ผู้เขียน หัวข้อ: "ยักคิ้วกระพริบตา" ฮานะ เอามาฝากจาก อกาลิโกดอทคอม ขะ  (อ่าน 25476 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

ลองเอาจิต"เข้าไปริเข้าไปเริ่ม"ดูสิ
แล้วจะรู้ว่า"นรก"มีจริง
ลอง"เข้าไปแตะ เข้าไปรื้อ"ตถตาดูสิ แล้วจะรู้ว่า"นรก"มีจริง

......."อย่าเข้า"ไปแตะ ไปริ ไปเริ่ม ไปรักษา ไประวัง ไปสำรวม ไปตั้งใจไปเจตนา ไปจงใจ ไปปรับปรุง ไปเปลี่ยนแปลง ไปแยกแยะ ไปจำแนก ไปลูบคลำไปมีเหตุ ไปมีผล และอีกหลาย"อย่า" ถ้าหากยังไม่เข้าใจหลักของเซนที่ว่า
"ปฏิบัติธรรมโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย"
*ผมพึ่งลงมาจาก"ดาวดึงส์"อยู่ข้างบนนานมากกินธาตุทิพย์มานานตั้ง 32 ล้านปีได้ฟัง"สักกะปัญหสูตร"จากพระพุทธองค์พร้อมกับเทวดาเพื่อนๆปิดอบายภูมิได้ตั้งแต่ครั้งนั้นแล้วจ๊ะ นางมารร้าย
ก็บอกแล้ว....."ปัจจัตตัง".

(สุชัมบดี)

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

อนุโมทนาด้วยนะค่ะ
สักกะปัญญสูตร ดีมากๆเลยนะค่ะสำหรับ เพียงเพื่อปิดอบายภูมิเนอะ เนอะ

ก็ขออนุโมทนานะค่ะที่ปิดอบายภูมิให้ตนเองได้มีตนก็ปิดให้ตน ตนเปิด ตนปิด ก็ถูกแล้วค่ะ
เพราะยังเชื่อว่าตนเป็นตนตนเป็นของตนตนปิดอบายภูมิได้หรืออบายภูมิ ต่างหากที่ปิดให้ตนล่ะค่ะ
ถ้าปิดให้ตนเองได้ ก็น่าจะปิดให้หมดทุกโซนปิดเผื่อคนอื่นๆ ด้วยนะค่ะ

อยู่ดาวดึงส์มาตั้งนาน แสนนานเพิ่งลงมาเฟรชชี่จังเลยนะค่ะยินดีต้อนรับน้องใหม่นะค่ะ

ตถตา ยังคงเป็นเพียงธรรมชาติ ที่เป็นไปเช่นนั้นเอง เป็นธรรมดาๆของธรรมชาติ คนที่เห็นแค่ธรรมชาติ มักจะเข้าใจแค่ ตถตา แต่ น่าเสียดายจังถ้า ตถตา เข้าไม่ถึงใจ

ตถตา ของนรก สวรรค์ยังคงเป็นเพียงธรรมชาติ
ธรรมชาติทั้งหลาย ล้วนมีจริงจึงมีธรรมชาติของนรกสวรรค์

แต่เมื่อตถตา เข้าไม่ถึงใจ

เสียง อย่าจึงกระหึ่มไปทั่วทั้งโลกธาตุ
จึงมีข้อห้ามออกมาแล้วบอกสำทับออกมาอีกว่าไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ต้องทำอะไรเลยอย่านะ อย่านะไม่ต้องทำอะไรเลย

ปัจจตังจริงๆเจ้าค่ะอิๆ
เซนแบบใหนค่ะ
โจ๋น้องมารงง เจ้าค่ะ

(น้องมารน้อย)

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด


(นางมารร้าย): เป็นเซนแบบใหนค่ะคุณสุชัมบดี ?
(สุชัมบดี): เอ่อ.....ผมเป็นเซน....แบบ..เซนแล้ว....ติดไว้ก่อน...

(นางมารร้าย): ที่ขอติดไว้ก่อน...เมื่อไหร่จะจ่ายค่ะ?
(สุชัมบดี): เอ่อ....คือว่า....ผมไม่มี ไม่หนี และไม่จ่าย....

(นางมารร้าย):ใหนคุณสุชัมบดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง แล้วไปบัญญัตินรกสวรรค์ ทำไม? ทุกสิ่งทุกอย่างนิพพานในตัวมันเองอยู่แล้วนะคะ
(สุชัมบดี): เอ่อ....ใช่ครับ....มันไม่เที่ยง....เพราะตอนนี้..."บ่ายโมงแล้ว"....(ฮา.......นา.........ก้า.....)

.....หวัดดีเจ๊......ไปล่ะนะ.

(สุชัมบดี)

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

อ้อ
เซน แบบแปะโป้งไว้ก่อน นี่เอง
นิ้วโป้งมักจะดำเพราะ เข้าโรงจำนำบ่อยๆ สิขอรับ
เกี่ยวกันใหมขอรับ

(ขาจรจัด)

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

เอาเรื่องที่ท่านทั้งหลายสนทนากันไปเล่าให้หลวงพ่อข้างบ้านฟังแล้วพอถึงตอนที่น้องมารน้อยบอกว่า

ธรรมชาติแห่งสมมุติ ทั้งหลายก่อเกิดมาด้วย ความสมบูรณ์พร้อม บริสุทธิ์และยุติธรรมเสมอสำหรับทุกคน ไม่มีธรรมชาติใดที่ด้อยไม่มีธรรมชาติใดที่เลิศ เป็นความสมบูรณ์บริบูรณ์ที่สุดหมดจดทุกอณูอยู่แล้ว ไม่มีทั้งสวยงาม ไม่มีทั้งทรุดโทรม

จงละ ทิ้งความคิดและความรู้สึกสมมุติเก่าๆที่ครอบงำออกไปเสียเถอะนี่คือปรมัตถ์ล้วนๆ
จงเอาใส่เข้าไปแทนที่ความคิดปรุงแต่งเดิมๆที่ทำให้จมอยู่กับห้วงทุกข์มานานแสนนาน

ถ้าเห็นและเข้าใจธรรมชาติแห่งสมมุตินี้ ตามปรมัตถ์นี้ได้จริงจะเพิกถอนอย่างถึงโคน จนแทบจะไม่เหลืออะไรเลยอย่างรวดเร็ว

ทั้งธรรมชาติแห่งสมมุติ ทั้งหลายทั้งปวง ธรรมชาติของกาย ธรรมชาติของจิต ล้วนบริสุทธิ์หมดจดทั้งหมด ไร้ตำหนิโดยสิ้นเชิง

แต่เพราะความสำคัญมั่นหมายปรุงแต่งต่างหาก ที่ทำให้ธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์สมบูรณ์พร้อมต้องเสียรูปไป
ธรรมชาติใดๆก็ดีในสมมุติทั้งหลายบริสุทธิ์หมดจด ไม่ต่างกับธรรมชาติแห่งพุทธะเลย

โลกธาตูทั้งหลายทั้งปวง พุทธเกษตรทั่วทุกโลกธาตุ ต่างบริสุทธ์ผุดผ่อง ไม่ต่างกันเลยแม้แต่โลกธาตุเดียว
ความบริสุทธิ์ผุดผ่องหมดจดนี้เป็นเช่นเดียวกันกับพุทธะไม่แตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย
พุทธะจึงไม่มีรอยด่างพร้อยของสมมุติใดๆ แม้แต่นิดเดียว บริสุทธ์เช่นเดียวกันจนไม่อาจแยกความแตกต่างใด้เลยแม้แต่น้อย

**นี่ไม่ได้บรรยายถึงพุทธะแต่บรรยายถึงธรรมชาติแห่งสมมุติทั่วๆไป อย่างปรมัตถ์
จากการเห็นธรรมชาติที่แท้จริงของทุกสิ่งทั้งปวง ในสมมุติไม่ต่างกับพุทธะ เท่านั้นเอง

เมื่อเพิกถอนทุกสิ่งได้ ก็จะเห้น และสัมผัสได้เอง ว่า โลกธาตุและธรรมชาติแห่งสมมุตินั้นงดงามและบริสุทธิ์ไม่ต่างกันกับธรรมชาติแห่งพุทธะตามที่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายได้เคยบรรยายธรรมชาติแห่งพุทธะให้ฟัง ***
บทความแห่งเซน เป็นบทแห่งการเพิกถอน ชนิดถอนรากถอนโคนไม่ได้เป้นเพื่อการแสวงหา หรือสะสมใดๆหรือต้องตั้งวิธีปฎิบัติใดๆ

หลวงพ่อท่านชอบอกชอบใจใหญ่มันต้องอย่างนี้อย่างนี้แหละโยมผู้รู้จริงนั่นมีอยู่โยมผมได้แต่นั่งยิ้มพอถึงอีกตอนหนึ่งที่ว่า

โลกธาตุนี้ บริสุทธิ์ ยุติธรรม พิสุทธิ์ วิมุติ ตั้งแต่ใหนแต่ไรมา
ไม่มีสิ่งใดต้องแก้ใข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง บังคับ หรือตกแต่งอลังการโลกธาตุเลย
แล้วจะมีอะไรต้องทำในโลกธาตุนี้อีกหรือ

หลวงพ่อบอกว่าใช่เลยใช่เลย โยมมันไม่มีอะไรต้องทำจะไปทำอะไรให้มันมีขึ้นมาอีกเล่า ก็มันว่างของมันอยู่แล้ว
ผมอดไม่ได้จึงถามหลวงพ่อว่าไม่ต้องทำอะไรมันว่างอยู่แล้ว มันเป็นยังไงหรือครับหลวงพ่อ ?

หลวงพ่อตอบว่ามันพูดยากบอกยากมันเป็นปัจจัตตังนะโยม
เรารึนึกว่าหลวงพ่อจะอธิบายให้รู้เรื่องกลับงงหนักเข้าไปอีกเผอิญลมพัดผ่านมาวูบใหญ่

หลวงพ่อบอกว่าโยม โยม เย็นไหม ?
ครับเย็นดีครับหลวงพ่อ
หลวงพ่อบอกว่าไหนโยมลองคว้าลมเอาไว้ให้หลวงพ่อดูหน่อย่ ซิ
จะคว้าลมไว้ได้ยังไงหลวงพ่อ ? ลมมันพัดมาแล้วมัก็ผ่านไป

หลวงพ่อบอกว่า ก็ใช่นะซิ ถึงคว้าไว้ก็ไม่ได้ ถึงไม่คว้ามันก็ผ่านไปมันจึงว่างอยู่อย่างเดิมอย่างที่ท่านทั้งหลายสนทนากันนั่นแหละ จะไปคว้าหรือไม่คว้า มันก็ไม่ได้อะไร มันว่างอยู่แล้ว มันไม่ต้องไปทำอะไรเลยโยมสมมุติ หรือความคิดปรุงแต่งทั้งหลาย มันก็เหมือนกับสายลมที่พัดผ่านมาและผ่านไปนั่นแหละ ยึดไว้ก็ไม่ได้ ไม่ยึดมันก็ผ่านพ้นไปมีแต่ว่างกับว่างอยู่อย่างเดิมนั่นแหละ โยม โยมเห็นหรือยัง ?

จริงครับหลวงพ่อ ผมพอจะเห็นอย่างหลวงพ่อว่าบ้างแล้วครับแต่ผมยังสงสัยอยู่ว่า เมื่อไม่ต้องทำอะไร เพราะมันว่างอยู่แล้วทำไมหลวงพ่อยังต้องพาโยมสวดมนต์นั่งสมาธิอยู่ทุกเช้าเย็นเล่าครับ ?
หลวงพ่อตอบว่า นั่นเป็นอุบาย เป็นการใช้สมมุติเป็นเครื่องมือเพราะโยมเขายังไม่เห็น ยังไม่เข้าใจนะโยมมันต้องค่อยเป็นค่อยไปอย่านั้นแหละ ปํญญามันไม่เท่ากันนิ่โยมนะ

(เม็ดทราย)

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

สวัสดีค่ะ พี่เม็ดทราย
...
หลวงพ่อบอกว่า ใช่เลย ใช่เลย โยม มันไม่มีอะไรต้องทำ จะไปทำอะไรให้มันมีขึ้นมาอีกเล่า ก็มันว่างของมันอยู่แล้ว
ผมอดไม่ได้จึงถามหลวงพ่อว่า ไม่ต้องทำอะไร มันว่างอยู่แล้ว มันเป็นยังไงหรือครับหลวงพ่อ ?

หลวงพ่อตอบว่า มันพูดยากบอกยาก มันเป็นปัจจัตตังนะโยม
เรารึ นึกว่าหลวงพ่อจะอธิบายให้รู้เรื่อง กลับงงหนักเข้าไปอีก เผอิญลมพัดผ่านมาวูบใหญ่

หลวงพ่อบอกว่าโยม โยม เย็นไหม ?
ครับ เย็นดีครับหลวงพ่อ
หลวงพ่อบอกว่า ไหนโยมลองคว้าลมเอาไว้ให้หลวงพ่อดูหน่อย่ ซิ
จะคว้าลมไว้ได้ยังไงหลวงพ่อ ? ลมมันพัดมาแล้วมัก็ผ่านไป
หลวงพ่อบอกว่า ก็ใช่นะซิ ถึงคว้าไว้ก็ไม่ได้ ถึงไม่คว้ามันก็ผ่านไปมันจึงว่างอยู่อย่างเดิมอย่างที่ท่านทั้งหลายสนทนากันนั่นแหละ จะไปคว้าหรือไม่คว้า มันก็ไม่ได้อะไร มันว่างอยู่แล้ว มันไม่ต้องไปทำอะไรเลยโยมสมมุติ หรือความคิดปรุงแต่งทั้งหลาย มันก็เหมือนกับสายลมที่พัดผ่านมาและผ่านไปนั่นแหละ ยึดไว้ก็ไม่ได้ ไม่ยึดมันก็ผ่านพ้นไปมีแต่ว่างกับว่างอยู่อย่างเดิมนั่นแหละ โยม โยมเห็นหรือยัง ?

จริงครับหลวงพ่อ ผมพอจะเห็นอย่างหลวงพ่อว่าบ้างแล้วครับแต่ผมยังสงสัยอยู่ว่า เมื่อไม่ต้องทำอะไร เพราะมันว่างอยู่แล้วทำไมหลวงพ่อยังต้องพาโยมสวดมนต์นั่งสมาธิอยู่ทุกเช้าเย็นเล่าครับ ?
หลวงพ่อตอบว่า นั่นเป็นอุบาย เป็นการใช้สมมุติเป็นเครื่องมือเพราะโยมเขายังไม่เห็น ยังไม่เข้าใจนะโยมมันต้องค่อยเป็นค่อยไปอย่านั้นแหละ ปํญญามันไม่เท่ากันนิ่โยมนะ

...

แหมชักนึกอยากไปกราบนมัสการหลวงพ่อของพี่เม็ดทรายเสียแล้วไม่ทราบว่ามีนามว่ากระไร
จำพรรษาอยู่แห่งหนตำบลใดวัดใดหรือค่ะ

ถ้าไม่ขัดข้องโปรดแสดงตน ด้วยนะค่ะหนูจะได้ไปกราบนมัสการ สนทนารับ ธรรมจากหลวงพ่อ
หนูจะเอา บอร์ดี้การ์ด ไปด้วย
ตอนนี้หลวงพ่อจริง หรือหลวงพ่อเท็จอย่างไรหนูก็ไม่อาจทราบได้ค่ะ

ป๊ะเตือนหนูเสมอๆบอกว่าระวังเน้ออีหนู เล่นเนตน่ะ
พวกหลอกลวงต้มตุ๋นเยอะมีข่าวบ่อยๆระวังนะ ๆ
น่ากลัวจังนะพี่เม็ดทราย

เมื่อหลวงพ่อข้างบ้านไม่อธิบาย
หนูจะอธิบายให้พี่เม็ดทรายทราบแทนหลวงพ่อขออนุญาตนะค๊ะ นะค๊ะ
พี่จะได้เอาที่หนูสนทนากับพี่ ไปเรียนหลวงพ่อด้วยนะค่ะ ว่าหนูอธิบายว่าอย่างนี้นะคะ

ตรงเผงเลยค่ะ
จริงๆด้วยเมื่อยังไม่เข้าใจก็เลยเห้นความแตกต่างของปัญญาว่า มีมากมีน้อยไม่เท่ากัน
ปัญญาอย่างตรัสรู้ และปัญญาอย่างสามัญสัตว์จึงแตกต่างกัน สูงต่ำไม่เท่ากัน นะค๊ะ
ถ้าเข้าใจก็ไม่ต่างกัน

ลมพัดไหวๆ ไขว่คว้าไม่ได้
จิตใหวๆหรือลมใหวก็ไขว่คว้าไม่ได้
จิตหนึ่งไม่มีแม้แต่อนุภาคเดียวจึงไม่มีลมใหวๆ ให้ใขว่คว้า
อากาศ นั้นว่างหายใจได้มีอนุภาคเล็กๆๆ ลอยไปลอยมา
อวกาศนั่นว่างกว่าไม่มีอากาศแต่มีอนุภาคบิ๊กๆๆๆๆ ใหญ่กว่าเช่นดวงอาทิตย์และโลกธาตุ

(น้องมารน้อย)

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

แต่เอ่ ?

ท่านสังฆปรินายกบอกว่า ปัญญาสุดๆ ไม่ต่างกันนี่ ทั้งพระพุทธเจ้าและสามัญสัตว์ ไม่ได้เป็นอะไรเลย
นอกจากจิตหนึ่งเท่านั้น
ปัญญา อย่างตรัสรู้ ปัญญาแห่งความรู้แจ้ง ก็มีบริบูรณ์ สุดๆอย่างเท่าเทียมกัน

เอ่ ? แล้วทำไม หลวงพี่ยังเห็น ยังว่าแตกต่างกัน
เอ่ ? แล้ว หลวงพี่เข้าใจ เข้าใจเป็นเซนแบบใดกันนี่

หรือว่าว่างแบบปัจตังแท้ๆไม่ได้ว่างแบบสากล
ไม่เหมือนท่านสังฆปรินายกเห็นเลย ?

หนู งง ไปหมดแล้ว ค่ะ
ว่างแบบปัจจตัง

(น้องมารน้อย)

#35 น.3

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

เจ๊....เจ๊.....
ระวัง.....นิพพาน"กระเพื่อม".....

(สุชัมบดี)

........


มีอยู่พรรษานึง ตถาคตนั่งใต้โคนศรีมหาโพธิ์อยู่ตลอดไตรมาสมีพราหมณ์คนหนึ่งเข้าไปทูลถามพระพุทธองค์ว่าเมื่อตถาคตเป็นพระอรหันต์เป็นผู้ไกลจากกิเลสแล้ว
ตถาคตมี"วิตก วิจารณ์"อีกหรือไม่พระองค์ทรงตรัสว่า"เราตถาคตเองก็วิตก วิจารณ์ อยู่ แต่การวิตกวิจารณ์เราเป็นไปด้วยความดับสนิทไม่มีเหลือไม่ได้เป็นไปเพื่อให้เกิดตัณหาอุปาทานแต่อย่างใด "
*ผมเองชอบสูตรนี้มาก ในช่วงที่ผมตกผลึกในธรรมทั้งระบบหมดแล้วจิตอยู่ในระนาบ "จิตไม่หลุดพ้นก็เป็นธรรมชาติแห่งการรู้ว่าจิตไม่หลุดพ้น"เข้าในสูตรแห่งสติปัฎฐานที่พระองค์แจกแจงไว้ในหมวดจิต ก็สาละวนอยู่นานตรงไม่หลุดก็ได้สูตรข้างบนนี่แหละ

อ๋อ การวิตก วิจารณ์ พูดง่ายๆก็คือความคิดเราเมื่อคิดแล้ว"ก็ปล่อยให้มันเป็นธรรมชาติแห่งความไม่หวนกลับไปบัญญัติและปล่อยให้มันเป็นธรรมชาติแห่งความดับสนิทไม่มีเหลือ"

*ผมถึงไม่แปลกใจ พวกบรรลุเซนทั้งหลายถึงมีพฤติกรรมคำพูดแปลกเพราะไอ้ลูกพริ้วตรงนี้นี่เองธรรมชาติแห่งความไม่หวนกลับไปบัญญัติทำให้ผู้บรรลุไม่จำเป็นต้องกล่าวธรรมแบบเพริดพริ้งพรรณรายเสมอไป บางทีพระอรหันต์อาจจะพูดว่า"คุณสวยจังผมรักคุณแล้วนะ"ก็ได้ ดินแดนอสังขตะธรรมไม่มีกรอบอยู่แล้ว

*ขนาดพระอรหันต์ด้วยกัน พระพุทธองค์ยังตรัสว่าดูกันไม่ออก เอาพระอรหันต์ 2 รูปมายืนคุยกันยังไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายก็หมดจดแล้วต่อให้คุณเก่งปานว่ามีเจโตวาระจิตรู้จิตใจผู้อื่นว่าเขาคิดอย่างไรหากรู้ว่าเค้าคิดเรื่องอะไรบางอย่างแล้วเที่ยวไปบัญญัติว่าเขาไม่ผ่านเพราะยังคิดแบบสมมุติอยู่เดี๋ยวจะหน้าแตกเพราะเขามีธรรมชาติแห่งความพริ้วไม่หวนไปบัญญัตินี่แหละ

*ผู้ที่จะพยากรณ์ว่าบรรลุธรรมหรือไม่เห็นจะเป็นพระพุทธองค์เท่านั้น เว้นแต่ว่าผู้มีจิตสูงกว่าก็จะพอมองผู้มีจิตต่ำกว่าออก
*แต่ถ้าหากบุคคลนั้นมีนิสัยชอบหวนกลับไปบัญญัติเช่นชอบคิดว่านั่นใช่ นั่นไม่ใช่ นั่นถูก นั่นผิด
และบังเอิญอีกฝ่ายอยู่ในระนาบธรรมชาติแห่งความไม่หวนกลับไปบัญญัติโดยที่อาจไม่ได้กล่าวธรรมแบบเฉิดฉันท์สมาหลาเพริดพริ้งพรรณรายแต่ชอบพูดแต่เรื่องไร้สาระแต่ถูกฝ่ายแรกจับผิด งานนี้ไก่เต็มเล้าแน่

*ผมก็มีวัดอยู่ ชื่อวัด"ตลาดไท"
นั่งขายส่งฟักทอง อยู่แผงเบอร์ 50
*รักนะ.....เด็กโง่ (ใครเป็นใครฝ่ายค้านฝ่ายแค้นผมไม่เกี่ยว....ผมตีหัวแล้วเข้าบ้านอย่างเดียว...อิอิ)

(สุชัมบดี)

.................

...เสี่ยงรักเจ้าแบบ"เดาใจฟ้า"....
ไม่รู้ว่าเทวดาจะเห็นดีด้วยหรือไม่
...ผู้ชายปอนด์ๆนอนห้องเช่ารักเจ้าด้วยใจ......
...แทบไม่เห็นความเป็นไปได้....
แต่ใจก็ดันทุรัง....
(ธรรมะทั้งนั้น พอๆกับยักคิ้ว หลิ่วตานั่นแหละ)

(สุชัมบดี)

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

โอ น่าสนใจจริงๆนะค่ะ

ผู้ใด จะที่มีจิต สูงกว่าผู้ได หรือค่ะ
ผู้ใด จะมีจิตต่ำกว่า จิต ของผู้ใดหรือค่ะ

ยังหลงเชื่อว่า จิตผู้สูงศักดิ์ กับจิต สามัญชน แตกต่างกันอีก เฮ้อ
ระนาบของผลึก จึงตะปุมตะป่ำ
ผลึกเกลือ ผลึกสารส้ม ผลึกตะกอนปากน้ำ ก็เลยตะปุ่มตะป่ำเละๆ นะค่ะ

ไก่ จึงไหลเท ออกมาจากจิตที่สูงต่ำ

ความดับสนิทไม่มีเหลือ
ตถาคตมี"วิตก วิจารณ์"อีกหรือไม่ พระองค์ทรงตรัสว่า"เราตถาคตเองก็วิตก วิจารณ์ อยู่ แต่การวิตก วิจารณ์เราเป็นไปด้วยความดับสนิทไม่มีเหลือ ไม่ได้เป็นไปเพื่อให้เกิดตัณหาอุปาทานแต่อย่างใด "

โอ ขณะนั้น ยังไม่ถึงศูนยตนิพพาน
วิตกวิจารณ์ทั้งหลาย ยังไม่ดับหมด นะจ๊ะ
เเต่เป็นไป เพื่อ ถึง ความดับไม่มีเหลือ


++++"อ๋อ การวิตก วิจารณ์ พูดง่ายๆก็คือความคิดเรา "+++++
ไก่ ก็ออกไข่ มาอีกแล้ว

ถ้าดับหมด แล้ว ก็จะรู้จัก หนู และรักหนูอย่างเต็มเปา เองแหละ
และจะรู้จักธรรมชาติ แบบ ออโตเมติก แบบคุณขาจรจัด
โดยไม่มีคิด แม้แต่นิดเดียว

เพราะคิด ดับ
ไม่ได้ดับเพราะคิด

นะค้า นะค้า

(น้องมารน้อย)

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

โหลๆๆ คิดถุงพี่มารน้อยจังเยย ...เจ้าแม่เซน...พี่ฮานะจังไปเก็บมาได้... เย่ๆๆ...เก่งจัง...จุ๊ปส์ๆๆ

                                            apocalypse
...............

ท่านสังฆปรินายก บอกว่า ปัญญาสุดๆ ไม่ต่างกันนี่ ทั้งพระพุทธเจ้าและสามัญสัตว์ ไม่ได้เป็นอะไรเลย นอกจากจิตหนึ่งเท่านั้น ปัญญา อย่างตรัสรู้ ปัญญาแห่งความรู้แจ้ง ก็มีบริบูรณ์ สุดๆอย่างเท่าเทียมกัน
เอ่ ? แล้วทำไม หลวงพี่ยังเห็น ยังว่าแตกต่างกัน
เอ่ ? แล้ว หลวงพี่เข้าใจ เข้าใจ เป็น เซนแบบใด กันนี่หรือว่า ว่าง แบบปัจตังแท้ๆ ไม่ได้ว่างแบบสากล ไม่เหมือนท่านสังฆปรินายกเห็นเลย ? หนู งง ไปหมดแล้ว ค่ะ ว่างแบบปัจจตัง

(น้องมารน้อย)