ผู้เขียน หัวข้อ: คน ๔ เหล่า โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี  (อ่าน 2317 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ แปดคิว

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • *
  • กระทู้: 797
  • พลังกัลยาณมิตร 389
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.blogger.com/home


คนเราเกิดมาในโลกนี้ ต้องตกอยู่ในจำพวก ๔ เหล่านี้ทั้งนั้นคือ


ตโม ตมปรายโน คนมืดมาแต่เบื้องต้นแล้วก็มืดต่อไปอีก จำพวกนี้ใช้ไม่ได้


ตโม โชติปรายโน มืดแล้วสว่างไป ก็ยังดีหน่อย


โชติ ตมปรายโน สว่างเบื้องต้นแล้วมืดเบื้องปลายพวกนี้ใช้ไม่ได้เหมือนกัน


โชติ โชติปรายโน สว่างมาแล้วก็สว่างไป นั้นดีมาก บางคนเกิดมาไม่รู้เดียงสาอะไรเลย เหมือนกับมดกับปลวก มืดตื้อไปหมด พูดอะไรก็ไม่รู้เรื่องรู้ราว เรื่องศีลเรื่องธรรมแล้วไม่ต้องกล่าว เข้าใจว่าตัวเองโง่เง่าเต่าตุ่นไม่มีสติปัญญา แล้วก็เลยไม่ทำความดีต่อไป เห็นว่าหมดวิสัยของตัวแล้ว ซ้ำเติมให้โง่ให้ทึบให้ตื้อเข้าไปอีกเรียกว่ามืดมาแต่ต้น แล้วก็มืดต่อไปอีก

ขอให้คิดดู คนเราเกิดขึ้นมาถ้าไม่มีการศึกษาเล่าเรียนจะเอาความรู้มาแต่ไหน เรียนอย่างน้อยที่สุดก็ได้ความรู้ ถ้าถือว่าตนโง่แล้วก็ไม่ศึกษาเล่าเรียนและไม่ปฏิบัติ มันก็ยิ่งโง่ขึ้นไปกว่าเก่า คนที่เข้าใจผิดเช่นว่านั้น ทำผิดพลาดจากการที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์เลยทีเดียว แทนที่จะคิดว่าความมืด ความโง่ของเรานั้น เราจะต้องแสวงหาเครื่องสว่างเป็นเครื่องส่องทางของเรา ถึงไม่ได้มากสักนิดเดียวก็เอา จึงจะเป็นการดี คนนั้นเรียกว่าค่อยสว่างขึ้นหน่อย อย่าไปถือว่านิสัยบุญวาสนาเราไม่ให้หรือไม่ส่งเสริม ไม่สามารถที่จะเจริญภาวนาทำสมาธิได้ เลยทอดอาลัยเพียงแค่นั้น บุญวาสนานิสัยของเรารู้แล้วหรือ เราเห็นแล้วหรือ ภพก่อนชาติก่อนเราทำอะไรไว้มันจึงโง่เง่าเต่าตุ่น ทำอะไรก็ไม่เป็นเราไม่เห็นไม่รู้เรื่องเหล่านี้หรอก แต่โดยเหตุที่เราไม่มีปัญญาก็เลยถือเอาเฉย ๆ นี่แหละว่าบุญวาสนาแต่ก่อนเราไม่มี

เราต้องขวนขวาย ต้องแสวงหา ต้องอบรมเอาเองซี ทำแล้วมันต้องได้ ถ้าไม่ทำมันจะได้อะไร ให้เข้าใจอย่างนั้น ให้ปฏิบัติอย่างนั้น มันจึงจะเจริญต่อไป

พวกที่มืดมาแล้วสว่างไป นั้นดี บุคคลผู้แสวงหาประโยชน์ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องแสวงหาทางพ้นทุกข์แสวงหาความดี ไม่มีใครเป็นนักปราชญ์มาตั้งแต่เกิดมันต้องอาศัยการศึกษาเล่าเรียน การฝึกฝนอบรมเป็นสิบ ๆ ปี กว่าจะเป็นศาสตราจารย์ อาจารย์เขาได้ นั่นเรียกว่ามืดมาแต่ต้นค่อยสว่างตอนปลาย ถ้าเป็นได้อย่างนั้น บุญวาสนาบารมี มันต้องเป็นพื้นฐานของบุคคลสำหรับให้คนบำเพ็ญต่อไป

พวกสว่างเบื้องต้นแล้วมืดบั้นปลาย อันนี้ไม่ดีเลยเกิดขึ้นมาเป็นผู้ฉลาดเฉียบแหลม เกิดในตระกูลผู้ดีมั่งคั่งบริบูรณ์สมบูรณ์ทุกประการมีเกียรติยศชื่อเสียง แต่กลับทำตัวเป็นคนเลว ทำชั่วร้ายยิ่งกว่าเก่า สามารถที่จะทำอะไรได้ทุกอย่าง เพราะมีเงินมีทอง มีชื่อเสียง มีอำนาจวาสนา ทำดีก็ได้ แต่ไม่ทำ กลับมาทำชั่วเมื่อทำไปแล้วยากที่จะกลับคืนมาหาความดีได้ คือมันเลวทรามมาแล้วนิสัยชั่วช้าติดสันดานของตนเข้าไปแล้ว จะกลับคืนมาเป็นคนดีก็อับอายขายขี้หน้าเขา นั่นทำให้สังคมเสื่อม ทำให้สังคมเดือดร้อน ทำให้คนอื่นวุ่นวาย เพราะเหตุเราคนเดียวเท่านั้น เรียกว่า สว่างมาแล้วกลับไปมืดอีก ร้ายกาจว่าพวกอื่น ๆ ทุกพวก เรียกว่ารู้แล้วแกล้งทำไม่รู้

ส่วนพวกสว่างมาแล้วก็สว่างต่อไป นั้นดีมาก เราเกิดมาในตระกูลที่มั่งคั่งสมบูรณ์ มีเกียรติยศชื่อเสียง เงินทองมากมาย มาคิดถึงตัวเราว่าอุดมสมบูรณ์เพราะบุญวาสนาบารมีแต่เก่า อันนั้นเห็นได้ชัด คนที่มีเมตตาปรานีเอ็นดูสงเคราะห์คนอื่น ตัวเองก็อยู่ในศีลในธรรม แล้วก็แนะนำคนอื่นให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรม ให้ประพฤติดีประพฤติชอบ ประกอบแต่การกุศล เจริญรุ่งเรืองด้วยตนเองแล้วสอนให้คนอื่นเจริญรุ่งเรืองไปด้วย ตัวของเราก็ยิ่งได้รับความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกกว่าปกติธรรมดา เขาได้รับคุณงามความดี เขาก็นิยมยกย่องสรรเสริญผู้ที่สอนเขา

ธรรมที่ควรปฏิบัติสำหรับคน ๔ จำพวกนี้ก็คือ

พวกแรก ตโม ตมปรายโน เราเป็นคนทุกข์ คนจนไม่มีสติปัญญา เลยไม่คิดจะทำสมาธิภาวนา คุณงามความดีอะไรทั้งหมด เลยหมดหนทางที่จะทำคุณงามความดีต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทางที่ถูกคือ ควรจะหัดสมาธิภาวนาทำสมาธิ แล้วไม่มีทางอื่นใด ทีจะช่วยแก้ได้ ขอให้มีความอดทนพยายามอย่างเต็มที่ก็จะสำเร็จตามความประสงค์

พวก ตโม โชติปรายโน คนเราเกิดมาทุกคนต้องมืดมนด้วยกันทั้งนั้น ไม่ใช่สว่างมาแต่เบื้องต้น ใครเกิดมาจะรู้จักดี ชั่ว ฉลาดเฉลียวมาแต่เบื้องต้น ไม่มีหรอก ถึงชาติก่อนจะเรียนรู้มาแล้วก็ตาม กลับมาเกิดใหม่ก็ต้องมาเรียนใหม่ แต่นิสัยเป็นเหตุให้เรียนได้ดีกว่าคนไม่มีนิสัย... แต่คนมืดนั้นพยายามตั้งใจพยายามทำดี ความพยายามทำให้ได้รับผลสำเร็จ ศาสนานี้สอนให้ทำไม่ใช่ให้อยู่เฉย ๆ พระพุทธเจ้าสอนให้ทำทั้งนั้น ต้องพยายามทำจริง จัง จึงจะดีต่อไป จะไปอ้างกาลเวลา อ้างธุรกิจการงานต่าง ๆ นั้นไม่ได้ นั่นมันเป็นเพียงเครื่องประกอบอาชีพของเราเท่านั้น มันไม่ใช่ของเรา ของเราแท้ก็คือ การกระทำคุณงามความดี หัดสมาธิภาวนาตั้งสติกำหนดจิต นี่แหละเป็นของเราแท้ ๆ ทีเดียว คนอื่นมาแย่งเราไม่ได้ การหาเงินหาทองข้าวของสมบัติต่าง ๆ มันเป็นของภายนอก ไม่ใช่ของเรา เราใช้เมื่อยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วไม่เห็นเอาไปได้สักคนเดียว ให้คิดเสียอย่างนั้น ให้ทำสมาธิภาวนาทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน

โชติ ตมปรายโน สว่างแล้วกลับมืด เรื่องพรรค์นี้มีมากทีเดียว เมื่อหัดสมาธิภาวนาก็เกิดความรู้ความฉลาดพูดจาพาทีคล่องแคล่ว เพราะเป็นของเกิดขึ้นมาในใจของตนเอง ต่อมาเกิดความประมาทในกิจวัตรและข้อวัตรต่าง ๆ ในการทำสมาธิ สมาธิภาวนาเลยเสื่อม เสื่อมแล้วคราวนี้ทำไม่ถูก ทำอย่างไร ๆ ก็ทำไม่ได้ เลยเบื่อหน่ายขี้เกียจ ในวัตรเสีย เลยไปหากินตามปกติธรรมดา เลยกลับเสื่อมเสียแทนที่จะเจริญต่อไป อันนี้แหละน่าเสียดายด้วย น่าสงสารด้วย ของดี ๆ ทำมาแล้วกลับทิ้งทอดธุระเสีย มิหนำซ้ำบางคนยังพูดหยาบหยามดูถูกอีกว่า ศาสนานี้ทำเท่าไหร่ก็ทำเถิด ข้าพเจ้าทำมากแล้ว ถึงขนาดนั้นยังไม่เป็นไป ยังเสื่อมเสียได้จึงเป็นที่น่าเสียดายมากที่มาเหยียดหยามดูถูกการบวชการเรียน การเข้าวัดฟังธรรม และศาสนา

สรุปรวมใจความแล้วว่า ศาสนานี้สอนให้กระทำ ได้น้อยได้มากก็ทำ ถึงจะได้น้อยก็ยินดีพอใจกับการกระทำของตน เรามีมือน้อยก็รับเอาแต่น้อย ๆ รับเอามากเกินไปก็ไม่ได้ ความยินดีตามมีตามได้ อะไรทั้งหมดก็เหมือนกัน ไม่ว่าธรรม ไม่ว่าของภายนอก มีน้อยแล้วไม่พอใจมักจะเสียหาย



จากหนังสือ ธรรมลีลา ปีที่ 6 ฉบับ 66 พฤษภาคม 2549
โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย

*8q*

ก่อนเกิดใครเป็นเรา
เมื่อเกิดแล้วเราเป็นใคร

สิ่งที่ทำอยู่คือกรรมใหม่
ผลที่ได้รับคือกรรมเก่า

ฟังในสิ่งที่ไม่ได้ยิน
มองในสิ่งที่ไม่เห็น
ทำในสื่งที่ไม่มี   

ออฟไลน์ (〃ˆ ∇ ˆ〃)

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นไม้เล็กพริ้วไหวดั่งสายลม
  • *
  • กระทู้: 328
  • พลังกัลยาณมิตร 199
    • ดูรายละเอียด
Re: คน ๔ เหล่า โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2010, 08:13:49 pm »
อนุโมทนาสาธุคะลุงแทน  :13:

ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
Re: คน ๔ เหล่า โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2010, 09:53:16 pm »
 :45: สาธุครับหลวงปู่ อนุโมทนาครับพี่แทน
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~

ออฟไลน์ mmm

  • ต้นไม้เล็กพริ้วไหวดั่งสายลม
  • ***
  • กระทู้: 206
  • พลังกัลยาณมิตร 109
  • <( O-O )>
    • ดูรายละเอียด
Re: คน ๔ เหล่า โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2010, 12:10:35 am »
 :45: :45: :45: :45: :45:
 :46: :46: :46: :46: :46:
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง
ผู้ก่อกรรมดี   ย่อมได้รับกรรมดี
ผู้ก่อกรรมชั่ว ย่อมใด้รับกรรมชั่ว
"ใช้ใจดู จะรู้จิต  ใช้จิตดู จะรู้ใจ"