ผู้เขียน หัวข้อ: รวบรวมเรื่อง "ข้าวเหนียว"  (อ่าน 4753 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
รวบรวมเรื่อง "ข้าวเหนียว"
« เมื่อ: เมษายน 22, 2013, 06:24:34 am »
รวบรวมเรื่อง "ข้าวเหนียว"

 :46:  :46:  :46:  :46:  :46:


.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "ข้าวเหนียว"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 22, 2013, 06:29:30 am »
5 ยอดร้านข้าวเหนียวมะม่วง กินได้กินดี ที่เมืองบางกอก
-http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9480000040927-
-http://www.oknation.net/blog/print.php?id=310177-

ท่ามกลางฤดูร้อนที่อากาศแห่งสยามประเทศร้อนระยับ!!!
       
       "มะม่วง" หนึ่งในผลไม้ที่ออกมากมายในฤดูร้อนต่างก็ออกผลกันทั่วถิ่นแดนไทย
       ใครที่หลงใหลในรสชาติของมะม่วงช่วงนี้นับเป็นโอกาสดีอีกครั้งที่จะได้ลิ้มรสความอร่อยของมะม่วงอีกครั้ง
       
       มะม่วงเปรี้ยวกินกับน้ำปลาหวาน จิ้มเกลือ จิ้มกะปิ ให้รสจี๊ดจ๊าดถึงใจ
       มะม่วงสุก ปอกเปลือกส่งเข้าปากให้รสชาติหวานหอมถึงใจ
       
       ส่วนใครอยากเพิ่มดีกรีความอร่อยของมะม่วงสุก
       เมนู"ข้าวเหนียวมะม่วง" นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
       
       และในร้านข้าวเหนียวมะม่วงที่ซื้อหาได้ทั่วไป ร้านข้าวเหนียวมะม่วงที่ถือว่าเป็นทีเด็ดและมีชื่อในเรื่องของความอร่อยนั้น นับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
       
       สำหรับคนที่ไม่กังวลเรื่องน้ำหนัก "ผู้จัดการตระเวนกิน" มี 5 ยอดร้านข้าวเหนียวมะม่วงชื่อดังที่มีอายุเก่าแก่(ขั้นต่ำ 20 ปีขึ้นไป) มากระตุ้นต่อมน้ำลาย ซึ่งแต่ละร้านมีความโดดเด่นในเลือกรสชาติที่แตกต่างกันออกไป
       
       ใครชอบร้านไหนก็ไปตระเวนกินกันได้ตามใจปาก ส่วนปัญหาความลำบากในเรื่องของน้ำหนักที่ตามมาค่อยไปว่ากันทีหลัง

 
"ก. พานิช" หนึ่งในตำนานแห่งข้าวเหนียวมะม่วงที่มีอายุเกือบ 80 ปี
   
       "ก. พานิช" ตำนานความอร่อย คัดสรรแต่ของดี
       
       ก.พานิช นับเป็นร้านข้าวเหนียวมะม่วงเก่าแก่อายุเกือบ 80 ปี ที่ตั้งอยู่ตรงแพร่งภูธร
       
       ผ่านมาถึงวันนี้ ก.พานิช ยังคงไว้ซึ่งสูตรเด็ดของร้านเหมือน เดิมโดยมี พาณี เฉียบฉลาด สะใภ้ของร้านยุคดั้งเดิม เป็นผู้สืบสานตำนานความอร่อย
       
       ย้อนไปเมื่อปี 2472 ร้านนี้ยังไม่มีชื่อร้านอย่างเป็นทางการ แต่ลูกค้ามักเรียกกันว่า"ข้าวเหนียวแม่ภี" จนกระทั่งปี 2475 ชื่อ"ก. พานิช" ได้ถือกำเนิดขึ้นในยุทธจักรข้าวเหนียวมะม่วงแห่งบางกอก โดยชื่อ "ก." มาจากชื่อ"นายกาบ เฉียบฉลาด" เจ้าของร้าน ส่วน"พานิช" มาจากการค้าขาย เมื่อรวมกันแล้ว ก.พานิช ก็คือ การทำมาค้าขายของนายกาบนั่นเอง
       
       แต่ว่าจริงๆแล้วคนทำข้าวเหนียวมะม่วงตัวจริงเสียงจริง คือ "สารภี เฉียบฉลาด" ภรรยาของนายกาบ(ลักษณะคล้ายๆพรรคการเมืองพรรคใหญ่ในบ้านเราเหมือนกัน ที่หลังบ้านคือผู้ดูแลพรรคตัวจริงเสียงจริง) ที่เรียนรู้สืบทอดสูตรมาจากมารดาคือ"ลี้ ขำอัมพร" ผู้ซึ่งเคยเป็นช่างเครื่องอยู่ในวัง
   
 
       สำหรับรสชาติที่ออกมากลมกล่อม เค็ม หวาน มัน ข้าวเหนียวเม็ดนุ่ม ถูกอกถูกใจลูกค้านั้น ทางร้านต่างเลือกสรรแต่ของที่ดีที่สุด โดยต้องเป็นข้าวเหนียวเขี้ยวงู จาก อ.แม่จัน จ. เชียงราย เท่านั้น เพราะจะไม่มีข้าวเจ้าเจือปน และข้าวพันธุ์นี้ยังมีเมล็ดข้าวที่เรียวเล็กทำให้เมื่อมูนออกมาดูน่ากินนัก
       
       ส่วนมะพร้าวที่ใช้ต้องเป็นมะพร้าวจากชุมพรที่แก่จัด ไม่มีจาวมะพร้าว เมื่อคั้นออกมาแล้วจะให้กะทิที่เข้มข้น ด้านน้ำตาลต้องเป็นน้ำตาลเมืองกาญจน์ โดยใช้เกลือไอโอดีนเป็นส่วนผสมเท่านั้น
       
       ไม่เพียงแต่ใช้ของดี แต่ที่ร้าน ก.พานิช ยังเน้นเรื่องความสะอาดในทุกขั้นตอน ทำให้ข้าวเหนียวมูน "ก.พานิช" สามารถเก็บไว้ในอุณหภูมิปกติได้นานถึง 3 วัน โดยไม่ต่องพึ่งพาสารกันบูดแต่อย่างใด
       
       ในส่วนวิธีการมูนข้าวเหนียวของ "ก.พานิช" เริ่มจากแช่ข้าวเหนียวประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วนำไปนึ่งอีกประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อทำให้เมล็ดข้าวอ่อนนุ่มขึ้น จากนั้นนำน้ำกะทิที่ใส่น้ำตาล เกลือ แล้วละลายให้เข้ากัน และกรองน้ำกะทิอีกรอบให้สะอาด
       
       จากนั้นเทน้ำกะทิลงไปคลุกเคล้ากับข้าวเหนียวนึ่ง ซึ่งบางเจ้าอาจจะต้องปิดฝาอบไว้สักพักแล้วค่อยตักขาย เรียกว่าเป็นการทำให้ข้าวเหนียวตื่น คือเม็ดพองขยายใหญ่ แต่สำหรับที่นี่พอแห้งสักพักก็ตักขายได้เลย สังเกตว่าเม็ดข้าวจะเรียวเล็ก นุ่มนวล รูปทรงกำลังดี และยังจะทำให้ได้รสชาติความหอมกรุ่นที่ติดจมูก จนเป็นที่ติดใจของลูกค้ามานานหลายสิบปี
       
       สำหรับผู้ที่อยากลองลิ้มชิมรสข้าวเหนียวมะม่วง "ก.พานิช" ควรไปซื้อที่ร้านดั้งเดิมที่แพร่งภูธร เพราะจะได้ข้าวเหนียวมูนร้อนๆ รสชาติกลมกล่อม หอมกรุ่น ละมุนลิ้น มากินอย่างอิ่มหนำ


รัชนี เฉียบฉลาด เจ้าของร้าน "ลูกสาว ก. พานิช" กับข้าวเหนียวมูนรสเด็ด

   
       "ลูกสาว ก.พานิช" ความอร่อยไม่ทิ้งแถว แนวเดียวกับเจ้าตำรับ
       
       ถ้าใครได้ผ่านไปแถวเทเวศร์ คงจะคุ้นเคยกับร้านขายข้าวเหนียวมูนชื่อคล้ายๆ กันกับร้าน ก.พานิช ซึ่งก็ไม่ต้องแปลกใจเพราะเจ้าของร้านคือ รัชนี เฉียบฉลาด นั้นเป็นลูกสาวคนเล็กของ นายกาบ-และสารภี เฉียบฉลาด เจ้าของ "ร้าน ก.พานิช" นั่นเอง
       
       โดยหลังจากที่คุณแม่สารภีเสียชีวิต รัชนีได้มาเปิดเป็นร้านของตัวเอง โดยใช้ชื่อร้าน"ลูกสาว ก.พานิช" ซึ่งจนถึงปัจจุบันร้านนี้เปิดมาได้กว่า 30 ปีแล้ว
       
       เมื่อเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขแท้ๆ ของแม่สารภี และเป็นลูกมือช่วยทำข้าวเหนียวมูนมาตั้งแต่ยังเล็ก เรื่องรสมือจึงไม่ต้องห่วงว่าจะผิดเพี้ยนไปจาก ร้าน ก. พานิช เพราะใช้สูตรเด็ดเคล็ดลับที่เหมือนกัน ปริมาณของส่วนผสมต่างๆ ก็ชั่งตวงเท่ากันเป็นมาตรฐาน รวมถึงข้าวเหนียวที่ใช้ ก็ต้องเป็น ข้าวเหนียวเขี้ยวงู จากเชียงราย ซึ่งเป็นของที่ดีที่สุดเช่นกัน เพียงแต่มะพร้าวที่ใช้ทำกะทินั้น จะต้องเน้นที่ความสดใหม่ จึงมีเจ้าประจำที่อยู่ใกล้ๆ ถ้าหากจะใช้เมื่อไหร่ก็เรียกได้ทันที
       
       ข้าวเหนียวมะม่วงร้าน "ลูกสาว ก.พานิช" สามารถเก็บไว้ได้นาน 24 ชั่วโมง เพราะอย่างที่รู้กันว่าของกินที่เกี่ยวกับกะทิจะเก็บไว้ไม่ได้นาน ถึงแม้ไม่เสียแต่ว่าก็จะออกหืน กระนั้นก็มีลูกค้าบางคนที่เก็บไว้ได้หลายวันเพราะเก็บในตู้เย็น แต่อย่างนั้นคุณรัชนีก็ไม่อยากแนะนำ เพราะว่าถ้าจะกินให้อร่อยก็ต้องกินกันสดๆ ใหม่ๆ

       ถามถึงสิ่งพิเศษที่เป็นเสน่ห์มัดใจลูกค้ามาตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ก็คงเป็นที่ข้าวเหนียวเม็ดเรียว เล็ก ที่นุ่มนวลกำลังพอดี ไม่แข็งหรือไม่แฉะเกินไป รวมถึงรสชาติที่กลมกล่อม ออกเค็ม หวาน มัน โดยจะไม่เค็มหรือไม่หวานเกินไป ซึ่งถือเป็นสูตรที่สืบทอดมาจากรุ่นคุณแม่ คนที่ชอบใจในรสชาติแบบนี้ ก็จะติดอกติดใจและบอกต่อกันเรื่อยๆ
       
       นอกเหนือจากขายข้าวเหนียวมูนแล้ว ทางร้านยังขายสิ่งที่คู่กัน นั่นก็คือ มะม่วง ซึ่งก็ต้องเป็นมะม่วงน้ำดอกไม้และมะม่วงอกร่องเท่านั้นจึงจะอร่อย เพราะทั้งสองพันธุ์จะเนื้อหนาสีเหลืองนิ่มละเอียด รสหวานและมีกลิ่นหอม รวมถึงขนมชนิดต่างๆ ทางร้านก็จะทำหมุนเวียนขายคู่กับข้าวเหนียวมะม่วง เพราะถึงแม้เดี๋ยวนี้มะม่วงจะออกผลได้ตลอดปี แต่ช่วงที่คนนิยมกินข้าวเหนียวมูนกันมากก็ยังเป็นช่วงฤดูกาลของมะม่วงอยู่ดี
       
       เพราะฉะนั้นหน้าร้อนนี้ ถ้านึกอยากกินข้าวเหนียวมะม่วง ที่มีฝีมือสูตรเด็ดสืบต่อมาจากรุ่นคุณแม่ และถ่ายทอดสู่ลูกหลาน ถือเป็นตำนานแห่งข้าวเหนียวมูนชื่อดัง ก็ต้องลองไปพิสูจน์ความอร่อยกันดู

   

       "บุญทรัพย์ (คุณหลวง)" คงความเข้มข้น หวานมัน มากว่า 70 ปี
       
       "ขายกันมานานเป็น 70 ปี ลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นขายกันแล้ว ได้ส่งลูกหลานเรียนจนถึงด๊อกเตอร์กันเป็นแถว"



บัณฑิตย์ ไทยถนอม ทายาทรุ่นที่ 3 ของร้าน "บุญทรัพย์ (คุณหลวง)"
       
       คือคำกล่าวของ บัณฑิตย์ ไทยถนอม ทายาทรุ่นที่ 3 ผู้สืบต่อกิจการ "บุญทรัพย์ (คุณหลวง)" ร้านข้าวเหนียวมะม่วงชื่อดังและเก่าแก่แห่งย่านบางรัก
       
       บัณฑิตย์ เล่าถึงที่มาของชื่อร้านรวมถึงผู้ให้กำเนิดร้านนี้ว่า ก็คือ คุณตาของเขาเอง ชื่อเดิมคือ สนั่น นาทะสิริ ซึ่งต่อมาได้รับราชทินนามตามตำแหน่งว่า พันตำรวจตรี หลวงนาทสิริวัต ส่วนบุญทรัพย์เป็นนามสกุลเดิมของคุณยายสะอาด (ภรรยาของคุณหลวง) รวมกันเป็นชื่อร้าน "บุญทรัพย์ (คุณหลวง)"
       
       โดยคุณหลวง หรือคุณตาของบัณฑิตย์นั้น เคยเป็นกรรมการโรงงานน้ำตาล และมีฝีมือในการทำของกินและขนมต่างๆ แรกเริ่มที่ร้านขายขนมไทยหลากหลายชนิดเป็นหลัก และจะทำข้าวเหนียวมูนก็เฉพาะช่วงที่มีข้าวเหนียวใหม่ ซึ่งจะออกราวปลายเดือนธ.ค.-ม.ค. เพราะข้าวเหนียวจะยังคงมียาง และมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ และอีกช่วงคือหน้ามะม่วง ราวเดือน มี.ค.-พ.ค.

       ด้วยรสชาติความเข้มข้น หวานมัน เป็นที่ติดอกติดใจของลูกค้า ชื่อเสียงของร้านก็ขจรขจายไปทั่ว ทำให้ที่ร้านต้องทำข้าวเหนียมมูนออกมาขายตลอดทั้งปี และกลายเป็นเมนูขึ้นชื่อประจำร้าน โดยยังคงเอกลักษณ์ตามสูตรต้นตำรับคุณหลวงทุกประการ จะมียกเว้นบ้างก็เรื่องของมะพร้าวที่คนสมัยก่อนต้องใช้มะพร้าวจากทับสะแก น้ำตาลเมืองเพชร และต้องเป็นน้ำในแม่น้ำเพชรบุรี แต่ปัจจุบันนี้คงจะทำอย่างนั้นไม่ได้แล้ว จึงต้องสั่งส่วนผสมต่างๆจากตลาดแหล่งที่อยู่ใกล้ๆ
       
       แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ ข้าวเหนียวที่ร้านใช้ทำ ยังเป็นข้าวเหนียวเขี้ยวงู ที่มาจากทางภาคเหนือ แต่กระนั้นบัณฑิตย์ก็ย้ำด้วยว่า "แต่ถึงข้าวเหนียวเขี้ยวงูจะดีขนาดไหน มันก็ต้องขึ้นอยู่ที่คนทำด้วย เพราะจะอร่อยไม่อร่อย หัวใจสำคัญอยู่ที่คนทำ"
       
       บัณฑิตย์บอกด้วยว่า เอกลักษณ์เด่นของข้าวเหนียวร้านนี้คือ รสชาติของข้าวเหนียวที่จะออกหวานไม่เหมือนคนอื่น เรียกว่าที่เคยเป็นมาเมื่อ 70 ปี อย่างไร ณ วันนี้ก็เป็นอย่างนั้น คือ เข้มข้น หวาน มัน มีอมเค็มนิดๆ ให้มันกลมกล่อม เพราะบางคนจะตามกระแส ลดกะทิ ลดน้ำตาลลง ซึ่งไม่ใช่เอกลักษณ์ของข้าวเหนียวมูนที่แท้จริง
       
       วิธีมูนข้าวเหนียวของร้าน เริ่มจากแช่ข่าวเหนียวประมาณ 2 -3 ชั่วโมง แล้วนำข้าวไปนึ่งให้พอดี จากนั้นเอาน้ำกะทิที่ใส่น้ำตาลทราย เกลือ ให้ได้ปริมาณหวาน มัน เค็ม เทลงไปในข้าวเหนียว ปิดฝาสักพัก ให้ความร้อนจากข้าวเหนียวเป็นตัวนำ เพื่อกะทิจะได้ซึมเข้าไปให้ข้าวเหนียวพอง บาน ไม่ให้แฉะและไม่ให้แข็งจนเกินไป
       
       ถามถึงว่าวันหนึ่งๆขายข้าวเหนียวได้ปริมาณเท่าไหร่ เรื่องนี้บัณฑิตย์ตอบว่าถ้าเมื่ออดีตตกวันละประมาณ 20 กะละมัง เดี๋ยวนี้เหลือประมาณวันละ 6-7 กะละมัง เท่านั้นเอง เพราะหลายๆ คนกลัวเรื่องแครอสเตลรอลจึงกินข้าวเหนียวมะม่วงกันน้อยลง
       
       แต่ถึงอย่างไร ทุกวันนี้ร้านก็ยังอยู่ได้ เพราะด้วยชื่อเสียงเมื่ออดีตที่สร้างไว้ดี มีคุณภาพจนเป็นที่ยอมรับ ซึ่งตัวบัณฑิตย์เองก็ได้สืบทอดสูตรการทำข้าวเหนียวมูนและพยายามทำให้มีคุณภาพดีขึ้นเรื่อยๆ ตามประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนาน

 
   
       "แม่วารี" พิถีพิถันการมูนข้าวเหนียว ใส่ใจความอร่อย
       
       ข้าวเหนียวมะม่วง "แม่วารี" นับเป็นอีกหนึ่งในร้านข้าวเหนียวมะม่วงรสเด็ด ที่ตั้งขายอยู่ตรงช่วงต้นซอยทองหล่อมานานกว่า 20 ปี โดยมี "วารี จีนสุวรรณ" หรือ "แม่วารี" เป็นเจ้าของร้าน และเป็นเจ้าของสูตรข้าวเหนียวมูนที่โดนใจใครหลายๆ คน
       
       แม่วารีบอกว่า เดิมทีครอบครัวของแม่วารีเองขายข้าวเหนียวมูนมานานแล้ว อยู่ที่ตลาดพญาไท แม่วารีเองก็ช่วยครอบครัวขายมาตลอด จนกระทั่งเมื่อแม่วารีได้แต่งงานมีครอบครัว ก็ได้ย้ายครอบครัวออกมา และนำเอาวิชาชีพทำข้าวเหนียวติดตัวมาด้วย แล้วมาเปิดร้านขายข้าวเหนียวมะม่วงเอง โดยได้มีการดัดแปลงสูตรบ้างเล็กน้อย เพื่อให้เป็นสูตรเฉพาะของตัวเอง และใช้ชื่อของตัวเองมาตั้งเป็นชื่อร้านขายมาจนถึงทุกวันนี้
       
       ซึ่งการทำข้าวเหนียวมูนสัก 1 กะละมังที่นำออกมาขายนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แม่วารีบอกว่า จะต้องทำการคัดสรรตั้งแต่วัตถุดิบหลักคือข้าวเหนียว โดยคัดข้าวเหนียวเป็นพิเศษให้ได้ข้าวเหนียวที่เม็ดใหญ่ ไม่มีข้าวเจ้าปน
       
       ส่วนน้ำกะทิก็ต้องเป็นกะทิที่ใช้แต่มะพร้าวเนื้อขาวล้วนๆ และเลือกแต่มะพร้าวแก่ๆ มาคั้น เพราะมะพร้าวแก่จะทำให้ได้น้ำกะทิที่เข้มข้น มีสีขาวสวย และจะคั้นมะพร้าวสดๆ ไม่มีการคั้นตั้งทิ้งไว้ค้างคืน
       
       สำหรับขั้นตอนการทำข้าวเหนียวมูนก็ใส่ใจเป็นพิเศษ โดยจะทำการตวงข้าวเหนียวให้ได้ปริมาณที่ต้องการ และนำข้าวเหนียวมาขัดแห้ง คือเอาข้าวเหนียวมาขัดถูเบาๆ กับสารส้ม เพื่อให้ข้าวเหนียวเกิดความเงา จากนั้นนำข้าวเหนียวมาแช่น้ำ เอามาล้างกับน้ำสารส้มและขัดอีกประมาณ 2-3 น้ำ ซึ่งการล้างและขัดด้วยสารส้มนี้ ก็มีทั้งคุณและโทษ ซึ่งแม่วารีบอกว่า จะต้องทำการล้างเอาสารส้มออกให้หมด โดยจะต้องล้างน้ำเปล่าทิ้งอีกประมาณ 4 น้ำ จนแน่ใจว่าสารส้มโดนล้างออกหมดแล้ว โดยมีวิธีการพิสูจน์ว่าสารส้มออกหมดหรือยัง ด้วยวิธีการแตะชิม เอามือแตะน้ำแตะปลายลิ้นชิมดู ถ้าชิมแล้วรสชาติยังเฝื่อนอยู่ ก็ต้องล้างออกให้จนหมด เพราะถ้าล้างน้ำสารส้มออกไม่หมด จะเป็นปัญหาตรงที่ข้าวเหนียวเมื่อมูนออกมาแล้ว รสชาติจะออกเฝื่อนๆ ลิ้น
       
       หลังจากได้ข้าวเหนียวที่ขัดล้างเรียบร้อยแล้ว ก็แช่ข้าวเหนียวอีกประมาณ ครึ่งชั่วโมง เพื่อให้ข้าวเหนียวนิ่ม จึงจะเอามานึ่ง พอนึ่งสุกก็นำมามูนกับส่วนผสมที่เตรียมไว้ คือ เกลือ น้ำตาล กะทิ โดยการนำเอาเกลือ น้ำตาล และกะทิผสมรวมกันแล้วคนให้ส่วนผสมทั้ง 3 ตัวนี้เข้ากันจนใส เรียกว่าให้ใสปิ๊งเหมือนแก้ว ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นและเคล็ดลับที่สำคัญของน้ำกะทิที่แม่วารีนำมาทำการมูนข้าวเหนียว เพราะการคนจนให้น้ำกะทินั้นใสจะส่งผลให้ข้าวเหนียวที่มูนออกมาแล้วนั้นเก็บไว้ได้นาน ซึ่งข้าวเหนียวมูนของแม่วารีสามารถเก็บได้นานถึง 2 วันไม่เสีย โดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น
       
       แม่วารีแนะนำด้วยว่าการกินข้าวเหนียวมูนถ้าจะให้อร่อยจริงๆ ควรจะกินช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงพฤษภาคม เพราะว่าช่วงนี้จะเป็นข้าวเหนียวใหม่ ที่นำมาทำข้าวเหนียวมูน จะทำให้ได้ข้าวเหนียวมูนที่หอม หวานมัน กินคู่กับมะม่วงหวานๆ เข้ากันดีเชียวนักละ

   
 
       "ข้าวเหนียวมูนแม่ประไพศรี" เนื้อนุ่มเค็มมันน้ำกะทิ
       
       อีกหนึ่งร้านข้าวเหนียวมะม่วงชื่อก้อง ที่ถ้าใครชอบไปเดินซื้อของกินที่ตลาด อตก. (จตุจักร) แล้วเป็นต้องแวะซื้อข้าวเหนียวร้านนี้กลับบ้านไปกินทุกราย จะเป็นร้านไหนไปไม่ได้นอกจากร้าน "ข้าวเหนียวมูนแม่ประไพศรี" นี้ที่ตอนนี้ สมพิศ กมลวรรณ ลูกสาวแม่ประไพศรี เป็นผู้สืบทอดการทำข้าวเหนียวมูนจากแม่ประไพศรี
       
       สมพิศ บอกว่า "ข้าวเหนียวมูนแม่ประไพศรี" ก่อกำเนิดจากการที่ คุณแม่ประไพศรี กมลวรรณ เคยบวชชีอยู่ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และที่นั่นมีแม่ชีสอนทำข้าวเหนียวมูน ท่านจึงได้ฝึกทำในช่วงที่ท่านบวชชีอยู่ จนกระทั่งเมื่อท่านสึกจากการเป็นชี ท่านก็ได้นำเอาสูตรการทำข้าวเหนียวมูนนั้นติดตัวมาด้วย และนำสูตรนั้นมาดัดแปลงอีกที มาทำเป็นข้าวเหนียวมูนสูตรของแม่ประไพศรีขึ้นมาขายเอง โดยเปิดร้านขายที่บ้านเกิดเมืองนนท์ (จ.นนทบุรี) เป็นที่แรกและขายมาจนถึงทุกวันนี้ นับอายุได้ก็ปาเข้าไป 30 ปีแล้ว
       
       การทำข้าวเหนียวมูนสูตรของแม่ประไพศรีเริ่มตั้งแต่การคัดเลือกข้าวเหนียวที่มีลักษณะที่ดี เลือกใช้เฉพาะข้าวเหนียวเขี้ยวงู เม็ดเล็กๆ เรียวยาว ข้าวเหนียวจะได้ออกมาเป็นเม็ดสวย และน้ำกะทิก็เลือกใช้แต่มะพร้าวน้ำหอม มาคั้นทำน้ำกะทิ เพราะจะทำให้ได้น้ำกะทิที่มีความหอมมัน
       
       ส่วนการทำข้าวเหนียวมูนของที่นี่ เริ่มจากการนำข้าวเหนียวไปแช่ ถ้าเป็นข้าวเหนียวใหม่ก็จะแช่จนให้ข้าวเหนียวขึ้นน้ำ แล้วนำข้าวเหนียวนั้นมาซาวเบาๆ เพราะว่าข้าวเหนียวใหม่เม็ดจะเปราะ จะต้องค่อยๆ ซาวและล้างข้าวเหนียวให้สะอาด เพื่อจะได้ข้าวเหนียวที่ไม่หักเป็นรูปที่สวยงาม
       
       พอแช่ข้าวเหนียวเสร็จก็เอาไปนึ่งจนสุก และนำมามูนกับส่วนผสม น้ำกะทิ เกลือ และน้ำตาล จนได้ข้าวเหนียวมูนสูตรของแม่ประไพศรีจะมีลักษณะเด่นตรงที่เม็ดข้าวเหนียวจะเม็ดเล็กยาว และมีความนุ่ม รสชาติจะออกเค็มมากกว่าหวาน เพราะปกติมะม่วงหวานอยู่แล้ว ข้าวเหนียวเลยออกรสเค็มนิดๆ เค็มตามธรรมชาติของน้ำกะทิ
       
       ซึ่งข้าวเหนียวของที่นี่จะเก็บได้นานประมาณ 3 วัน แค่ตั้งไว้ข้างนอกไม่ต้องเอาแช่ตู้เย็น เพราะถ้าเอาไปแช่ตู้เย็นแล้วหข้าวเหนียวจะมีลักษณะกลายเป็นเม็ดใครเม็ดมัน จะทำให้ข้าวเหนียวไม่อร่อย
       
       และการกินข้าวเหนียวมูนถ้าจะอร่อยมากยิ่งขึ้น สมพิศแนะนำว่า ที่ร้านจะมีมะม่วงยายกล่ำซึ่งเป็นมะม่วงที่กินคู่กับข้าวเหนียวมูนจะเข้ากันมากที่สุด และก็เป็นมะม่วงอกร่อง หรือจะกินกับหน้าอื่นๆ อาทิ หน้ากุ้ง หน้าปลา หน้ากลอย และหน้ากะฉีก (เป็นมะพร้าวผัดกับน้ำตาลปี๊บ) ซึ่งไม่ว่าจะกินกับมะม่วงอะไรหรือหน้าอะไร ก็อร่อยเข้ากันกับข้าวเหนียวมูนของแม่ประไพศรีได้เป็นอย่างดี

 

   
       

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *   
       เข็มทิศข้าวเหนียวมะม่วง
       
       "ก. พานิช" ตั้งอยู่ที่ 431-433 เยื้องปากซอยแพร่งภูธร ถ.บ้านตะนาว กทม. ร้านอยู่ริมถนน เปิดทุกวัน เวลา 07.30-19.30 น. ข้าวเหนียวมูนกิโลกรัมละ 100 บาท โทร. 0-2221-3554
       
       "ลูกสาว ก. พานิช" ตั้งอยู่ที่ 250/5 ถ. สามเสน เทเวศร์ บางขุนพรหม กทม. ร้านอยู่ริมถนน ตรงข้ามกับไปรษณีย์เทเวศร์ เปิดทุกวัน 07.00-20.00 น. ข้าวเหนียวมูนกิโลกรัมละ 90 บาท โทร. 0-2281-7838
       
       "บุญทรัพย์ (คุณหลวง)" ตั้งอยู่ที่ 1478 เจริญกรุง บางรัก กทม. อยู่ริมถนนเจริญกรุง ตรงข้ามกับร้านแว่นตาท็อปเจริญ เปิดทุกวัน เวลา 07.00-19.00 น. ข้าวเหนียวมูนกิโลกรัมละ 80 บาท ขายปลีกขีดละ 10 บาท ขาย 2 ขีดขึ้นไป โทร. 0-2234-4086
       
       "ข้าวเหนียวมะม่วงแม่วารี" ตั้งอยู่ที่ 1 ซ. สุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) ถ.สุขุมวิท คลองเตย กทม. เปิดทุกวัน ตลอด 24 ชม. ข้าวเหนียวมูนกิโลกรัมละ 90 บาท โทร. 0-2392-4804, 0-2714-0419
       
       "ข้าวเหนียวมูนแม่ประไพศรี" มีหลายสาขาด้วยกัน จ. นนทบุรี ตั้งอยู่ที่ 80/200 หมู่ 4 ซ.ศรีพรสวรรค์ สวนใหญ่ จ.นนทบุรี เปิดทุกวัน เวลา 04.00-20.00 น. ข้าวเหนียวมูนกิโลกรัมละ 60 บาท โทร. 0-2527-1407 ตลาดอตก. (จตุจักร) เป็นแผงร้านตั้งอยู่ตรงทางขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน เปิดทุกวัน เวลา 08.00-19.00 น. ข้าวเหนียวมูนกิโลกรัมละ 80 บาท โทร. 0-2271-3315 เมืองทองธานี ตั้งอยู่ที่ตลาดรวมใจ เมืองทองธานี เปิดทุกวัน เวลา 08.00-19.00 น. ข้าวเหนียวมูนกิโลกรัมละ 70 บาท โทร. 0-1913-0656 นอกจากนี้ก็ยังมีขายที่ห้างบิ๊กซีทั้ง 8 สาขา คือ สาขาติวานนท์, รัตนาธิเบศร์, แจ้งวัฒนะ, ลาดพร้าว, สะพานความ, งามวงศ์วาน, ราชดำริ, หัวหมาก เปิดทุกวัน ปิดเปิดตามเวลาของห้างฯ
       

โดย บิ๊กกัน191
-http://www.oknation.net/blog/print.php?id=310177-

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=310177

http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9480000040927
.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 22, 2013, 06:41:02 am โดย sithiphong »
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "ข้าวเหนียว"
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เมษายน 22, 2013, 06:33:13 am »
ข้าวเหนียวมูน นายแฟ้ม ศรีเมืองนนท์







อีกร้านในตำนาน ที่ค้นพบจนได้ครับ กับข้าวเหนียวลุงแฟ้ม ศรีเมืองนนท์ เจ้าเก่าแก่ของจริงแห่งท่าน้ำนนทบุรี แต่ภายหลังลุงแฟ้มเสียไป ร้านเลยย้ายมาเปิดในซอยเรวดีแทน ซึ่งก็สืบทอดกิจการต่อโดยลูกสาวของลุงแฟ้มหน่ะครับ

ที่ตั้ง ตลาดเปรมสุข ซอยเรวดี (แยก 46) ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง นนทบุรี

ขายทุกวัน 05.30-10.00 น.

ข้าวเหนียวกิโลกรัมละ 80 บาท ข้าวเหนียวหน้าต่างๆชุดละ 10 บาท มะม่วงราคาตามฤดูกาล ขนมไทยอื่นๆราคาประมาณ 15 บาท

ความเห็น:
ตามหามานาน ในที่สุดก็ได้ชิมสมใจเสียที หุหุ ข้าวเหนียวมูนสูตรลุงแฟ้มนั้น จะออกหวานเค็มกำลังเหมาะครับผม หอมมันกะทิดี ข้าวเหนียวออกเยิ้มนิดๆแต่ก็ไม่ถึงขั้นแฉะ แต่เม็ดข้าวเคี้ยวแล้วยังกรุบๆดีทีเดียว ถ้าได้ทานตอนร้อนๆน่าจะสุดยอด

ให้คะแนน:
เป็นข้าวเหนียวมูนระดับ ยอดเยี่ยม


Create Date : 16 มีนาคม 2552
Last Update : 16 มีนาคม 2552 6:52:26 น.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "ข้าวเหนียว"
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: เมษายน 22, 2013, 06:37:24 am »
“ข้าวเหนียวมูนคุณสุ” หวานนุ่ม หอมอร่อยแบบไทย    ดูภาพชุดจาก Manager Multimedia
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    21 เมษายน 2556 13:49 น.
-http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000047755-



ร้านนี้เปิดขายแบบรถเข็น
       เห็นมะม่วงสุกสีเหลืองทอง ส่งกลิ่นหอมชวนดมชมและชิมวางขายอยู่ทุกๆ ตลาด ก็เป็นสัญญาณว่าได้เข้าสู่ฤดูกาลของมะม่วงอย่างเต็มตัว ก่อนหน้านี้ก็ได้กินแต่มะม่วงดิบ มะม่วงเปรี้ยว มะม่วงมัน จิ้มกับน้ำปลาหวานหรือกะปิหวาน และสารพัดเครื่องจิ้ม แต่ถ้าเริ่มมีมะม่วงสุกวางขายแล้ว “ผ่านมาแวะกิน” ก็ขอย้ายมากินมะม่วงสุกหวานหอมดีกว่า
       
       แต่จะเสาะหามะม่วงสุกกินทั้งที ก็ต้องมาคู่เคียงกันกับข้าวเหนียวมูนอร่อยๆ ด้วย จะได้ครบสูตรตามตำราของอร่อยแบบไทยๆ และครั้งนี้ก็ขอเดินทางออกนอกกรุงมาตามหาเจ้าอร่อยไกลถึง อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี กันเลยทีเดียว ซึ่งร้านนี้มีชื่อว่า “ข้าวเหนียวมูนคุณสุ”


คุณสุมาลี เจ้าของร้าน
       ถึงจะเป็นรถเข็นขายอยู่หน้าตลาด แต่ขอบอกว่าการันตีความอร่อยได้เลย เพราะตลอดเวลาที่ยืนสังเกตการณ์อยู่นั้นมีลูกค้าแวะเวียนมาตลอดเวลาไม่ขาดสาย สอบถามคุณป้าสาวใหญ่ หนึ่งในลูกค้าเจ้าประจำก็บอกว่า ร้านนี้กินมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว สมัยก่อนรุ่นพ่อเป็นคนทำมาขาย จนรุ่นปัจจุบันก็มี คุณสุมาลี พงษ์เพ็ชร เป็นผู้ปรุงความอร่อยและขายอยู่หน้าร้านด้วย
       
       สูตรเด็ดของดีของทางร้าน ก็อยู่ที่ ข้าวเหนียวมูน (กิโลกรัมละ 100 บาท) ที่จะต้องเลือกมาจากข้าวเหนียวเขี้ยวงูคัดพิเศษ นำไปแช่น้ำค้างคืน หรืออย่างน้อย 8 ชั่วโมงขึ้นไป เพื่อให้ข้าวเหนียวนิ่มกินอร่อย จากนั้นก็จะนำมานึ่งให้สุกแค่พอประมาณ แล้วนำมามูนรวมกับกะทิ โดยกะทินั้นก็จะคั้นสดๆ ใหม่ๆ ทุกวัน ใส่เกลือ และน้ำตาลปรุงรสให้ได้สัดส่วน คนให้ละลายเข้ากันโดยไม่ต้องนำไปเคี่ยว นำข้าวเหนียวที่นึ่งแล้วมาแช่ลงไป หรือที่เรียกว่าการมูน เพื่อให้ตัวข้าวเหนียวดูดซึมรสชาติความหวานมันเค็มจากน้ำกะทิเข้าไป


ข้าวเหนียวมูนและมะม่วงอกร่อง
       ชิมเฉพาะข้าวเหนียวมูนที่นิ่มอร่อย มีกลิ่นหอม รสชาติหวานไม่มากเกินไป และมีความเค็มผสมอยู่เล็กน้อย แต่ถ้าเป็นฤดูมะม่วงสุกแบบนี้ ทางร้านก็มีมะม่วงวางขายเป็นกิโลกรัมให้เลือกทั้งมะม่วงอกร่อง และมะม่วงน้ำดอกไม้ ซึ่งสั่งมาจากสวนเจ้าประจำที่ จ.ชัยนาท ราคาขายก็ขึ้นลงตามราคาตลาด ส่วนตัวข้าวเหนียวมูนนั้น หากซื้อกลับบ้านก็สามารถอยู่ค้างคืนได้หนึ่งคืนโดยไม่ต้องแช่เย็น แต่ถ้าอยากให้อยู่นานกว่านี้ก็ต้องแช่ตู้เย็น แล้วแบ่งออกมาอุ่นแค่พอกิน เป็นวิธีเก็บรักษาข้าวเหนียวมูนที่เจ้าของร้านแนะนำมา


ข้าวเหนียวมูนหน้าสังขยา
       นอกจากข้าวเหนียวมะม่วงที่ได้ชิมไปแล้ว ทางร้านก็มีข้าวเหนียวมูนหน้าต่างๆ ให้เลือกตามชอบอีกด้วย ทั้ง ข้าวเหนียวมูนหน้าสังขยา (กล่องละ 10 บาท) ที่ตัวสังขยานั้นจะเลือกใช้ไข่ไก่มากวนผสมกับกะทิและน้ำตาล จากนั้นนำไปนึ่งให้สุก นำมากินคู่กับข้าวเหนียวมูน ได้รสชาติที่ลงตัว เนื้อสังขยานุ่มเนียนหวานหอมอร่อย
       
       ส่วนอีกหน้าที่อยากให้ลองชิมคือ ข้าวเหนียวมูนหน้าปลาแห้ง (กล่องละ 10 บาท) ทางร้านจะเลือกใช้เนื้อปลาช่อนทะเลจากมหาชัย นำมาปั่นละเอียดให้เนื้อขึ้นฟู จากนั้นก็ผัดให้แห้ง แล้วใส่น้ำตาลและหอมเจียวลงไป ชิมแล้วได้รสชาติความเค็มจากเนื้อปา ความหวานจากน้ำตาล และความหอมของหอมเจียว หรือจะชิม ข้าวเหนียวมูนหน้ากุ้ง (กล่องละ 10 บาท) ก็จะใช้มะพร้าวทึนทึกมาขูด แล้วผัดรวมกับรากผักชีและพริกไทย แต่ถ้าลูกค้ามาสั่งทำพิเศษก็จะใส่เนื้อกุ้งลงไปด้วย


ข้าวเหนียวมูนหน้าปลาแห้ง
       ปิดท้ายอีกอย่างที่อร่อยไม่แพ้กัน คราวนี้มาเป็นของคาวบ้าง ข้าวเหนียวหน้าหมูฝอย (ห่อละ 10 บาท) ที่ใช้เป็นข้าวเหนียวนึ่งธรรมดา โรยหน้าด้วยหมูฝอยที่ทางร้านทำเองสดๆ ใหม่ๆ ไม่ทิ้งค้างไว้นานจนเหม็นหืน ชิมแล้วข้าวเหนียวนุ่มๆ ร้อนๆ เข้ากันกับหมูฝอยที่กรอบนิดๆ รสชาติออกเค็มหวาน เรียกว่าเป็นอาหารที่อิ่มท้องแบบง่ายๆ แต่อร่อยถูกใจ
       
       ใครจะมาลองชิมข้าวเหนียวมูนอร่อยๆ ของร้าน “ข้าวเหนียวมูนคุณสุ” ก็ต้องขับรถมาไกลหน่อยถึง จ.สิงห์บุรี เสร็จสรรพแล้วก็แวะเที่ยวในตลาด หาของอร่อยอย่างอื่นติดไม้ติดมือไปฝากคนที่บ้านด้วย หรือจะแวะไหว้พระทำบุญเสริมสิริมงคลให้ชีวิตก็ยังได้


ข้าวเหนียวหน้าหมูฝอย
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
       
       ร้าน “ข้าวเหนียวมูนคุณสุ” ตั้งอยู่หน้าตลาดนายประยูร ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี การเดินทางจาก กทม. ใช้ถนนสายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) มุ่งหน้าสู่ภาคเหนือ ตรงมาจนถึงแยกทางเข้า อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ให้เลี้ยวซ้าย แล้ววิ่งตรงไปจนสุดถนน จะมีสี่แยก เป็นทางเข้าตลาดนายประยูร ร้านจะตั้งอยู่บริเวณปากทางเข้าตลาด ร้านเปิดทุกวัน เวลา 03.30-07.00 น. (เฉพาะหน้ามะม่วงจะเปิดขายถึงช่วงเย็น) โทร. 08-4019-7391


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
Re: รวบรวมเรื่อง "ข้าวเหนียว"
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: เมษายน 23, 2013, 12:35:23 am »
 :06: น่าอร่อยมากครับพี่หนุ่ม โดยเฉพาะข้าวเหนียวมูนหน้าสังขยา  ขอบคุณครับพี่หนุ่ม
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "ข้าวเหนียว"
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: เมษายน 23, 2013, 11:48:00 pm »
ส่วนพี่ชอบ ข้าวเหนียวมะม่วง(อกร่อง)ครับ

 :46:  :46:  :46:  :46:  :46:
.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "ข้าวเหนียว"
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: เมษายน 07, 2014, 06:54:26 am »
ข้าวเหนียวมะม่วงแม่นงนุช ร้าน “มีชัย” อร่อยโดนใจ เจ้าดังที่หัวหิน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    6 เมษายน 2557 12:04 น.


มาหัวหินอย่าลืมแวะซื้อข้าวเหนียวมะม่วงแม่นงนุชที่ร้านมีชัย

       ซัมเมอร์…อากาศร้อนๆ แบบนี้ “ผ่านมาแวะกิน” ได้มาเที่ยวทะเลหัวหิน นอกจากจะมาเที่ยวคลายร้อนอย่างสนุกแล้ว หนึ่งสิ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อมาถึงหัวหินก็คือ ต้องหาของกินของฝากอร่อยๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านกันด้วย ยิ่งช่วงหน้าร้อนแบบนี้มะม่วงออกผลผลิตกันมาก เราจึงนึกอยากกินข้าวเหนียวมะม่วงอร่อยๆ


คุณย่านงนุช ศิลปสุนทร (คนกลาง) เจ้าของสูตรข้าวเหนียวมะม่วงแสนอร่อย

       แล้วเมื่อมาถึงหัวหินทั้งที และนึกอยากกินข้าวเหนียวมะม่วงรสดี ก็ต้องมาที่ร้านนี้เลย ข้าวเหนียวมะม่วงแม่นงนุช ร้าน “มีชัย” เป็นร้านขายของฝากชื่อดังของหัวหิน ที่เปิดขายมานานกว่า 72 ปี ที่ร้านนี้มีเมนู “ข้าวเหนียวมะม่วง” เป็นของกินของฝากขึ้นชื่อ ที่ใครไปหัวหินก็ต้องแวะมาซื้อข้าวเหนียวมะม่วงร้านนี้กันให้ได้


ข้าวเหนียวมะม่วงอร่อยๆ

       ข้าวเหนียวมะม่วง ของร้านนี้มีคุณย่านงนุช ศิลปสุนทร (อายุ 90 ปี) เป็นเจ้าของสูตรข้าวเหนียวมูนอร่อยๆ ที่ทำแบบโฮมเมด ทำใหม่สดทุกวัน ไม่มีการใส่สารกันบูด โดยจะคัดสรรแต่ข้าวเหนียวเขี้ยวงูอย่างดีจากเชียงรายเท่านั้น นำมาแช่น้ำแล้วนึ่งให้สุกกับใบเตยสดให้มีกลิ่นหอม แล้วค่อยนำมามูนกับน้ำกะทิสดที่ปรุงรสตามสูตรเฉพาะของทางร้าน ได้เป็นข้าวเหนียวมูนที่มีเม็ดสวย ไม่แฉะ เมื่อได้ลิ้มรสแล้วจะสัมผัสได้ถึงข้าวเหนียวมูนที่เป็นเม็ด เคี้ยวแล้วนุ่มลิ้น มีรสหวานกลมกล่อมกำลังดี และยังมีหัวกะทิสดที่เคี่ยวจนข้นราดหน้ามาบนข้าวเหนียว ยิ่งเพิ่มความหอม หวาน มัน กินคู่กับมะม่วงน้ำดอกไม้หรือมะม่วงอกร่อง หอมๆ ที่ทางร้านคัดสรรมาอย่างดี ขอบอกว่าอร่อยมากๆ จนหยุดกินแทบไม่ได้ เรียกว่ากินแบบไม่กลัวอ้วนกันเลย
       
       สำหรับราคาข้าวเหนียวมูนของที่นี่ ขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 บาท หรือจะซื้อแบบจัดชุดไว้เรียบร้อยแล้ว คือ มีข้าวเหนียวมูนมะม่วง ถั่วเหลืองคั่ว และหัวกะทิไว้ให้โรยหน้า ขายอยู่ที่กล่องละ 75 บาท สามารถซื้อกลับไปกินที่บ้านอยู่ในอุณหภูมิปกติเก็บไว้ได้ประมาณ 2 วัน แต่ถ้านำเข้าตู้เย็นแช่ช่องธรรมดาอยู่ได้ประมาณ 1 อาทิตย์


ขนมเทียน

       และใช่ว่าจะมีแต่ข้าวเหนียวมะม่วงที่อร่อยขึ้นชื่อ ยังมีอีกหนึ่งเมนูขนมไทยๆ ที่ชวนกินคือ ขนมเทียน (ชิ้นละ 7 บาท) เป็นขนมเทียนไส้เค็ม (แต่ช่วงเทศกาลตรุษจีนกับสารทจีนจะมีไส้หวานขายด้วย) ขนมเทียนของที่นี่มีจุดเด่นอยู่ที่แป้งที่เหนียวนุ่ม และหอม ส่วนไส้ข้างในเป็นไส้ถั่วเหลืองนำมาผัดปรุงรสใส่พริกไทยและหัวหอมเจียว และห่อด้วยใบตองสดนึ่งจนสุก ชิมแล้วสัมผัสได้ถึงความหอมนุ่มเหนียวหนึบของแป้ง กลมกล่อมเข้ากันกับไส้รสเข้มข้นถูกปากดีจริง ถ้าซื้อไปสามารถเก็บไว้ที่อุณหภูมิปกติได้นาน 3 วัน


สารพัดขนมไทยพื้นบ้าน

       นอกจากนี้แล้วทางร้านก็มีขนมไทยที่จะทำออกมาขายแบบสดใหม่ทุกๆ วัน มีให้เลือกชิมมากมาย อาทิ ข้าวต้มมัดไส้เผือก / กล้วย (ชิ้นละ 10 บาท) ข้าวเหนียวตัด (ถาดละ 50 บาท) ขนมหม้อแกง (ถาดละ 50 บาท) ขนมสังขยาหน้าเผือก / หน้าฟักทอง / หน้าขนุน (ถาดละ 50 บาท) วุ้นลำใย / วุ้นน้ำตาลสด (ถาดละ 35 บาท) และขนมไทยอื่นๆ ที่ชวนลิ้มรสอีกมากมาย เอาเป็นว่าถ้าหากใครมีโอกาสมาเที่ยวหัวหิน แล้วอยากกินข้าวเหนียวมะม่วงอร่อยๆ พร้อมกับได้ซื้อขนมไทยรสชาติดีกลับไปฝากคนที่บ้าน แนะนำว่าให้แวะมากันได้ที่ร้าน ข้าวเหนียวมะม่วงแม่นงนุช ร้าน “มีชัย”

       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
       
       ข้าวเหนียวมะม่วงแม่นงนุช ร้าน “มีชัย” ตั้งอยู่ที่ 57 ถ.เพชรเกษม ซ.หัวหิน 55/2 ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ร้านตั้งอยู่ตรงข้ามตลาดฉัตรไชย เป็นตึกแถว อยู่ริมถนนตรงปากซ.หัวหิน 55/2 อยู่ติดกับร้านขายยาจี้อันตึ๊ง เปิดทุกวัน เวลา 07.00 - 19.00 น. โทร. 0-3251-1035 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/MaeNongNuchHuaHin





คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "ข้าวเหนียว"
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: เมษายน 24, 2014, 10:05:06 pm »
“ช.ศรแก้ว” ข้าวเหนียวมูน 9 สี อร่อยร่วม 40 ปี แบบต้นตำรับ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    16 เมษายน 2557 11:08 น.

-http://www.manager.co.th/Food/ViewNews.aspx?NewsID=9570000042289-



หน้าร้านมีข้าวเหนียวมูนให้เลือกถึง 9 สี
       เมนู “ข้าวเหนียวมะม่วง” ถือว่าเป็นขนมหวานประจำหน้าร้อนก็ว่าได้ เพราะมะม่วงสุกสายพันธุ์ยอดนิยมส่วนใหญ่จะมาออกผลกินได้ในช่วงนี้ ซึ่งแม้ว่าร้านขายข้าวเหนียวมะม่วงจะมีมากมายนับไม่ถ้วน แต่ร้านที่อร่อยถูกปากจริงๆ และเปิดขายมาอย่างยาวนานแล้วก็มีเพียงไม่กี่ร้านเท่านั้น
       
       ซึ่ง “ผ่านมาแวะกิน” จะชวนไปชิมอีกหนึ่งร้านข้าวเหนียวมะม่วงในตำนาน เพราะร้านนี้เขาขายข้าวเหนียวมูนกับผลไม้ต่างๆ มานานเกือบ 40 ปีได้แล้ว ร้านนี้มีชื่อว่า “ช.ศรแก้ว” ที่เปิดขายอยู่ในซอยโชคชัย 54
       
       จุดเด่นของที่นี่อยู่ที่ข้าวเหนียวมูน 9 สี ซึ่งถือได้ว่าเป็นเจ้าแรกในย่านนี้ ข้าวเหนียวมูนของที่นี่จะใช้สูตรดั้งเดิมของบรรพบุรุษ และมีการเลือกสรรวัตถุดิบอย่างดีจากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าวเหนียวจาก อ.แม่จัน จ.เชียงราย เนื่องจากมีเม็ดข้าวที่อ้วนยาว นึ่งแล้วสวยใสไม่ขุ่น ส่วนกะทิสดที่นำมามูนก็เลือกมาจาก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์


ข้าวเหนียวมะม่วง
       และข้าวเหนียวมูน 9 สีของร้านนี้ก็จะเลือกใช้สีสันที่มาจากธรรมชาติ คือ ใช้ข้าวเหนียวขาว ข้าวเหนียวดำ สีเขียวจากใบเตย สีเหลืองจากขมิ้น สีแดงจากกุหลาบ สีม่วงจากดอกอัญชันใส่มะนาว สีชมพูจากสตรอว์เบอร์รี่ สีส้มจากส้ม และสีฟ้าอ่อนจากบลูเบอร์รี่
       
       ซึ่ง ข้าวเหนียวมูน จะขายในราคากิโลกรัมละ 180 บาท ครึ่งกิโลกรัม 90 บาท หรือสั่งอย่างต่ำ 40 บาทขึ้นไป แต่ถ้าจะให้เด็ดมากๆ ก็ต้องสั่งเป็น ข้าวเหนียวมะม่วง (ชุดเล็ก 50 บาท ชุดใหญ่ 100 บาท) จะสั่งเป็นเซต หรือสั่งข้าวเหนียวมูนแยกกับมะม่วงสุกก็ได้ โดยที่นี่เขามีให้เลือกทั้ง มะม่วงน้ำดอกไม้สุก (ราคาตามฤดูกาล) ที่มีให้กินทั้งปี และ มะม่วงอกร่องสุก (ราคาตามฤดูกาล) ที่มีให้ชิมเฉพาะช่วงหลายเดือน ต.ค.-พ.ค. เท่านั้น


ข้าวเหนียวทุเรียน
       แต่สำหรับสาวกทุเรียน ขอแนะนำให้ชิม ข้าวเหนียวทุเรียน (50 บาท กลับบ้าน 60 บาท) ซึ่งจะเป็นทุเรียนใต้ที่มีให้กินทั้งปี แต่ถ้าเป็นช่วงเดือน เม.ย.-ม.ย. จะเป็นทุเรียนจากจันทบุรี ข้าวเหนียวทุเรียนของที่นี่จะเป็นกะทิสด โดยใช้หัวกะทิเคี่ยวกับน้ำตาลปี๊บเล็กน้อยให้หอมหวานมัน เวลาลูกค้าสั่งก็จะจัดเป็นข้าวเหนียวมูน โปะหน้าด้วยชิ้นทุเรียนเต็มคำ ราดด้วยน้ำกะทิเคี่ยวสดๆ เมนูนี้ทั้งกลิ่นหอมหวนชวนกิน รสชาติก็หวานมันเข้มข้นอร่อยมากๆ
       
       หรืออีกเมนูหนึ่งก็น่าลิ้มลอง ข้าวเหนียวขนุน (กล่องละ 35 บาท/ 3 กล่อง 100 บาท) ทางร้านจะใช้ขนุนพันธุ์ทองประเสริฐที่เนื้อหนาหวานกรอบไม่เละ ใส่ข้าวเหนียวมูนลงไปข้างใน กินคู่กันจะได้ความหอมกวานกรอบจากขนุน และความหวานมันจากข้าวเหนียวมูน


ข้าวเหนียวขนุน
       นอกจากนี้ ที่ร้านยังมีข้าวเหนียวหน้าต่างๆ ให้เลือกชิมอีกด้วย ทั้งหน้าสังขยา หน้าปลาที่ใช้เนื้อปลาช่อนนามาทำ และหน้ากุ้งที่จะใช้กุ้งแชบ๊วยสดมาทำ แต่ละหน้าอร่อยหอมเข้มข้น หน้าเหนียวหน้าสังขยา/ปลา/กุ้ง ขายในราคาถ้วยละ 25 บาท
       
       หากใครอยากชิมข้าวเหนียวมูนอร่อยๆ ของร้าน “ช.ศรแก้ว” แต่ถ้าไม่อยากเข้ามาในซอยโชคชัย 4 สามารถหาซื้อกันได้อีก 2 ที่คือ วันเสาร์-อาทิตย์ จะเปิดขายที่ตลาดขวัญเรียม ฝั่งวัดบำเพ็ญเหนือ และวันศุกร์-อาทิตย์ เปิดขายที่ CDC Weekend Market ที่ CDC เลียบทางด่วนรามอินทรา ตั้งขายอยู่ใกล้ๆ กับ Max Value


ข้าวเหนียวหน้าค็อกเทล
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
       
       ร้าน “ช.ศรแก้ว” ตั้งอยู่ที่ 33/500 ซ.โชคชัย 4 (ซอย 54) ลาดพร้าว กทม. การเดินทางจากถนนลาดพร้าว ให้เลี้ยวเข้าซอยลาดพร้าว 53 (ซอยโชคชัย 4) จากนั้นตรงมาเรื่อยๆ สังเกตทางขวามือจะเห็นซอยโชคชัย 54 ให้เลี้ยวเข้าไป ตรงไปอีกประมาณ 100 เมตร จะเห็นร้านตั้งอยู่ทางขวามือ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน ร้านเปิดทุกวัน เวลา 06.00-21.00 น. โทร. 0-2931-0000, 0-2931-0005, 08-1868-5384




http://www.manager.co.th/Food/ViewNews.aspx?NewsID=9570000042289
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "ข้าวเหนียว"
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มิถุนายน 10, 2014, 08:54:37 pm »

ข้าวเหนียวทุเรียน หวานอร่อย กลิ่นหอมชวนชิม
โพสต์เมื่อ : 6 มิถุนายน 2557 เวลา 14:11:39

-http://cooking.kapook.com/view90118.html-

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          คนไทยหลายคนรอคอยให้ถึงช่วง หน้าร้อน ก็เพราะอยากจะกินทุเรียน เจ้าแห่งราชาผลไม้ไทยสุดอร่อย คนที่ว่าหอมก็กินกันจนแน่นท้อง และก็มีบ่อย ๆ ที่ซื้อทุเรียนมาทั้งลูกแล้วกินไม่หมด ปล่อยไว้จนสุกเละ จะมากินอีกทีก็ไม่อร่อยแล้ว ลองจับมาทำเป็นขนมหวานสุดอร่อยอย่าง ข้าวเหนียวทุเรียนกันดูไหมคะ เรามีสูตรมาฝากด้วยนะ

          ส่วนผสมในการทำข้าวเหนียวทุเรียนทั้ง หมดอาจจะไม่ต้องเป๊ะ ๆ ตามสูตร ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ชอบหวานนน้อยหวานมาก เนื้อทุเรียนมากน้อยแค่ไหน ก็เสริมเติมแต่งกันตามใจเลยจ้า ถ้าอยากลองทำกันแล้ว ก็ตามมาดูกันเลย


สิ่งที่ต้องเตรียม (ข้าวเหนียวมูน)

          ข้าวเหนียวขาว 500 กรัม

          สารส้มโขลกละเอียด 1 ช้อนชา

          น้ำสำหรับแช่ข้าวเหนียว   

          กะทิคั้นสด 350 มิลลิลิตร

          น้ำตาลทราย 200 กรัม

          เกลือป่น 2 ช้อนชา

วิธีทำ
           
           ซาวข้าวเหนียวจนสะอาด ใส่สารส้มลงไป เติมน้ำจนท่วม คนผสมจนเข้ากัน แช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง จากนั้นล้างข้าวเหนียวที่แช่ไว้จนสะอาด สะเด็ดน้ำ พักไว้สักครู่ แล้วนำข้าวเหนียวไปนึ่งนานประมาณ 20 นาที จนข้าวเหนียวสุก เตรียมไว้

           ผสมกะทิกับน้ำตาลทราย และเกลือป่นในอ่างผสม เทข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้วลงไป คนผสมจนเข้ากัน พักทิ้งไว้ 30 นาที จนข้าวเหนียวระอุ เตรียมไว้กินคู่กับน้ำกะทิทุเรียน

สิ่งที่ต้องเตรียม (น้ำกะทิทุเรียน)

          เนื้อทุเรียนสุกฉีก 500 กรัม


          น้ำกะทิ 2 ถ้วย


          เกลือป่น 1/2 ช้อนชา


          น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม

วิธีทำ

           ใส่น้ำกะทิลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน ใส่น้ำตาลปี๊บ และเกลือป่นลงไป คนผสมจนน้ำตาลปี๊บละลาย พอกะทิเริ่มเดือดใส่เนื้อทุเรียนฉีกลงไป คนผสมให้เข้ากัน ตักราดลงบนข้าวข้าวเหนียวมูน

          ว่าแล้วก็ต้องขอตัวไปทำข้าวเหนียวทุเรียนบ้างแล้วล่ะค่ะ ทนไม่ไหวจริง ๆ หรือถ้าใครอยากประหยัดเวลาก็สามารถซื้อข้าวเหนียวมูนที่มีขายอยู่แล้วมารอไว้ ราดน้ำกะทิทุเรียนลงไป ก็ฟินแล้วจ้า





-------------------------------------------------------------------------------------------




แบบว่า ของโปรดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวบรวมเรื่อง "ข้าวเหนียว"
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2014, 06:26:40 pm »
กินข้าวเหนียวมะม่วงอย่างไร ไม่ให้เกิดโทษ

-http://news.springnewstv.tv/50913/%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A9-





 หากกินข้าวเหนียวมะม่วงเข้าไปแล้วจะทำให้อ้วนใช่ไหม กินแล้วจะเป็นร้อนในหรือเปล่า แล้วไขมันจะขึ้นไหม ขอแนะนำเคล็ดลับการกินข้าวเหนียวมะม่วงเพื่อความอร่อย และสุขภาพที่ดี ดังนี้
 

1. กินมะม่วงมากกว่าข้าวเหนียว

เช่น กินมะม่วงสุกครึ่งลูก (ขนาดกลาง) จะได้พลังงานประมาณ 70 กิโลแคลอรี่ ส่วนข้าวเหนียวมูนให้กิน 100 กรัม หรือ 1 ขีด จะให้พลังงาน 280 กิโลแคลอรี่ เมื่อรวมกันแล้วจะเท่ากับ 350 กิโลแคลอรี่ ซึ่งเทียบเท่ากับแคลอรี่ที่ได้จากอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ดหรืออาหารที่เด็กวัยรุ่นที่นิยมกินกันหลาย ๆ ชนิด เช่น โดนัทเคลือบคาราเมล พิซซ่า และแฮมเบอร์เกอร์ ของพวกนี้ก็ให้พลังงานประมาณ 350 กิโลแคลอรี่ แต่ข้าวเหนียวมะม่วงมีคุณค่าทางโภชนาการและเชิงอาหารเพื่อสุขภาพมากกว่า


2. กินข้าวเหนียวมะม่วงช่วงเวลากลางวัน

เพราะกลางวันเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องใช้พลังงานทำกิจกรรมต่าง ๆ ควรหลีกเลี่ยงการกินมื้อเย็น เนื่องจากมีกิจกรรมที่ต้องทำน้อยกว่าช่วงกลางวัน พลังงานที่ได้รับเข้าไปอาจเผาผลาญและนำไปใช้ไม่หมด เกิดเป็นไขมันสะสมตามร่างกายได้


3. ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ต้องระวัง

เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ต้องระมัดระวังการกินข้าวเหนียวมะม่วง เพราะข้าวเหนียวมะม่วงเป็นอาหารที่มีทั้งน้ำตาลและไขมันปริมาณที่ค่อนข้างสูง จึงแนะนำให้กินสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และควรลดปริมาณข้าวเหนียวลงให้เหลือสักครึ่งขีด กรณีที่ต้องการกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์



ขอบคุณข้อมูล  -http://www.prd.go.th/ewt_dl_link.php?nid=87695-
-http://www.toptenthailand.com/review/detail/20140627182645846-


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)