มนุษย์ที่แท้ 1มนุษย์ที่แท้แต่โบราณไม่พิศมัยชีวิต
ไม่เกลียดชังความตาย
เขาถือกำเนิดอย่างปราศจากความยินดี และกลับคืนไป
อย่างไม่เศร้าอาลัย
เขามาในพริบตา และจากไปในพริบตา
เขาไม่ลืมแหล่งที่มาของตน
ไม่พยายามค้นหาตำแหน่งแห่งที่อันเป็นจุดจบ
พึงพอใจกับสิ่งที่ได้รับและหลงลืมมันไป
ด้วยเหตุนี้ จิตใจของเขาจึงลืมหมดสิ้นทุกอย่าง
ใบหน้าสงบ หน้าผากกว้าง
เยือกเย็นราวฤดูใบไม้ร่วง อบอุ่นราวฤดูใบไม้ผลิ
ความเบิกบานและความขุ่นเคืองใจของเขาซึมซ่านอยู่ในฤดูทั้งสี่
เขาดำเนินการอยู่ในความถูกต้องชอบธรรม
และไม่มีใครอาจหยั่งวัดขอบเขตของเขา
***********************
มนุษย์ที่แท้ 2มนุษย์ที่แท้แต่โบราณนอนหลับโดยไม่ฝัน
ตื่นขึ้นโดยไม่วิตกกังวล กินอาหารโดยไม่ใส่ใจในรสชาติ
ลมหายใจของเขามาจากเบื้องลึกภายใน
เขาหายใจจากส้นเท้า
ขณะที่ผู้คนทั่วไปหายใจจากลำคอ
คนทั่วไปเมื่อพ่ายแพ้ก็เค้นคำพูดออกมาดั่งสำรอก
ลุ่มหลงในความปรารถนาและความใคร่อยาก
คนเหล่านี้ล้วนตื้นเขินในหนทางปฏิบัติแห่งฟ้า
******************
มนุษย์ที่แท้ 3 มนุษย์ที่แท้แต่โบราณไม่ต่อต้านความขัดสน
ไม่ยินดีในความมั่งคั่ง ไม่วางแผนการ
มนุษย์เยี่ยงนี้อาจทำผิด ทว่าไม่เศร้าเสียใจ
อาจประสบความสำเร็จ ทว่าไม่ลำพอง
มนุษย์ที่แท้ป่ายปีนสู่ที่สูงชันโดยไม่หวาดหวั่น
โจนสู่นทีโดยไม่เปียกปอน
เข้าสู่กองเพลิงโดยไม่มอดไหม้
ความรู้ของเขา อาจนำไปสู่มรรคาแห่งเต๋า ด้วยอาการดังนี้
******************
มนุษย์ที่แท้ 4มนุษย์ที่แท้แต่โบราณ สูงตระหง่านและไม่อาจโค่นล้ม
ดูเหมือนขัดสน แต่ไม่ต้องการสิ่งใด
สง่างามในความถูกต้อง แต่ไม่ดื้อรั้น
ยิ่งใหญ่ในความว่างเปล่าและไม่โอ้อวด
ยามนุ่มนวลเบิกบานก็แลดูมีความสุข
แม้ไม่เต็มใจก็ยังช่วยเหลือในกิจการงาน
ยามหงุดหงิดรำคาญแสดงออกทางสีหน้า
ยามผ่อนคลายก็พักผ่อนในคุณธรรมตน
อดทนข่มกลั้นจนคล้ายเป็นส่วนหนึ่งของโลก
ผงาดเงื้อมจนไม่มีสิ่งใดอาจเหนี่ยวรั้ง
ยามปลีกเร้นก็คล้ายดั่งจะตัดขาด
ยามครุ่นคิดก็คล้ายลืมสิ่งที่จะเอ่ยออกมา
******************