หน้าที่ 1 - เทวภูมิ 3 (อายุของเทวดา แต่ละชั้น)
-http://www.vcharkarn.com/vblog/37510-
ฉกามาพจร สวรรค์ 6 ชั้น ( เทวภูมิ ทั้ง 6 )
โดย ยรรยง สินธุ์งาม
สวรรค์ หรือ เทวโลก เทวภูมิ หมายถึง โลกที่เป็นที่อยู่ของเทวดา มี ๖ ชั้น เรียกว่า ฉกามาพจร ซึ่งหมายถึง ภพภูมิหกชั้น ที่ยังอยู่ในวังวนของ กามตัณหา ยังมีความอยาก ความใคร่ เป็นแรงขับ ยังมีการเกิด การแตกดับ เหมือนกับโลกมนุษย์ ถึงแม้ว่า เหล่าเทพทั้งหลายจะมีกาย ละเอียดเป็นทิพย์
๑. สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา สวรรค์ชั้นต่ำสุด ตั้งอยู่เหนือจอมเขายุคันธร ซึ่งเป็นภูเขาที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ อยู่สูงกว่าแผ่นดินขึ้นไปเบื้องบน ๓๒๖,๐๐๐,๐๐๐ วา คิดเป็นโยชน์ได้ ๔๖,๐๐๐ โยชน์
(มาตราวัดความยาวของไทย ; 8 ปรมาณู เป็น 1 อณู 5 อณู เป็น 1 ธุลี 8 ธุลี เป็น 1 เส้นผม
8 เส้นผม เป็น 1 ไข่เหา 8 ไข่เหา เป็น 1 ตัวเหา 8 ตัวเหา เป็น 1 เม็ดข้าว 8 เม็ดข้าว เป็น 1 นิ้ว
12 นิ้ว เป็น 1 คืบ 2 คืบ เป็น 1 ศอก 4 ศอก เป็น 1 วา 20 วา เป็น 1 เส้น 400 เส้น เป็น 1 โยชน์ ; อ้างอิง วิถีพีเดีย
สารานุกรมเสรี ) อยากรู้ ว่า หน่วยที่เป็น วา จะเป็นกี่เมตร ให้เทียบดังนี้ ๑ วา เท่ากับ ๒ เมตร ก็ให้เอา ๒ คูณ
จำนวนที่ได้ก็จะออกมาเป็น เมตร อยากรู้ว่า หน่วยที่เป็น โยชน์ จะเป็นกี่เมตร ให้เทียบดังนี้ ๑ โยชน์ จะเท่ากับ ๔๐๐ เส้น x ๔๐ เมตร เท่ากับ ๑๖,๐๐๐ เมตร ก็ให้เอา ๑๖,๐๐๐ เมตร คูณ จำนวนที่ได้ก็จะออกมาเป็น เมตร
สวรรค์ชั้นนี้ มีเมือง ๔ เมือง มีความกว้างยาวเท่ากัน คือ ๔๐๐,๐๐๐ วา กำแพงล้อมรอบประกอบด้วยแก้ว ๗ ประการ สูง ๘,๐๐๐ วา บานประตูทำด้วยแก้ว มีปราสาททองอยู่เหนือประตูทุกด้าน แผ่นดินเป็นแผ่นดินทองคำ แวววาวงดงาม ราบเรียบเหมือนหน้ากลอง เหมือนปูด้วยผ้า แก้วที่ประดับพื้นนั้นถ้าเหยียบลงไปก็อ่อนนุ่มยุบลงเล็กน้อย แล้วก็เต็มขึ้นมาเหมือนเดิม ไม่ปรากฏรอยเท้าที่เหยียบ น้ำใสยิ่งกว่าแก้ว มีดอกบัว ๕ ชนิดบานสะพรั่ง (บัว ๕ ชนิด (species) ซึ่งประกอบด้วย ๙ พันธุ์ (variety)
๑.ชนิดบัวหลวง (Nelumbo nucifera) ๓ พันธุ์ คือ บัวหลวงขาว (บุณฑริก) บัวหลวงชมพู (ปัทมา) และ บัวหลวงชมพูซ้อนทรงป้อม (สัตตบงกช)
๒.ชนิดบัวสาย (Nymphaea lotus var. pubescens) ๓ พันธุ์ คือ บัวสายแดง (รัตอุบล,สัตตบรรณ)
บัวสายชมพู (ลินจง) บัวสายขาว (เศวตอุบล,โกมุท,กมุท,กุมุท)
๓.บัวสุทธาสิโนบล (Nymphaea capensis var. zanzibariensis)
๔.บัวเผื่อน (Nymphaea nouchali)
๕.บัววิกตอเรีย (Victoria amazonica) (งานวิจัย การศึกษาลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของบัวบางชนิดในประเทศไทย , จารีย์ หอยทอง , มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สาขาพฤกษศาสตร์ : บัวทั้ง ๕ ชนิด กระผม ลองค้นดูสายพันธุ์บัวที่ปรากฎในโลกมนุษย์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าบนสวรรค์ชั้นดังกล่าว จะมีตามที่ว่าไว้หรือไม่ ก็ลองเผยแพร่ไว้ ถ้าใครมีข้อมูล เป็นอย่างอื่น ก็ขอให้นำมาแลกเปลี่ยนกัน แต่จากที่เผยแพร่ไว้ทางอินเตอร์เน็ต ก็หลายเดือนแล้ว ยังไม่มีใครแลกเปลี่ยนความรู้ในเรื่องดังกล่าว แม้แต่ เทวดา ในชั้นจาตุเอง ก็ยังไม่ได้มาบอกกล่าวแต่อย่างไร ก็ถือซะว่า ข้อมูลข้างต้นน่าจะใช้ได้ นะครับ )
น้ำในสระ มีกลิ่นหอมราวกับอบไว้ มีดอกไม้ต้นไม้งามเลิศ มีผลไม้รสอร่อย ออกดอกผลตลอดทั้งปี
เทพยดา ในสวรรค์ชั้นนี้มีอาหารทิพย์ อาหารแห้ง หายเข้าสู่ร่างกาย ไม่มีกากมูลอุจจาระ ปัสสาวะ ไม่เจ็บป่วย อยู่กับครอบครัวลูกเมียเป็นสุขสบาย เทพยดานั้นจะย่อตัวขยายตัวได้ตลอด รูปโฉมโนมพรรณจะสดใสเป็นหนุ่มสาวอยู่ราว ๑๖ ปีตลอด ร่างกายบริสุทธิ์สะอาดหอมอยู่ตลอดเวลา ปราศจากมลทินใดๆ
จาตุมหาราชิกา มีเทพยดาผู้เป็นใหญ่ คือ พระยาจตุโลกบาล ปกครองเหล่าเทพยดา ครุฑ นาค และยักษ์ทั้งหลาย คือ
๑. ท้าวธตรัฏฐ์ อยู่ทางทิศตะวันออกของเขาสุเมรุ เป็นผู้ปกครอง คันธัพพเทวดา (คนธรรพ์ เทพที่
ชำนาญการดนตรี )
๒. ท้าววิรุฬหก อยู่ทางทิศใต้ของเขาสุเมรุ เป็นผู้ปกครอง กุมภัณฑ์เทวดา
๓. ท้าววิรูปักข์ อยู่ทางทิศตะวันตกของเขาสุเมรุ เป็นผู้ปกครอง นาคเทวดา
๔. ท้าวกุเวร หรือ ท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวไพรศรพณ์ อยู่ทางทิศเหนือของเขาสุเมรุ เป็นผู้ปกครอง ยักขเทวดา ภูติ ผี ปิศาจ
ตามที่ศึกษาจากพระไตรปิฎก พบว่า ท้าวจตุโลกบาล ทั้ง 4 จะเสด็จมายังโลกมนุษย์ พร้อม ไพร่พลทุกวันพระ เพื่อมาตรวจสอบ เก็บบันทึก การทำความดี ความชั่ว ของมนุษย์โลก ในการนี้ พระภูมิ เจ้าที่ ตามสถานที่ต่างๆ บนโลก จะเป็นผู้จดบันทึก และนำบันทึกในแต่ละรอบ มอบให้ ท้าวจตุโลกบาล ซึ่งจะนำกลับไปอ่านป่าวประกาศให้ ผู้ที่อยู่ภพสวรรค์ ได้รับรู้ ถ้ากล่าวถึงผู้ที่ ทำความดี เหล่าเทวดา ก็จะสาธุ แซ่ซ้องสรรเสริญ ถ้าในช่วงที่กล่าวถึง ผู้ทำความชั่ว เหล่าเทวดาก็จะตำหนิ และเสียใจ ที่มนุษย์โลกมีจิตที่เป็นอกุศล
รายชื่อผู้ทำความชั่ว ก็จะถูกส่งให้ กับ พระยายมบาล เป็นเช่นนี้อยู่ร่ำไป (ในการวิจัยเกี่ยวกับวิญญาณ ในแง่มุมวิทยาศาสตร์ ของข้าพเจ้า เมื่อ วันที่ 14 ธันวาคม 2550 ถ่ายภาพได้ เทวดาที่น่าจะเป็น เหล่าทหารของ ท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งในโอกาสต่อไปคงจะได้นำมาเผยแพร่ ให้ได้ชมกัน )
อายุเทวดาชั้น ที่ ๑ จาตุมหาราชิกา
๕๐ ปีของพวกมนุษย์ เป็นวันและคืนหนึ่ง ในชั้นจาตุมหาราชิกา, ๓๐ โดยวันและคืนนั้นเป็นหนึ่งเดือน, ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้น เป็น ๑ ปี, ๕๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นประมาณอายุของเทวดาพวก
จาตุมหาราชิกา ฯ นับปีของมนุษย์ได้ประมาณ ๙ ล้านปี ฯ
( ข้อที่ ๑๒๖ ปริจเฉทที่ ๕ วิถีมุตตสังคหวิภาค )
๒. สวรรค์ชั้นดาวดึงษ์ เป็นสวรรค์ชั้นที่อยู่เหนือจาตุมหาราชิกาขึ้นไปอีก ๓๓๖,๐๐๐,๐๐๐ วา อยู่บนยอดเขาพระสุเมรุ เป็นที่อยู่ของ พระอินทร์ สวรรค์ชั้นนี้ มีอาณาเขตกว้าง ๘,๐๐๐,๐๐๐ วา มีเมืองชื่อไตรตรึงษ์ มีประตู ๑,๐๐๐ ประตู มีกำแพงแก้วล้อมเมือง ทุกประตูมียอดปราสาทแก้วงดงามวิจิตรพิสดารเวลาเปิดปิดประตู จะมีเสียงดังไพเราะราวกับดนตรี กลางนครไตรตรึงษ์ มีไพชยนต์ปราสาท สูง ๒๕,๖๐๐,๐๐๐ วา งดงามด้วยแก้ว ๙ ประการ เป็นที่ประทับของพระอินทร์
ทิศตะวันออก มีสวนทิพย์ ชื่อ นิภาวัน มีอาณาเขต ๘๐๐,๐๐๐ วา มีกำแพงแก้วล้อมรอบ มีปราสาทแก้วเหนือประตูทุกประตู มีอุทยาน ซึ่งมีสมบัติทิพย์ ต้นโสออกดอกมาก มีสระใหญ่ชื่อ นันทาโบกขรณีน้ำใสเหมือนแก้วอิภานิล (สีฟ้าเข้ม) มีแท่นแก้ว ๒ แท่น ชื่อ นันทปริฐิปาสาณ และ จุลนันทาปริฐิปาสาณ แผ่นหินแก้วมีรัศมีรุ่งเรือง เวลาจับต้องจะนุ่มราวกับแผ่นหนัง
ทิศใต้ มีอุทยาน ผารุสกวัน (ปารุสกวัน) อาณาเขต ๕,๖๐๐,๐๐๐ วา มีกำแพงแก้วและปราสาทเหนือประตู มีสระใหญ่ชื่อ ภัทรโบกขรณี สุภัทราโบกขรณี ริมฝั่งสระมีหินแก้ว ๒ ก้อน ชื่อเดียวกับสระ หินอ่อนนุ่ม
ทิศตะวันตก มีอุทยานจิตรลดา อาณาเขต ๔๐๐,๐๐๐ วา มีสระ จิตรลดาโบกขรณี และ จุลจิตรลดาโบกขรณี มีแผ่นหินแก้ว ชื่อ จิตรปาสาณ
ทิศเหนือ มีอุทยานใหญ่มิสกวัน ต้นไม้ดอกไม้งดงามราวกับตกแต่งไว้ มีกำแพงแก้วและยอดปราสาททุกประตู อาณาเขต ๔๐,๐๐๐ วา มีสาระใหญ่ชื่อ ธรรมาโบกขรณี และ สุธรรมาโบกขรณี แผ่นหินแก้วชื่อ ธรรมาปริฐิปาสาณ และ สุธรรมาปริฐิปาสาณ
ทิศตะวันออก มีสวนใหญ่ ชื่อ มหาพน กำแพงล้อมรอบเป็นทองคำ มีปราสาทแก้วเหนือประตู อาณาเขต ๖๐๐,๐๐๐ วา มีปราสาททองคำ สวนมหาวัน สวนนันทวัน มีแท่นแก้ว กลดแก้วกางเหนือแท่นมีรถไพชยนต์ มีม้าแก้วเทียมรถทองคำ มีสร้อยมุกดาประดับพร้อมมาลัยดอกไม้ทิพย์ เวลาลมพัดได้ยินเสียงราวฆ้องกลองแตรสังข์ที่เทวดาบรรเลงในชั้นฟ้า
ที่เขาพระสุเมรุ มีช้างทรงของพระอินทร์ ชื่อช้างเอราวัณ สูง ๑,๒๐๐,๐๐๐ วา มีเศียร ๓๓ เศียร เมื่อเวลาพระอินทร์จะประทับ ช้างจะเนรมิตกายสูงใหญ่ บนเศียรมีวิมาน มีปราสาท มีอุทยาน มีนางฟ้าร่ายรำ ช้าง ๓๓ เศียร มีงา ๒๓๑ งา สระ ๑,๖๑๗ สระ กอบัว ๑๑,๓๑๙ กอ ดอกบัว ๗๙,๒๓๓ ดอก ๕๕๔,๖๓๑ กลีบ นางฟ้าร่ายรำ ๓,๘๘๒,๔๑๗ นาง บริวารอีก ๒๗,๑๗๖,๙๑๙ นาง ( อีก ๓๒ เศียร จะเป็นที่ประทับ ของ เทพ ที่มีศักดิ์ระดับเดียวกับ พระอินทร์ แต่ไม่ใช่ ผู้ปกครองสวรรค์ ซึ่งก็จะมีวิมาน รวมทั้งเหล่า ไพร่ฟ้า บริวาร เหมือนๆ กัน )
ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นี้ยังมีคำอธิบายความงามมหัศจรรย์พันลึกมาก เช่น มีสระ มีพระจุฬามณีเจดีย์ มีต้นปาริชาต (ดอกทองหลาง) ๑๐๐ ปี ดอกจึงจะบาน ดอกที่บานมีแสงสว่างรุ่งเรืองแผ่รัศมีไปไกลถึง ๘๐๐,๐๐๐ วา
อายุเทวดาชั้น ที่ ๒ ดาวดึงส์
๑๐๐ ปีของพวกมนุษย์ เป็นวันและคืนหนึ่งในชั้นดาวดึงส์, ๓๐ โดยวันและคืนนั้นเป็น ๑ เดือน, ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็น ๑ ปี, ๑,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นประมาณอายุของพวกเทวดาชั้นดาวดึงส์ ฯ นับปีของมนุษย์ได้ประมาณ ๓ โกฏิ ๖ ล้านปี ฯ
( ข้อที่ ๑๒๖ ปริจเฉทที่ ๕ วิถีมุตตสังคหวิภาค )
๓. สวรรค์ชั้นยามา สูงขึ้นไปจากดาวดึงส์ ๖๗๐,๐๐๐,๐๐๐ วา หรือ ๘๔,๐๐๐ โยชน์ มีปราสาทแก้ว ปราสาททองเป็นวิมาน กำแพงแก้วล้อมรอบ มีอุทยานแก้ว สระโบกขรณี เทวดาในชั้นนี้มีหน้าตารุ่งเรือง กายสูง ๘,๐๐๐ วา ผู้เป็นใหญ่คือ ท้าวสยามเทวราช ไม่มีแสงอาทิตย์เพราะอยู่สูงมาก เทวดามองเห็นสรรพสิ่งได้ด้วยแสงรัศมีจากแก้วทั้งหลาย และรัศมีกายของเทวดาเอง จะรู้ว่าเช้าหรือค่ำ ดูได้จากดอกไม้ทิพย์ ถ้าเห็นดอกไม้บาน คือรุ่งเช้า ถ้าหุบเป็นเวลากลางคืน
อายุเทวดาชั้น ที่ ๓ ยามา
๒๐๐ ปีของพวกมนุษย์ เป็นวันและคืนหนึ่งในชั้นยามา, ๓๐ โดยวันและคืนนั้นเป็น ๑ เดือน, ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็น ๑ ปี, ๒,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นประมาณอายุของเทวดาพวกยามา ฯ นับปีของมนุษย์ได้ประมาณ ๑๔ โกฏิ ๔ ล้านปี ฯ
(อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต วิตถตสูตร ข้อที่ ๑๓๒)
๔. สวรรค์ชั้นดุสิต สูงขึ้นไปจากยามา ๑,๓๔๔,๐๐๐,๐๐๐ วา หรือ ๑๖๘,๐๐๐ โยชน์ มีปราสาทแก้ว ปราสาททองเป็นวิมาน กำแพงแก้วล้อมรอบ มีความกว้างและสูงกว่าในสวรรค์ชั้นยามา มีสระ สวนสนุกยิ่งใหญ่งดงามรื่นรมย์เหมือนสวรรค์ชั้นอื่นๆ ผู้เป็นใหญ่ชื่อ พระสันดุสิตเทพยราช เทพยดาในชั้นนี้ รู้บุญ รู้ธรรม พระโพธิสัตว์ก่อนเสด็จมาเป็นพระพุทธเจ้าก็สถิตสร้างสมบารมีในชั้นฟ้านี้
อายุเทวดาชั้น ที่ ๔ ดุสิต
๔๐๐ ปีของพวกมนุษย์ เป็นวันและคืนหนึ่งในชั้นดุสิต, ๓๐ โดยวันและคืนนั้นเป็น ๑ เดือน, ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็น ๑ ปี, ๔,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นประมาณอายุของเทวดาพวกดุสิต ฯ นับปีของมนุษย์ได้ประมาณ ๕๗ โกฏิ ๖ ล้านปี ฯ
(อภิธัมมัตถสังคหะ ภาคผนวก ๑๒๗)
๕. สวรรค์ชั้นนิมมานนรดี สูงขึ้นไปอีก ๒,๖๘๘,๐๐๐,๐๐๐ วา หรือ ๓๓๖,๐๐๐ โยชน์ มีสิ่งอำนวยความสุขเหมือนทุกชั้น มีความงดงามยิ่งขึ้นไปอีก เทพยดาในชั้นนี้มีความสุขสมบูรณ์มาก ปรารถนาสิ่งใดจะเนรมิตได้ตามความพอใจ มี ท้าวสุนิมมิต เป็นจอมเทพ
อายุเทวดาชั้น ที่ ๕ นิมมานรดี
๘๐๐ ปีของพวกมนุษย์ เป็นวันและคืนหนึ่งในชั้นนิมมานรดี, ๓๐ โดยวันและคืนนั้นเป็น ๑ เดือน, ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็น ๑ ปี, ๘,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นประมาณอายุของเทวดาพวก
นิมมานรดี ฯ นับปีของมนุษย์ได้ประมาณ ๒๓๐ โกฏิ ๔ ล้านปี ฯ
(อภิธัมมัตถสังคหะ ภาคผนวก ๑๒๗)
๖. สวรรค์ชั้นปรนิมิตวสวัตตี เป็นสวรรค์ชั้นสูงสุด ประเสริฐด้วยสุขสมบัติยิ่งกว่าชั้นฟ้าทั้งหลาย หากปรารถนาสิ่งใด เช่น อาหารทิพย์ ก็จะมีเทพยดาองค์อื่นคอยเนรมิตให้ทุกประการ
สวรรค์ชั้นนี้ มีผู้เป็นใหญ่ ๒ องค์ คือ ปรนิมิตวสวัตตีเทวราช เป็นใหญ่ฝ่ายเทพยดา และ
พระยามาราธิราช เป็นใหญ่ฝ่ายมาร ซึ่ง พระยามาร ท่านนี้ได้เคย ยกกองทัพ เข้า ท้าสู้รบ กับ พระพุทธเจ้า
เมื่อครั้นอดีต จนเป็นที่มาของ พระพุทธรูปปาง มารวิชัย หรือ ปางผจญมาร ดังปรากฎในปัจจุบัน การพ่ายแพ้ในครั้งนั้น ทำให้ พระยามาร ซาบซึ้งในรสพระธรรม จึง ปวรณาตน ปรารถนาเพื่อตรัสรู้เป็น พระพุทธเจ้า ในอนาคตกาล คำกล่าวที่ว่า “ นะโม ” ซึ่งแปลว่า “ขอนอบน้อม (ยอมแล้ว)” เป็นคำกล่าว ของพระยายักษ์ ผู้นี้
อายุเทวดาชั้น ที่ ๖ ปรนิมมิตวสวัตตี
๑,๖๐๐ ปีของพวกมนุษย์ เป็นวันและคืนหนึ่งในชั้นปรนิมมิตวสวัตตี, ๓๐ โดยวันและคืนนั้นเป็น
๑ เดือน, ๑๒ เดือนโดยเดือนนั้นเป็น ๑ ปี, ๑๖,๐๐๐ ปีทิพย์โดยปีนั้น เป็นประมาณอายุของเทวดาพวก
ปรนิมมิตวสวัตตี ฯ นับปีของมนุษย์ได้ประมาณ ๙๒๑ โกฏิ ๖ ล้านปี ฯ
(อภิธัมมัตถสังคหะ ภาคผนวก ๑๒๗)
การสิ้นชีวิต (หมดบุญ) ของเทวดา มี ๔ อย่าง
๑. อายุขัย ได้แก่ สิ้นชีวิตตามอายุในชั้นฟ้านั้น
๒. บุญญขัย สิ้นบุญก่อนถึงกำหนดอายุขัยในชั้นฟ้านั้น อาจจะเนื่องมาจาก มี กรรมดำ ที่ทำไว้ในอดีตมาตัดรอน
๓. อาหารขัย สิ้นชีวิตเพราะสนุกจนลืมกินอาหาร ลืมกินอาหารเพียงเพลาเดียว ก็สิ้นบุญ
๔. โกธาพละ สิ้นชีวิตเพราะความโกรธ ซึ่งหัวใจจะกลายเป็นไฟ เผาไหม้ตนเอง
ก่อนเทพยดาจะไปจุติ (ไปเกิดใหม่) จะมีนิมิต ๕ ประการ คือ
๑. เห็นดอกไม้ในวิมานของตนเหี่ยวและไม่หอม
๒. ผ้าทรง (เครื่องนุ่งห่ม) ดูหม่นหมอง
๓. อยู่ไม่มีความสุข มีเหงื่อไคลไหล ออกจากรักแร้
๔. อาสนะ(ที่นั่ง)ร้อนและแข็งกระด้าง
๕. กายของเทวดา นั้นเหี่ยวแห้ง เศร้าหมอง ไม่มีรัศมี
เรื่องสวรรค์เป็นเรื่องของความจริง ซึ่งด้วยกาลเวลาที่ผันผ่าน จึงเป็นเพียงความเชื่อ ซึ่งคนโบราณมุ่งจะปลูกฝังสั่งสอนให้คนประพฤติดี ประพฤติชอบ ไม่กระทำบาป คือ ละความโลภ ละความโกรธ ละความหลง เพื่อให้ได้เป็นเทวดาเสวยสุขสมบัติ (แต่ ณ วันเวลานี้ จากการศึกษา เกี่ยวกับวิญญาณ ในแง่มุมวิทยาศาสตร์ ของผม ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ 2528 จนถึงปัจจุบัน จากข้อมูลที่ได้ ทำให้กล้าที่จะสรุปว่า ภพสวรรค์ มีจริง ดังบันทึกไวในพระไตรปิฎก ซึ่งการเผยแพร่ผลงานวิจัยดังกล่าว จะมีขึ้นในไม่ช้านี้ )
รวบรวมโดย ยรรยง สินธุ์งาม หอศิลป์มหาเวทย์
http://www.vcharkarn.com/vblog/37510