ผู้เขียน หัวข้อ: ให้รีบพากันปฏิบัติ (หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ)  (อ่าน 1697 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด





นำมาแบ่งปันโดย.. ลูกโป่ง
http://www.dhammathai.org/articles/dbview.php?No=161
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ



ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ให้รีบพากันปฏิบัติ (หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2011, 05:26:47 am »



หลวงปู่ดู่...ตอบข้อสงสัย

ปัจจุบันมีการภาวนา ทำสมาธิกันทั่วไป ไม่ว่าข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน นิสิตนักศึกษา
ซึ่ง หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านเคยกล่าวไว้ว่า
"หลังกึ่งพุทธกาล สำนักวิปัสนากรรมฐานจะเกิดขึ้นเหมือนดอกเห็ด ผู้ที่จะเข้าไปศึกษา
ต้องมีวิจารณญาณว่า การสอนเป็นเพื่อการพัฒนาจิตหรือไม่"
ดังที่ หลวงปู่ดู่ เคยกล่าวไว้ว่า "ทำแล้วโลภ โกรธ หลง...ลดลงหรือไม่"

เมื่อมีการตั้งสำนักเกิดขึ้น ย่อมมีการกำหนดระเบียบปฏิบัติข้อวัตรต่างๆ ไว้ในแต่ละแห่ง
หรือ ที่เราเรียกกันว่า "รูปแบบ" เช่น การนุ่งขาว ห่มขาว การกินมังสวิรัติ เป็นต้น

หลวงปู่ดู่ ท่านบอกว่า "ถ้าเป็นวิธีที่พระพุทธเจ้าวางไว้ดีทั้งนั้น"
ท่านไม่ให้กล่าวร้ายป้ายสี เพราะท่านพูดว่า "คนดี ไม่ตีใคร"

บางครั้งก็มีผู้มาขอความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้จากหลวงปู่ ดังนี้

ผู้ถาม "ถ้าจะมาปฏิบัติกับหลวงปู่ต้องเตรียมอะไรมาด้วยครับ"
หลวงปู่ "เตรียมใจ เตรียมจิต มาให้ดี"

ผู้ถาม "ไม่ต้องนุ่งขาว ห่มขาวใช่ไหมครับ"
หลวงปู่ "แต่งอะไรมาก็ได้ ไม่จำเป็น"

ผู้ถาม "แม้แต่ดอกไม้ ธูปเทียน"
หลวงปู่ "มีก็เอามา ไม่มีก็ไม่ต้อง
เรากล่าวว่า พุทธัง ธัมมัง สังฆัง ชีวิตัง เม ปูเชมิ
นี่เราก็เอาชีวิตบูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว
"

ผู้ถาม "การกินมังสวิรัติ จำเป็นไหมครับ"
หลวงปู่ "เรื่องการไม่กินเนื้อสัตว์ มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว
คือ พระเทวทัตเคยขอพระพุทธเจ้า แต่ท่านไม่อนุญาต ดีชั่วอยู่ที่จิต ท่านกลัวลำบากญาติโยม"

ในการทำวัตรสวดมนต์ของพระ จะมีการพิจารณา อาหาร บิณฑบาต
เสนาสนะ และจีวร รวมอยู่ด้วย
ที่เรียกว่า บทปฏิสังขาโย เพื่อไม่ให้พระคิดอยากได้ในสิ่งเหล่านี้
ทั้งนี้เป็นเพียงเพื่อการประทังชีพ ในการบำเพ็ญคุณธรรมต่อไป
ดังคำพูดของหลวงปู่ที่ว่า "อยู่ในโลกก็ต้องกิน"

หลวงปู่ "อาจารย์แด่ ท่านเคยบอกข้าตอนที่ไปนวดให้ท่านว่า เป็นพระต้องระวังนะคุณ
ถ้าไม่ไหว้พระสวดมนต์
ตายไปต้องไปเกิดเป็นควายแก่ให้เขาใช้งาน ท่านเคยบอกด้วยนะว่า ควายแก่"

ผู้ถาม "การบิดเบือนพระพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้า เขาว่าเป็นการทำลายศาสนา
เหมือนกับตัดคอพระพุทธรูปทีละองค์"
หลวงปู่ "พระเทวทัตมีฤทธิ์ขนาดเหาะได้ ยังไปนรกเลย แล้วคนที่ยังเหาะไม่ได้ จะไปไหน"

ผู้ถาม "ลูกอธิษฐานไว้ว่า ต้องถือศีลแปด แต่กลัวจะหิว เพราะไม่ได้กินข้าวเย็นครับ"
หลวงปู่ "เปลี่ยนจากข้อ ๓ เป็น อพรัมมะจริยา ก็ได้ นี่เป็นศีล ๕ แบบอุกฤษฏ์ ถือเป็นเพศพรหมจรรย์"

ผู้ถาม "เดี๋ยวนี้คนใจบาป ตัดเศียรพระพุทธรูปไปขายต่างประเทศ"
หลวงปู่ "อีกหน่อยศาสนาพุทธจะไปปรากฎในต่างแดน
ตอนนี้ไปในส่วนของรูปธรรม ต่อไปจะปรากฎในส่วนของนามธรรม
จะมีการปฏิบัติกันมากขึ้นกว่านี้"

ผู้ถาม "ทางรัสเซีย เขาว่ากันว่า ปฏิบัติเกินไปจากอเมริกาหลายสิบปี
แต่เขาใช้ในด้านวินาศกรรมเพราะเรดาร์จับไม่ได้ ไม่บาปหรือครับ"
หลวงปู่ "ให้เขาทำไปเถิด อีกหน่อยเขาพลิกจิตได้ ก็ดีเอง"

ผู้ถาม "ทำไมต้องห้อยพระ ไม่ต้องใช้ได้ไหมครับ"
หลวงปู่ "กำลังใจของคนไม่เท่ากัน
เรามีเวลาเผลอ เพราะไม่ใช่พระอรหันต์
ถ้าจิตเป็นพระไม่ต้องใช้ก็ได้ หรือ ถ้าทำเป็นแล้วก็ไม่ต้อง"

ผู้ถาม "บารมีพระช่วยได้จริงหรือไม่"
หลวงปู่ "ถ้ากรรมไม่หนักพระช่วยได้ ถ้าหนักพระช่วยไม่ได้ ตอนตายถ้านึกถึงพระ...ก็ยังไปสวรรค์"

ผู้ถาม "ทำอย่างไรจึงนึกถึงพระ หรือ ความดีก่อนตาย"
หลวงปู่ "ต้องทำอยู่เรื่อยๆ เหมือนกับทำไมต้องกินข้าวทุกวัน
ถ้าไม่ทำบุญ หรือ ทำ...แต่บางทีนึกออกได้ยาก เช่น มีคนแถววัดสะแก ทำบาปกับปลาเอาไว้มาก
ก่อนตายพอน้องเข้าไปบอกทางว่า พุทโธ แกกลับบอกว่า แกงส้มปลาเทโพ อยู่ในครัว
พอพี่เข้าไปบอกว่า อะระหัง แกกลับบอกว่า มีแต่กระชัง (ใส่ปลา) ทั้งนั้น"



***ที่มา หนังสือไตรรัตน์ วัดสะเเก
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ