมีพระเทพวงศาจารย์ (ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่พระโบราณคณิสสร) วัดพนัญเชิง ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูสาธุกิจการี (ขม) วัดประดู่ทรงธรรม ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูอุทัยคณารักษ์ (ใหญ่) วัดสะแก ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ฐานิสฺสโร”
ด้านการศึกษา จบนักธรรมตรี โท เอก และสอบปธ.9 ได้ในปี 2498 ส่วนสมณศักดิ์ พ.ศ.2505 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระปริยัติโสภณ พ.ศ.2507 เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชโมลี ในปี พ.ศ.2511 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่พระเทพโสภณ ในปีพ.ศ.2515 เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่พระธรรมปิฎก ในปี พ.ศ.2530 เป็นพระราชาคณะชั้นรองสมเด็จพระราชาคณะ ที่ พระธรรมวโรดม ปีพ.ศ.2535 เป็นสมเด็จพระราชาคณะ ที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม โดยได้รับพระบัญชาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่หนกลาง และเป็นคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช.
นายอิสระ พจนี อายุ 55 ปี หลานชายสมเด็จพระมหาธีรจารย์ กล่าวว่า ก่อนที่สมเด็จท่านจะมรณภาพยังมีสติตลอด กระทั่งเวลา 24.00น. วันที่ 10 มี.ค.พยาบาลเริ่มสังเกตุเห็นชีพจรเริ่มอ่อนลงจนเวลา01.05 น.ชีพจรก็หยุดเต้น สมเด็จท่านเป็นคนเจ้าระเยียบและสนับสนุนพระลูกวัดที่ขยันทำงาน เมื่อมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสก็ได้พัฒนาปรับปรุงวัดจนเจริญก้าวหน้า
"เมื่อ เรื่องประหลาดอยู่ว่า สมเด็จได้เขียนข้อความไว้ในกระดาษด้วยลายมือว่า เกิด พ.ศ.2466 และเว้นวรรคไว้ ตามด้วยปี 2554 ขึ้น 7 ค่ำวันที่11 พร้อมลงลายเซ็นไว้ โดยกระดาษนั้นเก็บไว้ใต้หมอน และก่อนมรณภาพท่านได้พูดว่า เราหมดหน้าที่แล้ว"นายอิสระกล่าว
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=561&contentID=126101.