ผู้เขียน หัวข้อ: นิทานเซ็น :จากมุมสงบ Kitty's Home  (อ่าน 19119 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: (ขอเว้นสักคน) นิทานเซ็น :จากมุมสงบ Kitty's Home
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: กันยายน 03, 2012, 08:59:12 pm »


               

ขอเว้นสักคน

ชาวนาคนหนึ่ง ภรรยาถึงแก่กรรมลง เขามีความเศร้าโศก คิดถึงภรรยาเขามาก จึงตกลงใจประกอบพิธีทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลไปให้ เขาได้นิมนต์พระภิกษุนิกายเท็นได มาประกอบพิธีที่บ้านหลังจากพระทำพิธีสวดมนต์จบลงแล้ว ชาวนาได้ถามพระว่า

“ท่านคิดว่าภรรยาของผม จะได้รับส่วนบุญจากการทำพิธีสวดครั้งนี้ไหม?”
“ไม่เพียงแต่ภรรยาของท่านเท่านั้น ที่จะได้รับส่วนบุญจากการสวดครั้งนี้ แม้แต่บรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลาย ก็ย่อมมีส่วนได้รับผลบุญครั้งนี้ด้วยเช่นกัน” พระภิกษุตอบข้อข้องใจ

“ถ้าเช่นนั้น” ชาวนาแย้งขึ้นด้วยความไม่สบายใจ
“ภรรยาของผม ก็คงได้รับผลบุญไม่เต็มที่ซิครับ”

พระภิกษุพยายามอธิบายให้ชาวนาเข้าใจ ว่าเป็นพุทธประสงค์ที่จะแผ่เมตตา โดยให้ผลบุญเหล่านั้นตกไปถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายโดยไม่เลือกหน้า เมื่อพระภิกษุอธิบายจบลงแล้ว ชายชาวนาก็กล่าวขึ้นว่า

“กระผมก็คิดว่าเป็นคำสอนที่ดีอยู่หรอก แต่จะกรุณายกเว้นสักคนจะได้ไหมครับ คือกระผมมีเพื่อนบ้านอยู่คนหนึ่ง มันหยาบคายและชอบเอาเปรียบผมมาก ถ้าท่านจะกรุณายกเว้น อย่าเอาเจ้าหมอนั่นเข้าไปไว้ในหมู่สรรพสัตว์ทั้งหลายนั้นได้ก็คงจะดี”

ขึ้นชื่อว่า ตัวกู ของกู ยากที่จะปลดเปลื้องออกได้ง่ายๆ เสียจริง เวลากรวดน้ำแผ่ส่วนกุศลหลังจากทำบุญ ท่านมีข้อแม้บ้างหรือเปล่า!



ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: (ใครชนะ ?) นิทานเซ็น :จากมุมสงบ Kitty's Home
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: กันยายน 03, 2012, 09:22:17 pm »


                 

ใครชนะ ?

ในประเทศญี่ปุ่นสมัยก่อน มีประเพณีอย่างหนึ่งของพระภิกษุนิกายเซ็น คือ พระภิกษุอาคันตุกะ ที่เดินทางมาถึงที่วัดใด จะต้องตอบปัญหาธรรมชนะพระภิกษุที่อยู่ก่อน จึงจะมีสิทธิ์เข้าพักได้ ถ้าแพ้ก็ต้องเดินทางหาวัดใหม่ต่อไปวันหนึ่ง มีพระอาคันตุกะองค์หนึ่ง จาริกมาจากที่ไกลถึงที่วัดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ทางเหนือของประเทศญี่ปุ่น มีพระภิกษุพี่น้อง 2 องค์อาศัยอยู่ องค์พี่เป็นผู้คงแก่เรียนรอบรู้แตกฉานมาก องค์น้องนอกจากจะตาบอดข้างหนึ่งแล้ว ยังมีสติปัญญาค่อนข้างทึบอีกด้วย เมื่อทราบระเบียบว่า จะต้องมีการโต้ธรรมะกันก่อนเข้าพักอาศัย พระอาคันตุกะก็ยินดีปฏิบัติตาม แต่เนื่องจากพระองค์พี่เหน็ดเหนื่อยจากการปฏิบัติงานมาทั้งวัน จึงได้มอบให้พระองค์น้องทำหน้าที่โต้ปัญหาธรรมแทน และได้แนะให้พระองค์น้องใช้วิธีโต้ปัญหาแบบ “เงียบ”

พระทั้งสององค์จึงไปยังที่บูชา จุดธูปบูชาพระรัตนตรัย เสร็จแล้วการโต้ปัญหาธรรมะก็เริ่มขึ้น ชั่วครู่เดียวพระอาคันตุกะก็เดินออกไปหาพระองค์พี่ แล้วกล่าวว่า

“น้องชายท่านเก่งเหลือเกิน ผมยอมแพ้แล้ว ”
“ท่านโต้ปัญหากันว่าอย่างไรล่ะ” พระองค์พี่ถาม
พระอาคันตุกะจึงชี้แจงว่า

“ทีแรกผมชูนิ้วขึ้นมาก่อนหนึ่งนิ้ว ซึ่งหมายถึงพระพุทธ น้องชายของท่านชูสองนิ้วตอบ ซึ่งหมายความว่าเมื่อมีพระพุทธก็ต้องมีพระธรรมด้วย ผมจึงชูสามนิ้วตอบซึ่งหมายถึงว่าถ้าจะให้ครบ ก็ต้องมีทั้งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ด้วย คราวนี้น้องชายท่านกลับชูกำปั้นมาที่หน้าผม ซึ่งหมายความว่า จะเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก็ตาม ก็ต้องมารวมเป็นหนึ่งเดียว คือสัจธรรม ผมจึงว่าน้องท่านเป็นผู้ชนะ ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ที่นี่”

พระภิกษุอาคันตุกะกล่าวแล้ว ก็ลาพระภิกษุองค์พี่เดินทางต่อไปสักครู่ พระองค์น้องก็เข้ามาหาพระพี่ชายอย่างเร่งรีบ แล้วถามหาพระอาคันตุกะว่า

“เจ้าหมอนั่นมันไปไหนแล้วล่ะ ?”
“เธอชนะเขาแล้วไม่ใช่หรือ ?” พระผู้พี่ถามด้วยความสงสัย
“ชนะกะผีอะไรล่ะ” พระองค์น้องโกรธ

“เธอโต้ปัญหากับเขาว่าอย่างไรล่ะ?” พระองค์พี่ถามต่อ
“โต้อย่างไรนะหรือ” พระองค์น้องตะโกน

“พอเห็นหน้าผมเท่านั้น มันก็ชูนิ้วเดียวมาที่หน้าผม ซึ่งมันดูหมิ่นว่าผมมีตาข้างเดียว ผมสู้อดทนเพราะเห็นว่าเป็นแขก จึงชูตอบไปสองนิ้ว แสดงความยินดีที่เขามีตาครบบริบูรณ์ แทนที่มันจะรู้ตัว มันกลับชูนิ้วกลับมาอีกสามนิ้ว ซึ่งหมายความว่า ทั้งผมและมันมีตารวมกันอยู่สามตา อย่างนี้ไม่ใช่เยาะเย้ยแล้วจะเรียกว่าอะไร ผมเหลืออดจริงๆ จึงชูกำปั้นขึ้นมาจะต่อยหน้ามันสักหน่อย แต่มันกลับวิ่งออกมาเสียก่อน”

พระที่แท้นั้น ท่านมองทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมะไปทั้งหมด แต่พระที่พบเห็นในปัจจุบัน ส่วนมากจะเป็นแบบพระองค์น้องเสียทั้งนั้น



ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: (ยิ้มครั้งเดียว) นิทานเซ็น :จากมุมสงบ Kitty's Home
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: กันยายน 26, 2012, 08:26:58 pm »



ยิ้มครั้งเดียว

   ท่านอาจารย์โมกุเย็น เป็นอาจารย์ใหญ่ฝ่ายเซ็นองค์หนึ่งและตลอดชีวิตของท่านๆ ไม่เคยยิ้มเลย เมื่อตอนที่ท่านเจ็บหนักและจวนจะสิ้นใจ ท่านได้พูดกับศิษย์ที่มาห้อมล้อมใกล้ชิดรอบตัวท่านว่า
   “พวกเจ้าก็ได้เรียน ศึกษาธรรมะกับข้ามาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว เจ้าจงแสดงความหมายอันแท้จริงของคำว่า เซ็น อย่างถูกต้องและชัดเจนที่สุดให้ข้าดูซิ ใครก็ตามที่สามารถแสดงได้ว่าเป็นผู้ที่เข้าใจความหมายของ เซ็น ได้อย่างถูกต้องชัดเจนที่สุดแล้ว เขาจะเป็นผู้ที่ได้รับมอบบาตร และจีวร สืบจากข้าต่อไป”

บรรดาศิษย์ทั้งหลายที่ห้อมล้อมอาจารย์ ต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครกล้าแสดงออกมาได้ทันใดนั้นก็มีศิษย์คนหนึ่งชื่อว่า อันจู เป็นผู้ที่เคยอยู่ใกล้ชิดกับท่านอาจารย์โมกุเย็นมาช้านาน ก็ได้เขยิบตัวเข้าไปใกล้ และใช้มือเลื่อนถ้วยยาเข้าไปใกล้ตัวท่านอาจารย์ 2-3 นิ้ว แสดงการตอบคำถามของท่านอาจารย์

ใบหน้าของท่านอาจารย์ เคร่งเครียดมากขึ้นและถามว่า
“เจ้าเข้าใจเพียงเท่านี้นะหรือ ?”
อันจู จึงกลับยื่นแขนออกไป แล้วลากถ้วยยากลับมาไว้ที่เดิม

คราวนี้ บรรดาศิษย์ต่างพากันประหลาดใจ เพราะเห็นใบหน้าท่านอาจารย์สดใสขึ้น มีรอยยิ้มปรากฏ ท่านได้กล่าวว่า
“มิเสียแรงที่เจ้าอยู่กับข้ามาสิบกว่าปี เจ้าไม่เคยเห็นตัวจริงของข้าเลย จงรับบาตรและจีวรนี้ไป เพราะมันเหมาะกับเจ้า”
พอพูดจบ ท่านอาจารย์โมกุเย็นก็ถึงแก่มรณภาพ

   ท่านรู้หรือยังว่าที่ท่านอันจูเลื่อนถ้วยยาเข้าไปหาท่านอาจารย์ และเลื่อนถ้วยยากลับมาไว้ที่เดิมนั้น หมายความว่าอย่างไร ? ท่านอาจารย์โมกุเย็นใกล้จะสิ้นใจอยู่แล้ว ยังจะมาห่วงสังขารอยู่อีกหรือ !



ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: (หนามบ่งหนาม) นิทานเซ็น : จากมุมสงบ Kitty's Home
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: กันยายน 26, 2012, 08:35:56 pm »


                 
หนามบ่งหนาม

   ศิษย์ของท่านโซเย็น ซากุ คนหนึ่ง ได้เล่าเรื่องการเรียนในสำนักเก่าที่ตนเคยเล่าเรียน ให้ท่านอาจารย์ฟังว่า
“พวกครูของกระผมที่นั่นชอบนอนกันในตอนบ่ายทุกบ่าย ครั้นพวกกระผมไปถามท่านว่า ทำไมอาจารย์จึงชอบนอน ครูของผมก็มักจะตอบว่า ฉันไม่ได้นอน แต่ฉันกำลังเดินทางไปสู่เมืองในความฝันเพื่อพบปะกับบรรดานักปราชญ์ต่างๆ ในอดีต เหมือนที่ท่านขงจื้อได้เคยกระทำมา และท่านขงจื้อก็จะจดจำเอาคำสอนของนักปราชญ์เหล่านั้นมาสอนลูกศิษย์อีกที”

ศิษย์คนนั้นเล่าต่ออีกว่า
“บังเอิญบ่ายวันหนึ่งอากาศร้อนจัด พวกเราบางคนเกิดง่วงและหลับไป พอดีครูของพวกกระผมมาพบเข้า ก็ดุและบริภาษด้วยถ้อยคำต่างๆ นานา พวกนักเรียนเหล่านั้นจึงได้ตอบครูว่า
‘พวกเราก็ได้ไปในเมืองแห่งความฝัน เพื่อพบกับนักปราชญ์สมัยก่อนเช่นเดียวกับท่านอาจารย์ขงจื้อเหมือนกัน’ ”

ครูของพวกเราก็ถามว่า
“แล้วได้ความจากนักปราชญ์เหล่านั้นว่าอย่างไร ?”

พวกเราคนหนึ่งจึงได้ตอบว่า
“เราได้ถามท่านนักปราชญ์โบราณเหล่านั้นแล้ว ว่าครูของพวกเราได้มาพบท่านทุกบ่ายหรือเปล่า ท่านนักปราชญ์เหล่านั้นกลับตอบว่า ไม่เคยเห็นหน้าครูคนใดมาหาเลย”

ในตอนบ่ายๆ ท่านชอบเดินทางไปหาท่านนักปราชญ์โบราณอยู่เสมอฯ อีกหรือเปล่า ระวังจะพบกับเจ้านายที่นั่นนะครับ จะหาว่าไม่เตือน



ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานเซ็น :จากมุมสงบ Kitty's Home
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2012, 12:00:32 pm »


             

นิทานเซ็น :เสียงของมือข้างเดียว
โพสท์ในเวปกองทัพพลังจิต โดยคุณ Kamen rider เมื่อ 10-01-2005

ท่านมามิยา ได้เข้าไปหาอาจารย์ เพื่อขอคำแนะนำสั่งสอนเกี่ยวกับเซ็น ท่านอาจารย์ก็ไม่ได้อธิบายอะไร เพียงแต่ตั้งปริศนาธรรมให้ไปขบคิดว่า
"เสียงของมือข้างเดียว เป็นอย่างไร?"

ท่านมามิยา ได้พยายามขบคิดเป็นเวลานาน ก็ยังไม่อาจหาคำตอบได้ ท่านอาจารย์รำคาญมาก จึงบอกเขาว่า
"เจ้ายังใช้ความเพียรไม่เต็มที่ เพราะยังมัวพะวงอยู่กับเรื่องอาหาร ทรัพย์สมบัติ และชื่อเสียงต่างๆ อยู่อย่างนี้ เจ้าจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร เจ้าควรไปตายดีกว่า"

ท่านมามิยา จึงกลับไปพยายามใช้สมาธิขบคิดปัญหานี้ใหม่ ต่อมาเมื่อพบท่านอาจารย์อีก ท่านอาจารย์ก็ถามอีกว่า
"เจ้าแก้ปัญหาไปได้เพียงใดแล้ว?"
ทันใดนั้นท่านมามิยา ก็ล้มตัวลงนอนทำเป็นตายทันที เมื่อท่านอาจารย์เห็นเช่นนั้น ก็กล่าวขึ้นว่า
"โอ! เจ้าตายสนิทเลยนะ แต่ว่าเสียงของมือข้างเดียวน่ะเป็นอย่างไร?"

ท่านมามิยา ลืมตาขึ้นมองท่านอาจารย์ แล้วตอบว่า
"กระผมยังแก้ปัญหาข้อนั้นไม่ได้เลยขอรับ
"เฮ้!" ท่านอาจารย์เอ็ดตะโรทันที"คนตายน่ะ พูดไม่ได้ดอก ออกไปให้พ้น"

ท่านอาจจะคิดว่าเสียงของมือข้างเดียว ก็เหมือนกับการตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดัง แต่ยังไม่ใช่ เพราะนั่นยังง่ายเกินไป ถ้าเช่นนั้นเสียงของมือข้างเดียวเป็นอย่างไร?


:http://www.dharma-gateway.com/misc/misc-zen-55.htm


ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานเซ็น :จากมุมสงบ Kitty's Home
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2012, 12:01:54 pm »


เสียงของมือข้างเดียว

อาจารย์เซนแห่งวันเคนนินคือท่านโมกุไร ซึ่งชื่อของท่านก็มีความหมายว่า "เสียงฟ้าร้องอันเงียบเชียบ" ท่านมีเด็กน้อยอายุเพียง 12 ปี คนหนึ่งชื่อ โตโย เป็นลูกศิษย์ที่อยู่ในความาดูแลของท่าน โตโยเห็นศิษย์รุ่นพี่ๆ เข้ามาเยี่ยมอาจารย์ที่ห้องทุกเช้าและเย็นเพื่อรับคำสั่งสอนเกี่ยวกับซาเซน (สมาธิภาวนาแบบเซน) หรือไม่ก็มาขอรับคำแนะนำในการขบโกอานที่ได้รับไป (ซึ่งจะใช้มันหยุดพฤติกรรมของจิตที่ชอบท่องเที่ยวเพลิดเพลินไปต่างๆ นานาของพวกเขา)

โตโยน้อยก็ปรารถนาที่จะทำซาเซนกับเขาบ้าง
"รอก่อน" ท่านโมกุไรกล่าวขึ้น "เธอยังเด็กนัก" แต่เด็กน้อยก็ยืนกรานอยู่เช่นเดิม ดังนั้น ในที่สุดท่านอาจารย์เฒ่าก็ยินยอม
      พอถึงตอนเย็นเจ้าโตโยน้อยก็หาโอกาสไปยังธรณีประตูห้องซาเซนของท่านโมกุไร เขาเคาะฆ้องเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการมาของเขา โค้งคำนับอย่างคารวะยิ่ง 3 ครั้งที่ข้างนอกประตู แล้วก็เข้าไปนั่งข้างหน้าอาจารย์อย่างเงียบๆ ด้วยความคารวะ
"เธอคงเคยได้ยินเสียงของมือ 2 ข้างที่ผู้คนเขาใช้ตบมือกัน" ท่านโมกุไรกล่าวขึ้น "ทีนี้ลองแสดงเสียงของมือข้างเดียวให้ฉันฟังซิ"

โตโยโค้งคารวะแล้วลาออกมายังห้องพักของเขา เพื่อมาขบคิดปัญหานี้ให้แตกให้จงได้ จากหน้าต่างห้องพักของเขา เขาได้ยินเสียงดนตรีของพวกเกอิชา "อา, ฉันได้มันแล้ว!" เขาประกาศก้อง
ค่ำวันต่อมา เมื่ออาจารย์ของเขาขอให้เขาแสดงเสียงของมือข้างเดียวให้ฟัง โตโยก็เริ่มต้นทำเพลงของเกอิชาขึ้นทันที
"ไม่ใช่ ไม่ใช่" อาจารย์โมกุไรกล่าวขึ้น "นั่นมันไม่ใช่ดอก นั่นไม่ใช่เสียงของมือข้างเดียว เธอยังไม่รู้จักมันเลย"

ด้วยความคิดว่าเสียงดนตรีดังกล่าวอาจจะขัดขวางการเสาะหาของเขา โตโยจึงได้ย้ายไปพำนักอาศัยอยู่ในสถานที่เงียบสงัดกว่าเก่า และเริ่มทำสมาธิภาวนาอีกครั้งหนึ่ง "เสียงของมือข้างเดียวนี่มันเป็นอย่างไรกันน่ะ?" และก็บังเอิญเขาก็ได้ยินเสียงน้ำหยดลงสู่พื้น "ได้แล้ว ฉันได้มันแล้ว" โตโยคิด
เมื่อเขาได้มาอยู่ต่อหน้าอาจารย์เฒ่าอีก โตโยก็ทำเสียงเลียนเสียน้ำหยดให้อาจารย์ฟัง
"อะไรน่ะ?" ท่านโมกุไรถามขึ้น "นั่นมันเสียงน้ำหยดนี่ ไม่ใช่เสียงของมือข้างเดียว ลองดูใหม่อีกที"

โตโยกลับมาปฏิบัติสมาธิฟังเสียงของมือข้างเดียวอย่างไร้ผล เขาได้ยินเสียงของลมที่พัดวูบไป แต่นั่นก็ถูกอาจารย์ปฏิเสธอีก เขาได้ยินเสียงร้องของนกเค้าแมว แต่อาจารย์ก็สั่นหน้าอีก และเสียงของมือข้างเดียวก็ไม่ใช่เสียงของตั๊กแตนอีกด้วยเช่นกัน
         มากกว่า 10 ครั้งที่โตโยเข้าไปพบอาจารย์โมกุไรด้วยเสียงที่แปลกๆ แตกต่างกัน แต่ทั้งหมดก็ไม่ใช่ เป็นเวลาเกือบ 1 ปี ที่เขาเพ่งพินิจอยู่ตลอดเวลาว่าเสียงของมือข้างเดียวมันควรจะเป็นอย่างไร
         ในที่สุด โตโยน้อยก็ได้ลุถึงสมาธิภาวนาที่แท้ และข้ามพ้นเสียงนานาไปเสียได้ "ฉันไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแล้ว" เขาอธิบายในเวลาต่อมา "ดังนั้น ฉันจึงได้ยินเสียงที่ไร้เสียงได้ในที่สุด" โตโยได้ประจักษ์แล้วต่อเสียงของมือข้างเดียว


-http://www.gotoknow.org/blogs/posts/52425
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 13, 2014, 04:59:52 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานเซ็น :จากมุมสงบ Kitty's Home
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2012, 12:08:01 pm »
     

พระถูกปล้น
Published: October 23, 2011

ท่านอาจารย์ชิจิริโกชุน เป็นอาจารย์เซ็นที่มีชื่อเสียงมากองค์หนึ่ง
วันหนึ่งขณะที่ท่านกำลังนั่งสวดมนต์อยู่ในกุฏิ ก็มีโจรคนหนึ่งย่องเข้ามา
พร้อมด้วยดาบยาวในมือ เพื่อจะขโมยเงิน ก็พอดีมาพบท่านอาจารย์เข้า
ท่านอาจารย์จึงเอ่ยขึ้นว่า
“พ่อคุณ ฉันกำลังสวดมนต์อยู่ อย่ามากวนฉันเลย เงินอยู่ในลิ้นชักโน่นแน่ะ”
แล้วท่านอาจารย์ก็สวดมนต์ต่อไป หลังจากนั้นชั่วครู่ ท่านนึกขึ้นได้ จึงพูดต่ออีกว่า
“แต่เธออย่าเอาไปหมดนะ เหลือเอาไว้ให้ฉันเสียภาษีในวันพรุ่งนี้บ้าง”

โจรคนนั้นรวบรวมเงินในลิ้นชักเกือบหมด แล้วเตรียมจะหลบหนีไป
ท่านอาจารย์จึงกล่าวขึ้นอีกว่า
“นี่เธอ รู้จักขอบใจคนที่ให้ของเธอบ้างซิ”
โจรกล่าวขอบใจท่านอาจารย์ แล้วรีบหลบหนีไป

ต่อมาไม่นาน โจรคนนั้นก็ถูกเจ้าหน้าที่จับได้ และสารภาพว่า
เคยไปกระทำโจรกรรมในวัดของท่านชิจิริโกชุน
เจ้าหน้าที่จึงได้มานิมนต์ท่านไปให้การในฐานะพยาน ท่านอาจารย์ให้การว่า
“ชายคนนี้ไม่ได้ขโมยเงินของฉันดอก
เพราะเมื่อเวลาฉันให้เงินเขาแล้ว เขายังกล่าวขอบคุณฉันเลย”

หลังจากพ้นโทษแล้ว โจรคนนั้นก็ได้ตรงไปหาท่านอาจารย์และขอสมัครตัวเป็นศิษย์ของท่าน
เมื่อรู้แจ้งแล้ว ก็ไม่เหลือตัวกู ของกู ให้รกรุงรังอีกต่อไป


-http://kitty.in.th/index.php/zen/zen-48/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 13, 2014, 07:21:42 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานเซ็น :จากมุมสงบ Kitty's Home
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2012, 12:26:57 pm »


         

ขโมยกลับใจ
Published: October 23, 2011

   อาจารย์บันไก ได้เปิดสอนวิปัสสนากรรมฐาน ขึ้นที่วัดของท่าน เนื่องจากท่านเป็นอาจารย์เซ็นที่มีชื่อเสียง จึงมีนักศึกษามาจากทั่วสารทิศในประเทศญี่ปุ่น เข้ามารับการศึกษาเป็นจำนวนมาก ในจำนวนนักศึกษาที่มาศึกษานั้น มีผู้หนึ่งชอบประพฤติตัวเป็นขโมย ชอบขโมยทรัพย์สินของนักศึกษาด้วยกัน วันหนึ่งถูกจับได้ พวกนักศึกษาโกรธแค้นมาก จึงนำเรื่องไปฟ้องร้องท่านอาจารย์บันไก แต่ท่านก็กลับนิ่งเฉย
   ต่อมา นักศึกษาผู้นั้นก็ทำการขโมยของ และถูกจับได้อีก พวกนักศึกษาจึงพากันไปกล่าวโทษอีก แต่ท่านอาจารย์กลับทำเป็นไม่สนใจ คราวนี้พวกนักศึกษาโกรธมาก จึงยื่นคำขาดกับท่านอาจารย์บันไกว่า หากท่านอาจารย์ยังไม่ยอมชำระโทษหัวขโมยให้อีก พวกตนจะพากันออกจากสำนักทั้งหมด เมื่อท่านอาจารย์บันไกได้อ่านคำฟ้องแล้ว ท่านก็ให้เรียกประชุมบรรดานักศึกษาทั้งหลาย และกล่าวว่า

“พวกเธอทั้งหลายที่ลงชื่อในหนังสือฟ้องร้องนี้ นับว่าเป็นคนฉลาดมาก เพราะเธอต่างก็รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรควรทำอะไรควรละเว้น หากพวกเธอประสงค์จะออกจากสำนักฉันไปศึกษาต่อที่อื่นฉันก็ยินดี ให้เธอไปได้ตามแต่ใจปรารถนา แต่เจ้าเพื่อนขี้ขโมยที่น่าสงสารของเธอคนนี้ เขายังโง่เขลามาก ยังไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ถ้าหากฉันไม่สอนเขาแล้ว ใครล่ะจะเป็นผู้สอน เธอทั้งหลายจงเห็นใจเถิดที่ฉันต้องให้เขาอยู่กับฉันต่อไป”

       พอท่านอาจารย์กล่าวจบลง นักศึกษาหัวขโมยก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
       ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็กลับตัวเป็นคนดีไม่มีนิสัยชอบขโมยของอีกเลย
       ท่านอาจารย์คงได้พิจารณาดูแล้วว่า นักศึกษาหัวขโมยยังคงพอจะโปรดได้ แต่ถ้าเป็นสมัยนี้
       ท่านอาจจะต้องใช้วิธีตรงกันข้ามก็ได้




ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานเซ็น :จากมุมสงบ Kitty's Home
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2012, 12:40:28 pm »


           

สิ่งที่ควรทำ
Published: October 23, 2011

ที่ประเทศญี่ปุ่น ในสมัยกามากูระ มีนักศึกษาผู้หนึ่งชื่อ ชินกัน ได้ศึกษาพุทธปรัชญาตามแนวของนิกายเท็นได เป็นเวลาถึง 6 ปี แล้วไปศึกษาตามแนวของเซ็นอีก 7 ปี จากนั้นได้เดินทางไปประเทศจีนและได้ศึกษาเซ็นตามแนวของจีนอีก 13 ปี เมื่อเขากลับมาประเทศญี่ปุ่น จึงมีผู้สนใจสนทนาซักถามปัญหาธรรมต่างๆ แต่ท่านชินกัน ก็ไม่ค่อยจะยอมตอบคำถาม วันหนึ่ง มีนักศึกษาเฒ่าจากสำนักเท็นไดมาหาท่านชินกันและกล่าวว่า

“ข้าพเจ้าได้ศึกษาอยู่ในสำนักเท็นไดมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ได้รับฟังคำสอนมาก็มาก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าไม่สามารถเข้าได้ใจจนทุกวันนี้ คือทางสำนักได้สอนว่า ในโลกนี้แม้แต่ต้นหญ้าและต้นไม้ก็อาจบรรลุหรือตรัสรู้ได้ เป็นสิ่งที่น่าประหลาดสำหรับข้าพเจ้ามาก”

“มันมีประโยชน์อะไรหรือเปล่า ที่เราจะมานั่งถกเถียงกันว่าต้นหญ้าและต้นไม้ตรัสรู้ได้หรือไม่อย่างไร แต่ปัญหามันควรจะอยู่ที่ว่า ตัวท่านเองนั้นแหละจะสามารถบรรลุถึงการตรัสรู้ได้อย่างไร ท่านเคยคิดถึงเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า ? ” ท่านชินกันถาม
“จริงสินะ ข้าพเจ้าไม่เคยคิดมาก่อนเลย” นักศึกษาเฒ่าตอบ
ท่านชินกันจึงบอกว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็กลับบ้าน และลงมือคิดได้แล้ว”

 พระพุทธองค์เคยตรัสสอนพราหมณ์ ที่มาถามปัญหาพากอภิปรัชญาทั้งหลาย เช่น ชาตินี้ ชาติหน้ามีจริงหรือไม่ ว่าไม่มีประโยชน์อะไร ทรงเปรียบเทียบให้ฟังว่า
“เหมือนคนถูกยิงด้วยลูกศร แทนที่จะรีบรักษา กลับจะมัวหาคำตอบให้ได้เสียก่อนว่า ใครเป็นผู้ยิง ลูกศรทำด้วยอะไร คันศรทำด้วยอะไร เช่นนี้ก็คงไม่ทันการ”
 การปฏิบัติธรรมเพื่อให้พ้นทุกข์ก็เช่นกัน ท่านว่าจริงไหมครับ ?




ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: นิทานเซ็น :จากมุมสงบ Kitty's Home
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2012, 12:52:51 pm »
           

สัจมรรค
Published: October 23, 2011

ท่านอาจารย์นินากาวะ เป็นอาจารย์ของท่านอิคกุยุ ในวาระที่ท่านอาจารย์นินากาวะใกล้จะสิ้นลมหายใจ ท่านอาจารย์อิคกุยุ ก็ได้ไปเยี่ยม และถามท่านนินากาวะว่า

“ท่านอาจารย์ต้องการให้ผมนำทางให้ไหม?”
ท่านอาจารย์นินากาวะ ตอบว่า
“ท่านจะช่วยอะไรผมได้ เวลามาผมมาตัวคนเดียว เวลาผมจะไป ผมก็ต้องไปคนเดียว”

ท่านอิคกุยุได้ยินดังนั้นจึงตอบว่า
“ถ้าท่านอาจารย์ยังคิดว่า ท่านมาคนเดียว และไปคนเดียวอยู่ละก้อ แสดงว่าท่านหลงทางแล้ว ให้ผมนำทางท่านดีกว่า เพราะความจริงแล้ว ไม่มีการมาและการไปเลยต่างหาก”
ด้วยคำแนะนำของท่านอิคกุยุ เพียงเท่านี้ ท่านนินากาวะ ก็ถึงซึ่งความหลุดพ้น และมรณภาพไปด้วยความสงบ

สำหรับคำสอนทางพระพุทธศาสนา ความเชื่อที่ว่าตายแล้วเกิดแบบมีวิญญาณออกจากร่าง แล้วไปแสวงหาที่เกิดใหม่ เป็นมิจฉาทิฐิ และความเชื่อที่ว่าตายแล้วดับสูญ ก็เป็นมิจฉาทิฐิเช่นกัน ความจริงคนเราเป็นเพียงปัจจัยต่างๆ ที่รวมตัวกัน เมื่อคงอยู่ไม่ได้ก็สลายตัวไปรวมกับปัจจัยตัวอื่นๆ ซึ่งเมื่อรวมตัวครบก็เกิดเป็นคนใหม่ขึ้นมาอีก คนใหม่ก็ไม่ใช่คนเก่าเพราะปัจจัยไม่เหมือนกัน เปรียบเหมือนตอนเป็นเด็ก ปัจจัยที่รวมตัวกันเป็นเด็กก็อย่างหนึ่ง เมื่อแก่ ปัจจัยที่รวมตัวกันเข้าก็ไม่เหมือนกับตอนเป็นเด็ก แม้จะไม่ใช่ชุดเดียวกัน แต่ก็เป็นส่วนสืบเนื่องมาจากปัจจัยเมื่อตอนเป็นเด็กเพราะความยึดติดฝังแน่นเป็นปัจจัยสืบทอดตลอดมา จึงคิดว่าเป็นตัวตนของเราอย่างไม่ยอมเปลี่ยนแปลง .. เชื่อหรือไม่ ?

                   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 13, 2014, 07:37:47 pm โดย ฐิตา »