ปัญญาปรมัตถ์...ปัญญา
ในแก่นของศาสนาพุทธคือปัญญา
ในการละความไม่รู้ไม่เข้าใจ
และละ
ความยึดถือในรูปนามทั้งหลายทั้งปวงได้หมดสิ้น
(ความหมายของรูปนามท่านหมายถึง
ทุกๆสิ่งที่จิตสามารถ
สัมผัสได้
ทั้งวัตถุ สสารต่างๆ ความรู้สึก ความจำ ความคิด ความเป็นตัวเรา)
ปัญญาสูงสุดในทางพระพุทธศาสนาท่านจึงเรียกว่า
ปรมัตถ์ปัญญา มิใช่เป็นปัญญาที่เกิดจากการคิดไตร่ตรอง
แต่เป็นการเกิดขึ้นด้วยกำลังของสมาธิจิตที่สมบูรณ์พร้อมแล้ว
เบื่อหน่ายเต็มที่ในรูปนามทั้งหลายแล้ว เห็นแล้วว่าอุปาทานในรูป-นามทั้งหลายทั้งปวงไม่มีตัวตนที่แท้จริงแต่อย่างใด
กำลังของสายสัมพันธ์ความ
ยึดมั่น ในรูปนามหมดลงเพราะ
เบื่อหน่ายเต็มที่
หมดกำลังที่จะยึดมั่นถือมั่นอีกต่อไป
อุปมาเหมือนกับคนที่ทำงานมาเหนื่อยเต็มที่ พอถึงบ้านหมดแรง
อยากนอนอย่างเดียวแม้เสื้อผ้าก็ไม่ยอมถอด ทิ้งตัวลงนอนเลย
ไม่สนใจร่างกายใดๆทั้งสิ้นแล้ว
ขอนอนอย่างเดียว
เพราะความเหนื่อยเพลียเต็มที่นั่นเอง
ดังนั้นปัญญาที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้นักธรรมต้องพิจารณาในรูปนาม
ให้เห็นว่าเป็น ของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่น่ายึดถือไม่มีตัวตนที่แท้จริง
เมื่อพิจารณาบ่อยๆมากๆจนจิตเหนื่อยเบื่อในงานเต็มที่แล้ว
จิตจะปล่อยวางได้เอง
โดยที่ไม่ต้องอยากให้มันปล่อยวางแต่อย่างใด
... นักธรรมท่านใดที่เอาแต่ความสงบของสมาธิจิต เอาแต่อารมณ์สุข
ของสมาธิย่อมหาความเหนื่อย ความเบื่อและความปล่อยวาง
แบบปรมัตถ์ต่อ
รูปนามไม่ได้ อุปมาเหมือนกับพนักงานมาทำงานแต่ไม่ยอมทำงานจริง
มานั่งมองโน่นมองนี่สุขสบาย
ไปวันๆ ใครๆถามก็บอกกล่าวว่าตนเองเบื่อแล้ว
เหนื่อยแล้ว
แต่ในความเป็นจริงความเหนื่อยความเบื่อในงาน(รูปนาม)
ยังไม่ได้เกิดกับจิตตนเองเลย
เพราะตนเองยังไม่ได้ทำงานจะเอาความเหนื่อยความเบื่อมาจากไหน
ท่านจึงสอนให้นักธรรม
พิจารณาความเป็น
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาของรูปและนามให้มาก เหนื่อย-พัก,เหนื่อย-พัก
(สมาธิ-พิจารณา,สมาธิ-พิจารณา)ทำอยู่แบบนี้เมื่อ
จิตปุถุชนเบื่อเต็มที่
หมดกำลังที่จะยึดในรูปนามแล้วมันจะทิ้งในรูปนามเอง เห็นเองว่า
รูปนาม
ที่แท้จริงโดยปรมัตถ์มันเป็นอย่างไร อนัตตาของจริงมันเป็นอย่างไร.
รวมหลายเรื่องจากเว็บไซต์ อกาลิโกนิทานเซน คุณแสงดาว แปลมา น่าอ่าน ดีhttp://www.whatami2.ob.tc/zen/zen23.htmlPics by :
Googleอกาลิโกโฮม *
ใต้ร่มธรรมดอทเน็ตสุขใจดอทคอมอนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ