ผู้เขียน หัวข้อ: บุพกรรมขององคุลีมาล  (อ่าน 1859 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
บุพกรรมขององคุลีมาล
« เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2011, 09:58:08 am »
บุพกรรมขององคุลีมาล

-http://kaskaew.com/index.asp?contentID=10000004&title=%BA%D8%BE%A1%C3%C3%C1%A2%CD%A7%CD%A7%A4%D8%C5%D5%C1%D2%C5&getarticle=34&keyword=&catid=3-
 

                        “หลวงพ่อคะ  หนูเคยอ่านเรื่องกฎของกรรมเรื่องหนึ่ง  คือ  นายแดงเป็นคนเนรคุณพ่อแม่และเคยทุบตีพ่อแม่  พอแกมีลูกออกมาลูกก็มีอาการเหมือนกับพ่อค่ะ  คงจะเป็นกฎของกรรมของนายแดง  แต่หนูคิดว่าลูกของนายแดงจะต้องมีบาปเหมือนกันใช่ไหมคะ....”

                        ก็ไม่ใช่บาป

                        “แล้วกฎของกรรมจะบันดาลให้เป็นอย่างไรคะ...”

                        นายแดงเป็นคนอกตัญญูไม่รู้คุณพ่อแม่  ตีพ่อตีแม่ นายแดงก็เป็นคนมีจิตเลว  ฉะนั้นเด็กที่จะต้องมาเกิดด้วยก็ต้องเป็นเด็กเลว ๆ มาเกิด  คือว่าเด็กที่จะมาเกิดร่วมกันส่วนใหญ่จะต้องมีศรัทธาเสมอกัน  มีจาคะเสมอกัน  มีปัญญาเสมอกัน  มีศีลเสมอกัน  เสมอกับพ่อแม่  จึงจะเข้าสู่ครรภ์ตระกูลนั้นได้

                        แต่ว่าไอ้กรรมที่เป็นอกุศลย่อมให้ผลต่างวาระ  บางทีตอนเป็นเด็ก ๆ แกดี  ตอนโตอาจเลวไปชั่วขณะหนึ่งก็ได้

                        หมายความว่า  กรรมที่เป็นอกุศลเดิมเข้ามาสิงจิตในช่วงกลางนะ  และในช่วงหนึ่งของชีวิต  เขาอาจจะมีดีในตอนปลายมือก็ได้  เพราะว่าตอนต้น ๆ พ่อเลวแม่เลว  แต่เขาอาจมีดีอยู่  เป็นเพราะช่วงของกรรมเขาเกิดมาในช่วงนั้น  กรรมที่เป็นอกุศลมันให้ผลไปก่อน  แต่ว่ากรรมที่เป็นกุศลคือความดีมันอาจจะมาทีหลัง

 

องคุลีมาล

                        “อย่างนั้น  พระองคุลีมาลที่ต้องเป็นโจรฆ่าคนเอานิ้วมือ  ก็คงเป็นกฎของกรรมใช่ไหมคะ......”

                        อันนี้ก็เป็นกฎของกรรม  คือถอยหลังจากชาตินี้ไปหนึ่งชาติ  ก่อนที่จะเกิดมาเป็นคน  ท่านเกิดเป็นควายป่า  เป็นควายแต่ว่ามีความสามารถมาก  มีความเก่งกล้ามาก  สัตว์ในป่าทุกประเภทไม่มีใครสู้ได้เลย  มีความว่องไว  เขาก็แหลมคม  มีกำลังดีมาก  ปะทะกันก็แพ้หมดทุกประเภท  สัตว์ในป่าทุกประเภทเห็นท่านเดินไปก็ยอมซูฮก

                        ทีนี้แกก็นึกในใจว่า  อ้ายสัตว์ที่อยู่ในป่าทั้งหมดเป็นลูกน้องของเราทั้งหมด  แต่อ้ายสัตว์ชาวบ้านเขาเลี้ยงมันจะเก่งแค่ไหน  เลยออกมาก็ไล่ขวิดวัวควายช้างม้าเตลิดเปิดเปิงหมด  ออกมาทีไรก็ทำแบบนั้นทุกคราว  ชาวบ้านเขาก็รำคาญ  เขาก็โกรธอ้ายควายป่าตัวนี้  ออกมาทีไรทำควายเราตายเสียบ้าง   ทำให้ทุพพลภาพไปบ้าง  บางทีก็เพลียไปบ้าง ใช้งานไม่ได้ตั้งหลายวัน เพราะวิ่งหนี

                        วันหนึ่งคนหมู่บ้านแถวนั้นก็มาคิดกันว่า  อ้ายควายตัวนี้ในไม่ช้ามันก็มาอีก  ถ้ามาทีนี้จะต้องฆ่าให้ตาย  คนทั้งหมดมันมีพันคนเศษ  ก็ทำคอกให้แน่นหนาไว้  แล้วก็ทำเป็นซองคล้าย ๆ โป๊ะ  รู้จักโป๊ะไหม

                        “ไม่รู้จักค่ะ”

                        เหมือนอย่งกับโป๊ะปลาทำปากกว้าง ๆ ซองแคบ  ข้างในเขาทำแน่นหนา  ถ้าวิ่งเข้ามา  พอถึงซองแคบตัวก็จะติด  เข้าถึงคอกไม่ได้  เขาก็เอาควายไปไว้ในนั้น

                        ทีนี้ควายป่าตัวนั้นก็ออกเบิ่งหน้าเบิ่งหลังซิ  ควายอื่นเห็นก็วิ่งหนีหมด  อ้ายควายคอกไม่หนี  หนีไปไหนล่ะ ใช่ไหม  แกก็โมโห   อ้ายนี่มันหยิ่งนี่ ไม่กลัว  กูต้องจัดการ  วิ่งไปวิ่งมา มองหาทางเข้า  อ้อ..ไอ้ทางปากช่องเข้าได้  พอถึงที่แคบ  ตัววิ่งมาแรง  กระแทกเข้าไปก็ติด ขยับตัวไม่ได้  เขาก็เสียบไม้  กันออก

                        ทีนี้ก็เอาซิ  เข่าเข้าไป  ศอกเข้าไป  แต่วาคนพันคน ไม่ได้ทุบทั้งพันคนนะ   พวกผู้หญิงพวกผู้ชายไม่ได้ลงมือตีทั้งหมด  แต่ว่าพร้อมใจตีให้ตาย  พอตีลงไปแล้ว  ก่อนจะสิ้นใจตายแกก็ลืมตาดู  ไอ้พวกนี้มันมาก  กูคนเดียว มึงรุมฆ่ากู  ถ้าชาติหน้ามีจริงก็ขอฆ่ามึงบ้าง  นี่เป็นเวรที่จองกันไว้

                        พอเกิดมาอีกชาติหนึ่ง  พ่อตั้งชื่อให้ว่า  อหิงสกกุมาร  แปลว่ากุมารผู้ไม่เบียดเบียน  พอเกิดมาแล้ว สติปัญญาดี  จริยามรรยาทก็ดี  ความจริงท่านเป็นคนดีมาก  พอโตขึ้นมาหน่อย  พ่อก็พามาเฝ้าประเจ้าปเสนทิโกศล

 

กรรมเก่าเข้ามาสนอง

                        ทีนี้เวลาไปเรียนศิลปวิทยา  เพราะความดีของท่าน  เขาเรียนกัน 4 ปี ท่านเรียน 2 ปี จบหลักสูตรทั้งหมด  ทั้งฝ่ายบู๊ ฝ่ายบุ๋น  ทั้งเพลงอาวุธด้วย  เมื่อลูกศิษย์คนอื่น ๆ สู้ไม่ได้ อาจารย์ก็ให้เป็นครูสอนแทน  ทีนี้ไอ้เพื่อนที่ไปด้วยกันมันอิจฉา  มาด้วยกันเสือกมาเป็นครู  ตอนนี้กรรมเก่าเข้ามาสนอง  ก็หาทางจะฆ่า  เลยไปยุอาจารย์  บอกว่าอหิงสกกุมารมันคิดจะตั้งตัวเป็นอาจารย์เสียเอง  มันจะฆ่าท่านอาจารย์

                        ไอ้ลมพายุมันพัดแล้วก็ไป  แต่ไอ้ลมปากคนมันพัดบ่อย ๆ ก็ชักไหวเหมือนกัน  ตอนหลังท่านอาจารย์ก็เชื่อ  ก็คิดในใจว่า  ถ้าเราจะฆ่าเสียเองมันจะเสียชื่อ  ทางที่ดีให้คนอื่นเขาฆ่าดีกว่า

                        วันหนึ่งจึงเรียกอหิงสกกุมารเข้าไปถามว่า  เวลานี้เจ้าเก่งมากทั้งวิชาฝ่ายบู๊ และฝ่ายบุ๋นทั้งหมด  แม้ในการรบก็เก่ง  แต่ทว่าวิชาของอาจารย์ยังมีอีกหน่อย เขาเรียกว่า วิษณุมนต์  ถ้าหากใครเรียนได้จะปราบได้ทั่วไตรภพ  มนุษย์ก็ปราบได้ เทวดาก็ปราบได้  พรหมก็ปราบได้  ทีนี้คนเป็นวัยรุ่นและก็เก่งอยู่แล้วก็อยากเก่งต่อไป  ก็อยากเรียน อาจารย์ก็เลยบอกว่า

                        คนอื่นเรียนไม่ได้แต่อย่างเธอนี่เรียนได้แน่  จะให้ได้คนเดียว  แต่ก่อนที่จะเรียนต้องยกครูเสียก่อน  แต่ว่าการยกครูนี่ไม่ใช้ของ  แต่ต้องฆ่าคนให้ได้หนึ่งพันคน  ถ้าฆ่าคนได้หนี่งพันคนละก็  เธอจึงจะเรียนได้  ท่านก็เลยตกลงยกครูโดยการไล่ฆ่าคน  ทีนี้คนที่แกจะฆ่าได้ง่าย ๆ ก็แค่ 2-3 คนแรกเท่านั้นแหละ  ตอนหลังเขารู้ข่าวว่าอีตาคนนี้ไล่ฆ่าคน  ใครเขาฟังข่าวก็ไม่อยากจะเห็นแก  เห็นเข้าเขาจำรูปร่างได้เขาก็หนี  กว่าจะไล่ฆ่าได้ก็แย่

                        ทีนี้ฆ่าไปฆ่าไป   ลืมนับจำนวน  หนัก ๆ เข้าก็ลืม  ไม่รู้เท่าไร  ทีหลังก็เริ่มต้นใหม่  ฆ่าได้หนึ่งคนตัดเอานิ้วไว้หนึ่งนิ้ว  ตอนนี้จึงมีนามว่า องคุลีมาลโจร  แปลว่า โจรผู้ฆ่าคนเอานิ้วมือ  ฆ่าไปจนได้ 999 นิ้ว  นี่ถ้านับจริง ๆ มันเกิน 1,000  แล้วนะ  ใช่ไหม อีตอนที่ไม่ได้เอานิ้วไว้ไม่รู้เท่าไร   แต่ว่าคู่ปรับยังมีอีกคนเดียว ถ้าได้อีกนิ้วเดียวก็ครบคู่ปรับพอดี  และคู่ปรับที่จะต้องฆ่าก็คือแม่  แต่ความจริงท่านไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าแม่  แต่ว่ามันเหลืออีกนิ้วเดียว  แต่ละนิ้วก็หาได้ยาก    วันพรุ่งนี้จะเข้าไปกรุงพาราณสี  จะเป็นใครก็ตามที  ถ้าเห็นต้องฆ่า

                        ทีนี้คืนนั้น   แม่ได้ยินข่าวว่าลูกชายจะมาอยู่ใกล้  ก็ตั้งใจว่าพรุ่งนี้เช้าจะไปเยี่ยมลูก  จะไปห้าม  ถ้าแม่ไปก็ถูกฆ่า เพราะว่าเป็นคู่ปรับเดิม  สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรวจอุปนิสัยของสัตว์ตอนเช้ามืด  ทรงทราบว่า ถ้าอหิงสกกุมารฆ่าแม่  จัดเป็นอนันตริยกรรม  มรรคผลจะไม่ได้เลย  ท่านทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ  ต้องการให้คนที่จะดีก็ขอให้ดีต่อไป ไม่ให้ความชั่วเข้ามาทับถม  ท่านจึงเสด็จไปก่อน  ไปก่อนแม่

                        อหิงสกกุมารเห็นพระพุทธเจ้านึกว่าหวานแล้ว  อีตานี่เดินนวยนาด สวย หล่อ ลีลาดีหม่ำสบายละ  แกก็วิ่งกวดเลย  พระพุทธเจ้าทรงเดินเฉย ๆ  ท่านทำให้แผ่นดินสูง ๆ ต่ำ ๆ สูง ๆ แกก็วิ่งไม่ถนัด  แกเห็นแกก็กวดไม่ทัน  แกก็ร้องบอก  เอ้า...สมณะหยุดก่อน  พระพุทธเจ้าบอกตถาคตหยุดแล้ว  แล้วท่านก็เดินต่อไป  แกก็วิ่งไม่ทัน  พอเหนื่อยเข้าก็ร้องบอก  ไง...สมณะทำไมพูดมุสาวาท  ท่านบอกว่าท่านหยุดแต่ท่านยังเดินอยู่

                        พระพุทธเจ้าก็ทรงหยุดหันมาบอกอหิงสกกุมาร  ตถาคตหยุดจากบาปกรรมธรรมอันลามกมานานแล้วนะ  เธอน่ะยังไม่หยุดอีกรึ  เพราะกรรมที่เป็นกุศลเดิมให้ผลก็รู้สึกตัวทันที  วางดาบ  วางพวงนิ้วมือแล้วก็นุ่งผ้าให้เรียบร้อย  ทำผมให้เรียบ  วิ่งเข้าไปกราบพระพุทธเจ้า  ท่านก็ทรงให้โอวาทนิดหนึ่ง  ท่านก็ขอบวช  ท่านก็ให้บวช  บวชแล้วก็ได้เป็นอรหันต์

                        นี่เรื่องนี้บางคนสงสัยว่า  ทำไมองคุลีมาลฆ่าคนเหยง ๆ แต่ไปเป็นพระอรหันต์  ก็ท่านทำบุญไว้ดีน่ะซิ  แต่ไอ้บุญประเภทนี้เราก็ไม่อยากทำนะ

 

(จาก หนังสือธรรมสัญจร เล่มที่ 4)


http://kaskaew.com/index.asp?contentID=10000004&title=%BA%D8%BE%A1%C3%C3%C1%A2%CD%A7%CD%A7%A4%D8%C5%D5%C1%D2%C5&getarticle=34&keyword=&catid=3

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)