ค ว า ม โ ก ร ธ ปัญญาดับเปลวไฟแห่งโทสะ
วันนี้ขออนุญาต"คัดลอก"บทนำของหนังสือเรื่อง
“ความโกรธ ปัญญาดับเปลวไฟแห่งโทสะ” ที่เขียนโดยท่านติช นัท ฮันห์ และแปลโดยคุณธารา รินศานต์ แทนการ “เขียนถึง” นะคะ ผู้สนใจในรายละเอียดหาอ่านได้ตามรายการหนังสือด้านล่างค่ะ
รังสรรค์ความสุข สำหรับข้าพเจ้า
การมีความสุขก็คือการมีความทุกข์น้อยลง ถ้าเราไม่สามารถขจัดความเจ็บปวดภายในตนเอง ก็ย่อมไม่อาจมีความสุขขึ้นมาได้ผู้คนมากมายมองหาความสุขจากภายนอก ทว่าความสุขที่แท้จริงนั้นต้องมาจากภายในตัวเรา เราได้รับการปลูกฝังว่า ความสุขเกิดจากการมีเงินทองมากมาย อำนาจล้นเหลือ และยศถาบรรดาศักดิ์ในสังคม แต่ถ้าเธอพินิจพิจารณาดูให้ดี จะพบว่าผู้ที่ร่ำรวยมีชื่อเสียงจำนวนมากไม่มีความสุขเลย หลายคนถึงกับปลิดชีวิตตัวเอง
ในสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เหล่าภิกษุและภิกษุณีไม่ถือครองสิ่งใดเลย นอกจากจีวรสามผืนกับบาตรอีกหนึ่งใบเท่านั้น แต่กระนั้นพวกท่านก็รู้สึกเป็นสุขอย่างยิ่ง เพราะมีสิ่งประเสริฐสูงสุด นั่นคือ อิสรภาพ ตามคำสอนของพระสมณโคดม
ปัจจัยเบื้องต้นที่สำคัญที่สุดของความสุข คือ อิสรภาพ ซึ่งในที่นี้ไม่ได้หมายถึงอิสรภาพในทางการเมือง หากเป็นอิสรภาพจากสภาพจิตที่ถูกปรุงแต่งด้วยความโกรธ ความคับแค้นใจ ความริษยา และความหลง พระองค์ทรงถือว่าสังขารเหล่านี้เป็นดั่งยาพิษ ตราบใดที่พิษร้ายดังกล่าวยังคงแฝงฝังอยู่ในใจเรา ก็ย่อมจะไม่มีทางเกิดความสุขขึ้นได้เราจะหลุดพ้นจากความโกรธได้ก็ด้วยการปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นชาวคริสต์ ชาวมุสลิม ชาวพุทธ ชาวฮินดูหรือชาวยิวก็ตาม เราไม่อาจร้องขอให้พระพุทธเจ้า พระเยซู พระเจ้า หรือพระมูฮัมหมัด ช่วยปัดเป่าความโกรธออกไปจากใจเราได้ มีคำสอนที่เป็นรูปธรรมชัดเจน อันจะช่วยให้เราขจัดโลภะ โทสะและโมหะในตนเอง หากเราปฏิบัติตามคำสอนดังกล่าว และรู้จักจัดการกับความทุกข์ของตัวเองแล้ว เราย่อมสามารถช่วยเหลือผู้อื่นให้กระทำอย่างเดียวกันได้
สร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อให้อะไร ๆดีขึ้นสมมติว่ามีครอบครัวหนึ่ง ซึ่งพ่อกับลูกขัดเคืองใจกัน จนถึงขั้นไม่อาจพูดคุยกันได้อีกต่อไป พ่อเป็นทุกข์หนัก ลูกชายก็เช่นกัน
ทั้งสองไม่ต้องการจมปลักอยู่กับความโกรธดังกล่าว แต่ไม่รู้ว่าจะก้าวออกมาได้อย่างไรคำสอนที่ดี คือ คำสอนที่สามารถน้อมนำออกไปใช้ในชีวิตจริงได้โดยตรง เพื่อที่จะช่วยขจัดทุกข์ของเธอได้ เวลาที่โกรธ เธอจะรู้สึกเป็นทุกข์ราวกับกำลังถูกไฟนรกเผาไหม้ เวลาที่เธอรู้สึกริษยาหรือคับแค้นใจอย่างมาก ก็เหมือนตายอยู่ในนรกโลกันต์ เธอต้องไปหากัลยาณมิตรที่ปฏิบัติธรรม สอบถามถึงวิธีปฏิบัติเพื่อแปรเปลี่ยนความโกรธ ความคับแค้นใจในตนเอง
รับฟังด้วยความกรุณาช่วยแบ่งเบาทุกข์การที่คนเราพูดจาด้วยความโกรธเกรี้ยวนั้น เพราะเขากำลังเป็นทุกข์อย่างยิ่ง เนื่องจากเขามีทุกข์มาก จึงเต็มไปด้วยความขมขื่น พร้อมที่จะพร่ำบ่น ติเตียน และโยนความผิดให้แก่คนอื่นเสมอ ๆ ด้วยเหตุนี้ เธอจึงไม่อยากรับฟัง และพยายามหาทางหลบเลี่ยงเสียทว่าการจะเข้าใจความโกรธและขจัดมันออกไปได้นั้น เราต้องเรียนรู้ที่จะรับฟังด้วยความกรุณา และใช้คำพูดที่กอรปด้วยความเมตตา มีพระโพธิสัตว์ผู้ประเสริฐที่สามารถรับฟังได้อย่างลึกซึ้งด้วยความกรุณายิ่ง นั่นคือ เจ้าแม่กวนอิม หรือ พระอวโลกิเตศวร พระโพธิสัตว์แห่งความการุณย์ เราทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะรับฟังอย่างลึกซึ้งเยี่ยงท่าน แล้วเมื่อนั้นเราจึงจะสามารถให้คำแนะนำที่เป็นรูปธรรมแก่ผู้ที่มาขอความช่วยเหลือในการประสานรอยร้าวได้
การรับฟังด้วยความเห็นอกเห็นใจนั้น สามารถช่วยให้ผู้อื่นคลายทุกข์ลงได้ แต่ถึงเธอจะมีความตั้งใจอย่างที่สุด ก็ไม่อาจรับฟังอย่างลึกซึ้งได้ หากไม่ฝึกปรือศิลปะในการรับฟังด้วยความกรุณาเสียก่อน ถ้าเธอสามารถนั่งเงียบ ๆ ฟังคนผู้นั้นด้วยความเห็นอกเห็นใจได้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง เธอย่อมสามารถช่วยแบ่งเบาทุกข์ของเขาไปมากมาย จงรับฟังด้วยวัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียว นั่นคือ ให้อีกฝ่ายได้ระบายและปลดเปลื้องทุกข์ของตน ขอให้ตั้งมั่นอยู่ในความกรุณาตลอดเวลาที่รับฟัง
ขณะรับฟัง เธอต้องมีสมาธิจดจ่ออย่างมาก ต้องทุ่มเทความสนใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตา หู กาย ใจ ให้กับการฟัง
ถ้าเธอแค่แสร้งทำเป็นฟัง ไม่ได้ตั้งใจฟังจริง ๆ อีกฝ่ายย่อมรับรู้ได้ และจะไม่รู้สึกคลายทุกข์ลงเลย แต่ถ้าเธอรู้จักที่จะหายใจอย่างมีสติ และสามารถตตั้งมั่นอยู่ในความปรารถนาที่จะช่วยให้อีกฝ่ายคลายทุกข์แล้ว เมื่อนั้นเธอย่อมจักสามารถรักษาความกรุณาไว้ในระหว่างรับฟังได้
การรับฟังด้วยความกรุณาเป็นการปฏิบัติที่ลุ่มลึกมาก เธอต้องรับฟังโดยไม่ตัดสินหรือติเตียน หากรับฟังเพียงเพราะต้องการจะช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของอีกฝ่าย ซึ่งอาจจะเป็นพ่อ ลูก หรือไม่ก็คู่ชีวิตของเราเอง การเรียนรู้ที่จะรับฟังผู้อื่น สามารถช่วยให้เธอขจัดความโกรธและความทุกข์ของตัวเองได้จริง ๆ
ระเบิดที่พร้อมจะปะทุข้าพเจ้ารู้จักผู้หญิงคาทอลิกผู้หนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในอเมริกาเหนือ เธอเป็นทุกข์แสนสาหัส เพราะมีปัญหาด้านสัมพันธภาพกับสามี ทั้งคู่มาจากครอบครัวที่มีการศึกษา พวกเขาจบการศึกษาขั้นปริญญาเอก กระนั้นสามีก็มีทุกข์มาก ทะเลาะกับภรรยาและลูก ๆ ทุกคน จนไม่สามารถพูดคุยกับใครได้ ทุกคนในบ้านพยายามหลบหน้าเขา เพราะเขาเหมือนลูกระเบิดที่พร้อมจะปะทุ เต็มไปด้วยโทสะ เขาจึงคิดว่าภรรยาและลูก ๆ เกลียดเขา เพราะไม่มีใครต้องการเข้าใกล้ด้วย ความจริงภรรยาและลูก ๆ ไม่ได้เกลียดเขาเลย แต่กลัวมากกว่า การเข้าใกล้เขาเป็นเรื่องอันตราย เพราะเขาอาจจะระเบิดอารมณ์ออกมาเมื่อใดก็ได้
วันหนึ่ง ฝ่ายภรรยาถึงกับคิดสั้น เพราะทนไม่ไหว เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่อาจดำเนินชีวิตภายใต้สภาวการณ์เช่นนี้อีกต่อไป แต่ก่อนจะฆ่าตัวตาย เธอได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติธรรมชาวพุทธ เพื่อบอกว่าเธอกำลังคิดจะทำอะไร เพื่อนคนนั้นเคยชวนเธอไปนั่งสมาธิเพื่อผ่อนคลายความทุกข์ด้วยกันหลายครั้งหลายครา แต่เธอปฏิเสธเรื่อยมา โดยให้เหตุผลว่าเธอเป็นคาทอลิก จึงไม่อาจปฏิบัติตามคำสอนของชาวพุทธได้
บ่ายวันนั้น เมื่อหญิงชาวพุทธรู้ว่าเพื่อนของเธอกำลังจะคิดสั้น จึงพูดผ่านทางโทรศัพท์ไปว่า “เธอบอกว่าเป็นเพื่อนฉัน และตอนนี้กำลังจะตาย มีอย่างเดียวที่ฉันอยากจะขอร้องเธอ คือมาฟังธรรมจากครูของฉัน แต่เธอปฏิเสธ ถ้าเธอเป็นเพื่อนฉันจริง ๆ แล้วล่ะก็ ได้โปรดนั่งรถแท็กซี่มาฟังเทปนี้ก่อน จากนั้นถึงค่อยตาย”
พอหญิงคาทอลิกมาถึง เพื่อนของเธอก็ปล่อยให้เธอนั่งอยู่ในห้องรับแขกตามลำพัง ฟังเทปธรรมะว่าด้วยเรื่องการสมานรอยร้าว ระหว่างหนึ่งชั่วโมงหรือชั่วโมงครึ่งที่ฟัง มีความเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งเกิดขึ้นกับเธอ เธอค้นพบอะไรหลายอย่าง ตระหนักได้ว่า เธอก็มีส่วนรับผิดชอบในความทุกข์ของตัวเอง ทั้งยังทำให้สามีเป็นทุกข์แสนสาหัสด้วยเช่นกัน เธอไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเขาเลย อันที่จริง มีแต่จะเพิ่มพูนความทุกข์ให้เขามากขึ้น ๆ ทุกวันด้วยการหลบหน้า เธอได้เรียนรู้จากการฟังธรรมว่า การจะช่วยเหลืออีกฝ่ายได้นั้น เธอต้องตั้งใจรับฟังด้วยความกรุณาให้ได้เสียก่อน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เธอไม่สามารถกระทำได้เลยในตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา
ป ล ด ช น ว น ร ะ เ บิ ดภายหลังจากที่ได้ฟังธรรมบรรยาย เธอก็มีกำลังใจขึ้นมาก อยากกลับบ้าน ไปตั้งใจฟังสามีเพื่อช่วยเขา แต่เพื่อนของเธอกลับบอกว่า “อย่าเพิ่งเลยเพื่อน เธอยังไม่ควรจะทำตอนนี้ เพราะการรับฟังด้วยความเห็นอกเห็นใจนั่นเป็นคำสอนที่ลึกซึ้งมาก เธอต้องฝึกฝนตนเองอย่างน้อย ๑-๒ อาทิตย์เสียก่อน จึงจะสามารถรับฟังได้อย่างพระโพธิสัตว์” ดังนั้น หญิงดังกล่าวจึงชวนเพื่อนคาทอลึกเข้าร่วมการปฏิบัติสมาธิเพื่อเรียนรู้ให้มากขึ้น
มีผู้เข้ารับการภาวนาทั้งสิ้น ๔๕๐ คน กิน นอน และปฏิบัติร่วมกันหกวัน ระหว่างนี้เราทุกคนจะฝึกปฏิบัติอานาปนสติ หรือมีสติรำลึกรู้ถึงลมหายใจเข้าและออก เพื่อให้กายและจิตประสานเข้าด้วยกัน เราฝึกเดินจงกรมจดจ่อไปกับทุกย่างก้าว เราฝึกอานาปานสติ เดินจงกรม และนั่งสมาธิ ก็เพื่อเฝ้าสังเกตจนกระทั่งสามารถยอมรับทุกข์ในตัวเอง
นอกจากผู้เข้าปฏิบัติจะได้รับฟังธรรมบรรยายแล้ว ทุกคนยังได้ฝึกศิลปะในการรับฟังซึ่งกันและกัน รวมทั้งใช้วาจาที่เปี่ยมด้วยเมตตา เราพยายามรับฟังอย่างลึกซึ้งเพื่อจะได้เข้าใจถึงความทุกข์ของอีกฝ่าย หญิงคาทอลิกฝึกปฏิบัติอย่างเอาจริงเอาจังมากด้วยความตั้งใจยิ่ง เพราะสำหรับเธอแล้ว นี่ถือเป็นเรื่องของความเป็นความตายเลยทีเดียว
เมื่อเธอกลับถึงบ้านภายหลังจากการปฏิบัติ ก็รู้สึกสงบอย่างมาก หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความกรุณา เธอปรารถนาที่จะช่วยสามีปลดชนวนระเบิดในใจของเขาออกจริง ๆ เธอเคลื่อนไหวช้ามาก และตามดูลมหายใจ เพื่อให้ตั้งมั่นอยู่ในความสงบ พร้อม ๆ ไปกับบ่มเพาะความกรุณา เธอเดินอย่างมีสติ รำลึกรู้ และสามีก็สังเกตเห็นว่าเธอผิดแปลกไป ในที่สุด เธอก็เข้ามาใกล้แล้วนั่งลงข้างเขาอย่างเงียบ ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยกระทำเลยตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมา
เธอนั่งเงียบอยู่นาน สักสิบนาทีเห็นจะได้ จากนั้นค่อย ๆ เอามือตัวเองไปแตะมือของสามีอย่างนุ่มนวล พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
“ที่รัก ฉันรู้ว่าคุณเป็นทุกข์มากตลอดเวลาห้าปีมานี้ และฉันก็รู้สึกเสียใจจริง ๆ ฉันรู้ว่าตัวเองมีส่วนอย่างมากที่ทำให้คุณต้องเป็นทุกข์ นอกจากฉันจะไม่สามารถช่วยแบ่งเบาทุกข์ของคุณได้แล้ว ยังทำให้สถานการณ์แย่หนักขึ้นไปอีก ฉันทำอะไรผิดพลาดไปหลายอย่าง จนเป็นเหตุให้คุณเจ็บปวดรวดร้าวอย่างมาก ฉันเสียใจจริง ๆ อยากจะขอโอกาสจากคุณให้ฉันได้เริ่มต้นใหม่ ฉันอยากให้คุณมีความสุข แต่ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ฉันจึงทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงทุกวัน ฉันไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้อีกต่อไป ที่รัก ได้โปรดช่วยฉันด้วยเถิด ฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณ เพื่อจะได้เข้าใจคุณยิ่งขึ้น รักคุณมากขึ้น โปรดบอกความในใจของคุณออกมาเถอะ ฉันรู้ว่าคุณทุกข์ทรมานมาก ฉันต้องรู้ความทุกข์ของคุณ จะได้ไม่ทำอะไรผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนที่ผ่าน ๆ มา ถ้าปราศจากคุณ ฉันก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ฉันต้องการให้คุณช่วย ฉันจะได้ไม่ทำร้ายคุณอีกต่อไป ฉันต้องการที่จะรักคุณเท่านั้น”
ขณะที่เธอพูดกับสามีเช่นนี้ เขาก็เริ่มร้องไห้เหมือนเด็กเล็ก ๆ
หลายปีที่ผ่านมา ภรรยาของเขาอารมณ์เสียอย่างมาก เธอมักตะโกนใส่ พูดจาด้วยความเดือดดาล เสียดแทง ติโน่นตินี่ ทั้งคู่มีแต่ทะเลาะเบาะแว้งกัน เธอไม่ได้พูดกับเขาด้วยความรัก ความอ่อนโยน มากมายเช่นนี้มานานปี เมื่อเห็นสามีร้องไห้ เธอก็รู้ว่าตอนนี้ตัวเองมีโอกาสแล้ว ประตูหัวใจของเขาปิดทว่าตอนนี้ได้เริ่มเปิดอีกครั้ง เธอรู้ว่าจะต้องระมัดระวังให้มาก ฉะนั้น จึงหายใจอย่างมีสติรำลึกรู้ต่อ ก่อนพูดขึ้นว่า
“ได้โปรดเถอะที่รัก โปรดบอกความในใจของคุณออกมา ฉันต้องการปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น จะได้ไม่ทำผิดพลาดอีก”
ฝ่ายภรรยาก็เป็นปัญญาชนเช่นกัน เธอจบปริญญาเอกเหมือนสามี แต่ทั้งคู่ต้องระทมทุกข์ เนื่องจากไม่มีใครรู้วิธีที่จะรับฟังกันและกันด้วยความเห็นอกเห็นใจ ทว่าคืนนั้น เธอวิเศษจริง ๆ สามารถรับฟังสามีด้วยความเห็นอกเห็นใจได้อย่างลุล่วง กลายเป็นคืนแห่งการเยียวยาสำหรับทั้งสอง หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง พวกเขาก็สามารถคืนดีกันได้
คำสอนถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้องถ้าการปฏิบัติถูกต้องเป็นไปด้วยดี เธอไม่จำเป็นต้องใช้เวลา ๕-๑๐ ปี เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็อาจเพียงพอที่จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงและการเยียวยาได้ ข้าพเจ้ารู้ว่าหญิงคาทอลิกคนดังกล่าวประสบความสำเร็จมากในคืนนั้น เพราะเธอสามารถทำให้สามีมาเข้าร่วมการภาวนาในครั้งที่สองได้
การภาวนาครั้งที่สองใช้เวลาหกวัน และในวันสุดท้าย สามีของเธอก็ได้พบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นกัน ระหว่างช่วงเวลาที่ดื่มชาอย่างมีสติ เขาแนะนำภรรยากับผู้ปฏิบัติคนอื่น ๆ ว่า
“กัลยาณมิตรที่รัก ผมใคร่ขอแนะนำพระโพธิสัตว์ผู้ประเสริฐกับพวกคุณ เธอคือภรรยาของผมเอง พระโพธิสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่ ตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมา ผมทำให้เธอทุกข์ทรมานแสนสาหัส ผมงี่เง่ามาก แต่เธอก็เปลี่ยนแปลงทุก ๆ อย่าง ด้วยการปฏิบัติของเธอเอง เธอช่วยชีวิตผม”
หลังจากนั้นพวกเขาก็เล่าเรื่องราวของตน และสาเหตุที่มาเข้าร่วมการภาวนา พร้อมทั้งบอกว่า ทำไมถึงสามารถคืนดีได้ กลับมารักกันใหม่ได้อย่างลึกซึ้ง
เมื่อชาวนาใช้ปุ๋ยชนิดใดชนิดหนึ่งไม่ได้ผล เขาย่อมต้องเปลี่ยนปุ๋ยใหม่ ทำนองเดียวกัน ถ้าเราปฏิบัติไปหลายเดือน แล้วไม่มีความคืบหน้าเปลี่ยนแปลงอะไร ก็ต้องกลับมานั่งทบทวน เปลี่ยนแปลงวิธีการเรียนรู้ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้พบกับวิธีปฏิบัติอันถูกต้อง ที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองและคนที่เรารัก เราทุกคนสามารถทำเช่นเดียวกันนี้ได้ หากน้อมรับและเรียนรู้คำสอนที่ถูกต้อง ควบคู่ไปกับการปฏิบัติอย่างถูกต้อง ถ้าเธอปฏิบัติอย่างจริงจัง ถือเอาการปฏิบัติเป็นเรื่องความเป็นความตาย เหมือนหญิงคาทอลิกคนดังกล่าวแล้ว เธอจักสามารถเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างได้
ส ร ร ค์ ส ร้ า ง ค ว า ม สุ ข ใ ห้ เ กิ ด ขึ้ น ไ ด้ จ ริ งเรามีชีวิตอยู่ในยุคที่มีวิธีการติดต่อสื่อสารอันล้ำสมัยมากมาย สามารถส่งข่าวสารไปสู่อีกซีกโลกได้อย่างรวดเร็วทันใจ ทว่าในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ที่การสื่อสารระหว่างมนุษย์ด้วยกันเอง พ่อกับลูกชาย สามีกับภรรยา แม่กับลูกสาว กลับกลายเป็นปัญหาใหญ่
ถ้าเราไม่สามารถฟื้นฟูการสื่อสารดังกล่าวคืนมา ความสุขก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ คำสอนของพระพุทธศาสนาพูดถึงการรับฟังด้วยความกรุณา การใช้วาจาที่กอรปด้วยความเมตตา ตลอดจนการดูแลความโกรธของตัวเราเอาไว้อย่างชัดเจนยิ่ง เราต้องน้อมนำคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ในเรื่องการตั้งใจรับฟังและใช้วาจาที่เปี่ยมด้วยเมตตาไปปฏิบัติ เพื่อฟื้นฟูการสื่อสาร และนำพาความสุขมาสู่ครอบครัว โรงเรียน รวมถึงชุมชนของเรา แล้วเมื่อนั้นเราจึงจะสามารถช่วยเหลือคนอื่น ๆ ในโลกได้หมายเหตุ:ชื่อหนังสือ ความโกรธ ปัญญาดับเปลวไฟแห่งโทสะ
ผู้เขียน ติช นัท ฮันห์
ผู้แปล ธารา รินศานต์
บรรณาธิการ อนิตรา พวงสุวรรณ-โมเซอร์
สำนักพิมพ์ มูลนิธิโกมลคีมทอง
พิมพ์ครั้งที่ ๓ พ.ศ.๒๕๕๐
จัดจำหน่าย บจก.เคล็ดไทย
จำนวนหน้า ๑๘๐ หน้า ราคา ๑๕๐ บาท
ISBN: ๙๗๔-๗๒๓๓-๗๓-๘
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kangsadal&month=05-2010&date=22&group=3&gblog=21