ผู้เขียน หัวข้อ: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"  (อ่าน 149406 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 18 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
« ตอบกลับ #70 เมื่อ: มิถุนายน 30, 2013, 10:04:55 pm »
เส้นทางทองคำ โดย ปิรันย่า !
-http://www.thaigold.info/Board/index.php?/topic/476-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3-%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A2-%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2/page__st__2130-

เส้นทางทองคำ โดย ปิรันย่า !
ปิรันย่า

โพสต์ 01 กันยายน 2012 - 08:06

สวัสดีครับ คุณผู้อ่าน

เห็นหลายท่านที่กรุณาเข้ามาอวยพรหรือทักทายในช่วงที่ผู้เขียนกบดานยาวไปพร้อมกับการปรับฐานยาวนานของทองคำก็รู้สึกว่าตนเองเสียมรรยาทอยู่บ้างต้องขออภัยจริงๆครับ ครั้นจะออกมาโพสต์ในช่วงที่ตนเองก็ไม่มีเวลาและอารมณ์ก็เกรงจะเกิด”ภาระผูกพัน”ที่ทำให้หน้าที่การงานเสียไป ช่วงนี้ภารกิจการงานบรรเทาลงเล็กน้อยเลยพอจะกลับมาเสนอหน้าชั่วคราวเผื่อจะเป็นประโยชน์กับสาธารณชนบ้างครับ

หลังจากดราม่ากันตามธรรมเนียมแล้วก็มาว่ากันเรื่องเส้นทางทองคำได้เลยครับ
เนื่องจากช่วงนี้ผู้เขียนคาดว่าทองคำอาจจะกำลังเริ่มวัฎจักรใหม่ที่มีขนาดใหญ่พอสมควร วันนี้จึงอยากเรียบเรียงคลื่นใหญ่ของวัฎจักรทองคำในมุมมองของผู้เขียนเผื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุนในทองคำระยะยาวถึงยาวมากให้มีเป้าหมายในการลงทุนคร่าวๆ

วัฎจักรยักษ์ชุดนี้ของทองคำนั้นเมื่อเรียบเรียงบนพื้นฐานของทฤษฎีคลื่นแล้วออกมาเป็นดังนี้ครับ

- คลื่นขาขึ้นที่ 1 เริ่มเดินทางจากบริเวณ 254.2$ ในเดือน 4 ปี 2001 ขึ้นไปถึง 1032.6$ ในเดือน 3 ปี 2008 คิดเป็นขนาดความสูง 778.4$ ใช้เวลาเดินทางราว 7 ปี

- คลื่นปรับฐานที่ 2 ปรับฐานจาก 1032.6$ ลงไปที่ 681.4$ สิ้นสุดในเดือน 10 ปี 2008 คิดเป็นระยะความสูงปรับฐาน 351.2$ คิดเป็นสัดส่วนการปรับฐานราว 45.1% ใช้เวลาปรับฐานราว 7 เดือนครึ่ง

- คลื่นขาขึ้นที่ 3 ซึ่งช่วงคลื่นนี้ตลาดทองคำเริ่มร้อนแรงและมีตลาดทองคำเกิดใหม่ในหลายประเทศทั่วโลก เกิดการสะสมทุนสำรองระหว่างประเทศในรูปทองคำในหลายประเทศ ปริมาณการซื้อขายในตลาดโลกในช่วงคลื่นนี้มีมากกว่าในช่วงคลื่นที่ 1 หลายสิบเท่า ด้วยเหตุนี้จึงคาดว่าเป็นสาเหตุให้เวลาเดินทางของคลื่นขาขึ้นที่ 3 นี้สั้นกว่าคลื่นขาขึ้นที่ 1 หลายปี คลื่นนี้ราคาทองคำขึ้นจาก 681.4$ ไปจนถึง 1920.8$ ในเดือน 9 ปี 2011 คิดเป็นขนาดความสูง 1239.4$ หรือราว 1.59 เท่าของคลื่นขาขึ้นที่ 1 ใช้เวลาเดินทางเกือบ 2 ปี 11 เดือน

- คลื่นปรับฐานที่ 4 ซึ่งปรับฐานจบแล้วหรือไม่ยังไม่มีใครทราบ แต่ตามความเห็นของผู้เขียนแล้วเมื่อประเมินจากลักษณะคลื่นของกราฟค่าเงินยูโรและ Silver ประกอบกับการขึ้นผ่าน trend line ขาลงของทองคำประกอบกับการโหมซื้ออัดเข้าพอร์ตของกองทุนด้วยแล้ว ผู้เขียนคาดว่าการปรับฐานน่าจะสิ้นสุดแล้วเมื่อเกือบปลายเดือน 7 ปี 2012 ที่ผ่านมา โดยใช้ลักษณะคลื่นปรับฐานของค่าเงินยูโรเป็นหลักในการสันนิษฐานถึงแม้ว่าราคาทองคำจะไม่ได้ทำ New low ก็ตาม

ตามทฤษฎีคลื่นนั้นเมื่อการปรับฐานในคลื่นที่ 2 เกิดเป็นรูปแบบธรรมดาแล้ว การปรับฐานในคลื่นที่ 4 จะมีโอกาสสูงในการปรับฐานเป็นรูปแบบซับซ้อนและจุดสุดท้ายของการปรับฐานอาจจะไม่เกิด New low อีกทั้งการปรับฐานลงมาเป็นคลื่นที่ 4 ตามทฤษฎีคลื่นแล้วมักจะมีสัดส่วนการปรับฐานไม่มากนัก

ถ้านับจุดต่ำสุดของราคาทองคำที่สามารถลงมาได้ในคลื่นนี้ก็คือ 1522.6$ คิดเป็นความสูงของการปรับฐาน 398.2$ คิดเป็นสัดส่วนการปรับฐานราว 32.1% ของคลื่นขาขึ้นที่ 3 และใช้เวลาปรับฐานราว 10 เดือนกว่า

ดังนั้นหากสันนิษฐานตามทฤษฎีคลื่นได้ถูกต้องแล้ว ทองคำน่าจะยังเหลือคลื่นขาขึ้นที่ 5 ที่มีขนาดความสูงมากกว่าคลื่นขาขึ้นที่ 1 แต่อาจจะน้อยกว่าคลื่นขาขึ้นที่ 3 นั่นหมายถึงอาจมีขนาดความสูงได้มากกว่า 800$ ขึ้นไปและอาจใช้เวลาเดินทางราวๆ 2 ปีกว่านับจากนี้ แล้วเมื่อสิ้นสุดวัฎจักรนี้คาดว่าจะเกิด Mega tsunami หรือสึนามิทองคำลูกยักษ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อน สรุปแล้วประมาณหยาบๆคือทองคำอาจมีราคาสูงขึ้นราว 50% ในอีกราว 2-3 ปีข้างหน้าแล้วค่อยถล่มครับ

กระทู้นี้ถือเป็นการรันอินก็จบเพียงเท่านี้ก่อนก็แล้วกันครับ อย่างไรก็ดีข้อสันนิษฐานข้างต้นยังเป็นเพียงมุมมองความเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น มิอาจรับรองความแม่นยำถูกต้องใดๆได้ทั้งสิ้น เวลาเท่านั้นที่จะสามารถเป็นผู้เฉลยคำตอบครับ

ว่าแต่หากผู้เขียนสันนิษฐานถูกต้องล่ะก็การลงทุนกับทองคำรอบนี้น่าจะฟันก่อนทิ้งได้พอสมควรเลยทีเดียว แล้วคุณล่ะพร้อมจะเข้าร่วมขบวนฟันแล้วทิ้งหรือยังครับ !


http://www.thaigold.info/Board/index.php?/topic/476-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3-%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A2-%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2/page__st__2130
.-------------------------------------------------------------------------------


ไม่แน่ใจลงแล้วหรือยัง  ขอลงอีกรอบครับ

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
« ตอบกลับ #71 เมื่อ: กรกฎาคม 05, 2013, 11:06:38 pm »
ศูนย์วิจัย คาด ราคาทองคำดิ่งลงถึงสิ้นปี ต่ำสุดที่บาทละ 17,000 บาท
-http://hilight.kapook.com/view/88208-

ราคาทองคำ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


          ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ คาด ราคาทองคำตลาดโลกช่วงครึ่งปีหลัง ลดลงต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี ซึ่งกดราคาในประเทศต่ำสุดที่ บาทละ 17,000 บาท

          วันนี้ (5 กรกฎาคม 2556) นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ค้าทองคำรายใหญ่ 6 แห่ง มีความเห็นตรงกันว่า ราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลัง จะอยู่ระหว่าง 1,300 - 1,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยกรอบบนที่ 1,520 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (20,500 - 21,000 บาท) กรอบล่างที่ 1,150 - 1,050 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (17,000 - 17,500 บาท)

          ทั้งนี้ ปัจจัยหลักมาจากการชะลอการใช้มาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE) ของสหรัฐฯ ซึ่งทิศทางของค่าเงินบาท การขายของกองทุนขนาดใหญ่ เศรษฐกิจเอเชียที่เริ่มมีการ ชะลอตัว และการเก็งกำไรในตลาด รวมทั้งความต้องการทองคำของจีน และอินเดียจะลดลง ดังนั้น ราคาทองคำยังเป็นขาลงถึงสิ้นปี และจะปรับขึ้นในช่วง 1 - 2 ปีข้างหน้า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ ราคาทองคำตลาดโลกในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,150 - 1,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนราคาทองคำในประเทศไทยจะอยู่ในกรอบ 17,000 - 20,500 บาท

          ด้าน นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ มั่นใจว่า ราคาทองคำในปีนี้จะลดลงไม่ถึง 1,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เพราะเป็นราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนเหมืองทองคำ และทองคำอยู่ในภาวะขาดตลาด ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้เกิดจากการทุบตลาดของกองทุนเก็งกำไร โดยอาศัยข่าวความกังวลธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะถอนมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE)

          อย่างไรก็ตาม ในแต่ละวันการซื้อ ขายทองคำในตลาดล่วงหน้าทั่วโลก มีปริมาณสูงถึง 5,000 ตัน ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่า ราคาทองมีโอกาสกลับมายืนในกรอบ 1,500 - 1,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ภายใน 6 เดือน


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก สปริง นิวส์
-http://news.springnewstv.tv/31847/%E0%B8%A8%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%AF-%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5-%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A5%E0%B8%B0-17-000-%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97-
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
« ตอบกลับ #72 เมื่อ: กรกฎาคม 05, 2013, 11:28:59 pm »
ต้นทุนการผลิตทองคำ...บล.โกลเบล็ก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    5 กรกฎาคม 2556 15:30 น.
-http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000082054-





   หลังจากเหล่าสถาบันการเงินต่างๆปรับมุมมองราคาทองคำโลกลงทั้งของปี 2013 และ 2014 เป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่ต้นปี สาเหตุก็อย่างที่ทุกคนทราบคือความกังวลว่าเฟดจะยุติมาตรการ QE และห่วงว่าดอกเบี้ยสหรัฐกำลังจะกลับตัวเป็นขาขึ้นอีกครั้งหลังเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้นตัว ทำให้เกิดแรงขายทองคำออกมาโดยเฉพาะจากกองทุน SPDR Gold Trust ที่ทยอยขายออกมาต่อเนื่อง ทำเอาตลาดเริ่มวิตกว่าทองคำกำลังจะเข้าสู่ช่วงพักฐานนานเป็นสิบปีกว่าจะมีการปรับขึ้นมาใหม่อีกรอบเหมือนในช่วงหลัง ค.ศ.1980 หรือไม่
       
           ประเด็นที่นักลงทุนเป็นห่วงกันมากที่สุดคือ ราคาทองคำจะลงไปต่ำสุดที่เท่าไหร่
       
           ก่อนหน้านี้เคยเกริ่นไว้บางส่วนแล้วว่าต้นทุนหน้าเหมืองของแต่ละบริษัทในแต่ละประเทศอาจจะไม่เท่ากัน แต่จะอยู่ราวๆ $900-1,290 เหรียญต่อออนซ์ แต่ตรงแถว $1,200-,1290 เหรียญต่อออนซ์นี่เป็นต้นทุนของพวกเหมืองที่ประสบปัญหาค่าแรงสูงเพราะมีการประท้วงกัน แต่หากไปดูเหมืองใหญ่ๆจริงๆแล้ว ราคาต้นทุนทองคำจะอยู่ราวๆ $900-1,150 เหรียญ
       
       ยกตัวอย่าง 4 บริษัทเหมืองทองคำที่ใหญ่ๆของโลกเช่น
           บริษัท Goldcorp ต้นทุนอยู่ที่ $1,135 เหรียญต่อออนซ์
           บริษัท Newmont ต้นทุนอยู่ที่ $1,115 เหรียญต่อออนซ์
           บริษัท Kinross ต้นทุนอยู่ที่ $1,038 เหรียญต่อออนซ์
           บริษัท Barrick ต้นทุนอยู่ที่ $1,038 เหรียญต่อออนซ์
           
           ต้นทุนเหล่านี้นอกจากรวมต้นทุนค่าขุดเจาะเหมืองแล้วก็ยังรวมค่าปฏิบัติงานอื่นๆด้วย รวมถึงการป้องกันความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน ฯลฯ ซึ่งใครที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า มีวิธีการ Hedge หรือป้องกันความเสี่ยงทั้งราคาทองคำและอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่า หรือเรียกว่ามี Efficiency ก็จะมีต้นทุนการผลิตทองคำที่ต่ำกว่าคู่แข่ง
           
           เนื่องจากต้นทุนเหมืองอยู่ระดับที่โชว์ข้างต้น ทำให้โอกาสที่ราคาทองคำโลกจะลงต่ำกว่าก็คงยากพอสมควร เพราะถ้าลงมาต่ำกว่าต้นทุนเหมือง การลดกำลังการผลิตทองคำเพื่อพะยุงราคาทองคำไม่ให้ตกลงเหมือนเวลากลุ่มโอเปกทำกับราคาน้ำมันก็คงเกิดขึ้นบ้าง แต่ควรระมัดระวังเหมือนกันเพราะในอดีต ราคาทองคำตลาดโลกเคยต่ำกว่าต้นทุนหน้าเหมืองก็เคยมีในช่วงภาวะตลาดทองคำเงียบเหงามากๆ
           
           "ราคาต้นทุนทองคำหน้าเหมือง เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยหนุนราคาทองคำไม่ให้ตกต่ำไปมากกว่านี้เท่าไหร่ แต่ถ้าคุณเป็นนักเก็งกำไรทางเทคนิค ซื้อด้วยกราฟ คุณก็ควรขายด้วยกราฟ ถ้าคุณเป็นนักลงทุนสะสมทองคำในระยะยาว ราคาทุนหน้าเหมืองจะเป็นตัวช่วยบอกคุณว่า ราคาต่ำกว่า $1,250 ลงไปเป็นจังหวะสะสมทองคำแท่งแล้ว จะเลือกลงทุนด้วยเหตุผลอะไร เลือกให้เหมาะสมกับนิสัยตัวเองก่อน แล้วอย่าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่งั้นก็คงไม่ต่างกับแมงเม่าทั่วๆไปในตลาดเก็งกำไรทั่วๆไปในตลาดเก็งกำไร"
       
         สัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช
       ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
« ตอบกลับ #73 เมื่อ: กรกฎาคม 05, 2013, 11:32:56 pm »
ฟันธง! ราคาทองคำโลกไม่หลุด 1,100 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต้นทุนผลิต
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    5 กรกฎาคม 2556 16:16 น.
-http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000082102-

นายกสมาคมค้าทองฯ มั่นใจราคาทองคำโลกไม่หลุด 1,100 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับราคาต้นทุน ลุ้นครึ่งปีหลังรีบาวนด์ทดสอบ 1,500-1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ เชื่อความต้องการยังสูง และราคาจะไม่ต่ำกว่าหน้าเหมือง ส่วนประเด็นข่าวที่กองทุนหลายแห่งขายทองคำออกมา มองว่าเป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
       
       นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวถึงสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก โดยมั่นใจว่า ภายในปีนี้ราคาทองคำจะไม่หลุดต่ำกว่า 1,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากระดับดังกล่าวใกล้เคียงกับราคาต้นทุน
       
       นอกจากนี้ ยังคาดว่าราคาทองคำจะมีโอกาสทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,500-1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากความต้องการทองคำในตลาดโลกยังอยู่ในระดับสูง สังเกตจากค่าพรีเมียมสำหรับคำสั่งซื้อหากใครต้องการสินค้าเร็วขึ้นจะต้องเสียค่าพรีเมียมเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 1.00-1.50 ดอลลาร์ต่อตัน เป็น 6-8 ดอลลาร์ต่อตัน
       
       ส่วนประเด็นข่าวการชะลอมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (คิวอี) มองว่าให้นักลงทุนอย่าเพิ่งวิตกกังวลกับประเด็นดังกล่าวมากจนเกินไป เนื่องจากการชะลอมาตรการยังไม่เกิดขึ้นจริง ถึงแม้ว่าเกิดขึ้นจริงก็ยังไม่สนับสนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วทันที
       
       “มองว่าข่าวต่างๆ ที่ออกมาทำให้ราคาทองปรับตัวลดลงในช่วงนี้ มาจากการปั่นกระแสข่าวจากกองทุนต่างๆ เนื่องจากในปัจจุบัน บรรดากองทุนมีการซื้อขายในสินค้า Gold Futures ที่เป็นใบกระดาษมากขึ้น”
       
       ทั้งนี้ ราคาทองคำเป็นไปได้ยากที่จะต่ำกว่าหน้าเหมือง เพราะเมื่อ 10 กว่าปีก่อนราคาทองคำหลุดต่ำลงไปอยู่ที่ 257 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าราคาหน้าเหมืองเพียง 300 ดอลลาร์ ทำให้เหมืองทองเริ่มขาดทุน ซึ่งเป็นผลให้ราคาทองคำขยับเพิ่มขึ้นได้
       
       ดังนั้น ในกรณีปัจจุบันนี้จึงคาดว่าราคาทองคำคงไม่ต่ำกว่าราคาหน้าเหมือง และความต้องการยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนประเด็นข่าวที่กองทุนหลายแห่งขายทองคำออกมา มองว่าเป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


-------------------------------------------------------------------------


อ่านหู ไว้หู

(ฟังหู ไว้หู ครับ)

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
« ตอบกลับ #74 เมื่อ: กรกฎาคม 05, 2013, 11:36:16 pm »
แนะวิธีปลดหนี้ ห่วงคนไทยหนี้เพิ่ม-ใช้จ่ายเกินตัว เตือนละเลยอาจถึงขั้นล้มละลาย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    5 กรกฎาคม 2556 18:40 น.    
-http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000082183-

 สมาคมนักวางแผนการเงินไทย (TFPA) มองสถานการณ์ปัญหาหนี้ครัวเรือนน่าเป็นห่วง แนะผู้บริโภคผ่อนชำระหนี้แต่ละเดือนไม่ควรจะสูงเกินกว่าร้อยละ 36 ของรายได้ หากสูงเกินกว่านี้อาจส่งผลต่อการผ่อนชำระหนี้ในอนาคต และอาจนำไปสู่การฟ้องร้องให้เป็นบุคคลล้มละลายได้
       
       ธีระ ภู่ตระกูล นายก สมาคมนักวางแผนการเงินไทย กล่าวว่า จากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งครอบคลุมรวมไปถึงหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล ที่เริ่มมีสัญญาณการหยุดชำระหนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มผู้มีรายได้ต่ำ อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน การหลีกเลี่ยงการก่อหนี้มีความเป็นไปได้ยากมากขึ้น ดังนั้น วิธีการที่ดีที่สุดคือ ทุกคนจะต้องเรียนรู้และมีการบริหารจัดการหนี้ที่ดี เพื่อลดปัญหาวิกฤติหนี้สินที่มี
       
       โดยแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ควรเริ่มจากการสำรวจภาระหนี้สินที่มีว่ามีจำนวนเท่าใดที่เป็นหนี้สินที่ดี คือเป็น “หนี้ที่สร้างความมั่งคั่ง” หรือ “หนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต” เช่น หนี้กู้ยืมซื้อบ้าน หรือเพื่อการศึกษาของบุตร มีจำนวนเท่าใด และหนี้สินรวมทั้งหมดมีจำนวนเท่าใด ทั้งนี้ จำนวนเงินผ่อนชำระในแต่ละเดือนควรจะไม่สูงเกินกว่าร้อยละ 36 ของรายได้ เพราะหากสูงเกินกว่านี้ อาจส่งผลต่อการผ่อนชำระหนี้ในอนาคต และอาจนำไปสู่การฟ้องร้องให้เป็นบุคคลล้มละลายได้
       
       นอกจากนี้ ควรพยายามลดในส่วนของ “หนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดความมั่งคั่ง” เป็นลำดับแรก เพราะหนี้สินเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้สินที่เกิดจากการอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน โดยการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต หรือสินเชื่อบุคคล ซึ่งเป็นหนี้ระยะสั้น และมีอัตราดอกเบี้ยสูง
       
       อีกทั้ง ควรจะสำรวจทรัพย์สินที่ไม่มีความจำเป็นและสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสด เพื่อลดภาระหนี้ดังกล่าวรวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้โดยการหาแหล่งเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ เช่น เงินกู้สวัสดิการพนักงาน เพื่อนำไปปลดหนี้ที่มีต้นทุนดอกเบี้ยสูง นอกจากนี้ ควรพยายามจ่ายหนี้ให้มากกว่าอัตราชำระขั้นต่ำ มิเช่นนั้นโอกาสที่จะทำให้หลุดพ้นจากวงจรหนี้เป็นไปได้ยากมาก เพราะจะจ่ายได้ในส่วนของดอกเบี้ยเท่านั้น ไม่ได้ทำให้เงินต้นลดลงแต่อย่างใด
       
       ในขณะเดียวกัน ควรมีการบริหารรายรับรายจ่ายให้สมดุลโดยการทำบัญชีรายรับรายจ่าย เพื่อให้ทราบถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงและสามารถใช้เป็นข้อพิจารณาในการลดรายจ่ายฟุ่มเฟื่อยหรือไม่จำเป็นลงได้ ทำให้มีรายรับสุทธิเพิ่มขึ้นเพื่อนำไปชำระหนี้ ซึ่งควรจะนำไปชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงเป็นลำดับแรก และในจำนวนอื่นที่มีดอกเบี้ยต่ำลดลงมาตามลำดับ
       
       นอกจากนี้ ยังต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคควบคู่กันไป โดยให้ใช้จ่ายตามความจำเป็นเท่านั้น อย่าใช้จ่ายตามความต้องการ ซึ่งจะเป็นการใช้จ่ายตามกระแสการโฆษณาประชาสัมพันธ์อันเป็นกลยุทธ์การตลาดเพื่อกระตุ้นการบริโภคสินค้า
       อย่างไรก็ตาม หลายๆ ครั้งการเป็นหนี้ อาจเกิดจากความจำเป็นที่ไม่สามารถคาดการได้ เช่น หนี้ที่เกิดจากรายการค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล ตกงาน หรือซ่อมแซมบ้าน เป็นต้น ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาดังกล่าว เมื่อปลอดจากภาระปัญหาหนี้สินแล้ว ควรมีการเก็บออมเงินเพื่อสภาพคล่องไว้จำนวนหนึ่ง อาทิ ฝากธนาคาร ให้เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายปกติได้จำนวนอย่างน้อย 6 เดือน
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
« ตอบกลับ #75 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2013, 08:00:25 am »
เช็คสภาพความผันผวนเศรษฐกิจโลก ตอนที่ 1
ทิศทางของเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างไร ปัจจัยอะไรที่ส่งผลกระทบ
-http://ibizchannel.com/view.aspx?cid=1928&lid=5-

http://ibizchannel.com/view.aspx?cid=1928&lid=5




เช็คสภาพความผันผวนเศรษฐกิจโลก ตอนที่ 2
สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศจีนเป็นอย่างไร
-http://ibizchannel.com/view.aspx?cid=1944&lid=5-

http://ibizchannel.com/view.aspx?cid=1944&lid=5




เช็คสภาพความผันผวนเศรษฐกิจโลก ตอนที่ 3
ท่ามกลางความผันผวนแบบนี้ นักลงทุนควรทำอย่างไร
-http://ibizchannel.com/view.aspx?cid=1961&lid=5-

http://ibizchannel.com/view.aspx?cid=1961&lid=5

.


ไปชมตามลิงค์ครับ

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
« ตอบกลับ #76 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2013, 06:19:12 am »
คปภ.ลดชั่วโมงการอบรมตัวแทน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    7 กรกฎาคม 2556 22:18 น.
-http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000082143-

คปภ.เผยปรับลดชั่วโมงการอบรม เดิมตัวแทนประกันภัยต้องผ่านการอบรมจำนวน 30 ชั่วโมง ลดลงเหลือ 15 ชั่วโมง และนายหน้าประกันภัยต้องผ่านการอบรม 50 ชั่วโมง ลดลงเหลือ 25 ชั่วโมง
       
       นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงาน คปภ.ได้ออกประกาศ เรื่อง กำหนดหลักสูตรและวิธีการการอบรมความรู้เกี่ยวกับการประกันชีวิต/วินาศภัย สำหรับผู้ขอรับและขอต่ออายุใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิต/วินาศภัย และนายหน้าประกันชีวิต/วินาศภัย พ.ศ. 2556 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2556 เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวแทน/นายหน้า ที่ประสงค์จะขอต่ออายุใบอนุญาต ครั้งที่ 4 เป็นต้นไป ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดสามารถใช้สิทธิลดจำนวนชั่วโมงการอบรม ดังนี้
       
       1. สอบผ่านคุณวุฒิที่ใช้ในการประกอบอาชีพประกันชีวิต/วินาศภัย ที่สำนักงานให้ความเห็นชอบ เช่น หลักสูตร CFP หลักสูตร AFPT หลักสูตร FChFP (Conversion course) หลักสูตร Cert Cll และหลักสูตร Diploma in Non-Life เป็นต้น
       2. สำเร็จการศึกษาตั้งแต่ระดับปริญญาโทขึ้นไปทุกสาขา จากสถาบันอุดมศึกษาหรือสถาบันการศึกษาในต่างประเทศที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนรับรอง และ 3. เป็นหรือเคยเป็นวิทยากร ผู้บรรยายความรู้ หรือเป็นอาจารย์ประจำ หรืออาจารย์พิเศษในสถาบัน สมาคม หรือองค์กร และในหลักสูตรการอบรมสำหรับผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิต/วินาศภัย ขอต่ออายุใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิต/วินาศภัย นายหน้าประกันชีวิต/วินาศภัย ภายในระยะเวลา 5 ปี ก่อนต่ออายุใบอนุญาตฯ
       
       โดยสามารถใช้สิทธิของการอบรมลดลงเหลือกึ่งหนึ่ง คือ ปกติตัวแทนประกันภัยต้องผ่านการอบรมจำนวน 30 ชั่วโมง ให้ลดลงเหลือ 15 ชั่วโมง และนายหน้าประกันภัยต้องผ่านการอบรม 50 ชั่วโมง ลดลงเหลือ 25 ชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อเป็นการพัฒนาวิชาชีพประกันภัย สำนักงาน คปภ.จึงอนุญาตให้นำมาใช้ในการต่ออายุได้อย่างต่อเนื่องในวิชาชีพ โดยการใช้สิทธิลดจำนวนชั่วโมงการอบรมไม่สามารถนำมารวมกันหรือขอลดจำนวนชั่วโมงการอบรมในคราวเดียวกันได้
       
       นอกจากนี้แล้ว การเข้ารับการสัมมนาในวิชาที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยที่สำนักงาน คปภ.ให้ความเห็นชอบภายในระยะเวลา 5 ปีก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ ก็สามารถให้นับชั่วโมงการสัมมนาได้ตามจริง แต่กรณีตัวแทนประกันภัยไม่เกิน 15 ชั่วโมง และกรณีนายหน้าประกันภัยไม่เกิน 25 ชั่วโมง
       
       เลขาธิการ คปภ.กล่าวเสริมว่า รายละเอียดดังกล่าวสามารถดูได้ที่ www.oic.or.th ภายใต้หัวข้อกฎหมายประกันภัย ประกาศสำนักงานฯ เรื่อง กำหนดหลักสูตรและวิธีการ การอบรมความรู้เกี่ยวกับการประกันชีวิต/วินาศภัย สำหรับผู้ขอรับและขอต่ออายุใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิต/วินาศภัย และนายหน้าประกันชีวิต/วินาศภัย พ.ศ. 2556 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายบริหารกลยุทธ์ช่องทางการจำหน่าย โทร. 0-2515-3999 ต่อ 4300-3 หรือสายด่วนประกันภัย 1186



คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
« ตอบกลับ #77 เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2013, 10:48:35 pm »
รอที่กระดาน... IPO “ซีเคพาวเวอร์” ไม่พอขาย 220 ล.หุ้นคิวจองเต็ม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    8 กรกฎาคม 2556 18:25 น.    
-http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000083307-



เจอกันที่กระดานเทรด... ไอพีโอ “ซีเค พาวเวอร์” 220 ล้านหุ้น ฮอตจัด หมดตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดจอง เคาะราคาขาย 13 บาท/หุ้น ส่วนลด 26% ผู้มีอุปการคุณ และสถาบันกวาดไปแล้ว 60% ส่วนที่เหลืออีก 40% ของรายย่อย ผู้บริหารระบุมีดีมานต์ต้องการซื้อเกลี้ยงแล้ว
       
           โดยการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ ซีเค พาวเวอร์ แต่งตั้ง บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด บริษัทกรุงไทยแอดไวซ์เซอรี่ จำกัด และธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) บล. บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บล.เคทีซิมิโก้ จำกัด และ บล.ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันจำหน่าย (Lead Underwriter) โดยเปิดให้จองซื้อหุ้น CKP  ได้ระหว่างวันที่ 10-12 กรกฎาคมนี้ และจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในหมวดพลังงาน ประมาณวันที่ 18 กรกฎาคมนี้
       
           ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชน (IPO) จำนวน 220 ล้านหุ้นครั้งนี้ แบ่งออกเป็นการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 180 ล้านหุ้น และการเสนอขายหุ้นสามัญเดิม 40 ล้านหุ้น โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จะนำมาชำระคืนเงินกู้ จำนวน 1,300 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ D/E เหลือไม่ถึง 1 เท่า ส่วนที่เหลือจะเป็นเงินทุนในอนาคต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจคิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย 2,860 ล้านบาท
       
           สำหรับจุดแข็งของซีเค พาวเวอร์ ที่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนคือ เป็นบริษัทแฟล็กชิปด้านพลังงานของกลุ่ม ช. การช่าง ที่มีศักยภาพในการเติบโตด้วยรายได้ที่มั่นคง มีตลาดที่มีการเติบโตสูง ซึ่งปัจจุบัน ซีเค พาวเวอร์ ลงทุนในโรงไฟฟ้า 6 แห่ง จากแหล่งพลังงานที่หลากหลาย ทั้งในประเทศ และต่างประเทศซึ่งมีศักยภาพการเติบโต ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์บางเขนชัย และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์นครราชสีมาโซลาร์ที่ จ.นครราชสีมา โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์เชียงรายโซลาร์ จ. เชียงราย โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนบางปะอิน โคเจนเจเนอเรชั่น 1 และบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น 2 ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำงึม 2 ในประเทศ สปป.ลาว และกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนพัฒนาโรงงานพลังงานความร้อนอีก 8 แห่ง ในภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ตลอดจนการลงทุนเพิ่มใน สปป.ลาว ซึ่งถือได้ว่าเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของภูมิถาค โดยประกอบด้วยโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำบากแบะ โรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี รวมทั้งการสำรวจความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนในประเทศพม่า ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ และโอกาสเติบโตสูง
       
           ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า มั่นใจว่าการเสนอขายหุ้นครั้งนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจาก CKP มีฐานรายได้ที่มั่นคง มีการกระจายธุรกิจไปยังธุรกิจไฟฟ้าหลายรูปแบบ มีโครงการที่ดำเนินการอยู่และสามารถส่งมอบได้ในอนาคต อีกทั้งเป็นบริษัทที่มีโอกาสเติบโตสูง จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว ซึ่งโดยกำหนดราคาเสนอขายที่ 13 บาท ซึ่งคิดเป็นราคาปิดต่อมูลค่าทางบัญชีที่ 1.28 เท่า เทียบกับราคาปิดต่อมูลค่าทางบัญชีของบริษัทที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจในลักษณะเดียวกันที่ 1.73 เท่า คิดเป็นส่วนลด 26% 
       
           “การเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดี โดยได้จัดสรรให้แก่ผู้มีอุปการคุณ 40% ของหุ้นเสนอขาย 220 ล้านหุ้น จัดสรรให้นักลงทุนสถาบัน 20% และนักลงทุนรายย่อย 40% ซึ่งได้แสดงความต้องการซื้อหมดแล้ว” นายก้องเกียรติกล่าว


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
« ตอบกลับ #78 เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2013, 10:53:03 pm »
หุ้น IPO “ซีเค พาวเวอร์” เกินคาดนักลงทุนจองล้น
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    15 กรกฎาคม 2556 17:40 น.
-http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000086620-

  “ซีเค พาวเวอร์” ผู้นำในธุรกิจผลิตไฟฟ้าของไทย และอาเซียนเผยการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป (IPO) ประสบความสำเร็จดีเยี่ยม โดยหุ้นที่เสนอขายจำนวน 220 ล้านหุ้น ราคาจองหุ้นละ 13 บาท คิดเป็นส่วนลดประมาณ 26% ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งสถาบัน และรายย่อยจองซื้อแล้วทั้งหมด รวมมูลค่าการเสนอขายทั้งสิ้น 2,860 ล้านบาท
       
       ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น CKP กล่าวว่า “การที่ไอพีโอของ CKP ครั้งนี้ได้ประสบความสำเร็จอย่างดี เนื่องจากพื้นฐานที่แข็งแกร่งของความเป็นธุรกิจพลังงาน มีฐานรายได้ที่มั่นคง มีการกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจไฟฟ้าหลายรูปแบบ มีโอกาสเติบโตสูง จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว ราคาเสนอขายที่ 13 บาท ซึ่งคิดเป็นราคาปิดต่อมูลค่าทางบัญชีที่ 1.28 เท่า คิดเป็นส่วนลดถึง 26% จากราคาต่อมูลค่าทางบัญชีของบริษัทที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจในลักษะณะเดียวกัน จึงให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน และได้รับการตอบรับเกินคาดด้วยการจองซื้อทั้งหมด”
       
       ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บริษัทขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความสนใจจองซื้อหุ้น CKP อย่างล้นหลาม ความสำเร็จครั้งนี้น่าจะเกิดขึ้นจากจุดแข็งของเราในฐานะที่เป็นบริษัทแฟล็กชิปด้านพลังงานของกลุ่ม ช.การช่าง ซึ่งเป็นผู้นำด้านธุรกิจการก่อสร้างมากว่า 40 ปี CKP ยังมีศักยภาพในการเติบโตด้วยรายได้ที่มั่นคงจากสัญญาธุรกิจระยะยาว อยู่ในอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้า มีแผนพัฒนาโครงการที่ชัดเจน จากแหล่งพลังงานที่มีความหลากหลาย และด้วยต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ด้วยแรงสนับสนุนจากท่าน เราพร้อมจะก้าวต่อไปอย่างมั่นคงเพื่อส่งมอบไฟฟ้าให้คนไทยได้อย่างยั่งยืน”
       
       ทั้งนี้ หุ้น CKP จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในหมวดพลังงาน วันที่ 18 กรกฎาคม 2556 นี้

http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000086620

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
« ตอบกลับ #79 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2013, 06:47:10 pm »
สาระน่ารู้ ประเภทของบ้าน

สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อบ้านหรือที่อยู่อาศัย อันดับแรกนั่นคือกำหนดความต้องการว่าบ้านในฝันที่เราอยากได้นั้นเป็นอย่างไร เช่น บ้านเดี่ยวพร้อมที่ดิน บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโดมิเนียม แต่ละประเภทก็มีลักษณะแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ การตกแต่ง เนื้อที่ใช้สอย หรือราคา

การที่เราจะเลือกที่อยู่อาศัยในลักษณะใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประกาศ เช่น งบประมาณในการก่อนสร้างหรือซื้อ ทำเลที่ตั้ง ความสะดวกสบาย จำนวนสมาชิกในครอบครัว เป็นต้น ซึ่งแยกอธิบายที่อยู่อาศัยตามลักษณะรูปแบบแต่ละอย่างได้ดังนี้

บ้านเดี่ยว
บ้านเดี่ยว เป็น "บ้านในดวงใจ" ของผู้ซื้อบ้านแทบจะทุกคน เพราะบ้านเดี่ยวให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยและมีบริเวณที่ทำให้รู้สึกโล่ง โปร่ง นอกจากนี้แล้ว สำหรับบางคนบ้านเดี่ยวถือเป็นเครื่องแสดงถึงความเป็นผู้มีฐานะในระดับหนึ่ง (ขึ้นอยู่กับขนาด ความหรูหรา และราคาของบ้าน) อีกด้วย
บ้านเดี่ยวราคาถูกมักจะเป็นบ้านชั้นเดียว แต่โดยทั่วไปแล้วบ้านเดี่ยวจะเป็นบ้าน 2 ชั้น อนึ่ง บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ก็มีให้เห็นบ้างในบริเวณที่ที่ดินมีจำกัดหรือมีราคาแพงมาก
การจัดสรรบ้านเดี่ยวนั้น กฎหมายกำหนดให้ต้องมีขนาดที่ดินไม่ต่ำกว่า 50 ตารางวา โดยที่ดินต้องมีหน้ากว้างติดถนนไม่ต่ำกว่า 10 เมตร ลึก 20 เมตร

บ้านแฝด
ลักษณะของบ้านแฝดโดยทั่วไป คือ เป็นบ้าน 2 หลังมีฝาบ้านด้านหนึ่งติดกัน สร้างขึ้นเป็นคู่ บ้านแฝดมีบริเวณคล้ายบ้านเดี่ยวแต่น้อยกว่า กฎหมายกำหนดให้บ้านแฝดต้องมีขนาดที่ดินไม่ต่ำกว่า 35 ตารางวา บ้านแฝดคู่หนึ่งต้องมีความกว้างของที่ดินไม่ต่ำกว่า 16 เมตร โดยแบ่งข้างละ 8 เมตร
บ้านแฝดเป็นเหมือนบ้านที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยม อาจเป็นเพราะเป็นบ้านที่จะเป็นบ้านเดี่ยวก็ไม่ใช่ จะเป็นทาวน์เฮ้าส์ก็ไม่เชิง ในปีหนึ่งๆ จึงมีบ้านแฝดเกิดขึ้นน้อยมาก
แต่เคยมีผู้ประกอบการบางราย ประกาศขายบ้านเดี่ยวในขนาดที่ดิน 35-40 ตารางวา ซึ่งตามกฎหมายแล้วสร้างไม่ได้ เพราะบ้านเดี่ยวต้องมีขนาดที่ดินไม่ต่ำกว่า 50 ตารางวา โดยการที่ผู้ประกอบการได้ดัดแปลงรูปแบบบ้านแฝดให้ดูคล้ายบ้านเดี่ยว เช่น แม้จะเป็นบ้านแฝดแต่เป็นคู่แฝดก็ไม่เหมือนกันนัก หรือที่ว่าบ้านแฝดต้องมีส่วนติดกัน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องหมายถึงฝาบ้านเท่านั้น บางรายเลยสร้างให้ห้องน้ำ ห้องคนใช้ หรือห้องครัวติดกัน แต่ตัวบ้านหลักดูเหมือนแยกกันเป็น 2 หลัง

ทาวน์เฮาส์ (Town house) หมายถึง บ้านแถวที่ปลูกเป็นแนวยาว อาจมีตั้งแต่ชั้นเดียวขึ้นไป จนถึง 3-4 ชั้น บ้านลักษณะนี้ใช้เนื้อที่ในการก่อสร้างน้อย ที่ดินแต่ละหน่วยมีขนาดเล็กมากเพียง 16-28 ตารางวาเท่านั้น ตัวบ้านตั้งอยู่ตรงกลางมีที่ดินเหลืออยู่เล็กน้อย โดยหน้าบ้านอาจจัดเป็นสวนหย่อม ส่วนด้านหลังบ้านเป็นลานตากผ้า ทำสวนครัว บริเวณด้านหน้าบ้านติดถนนหรือทางเท้า แต่ละหน่วยของอาคารจะใช้ผนังร่วมกัน ยกเว้นหน่วยแรกและหน่วยสุดท้ายของแถว ทำให้ช่วยประหยัดค่าวัสดุก่อสร้างอีกทางหนึ่ง จึงทำให้ราคาของบ้านต่อหน่วยไม่สูงมากนัก อยู่ในงบประมาณที่คนมีฐานะปานกลางจะซื้อหรือผ่อนส่งได้

แฟลต (Flat) หรือห้องชุด มีลักษณะเช่นเดียวกับ อพาร์ตเมนต์ (Apartment) ที่สร้างได้ห้องมาก ทำให้เกิดความคุ้มค่า เพราะสร้างเป็นอาคารสูงหลายชั้นบนที่เพียงเล็กน้อย สร้างได้รวดเร็ว ลดต้นทุนในการผลิต เนื่องจากใช้ฐานรากและหลังคาอันเดียวกัน จึงทำให้ช่วยชะลอการแผ่ขยายตัวของที่อยู่อาศัยโดยรอบในแนวราบได้ดี ลดความหนาแน่นของที่อยู่อาศัยไม่ให้เบียดเสียดกันมากเกินไป อาคารหนึ่งๆ สามารถอยู่กันหลายๆ ครอบครัว ถึงแม้ว่าจะปลูกสร้างอยู่ในบริเวณใจกลางเมือง ซึ่งที่ดินมีราคาสูงก็ตาม แต่เมื่อเอาจำนวนหน่วยทั้งหมดมาเฉลี่ยแล้ว จึงทำให้ราคาต่อหน่วยไม่สูงมากนัก
แฟลตจะมีลักษณะคล้ายคอนโดมิเนียมคือเป็นอาคารสูง ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเท่านั้น มีระเบียงทางเดินด้านใดด้านหนึ่ง อาจเป็น 2 ด้านหรือระเบียงตรงกลาง มีการใช้ผนังห้องร่วมกัน 2 หรือ 3 ด้าน ภายในหน่วยหนึ่งๆ จะแบ่งย่อยเป็นห้องโถงเอนกประสงค์ ห้องนอน ห้องน้ำ และห้องครัว เพื่อให้สอดคล้องกับความจำเป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิตประจำวัน แต่มีข้อเสียอยู่บ้างคือแสงสว่างส่องเข้าไปได้น้อย การระบายอากาศไม่ดี และน้ำใช้อาจจะไม่เพียงพอ เพราะใช้กันมาก

คอนโดมิเนียม (condominium) เป็นอาคารที่อยู่อาศัยที่สร้างในแนวดิ่งสูงกว่าแฟลต เป็นอาคารที่มีห้องร่วมกันคือ บุคคลหลายๆคน สามารถถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินผืนเดียวกัน มีลักษณะคล้ายแฟลต เริ่มตั้งแต่ห้องเดี่ยวเอนกประสงค์ไปจนถึง 3-4 ห้องนอน ซึ่งแต่ละหน่วยจะมีห้องต่างๆ เช่น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องรับแขก อย่างครบถ้วน ตลอดจนห้องทำงาน ห้องพักผ่อนส่วนตัวด้วย ในอาคารชุดจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือทรัพย์สินส่วนบุคคล ได้แก่ ห้องชุด และทรัพย์สินส่วนกลางได้แก่ ที่ดิน

ได้ความรู้เพิ่มเติมกันไปแล้ว หวังว่าจะช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อบ้านแบบที่เหมาะสมและถูกใจกันนะคะ

ข้อมูลประกอบจาก :
-http://www.reic.or.th-
-http://www.elearning.msu.ac.th-



http://money.sanook.com/85165/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%97%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99/
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)