ผู้เขียน หัวข้อ: รวม เตือนภัย "ปัญหาพระภิกษุ" เอ๊ย ไม่ใช่ ต้องเป็น "พระภิกษุที่มีปัญหา"  (อ่าน 33975 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
พระท่านให้ใช้ปัญญา‘ศรัทธาสงฆ์’‘สมณสารูป’สำคัญ!
วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน 2556 เวลา 00:00 น.
-http://www.dailynews.co.th/article/223/213528-


อาจเพราะยุคปัจจุบันเป็นยุคที่ผู้คนเข้าถึงและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารได้มากมายหลายทาง กรณีบุคคล แฝงตัวห่มผ้าเหลืองแล้วทำให้ภาพลักษณ์พระภิกษุสงฆ์ต้องเสื่อมเสีย รวมถึงกรณี ผู้บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์มีพฤติกรรมเป็นที่กังขาของพุทธศาสนิกชนโดยรวม จึงมีปรากฏออกมาสู่สังคมมากขึ้นกว่าในอดีต

การมีกรณีแบบนี้ปรากฏออกมาสู่สังคมมาก ๆ ในมุมหนึ่งมีการมองว่าเป็นผลลบต่อพระพุทธศาสนา แต่ในอีกมุมหนึ่งก็มีการมองว่านี่ก็เป็นผลบวกได้ เพราะเป็นการช่วยกันเป็นหูเป็นตาเป็นปากเป็นเสียงให้พระพุทธศาสนา

เป็นผลบวกได้หากมีการจัดการให้ถูกให้ควร

และชาวพุทธตระหนักถึงความถูกความควร...

ทั้งนี้ กับกรณีครึกโครมเกี่ยวกับพฤติกรรมพระภิกษุสงฆ์ที่มีออกมาสู่สังคม ทำไม? อย่างไรแน่? นั่นก็คงต้องว่ากันไปตามกระบวนการ และก็ย่อมจะสุดแท้แต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตาม กับประเด็น ’ความถูกความควรของพฤติกรรมผู้ที่เป็นพระภิกษุสงฆ์“ ในภาพรวมนั้น ชาวพุทธยุคปัจจุบันยิ่งควรตระหนัก

“ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมจากยุคเกษตรกรรมมาเป็นยุคอุตสาหกรรม ก็ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างคนกับวัดมากขึ้น ทำให้มีพระปลอมบวช หรือพระที่ไม่มีความรู้ เข้ามาสร้างความเสื่อมเสียได้ง่าย ที่สำคัญยังมีกลุ่มผู้มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ มองเห็นช่องทาง โดยดึงเอาความศรัทธามาแปรเป็นทุน”...พระสงฆ์นักเผยแผ่หลักธรรมบางรูปเคยสะท้อนผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ไว้ ซึ่งนับว่าควรพิจารณา เพราะประเด็นปัญหาในเรื่องนี้แม้จะเป็นเพียงบางจุดบางส่วนในวงการพระพุทธศาสนา-วงการพระสงฆ์ในไทย แต่บางจุดบางส่วนนี่ก็เป็นเหตุให้เกิดความ ’มัวหมอง“ ต่อพระพุทธศาสนา และยังอาจมีการ ’หลอกลวง“ ชาวพุทธ

อันสืบเนื่องกรณีครึกโครมเกี่ยวกับพฤติกรรมพระภิกษุสงฆ์ พระผู้ใหญ่บางรูปในมหาเถรสมาคม ระบุไว้บางช่วงบางตอนว่า...พระวินัยได้กำหนดให้พระหรือวัดอยู่ในความพอดีพอเพียง พระสงฆ์และวัดต้องยึดพระธรรมวินัยเป็นตัวตั้ง ดำรงตนสำรวมอยู่ในสมณสารูป ซึ่งกับคำว่า “สมณสารูป” นั้น จากข้อมูลบทความในเว็บไซต์ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุไว้ว่า... หมายถึง ที่สมควรแก่พระ, กิริยามารยาทที่สมควรแก่สมณะ ขณะที่มงคลที่ 29 ในมงคลชีวิต 38 ข้อ หรือมงคล 38 ประการ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ก็มีเนื้อหาในส่วนที่เกี่ยวกับลักษณะของสมณะ หรือการดำรงตนของพระภิกษุสงฆ์ให้เหมาะสมกับสมณสารูป

โดยสังเขป-โดยสรุปคือ...สงบกาย สำรวม ไม่มีกิริยาร้าย เช่น แก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น พกอาวุธ วิวาท เป็นต้น, สงบวาจา มีวาจาเป็นธรรม ไม่ปากร้าย ไม่ว่าร้าย ไม่ยุยง เป็นต้น, สงบใจ มีจิตใจที่นึกถึงธรรมเป็นสำคัญ มีจิตใจที่สงบจากบาปกรรม มีจิตใจที่เต็มไปด้วยความเมตตากรุณา เป็นต้น ...นี่จึงถือว่าเหมาะสมกับสมณสารูป

หรือในบางเว็บไซต์เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาก็ระบุถึง “สมณสารูป” ไว้ประมาณว่า...หมายถึง การประพฤติปฏิบัติ กิริยามารยาทที่เหมาะสมของพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติที่ทำให้มีระเบียบวินัย มีมารยาทในเรื่องต่าง ๆ ที่เรียบร้อยงดงาม โดยสมณสารูปนี้ ถือเป็นพระวินัยหมวดหนึ่งที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้

พระสงฆ์ที่ด้อยสมณสารูปก็เสมือนด้อยวินัยสงฆ์

ถ้าไม่มีสมณสารูปเสียเลยนี่ก็คงจะไม่ต้องพูดถึง!!

ทั้งนี้ ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง ด้วยเหตุที่โลกเปลี่ยนไปไม่เหมือนอดีตกาล-พุทธกาล สำหรับพระภิกษุสงฆ์ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถปรับ “วัตรปฏิบัติ” ตามหน้าที่-ตามวินัยสงฆ์ ซึ่งในทางสงฆ์เองก็ดูจะมีการอนุโลมไม่น้อยเลย โดยในที่นี้ก็รวมถึงการมีการใช้ ทรัพย์สินต่าง ๆ สิ่งของต่าง ๆ เครื่องใช้ต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการมีการใช้ก็ยังต้องตั้งอยู่บน ’ความเหมาะสม-ความถูกความควร“ กับสถานะพระสงฆ์

กับเรื่องสิ่งของเครื่องใช้นี้ ทางพระผู้ใหญ่รูปหนึ่งก็เคยระบุไว้ว่า...“ของแบบนี้มันเหมือนกับเหรียญ 2 ด้าน ที่ออกนอกลู่นอกทางตามนิสัยเดิมก็มี ทุกอย่างขึ้นอยู่กับจิตสำนึกและความรับผิดชอบของบุคคลนั้น ๆ ซึ่งหนทางแก้ไขที่ทำได้คือทุกคนต้องช่วยกันเฝ้าระวังดูแล อย่าให้เกิดสิ่งไม่ดีไม่งามขึ้น”

และกับประเด็น ’ช่วยกันเฝ้าระวังดูแลพระภิกษุสงฆ์“ ก็น่าจะต้องหมายรวมถึงเฝ้าระวังดูแลโดย ส่งเสริม สนับสนุน ’พระภิกษุสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ“ เพื่อให้มีกำลังกายกำลังใจในการสืบสานพระพุทธศาสนา พร้อม ๆ ไปกับเฝ้าระวังดูแล เป็นหูเป็นตาเป็นปากเป็นเสียงเพื่อให้มีการจัดการกับผู้ที่แฝงในผ้าเหลืองเพื่อทำสิ่งไม่ดีหรือแสวงหาประโยชน์อย่างไม่ถูกต้อง โดยกับกลุ่มหลังนี่ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และในแวดวงสงฆ์เอง มีการใช้คำเรียกว่า ’พระปลอมบวช“ ซึ่งสร้างปัญหาให้กับผู้คน ให้กับสังคม และการจะรู้ว่าใช่-ไม่ใช่ พระจริง-พระปลอม ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากอะไรนักสำหรับชาวพุทธทั่วไป

การดูแลเรื่องนี้...ก็ต้องทั้งพระสงฆ์และฆราวาส

ในส่วนฆราวาส...สำคัญที่ ’ศรัทธาและปัญญา“

พระท่านว่า...’ศรัทธาและปัญญาต้องไปคู่กัน“.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
หลวงปู่พุทธะอิสระ แฉเณรคำไม่ได้เป็นพระ

-http://news.sanook.com/1193944/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B0-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2-%E0%B9%81%E0%B8%89%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87/-




(25 มิ.ย.) หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย แฉเณรคำที่กำลังตกเป็นข่าวครึกโครมกรณีนั่งเครื่องบิน หิ้วกระเป๋าหลุยส์ นอกจากนี้ได้มีการต่อโทรศัพท์และเปิดสปีกเกอร์สนทนากับหญิงสาวนักธุรกิจรายหนึ่งที่บอกว่าเป็นคนซื้อกระเป๋าหลุยส์และพาพระชื่อดังไปเที่ยวฝรั่งเศส ท่ามกลางสื่อมวลชนที่มาร่วมทำข่าวด้วย

ทั้งนี้ นักธุรกิจท่านนี้รับว่าเคยบริจาคทรัพย์จำนวนมากให้กับเณรคำ มีการนิมนต์ไปที่บ้านและไปเที่ยวต่างประเทศ และมีการจ่ายเช็คเงินสดค่าเครื่องบินลำเล็กมูลค่า 17 ล้านบาท นอกจากนี้ยังบอกอีกว่าการซื้อเครื่องบินลำใหญ่มีการเจรจาดูโปชัวร์ โดยบอกว่าเณรคำเอามาให้ดูมีมูลค่ากว่า 80 ล้านบาท

โดยนักธุรกิจหญิงรายนี้บอกว่า เณรคำ อ้างว่าจะใช้เป็นพาหนะแต่ถ้าไม่ได้เดินทางไปไหนจะได้ให้คนอื่นเช่า นอกจากนี้ครอบครัวยังเคยเดินทางไปเที่ยวฝรั่งเศสร่วมคณะกับเณรคำ โดยลูกสาวเป็นคนซื้อกระเป๋าหลุยส์วิตตองถวายให้เอง เนื่องจากเณรคำอยากได้จริง ๆ และนักธุรกิจท่านนี้บอกว่าเคยอยากจะยกมรดกให้ผ่านพินัยกรรมอีกด้วย

หลวงปู่พุทธะอิสระได้พูดคุยกับนักธุรกิจรายนี้ผ่านทางโทรศัพท์โดยบอกว่า ในเมื่อเขาเรียกเราว่าแม่และเมื่อแม่รู้ว่าลูกกำลังหลอกลวงก็ต้องทำให้ถูกต้อง

หลวงปู่พุทธะอิสระ ระบุว่าเณรคำลวงโลกที่สำคัญลูกศิษย์ของเณรคำยังให้ร้ายคนที่เรียกว่าแม่อีกด้วย โดยบอกว่านักธุรกิจหญิงคนนี้เป็นคนเก็บเงินทั้งหมด และที่บอกว่าเป็นคนจัดคิวสาว ๆ ให้นั้นความจริงแล้วเป็นเพียงการจัดคิวนิมนต์เท่านั้น

นอกจากนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ ยังพูดถึงดอกเตอร์ท่านหนึ่งที่อยากให้ออกมาขอโทษพระรัตนตรัยที่ได้สร้างโจรมาเป็นอรหันต์ ทรัพย์สินที่ได้มาแทนที่จะเอาช่วยเหลือบริจาคต่อกลับเอาไปใช้ส่วนตัว อย่าไปช่วยเหลือขอให้ย้อนกลับไปดูว่าเมื่อก่อนเณรคำมีอะไร ที่นายังต้องเช่าเขาทำเดี๋ยวนี้กลายเป็นมีเครื่องบิน บ้านหรู วันนี้ไม่ต้องตรวจสอบแล้วเพราะไม่มีอะไรจะให้ตรวจสอบที่เขาไม่สร้างวัดเพราะไม่อยากให้มีการตรวจสอบ บวชจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ใครเป็นพระอุปัชฌาไม่มีใครรู้เลย

ขอบคุณข้อมูลจากเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3

http://news.sanook.com/1193944/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B0-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2-%E0%B9%81%E0%B8%89%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87/

.

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
เณรคำรวยรักปริศนา !? กับพ่อยกแม่ยกผู้ศรัทธาและร่ำรวย
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน    29 มิถุนายน 2556 06:00 น.
-http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000078918-



ภาพสีกากับพระดังที่กำลังถูกขยายความอย่างหนัก เพราะไม่ได้มีเพียงแค่หนึ่งคน หากแต่มีถึง 2 คนด้วยกัน


บ้านหลังมหึมาที่ว่ากันว่า หลวงปู่เณรคำซื้อให้หญิงสาว เพียงแต่มีปัญหาเลิกรากันไปทำให้การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ แต่คณะลูกศิษย์และพ่อของผู้หญิงอ้างว่าเป็นน้องชายของหลวงปู่เณรคำ


คณะลูกศิษย์ของหลวงปู่เณรคำ (ซ้าย) ดร.สุขุม วงประสิทธิ (ขวา)นายภัทรเดช โสพรรณพานิชกุล หรือเสี่ยก้าวหน้า


นายดำรงชัย ปานจุ้ย


นายเทพพนม นามลี ประธาน นปช.แดงสุรินทร์



ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ยังคงรักษาระดับความฉาวโฉ่เอาไว้ได้อย่างคงเส้นคงวาทีเดียวสำหรับ ข่าว “หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก” หรือพระวิรพล ฉัตติโก ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ หลังจากเปิดหน้าม่านด้วยความหรูหราระดับเซเลบริตี้นั่งเครื่องบินเจ็ต เฮลิคอปเตอร์ พร้อมสะพายกระเป๋าหลุยส์วิต ตองไปรับกิจนิมนต์
       
       ทั้งนี้ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นของความฉาวโฉ่ที่สำคัญของหลวงปู่เณรคำพุ่งเป้าไปที่ 4 เรื่องใหญ่ๆ ด้วยกันคือ
       
       หนึ่ง-ผู้หญิง
       
       สอง-ที่ดินสร้างวัดป่าขันติธรรม
       
       สาม-การสร้างพระแก้วมรกตจำลองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากรและสำนักพระราชวัง
       
       และสี่-กลุ่มลูกศิษย์ที่ออกโรงมาปกป้องอย่างสุดชีวิตจนสังคมกระหายใคร่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหน
       
       เริ่มจากประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดคือ ผู้หญิง เพราะนอกจากจะได้ชื่อว่าเป็น พระดังร่ำรวยอู้ฟู่รายล่าสุดในยุคนี้แล้ว “พระวิรพล สุขผล” หรือ “หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก” ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรมยังกำลังถูกจัดขึ้นชั้นทำเนียบพระรวยรักปริศนา ? ของเมืองไทยอีกรูปหนึ่ง
       
       ในความเป็นจริงแล้ว คงต้องบอกว่ากรณีนี้ตกเป็นข่าววิพากษ์วิจารณ์ในโลกอินเตอร์เน็ตไล่เลี่ยกับเครื่องบินเจ็ตและกระเป๋าหลุยส์วิตตอง เพียงแต่ข้อมูลยังไม่ได้รับการขยายความมากนักว่า ภาพผู้หญิงที่นอนข้างๆ พระ ซึ่งกลุ่มลูกศิษย์อ้างว่าถูกตัดต่อภาพนั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร จากนั้นในเวลาต่อมาก็มีการเปิดเผยเรื่องราวของหญิงสาวอีกรายหนึ่ง และว่ากันว่าเป็นต้นเหตุให้ปรากฏภาพฉาวออกมา
       
       ทั้งนี้ เมื่อไล่เลียงจากข่าวบนสื่อทุกแขนงในขณะนี้ จะเห็นได้ว่ามีสีกามาข้องเกี่ยวแล้วอย่างน้อย 2 นาง รายแรกถูกเปิดเผยออกมาจากโลกออนไลน์ ในรูปภาพนิ่งบุคคลหน้าตาคล้ายพระชื่อดังนอนอยู่กับสีกา ซึ่งเป็นภาพที่บังเอิญไปตรงเรื่องราวอันเป็นที่โจษจันของชาวบ้านหนองพะแนง คุ้ง 10 โนนม่วง ต.รุ่งระวี อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ หมู่บ้านซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดป่าขันติธรรมมานานนับ 10 ปีแล้วอย่างไม่น่าเชื่อ
       
       เสียงลือเสียงเล่าอ้างและเสียงโจษจันของชาวบ้านมีอยู่ว่า มีพระหนุ่มขับรถเบนซ์คันหรูกระจกติดฟิล์มดำมืดแวะเวียนมาหาสาวน้อย ชื่ออักษรย่อ “พ” ถึงในบ้านอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะในยามค่ำคืนดึกดื่นที่ผู้คนส่วนใหญ่นอน หลับใหลหลังเหน็ดเหนื่อยจากการงานในไร่นา
       
       การคบหาไปมาหาสู่กันระหว่างพระหนุ่มกับสาวน้อยปริศนา นามอักษรย่อ “พ” ดังกล่าว เป็นที่รับรู้และอยู่ในสายตาของพ่อและครอบครัวมาโดยตลอด โดยพระหนุ่มได้เริ่มมาติดพันตั้งแต่สาวน้อยเรียนอยู่ ม. 4
       
       ในขณะนั้นพระหนุ่มที่เพิ่งมาเปิดที่พักสงฆ์เจอฤทธิ์ของกามเทพที่แผลงศรทั้งๆ ที่อยู่ในผ้าเหลืองกับสาว “พ” และได้นำเอาเงินจำนวน 20,000 บาท พร้อมสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท มาหมั้นเอาไว้ จากนั้นได้อยู่กินกันฉันสามีภรรยาแบบลับๆ พร้อมซื้อรถยนต์มิตซูบิชิ สีแดงกลางเก่ากลางใหม่ให้ขับไปโรงเรียน
       
       และเมื่อความรักของคู่ผัวตัวเมียข้าวใหม่ปลามันถึงขนาดพระหนุ่มก็ทุ่มเงินสร้างบ้านให้ 1 หลัง มูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท แต่ยังสร้างไม่เสร็จตามที่เป็นข่าวอื้อฉาวอยู่ในขณะนี้
       
       โดยล่าสุดกลุ่มลูกศิษย์ต้องยกก๊วนลงพื้นที่บุกไปเคลียร์กับพ่อเจ้าตัวถึงบ้าน ก่อนจะออกมาแถกับสื่อมวลชนว่า เรือนหอดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับพระดัง แต่เป็นน้องชายพระดังที่หน้าตาคล้ายกันมาก เคยบวชเป็นพระในช่วงเวลาสั้นๆ และมาจีบลูกสาวบ้านนี้ ทว่า อยู่ไม่นานก็เลิกรากันไป
       
       ส่วนเบื้องหลังภาพพระดังนอนอยู่กับสีกาว่อนเน็ตจนกลายเป็นข่าวฉาว นั้น เล่าลือกันว่า เกิดจากสาวน้อยเริ่มไม่มั่นใจหลังพยายามเรียกร้องให้สึกออกมาอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยาอย่างเปิดเผยหลายต่อหลายครั้งแต่ถูกปฏิเสธโดยอ้างว่าขออยู่เพื่อหาเงินไปก่อน อีกทั้งรับรู้ว่าพระหนุ่มมีกิ๊กอยู่หลายคน เที่ยวไปหยอดไข่ไว้หลายแห่ง จึงตัดสินใจนำรูปภาพโพสต์ในเฟซบุ๊กเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วก่อนที่สื่อจะนำมาขยายความ ซึ่งเป็นภาพถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือ ในคืนอันเร่าร้อนหลังพระดังร่วมวงดวดเมรัยยี่ห้อ รีเจนซี่ ที่หิ้วขึ้นรถเบนซ์มาหาที่บ้าน 3 ขวด จนหมดเกลี้ยงและเมาได้ที่
       
       อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจโพสต์ภาพฉาวดังกล่าว “พ” ได้ยื่นคำขาดเป็นครั้งสุดท้ายให้พระหนุ่มสึกออกมาอยู่ร่วมกันแต่พระหนุ่มไม่ยอม จึงยื่นข้อเสนอขอเงิน 30 ล้านบาท เพื่อนำเอามาสร้างบ้านให้เสร็จและใช้จ่ายในการดำรงชีวิตต่อไป แต่ถูกปฏิเสธอีก จึงเป็นที่มาของรูปภาพในเฟซบุ๊กฉาว โดยใช้ชื่อว่า “แด่สาธุชน” และมีการนำภาพไปถ่ายเอกสาร เขียนข้อความว่า “นี่หรือ พระที่พวกคุณเคารพนับถือ” ไปโปรยหน้าบ้านพระหนุ่มที่บ้านเกิด จังหวัดอุบลราชธานีด้วย
       
       จากนั้น พระหนุ่มได้มาขอเคลียร์ โดยจ่ายเงินให้ 5 ล้านบาท แลกกับการให้ลบรูปภาพออกจากเฟซบุ๊ก และเลิกแล้วต่อกัน ซึ่งปัจจุบัน “พ” ได้แต่งงานไปอยู่กับสามีใหม่ที่จังหวัดทางภาคเหนือ เหลือเพียงผู้เป็นพ่อกับภรรยาใหม่ของพ่อเฝ้าดูแลบ้านอยู่ที่บ้านโนนม่วง
       
       สำหรับสาวสวยรายที่ 2 เพิ่งถูกเปิดโปงออกมาตีแผ่หราบนหน้าสื่อเป็นรายล่าสุด โดย นายทองวรรณ จิตโชติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโนนสัง อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ ระบุว่า เมื่อประมาณปี 2551 ป้าของนายกอบต. ได้เข้าไปถวายสำรับพระรูปหนึ่งที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ปรากฏว่าได้เจอสาวสวยคนหนึ่งแต่งชุดนอนเดินออกมาจากห้องของพระหนุ่มรูปหนึ่ง ซึ่งป้าของนายกอบต.รู้จักผู้หญิงคนดังกล่าวดีว่า ชื่ออักษรย่อ “ม” อายุ 25 ปี เป็นสาวสวยมีบ้านอยู่ไม่ไกลจากสำนักสงฆ์อื้อฉาว และเรื่องนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มชาวบ้านใกล้สำนักสงฆ์แห่งนี้อย่างกว้างขวาง
       
       ที่สำคัญ สาวสวยคนดังกล่าวยังไม่ได้แต่งงาน แต่มีลูกชาย 1 คน ปัจจุบันเรียนอยู่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 (ป.2) โรงเรียนระดับประถมศึกษาแห่งหนึ่ง และสาวสวยคนนี้มีฐานะดีขึ้นอย่างรวดเร็วราวติดจรวด ทั้งที่ไม่ได้มีอาชีพการงานอะไร แต่กลับมีเงินสดซื้อที่ดิน 7 ไร่ ใกล้กับสำนักสงฆ์และมีบ้านขนาดใหญ่มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาทในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ที่กรุงเทพฯ
       
       แต่ไม่ต้องแปลกใจอะไรถึงสาเหตุความรวย เพราะสืบไปสืบมาก็ได้ความว่าเนื่องจากพระหนุ่มได้พา “ม” ไปอยู่กรุงเทพฯ จึงซื้อบ้านจัดสรรหรูหราราคา 15 ล้านบาทดังกล่าวให้อยู่กับลูก พร้อมรถยนต์เก๋งฮอนด้า แอคคอร์ด 1 คัน ไว้ใช้งาน และส่งเสียเดือนละ 50,000 บาท
       
       เรื่องราวโจษจันเหล่านี้ ได้กลายเป็นตำนานรักปริศนาที่ยังไม่มีข้อสรุปชัดแจ้งว่าเกี่ยวข้องกับหลวงปู่คนดังหรือไม่ ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็อาจไม่เป็นธรรมนัก ยกเว้นเสียแต่ว่าถูกจับได้คาหนังคาเขาและมีภาพถ่ายเป็นประจักษ์พยานมากกว่านี้
       
       ขณะที่ประเด็นเรื่องที่ดินก็วุ่นวายและฉาวโฉ่ไม่แพ้กัน เนื่องจากยายลอน มนัส อายุ 68 ปี ผู้อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของที่ดินวัดป่าขันติธรรมออกมาเรียกร้องให้ก่อตั้งวัดป่าขันติธรรมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งจะไม่ให้หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เข้ามาบริหารวัดอีก เพราะบริจาคที่ดินให้สร้างวัด แต่หลวงปู่เณรคำไม่ได้ดำเนินการก่อตั้งวัดแต่อย่างใด จนกระทั่งใบอนุญาตจากกรมการศาสนาหมดอายุลง
       
       ส่วนที่กลุ่มลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำ โดยนายภาณุ สุขวัลลิ โฆษกฝ่ายฆราวาสของหลวงปู่เณรคำ ชี้แจงว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของนางทองมี วุฒิยาสาร ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วเป็นผู้บริจาคให้หลวงปู่เณรคำ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ตามเอกสารการสร้างวัดป่าขันติธรรมและคลิปวิดีโอที่ปรากฏบนยูทิวบ์เรื่องความเป็นมาของวัดป่าขันติธรรมนั้น ยายลอนประกาศและยืนยันชัดเจนว่า ความจริงก็คือ นางทองมี ถวายที่ดิน จำนวน 9 ไร่ เพื่อให้ตั้งวัด และตอนนั้นนางทองมีป่วยจึงได้เรียกตนเองเข้าไปคุยด้วย บอกว่า จะคุยเรื่องดี ๆ ให้ฟัง โดยบอกว่า ให้ทำการเรื่องที่ดินตั้งวัดแทนนางทองมี ที่มอบที่ดิน จำนวน 9 ไร่ ให้เป็นวัดให้ได้
       
       “นางทองมี บอกว่า ไม่สบาย คงจะอยู่ไม่ถึงตอนมอบถวายหรอกนะ ให้แม่ใหญ่ ทำการแทนด้วย จากนั้น นางทองมีจึงได้นำเอาชื่อของชั้นไปใส่กับชื่อของนางทองมี ในหลักฐานที่ดิน พอดีนางทองมีตาย จึงเหลือชั้นเพียงคนเดียว ชั้นจึงจะทำวัดป่าขันติธรรมให้เป็นวัดให้ได้ตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาคที่ดิน”นางลอนอธิบาย
       
       จากนั้นอีกไม่กี่วันยายลอนก็งัดเอกสารเป็นสำเนาโฉนดที่ดิน 5 แปลง ที่เป็นชื่อของตัวเอง มาแสดงให้ผู้สื่อข่าวได้ตรวจพิสูจน์ว่า ตนเองเป็นเจ้าของที่ดินตั้งวัดป่าขันติธรรมอย่างแท้จริง พร้อมเดินทางไปที่สำนักงานที่ดินจังหวัดศรีสะเกษ สาขาอำเภอกันทรารมย์ เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ออกโฉนดที่ดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งวัดป่าขันติธรรมให้ใหม่ แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถออกให้ได้ เพราะตามกฎหมายต้องรอให้ถึง 30 วัน ตั้งแต่วันที่ได้ยื่นคำร้องขอ และจะนำเอาไปประกอบหลักฐานในการขออนุญาตสร้างวัดป่าขันติธรรมต่อไป
       
       ซ้ำร้ายสำนักสงฆ์สาขาของหลวงปู่เณรคำหลายต่อหลายแห่งยังเป็นการรสร้างโดยบุกรุกป่าสงวน เช่น สำนักสงฆ์ซำติกา อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ ส่วนสำนักสงฆ์ตาเสก ตำบลบังดอง จังหวัดศรีสะเกษ หรือสำนักสงฆ์สาขาที่ 89 บนยอดเขาอำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลกเป็นที่ ส.ปก.4-01 เป็นต้น
       
       ด้านกรณีการสร้างพระแก้วมรกตจำลองนั้น ชัดเจนว่าวัดป่าขันติธรรมแบะหลวงปู่เณรคำไม่ได้ขออนุญาตอย่างถูกต้อง โดยนายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากร ระบุว่า พระพุทธมณีมหารัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปสำคัญ 1 ใน 61 รายการ ที่มีระเบียบว่าการจำลองจะต้องขออนุญาตจากกรมศิลปากร และจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักพระราชวัง แต่จากการตรวจสอบไปยังทะเบียนของสำนักช่างสิบหมู่ ทราบว่าวัดป่าขันติธรรมไม่ได้ดำเนินการขออนุญาตเข้ามา ขณะเดียวกันสำนักพระราชวังยังหารือมายังกรมศิลปากรว่าให้ช่วยดูแลการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ เพราะปัจจุบันมีผู้นำไปจัดสร้างโดยไม่ได้ผ่านการอนุญาตมากขึ้น
       
       เช่นเดียวกับ น.ส.มาลีภรณ์ คุ้มเกษม หัวหน้ากลุ่มนิติการ กรมศิลปากร ที่ให้ข้อมูลเสริมว่า การจำลองพระพุทธรูปสำคัญมีระเบียบกระทรวงศึกษา ธิการ พ.ศ.2520 ตามมติครม.ในขณะนั้น กำหนดไว้ว่าการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ 61 รายการ เช่น พระแก้วมรกต จะต้องขออนุญาตจากกรมศิลปากร เพื่อกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาต ส่วนระเบียบดังกล่าวนั้นไม่มีข้อกำหนดโทษ เนื่องจากไม่ได้เป็นข้อกำหนดในพ.ร.บ.
       
       กระนั้นก็ดี นอกจากทั้งสามเรื่องข้างต้นแล้วคำถามที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ ใครเป็นโยมอุปัฏฐากหรือพ่อยกแม่ยก หรือลูกศิษย์ใกล้ชิดของหลวงปู่เณรคำกันบ้าง ซึ่งเชื่อว่าในจำนวนนี้บริจาคทั้งเงินและข้าวของเครื่องใช้อันหรูหราฟุ่มเฟือยให้หลวงปู่เณรคำทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ
       
       แน่นอน กลุ่มลูกศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่เณรคำมากที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้น กลุ่มลูกศิษย์ที่ออกมาแถลงข่าวปกป้องหลวงปู่สุดกำลัง กลุ่มนี้ประกอบไปด้วย เสี่ยก้าวหน้า-นายภัทรเดชและนางกุลระวี โสพรรณพานิชกุล สองผัวเมียแห่ง บริษัท ก้าวหน้าอิเลคทริค แอนด์ บิสสิเนส จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในย่านพุทธมณฑลสาย 5 อำเภออ้อมน้อย จังหวัดสมุทรสาคร และมีกิจการในเหลือหลายบริษัทด้วยกัน โดยประกอบกิจการรับซ่อมแซมเครื่องจักร หรือผลิตภัณฑ์ไฟฟ้า เช่น ซ่อมมอเตอร์ไฟฟ้า
       
       นายเทพพนม นามลี ประธาน นปช.แดงสุรินทร์ นายดำรงชัย ปานจุ้ย นายกสมาคมวิชาชีพผู้สื่อข่าวแห่งประเทศไทย เจ้าของร้านทองดำรงชัย 9 ในตลาดศูนย์การค้าบางใหญ่ซิตี้
       
       นายสุขุม วงประสิทธิ ประธานที่ปรึกษาเครือข่ายบ้านวิมุตติธรรม อดีตผู้สมัครอิสระผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า นายสุขุมเป็นอดีตแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงในฐานะกลุ่มคนรักประชาธิปไตยสนามหลวง เคยเรียกร้องให้รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะยุบสภา คืนอำนาจสู่ประชาชน เมื่อปี พ.ศ. 2553 แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ได้แยกตัวออกมาเหตุเพราะถือว่าตัวเองเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงที่รักสถาบันฯ
       
       นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบข้อมูลในเว็บไซต์ http://www.luangpunenkham.com/ ก็ได้ภาพและชื่อของบรรดาลูกศิษย์ที่นิมนต์หลวงปู่เณรคำไปร่วมงานอีกจำนวนไม่น้อย
       
       ยกตัวอย่างเช่น ดร.ธำมรงค์ ประกอบบุญ อดีตอธิบดีกรมประมง และอดีตรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางธัชสุมนต์ สุทธิสาร พ.ต.อ.ดร.เดชชาติ-นางดาราธร วัฒนพนม นางดรุณี เกษศิลป์ พลตำรวจตรีสุรพล ทองประเสริฐ นางสุนันทา ลีเลิศพันธ์เจ้าของยาสีฟันดอกบัวคู่ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนสถานีวิทยุเสียงธรรมดอกบัวคู่
       
       ในจำนวนนี้จากการเช็กข้อมูลวงในทำให้ทราบว่า หลายคนยังคงเชื่อมั่นในตัวหลวงปู่เณรคำอย่างเหนียวแน่น ขณะที่อีกหลายคนได้ถอนตัวออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
       
       ขณะเดียวกันก็มีรายงานข่าวด้วยว่า มีนายตำรวจระดับสูงในตำแหน่งรองผู้บัญชาการเป็นลูกศิษย์เอก ทำให้คณะของของหลวงปู่เณรคำมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยคุ้มกันถึง 5 คน
       
       นอกจากนั้นยังมีเสียงร่ำลืออีกด้วยว่า มีพระรูปหนึ่งเอ่ยปากขอยืมเงินสีกาเจ้าของธุรกิจใหญ่ระดับประเทศจำนวนถึง 20 ล้านบาท กระทั่งปัจจุบันนี้ก็ยังไม่นำเงินที่ยืมไปมาคืนแม้กระทั่งถูกทวงถามมาแล้วหลายครั้งหลายครา ทำให้ความสัมพันธ์ที่เคยดำเนินมาด้วยดีในอดีตสะบั้นลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
       
       ขณะที่หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย ได้ต่อโทรศัพท์และเปิดเสียงสนทนากับหญิงสาวนักธุรกิจรายหนึ่งที่บอกว่าเป็นคนซื้อกระเป๋าหลุยส์และพาพระชื่อดังไปเที่ยวฝรั่งเศส โดยนักธุรกิจรับว่าเคยบริจาคทรัพย์จำนวนมากให้กับหลวงปู่เณรคำ มีการนิมนต์ไปที่บ้านและไปเที่ยวต่างประเทศ และมีการจ่ายเช็คเงินสดค่าเครื่องบินลำเล็กมูลค่า 17 ล้านบาท นอกจากนี้ยังบอกอีกว่าการซื้อเครื่องบินลำใหญ่มีการเจรจาดูโบชัวร์ โดยบอกว่าหลวงปู่เณรคำเอามาให้ดูมีมูลค่ากว่า 80 ล้านบาท
       
       โดยนักธุรกิจหญิงรายนี้บอกว่า หลวงปู่เณรคำอ้างว่าจะใช้เป็นพาหนะแต่ถ้าไม่ได้เดินทางไปไหนจะได้ให้คนอื่นเช่า นอกจากนี้ครอบครัวยังเคยเดินทางไปเที่ยวฝรั่งเศสร่วมคณะกับหลวงปู่เณรคำ โดยลูกสาวเป็นคนซื้อกระเป๋าหลุยส์วิตตองถวายให้เอง เนื่องจากหลวงปู่เณรคำอยากได้จริงๆ และนักธุรกิจรายนี้บอกว่าเคยอยากจะยกมรดกให้ผ่านพินัยกรรมอีกด้วย
       
       แต่ที่หนักหนาสาหัสไม่แพ้กันก็คือกรณีที่มีการนำคลิปวิดีโอเทศนาของหลวงปู่เณรคำมาตรวจสอบและพบว่า มีหลายครั้งที่หลวงปู่เณรคำมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายอวดอุตริมนุสธรรม ทั้งการอ้างว่าในอดีตชาติเคยเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า หรือการอ้างว่าเป็นเพื่อนกับพระอินทร์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีคลิปที่หลวงปู่เณรคำโฆษณาขายเครื่องฟอกอากาศออกมาอีกต่างหาก
       
       ขณะที่ตัวหลวงปู่เณรคำเองก็ยังคงเงียบและปล่อยให้ลูกศิษย์ออกมาแถลงข่าวตอบโต้รายวัน แถมกำหนดการเดินทางกลับจากฝรั่งเศสก็เลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด พร้อมแต่งตั้งให้พระครูภาวนาวรธรรมวิเทศ หรือหลวงพ่อปานขาว เจ้าอาวาสวัดโพธิญาณราม ประเทศฝรั่งเศสเป็นรักษาการประธานที่พักสงฆ์ป่าขันติธรรม
       
       แต่ดูเหมือนว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่หลวงปู่เณรคำจะใช้วิธีนี้ในการแก้ปัญหา เนื่องเพราะถูกบีบหนักเข้ามาทุกที เนื่องเพราะทางคณะสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษได้มีคำสั่งให้หลวงปู่เณรคำปฏิบัติตามคำสั่ง 3 ข้อคือ
       
       1.ให้พระวิรพล แจ้งให้จังหวัดทราบวันที่จะเดินทางกลับมาให้การสอบสวนชัดเจนแน่นอน ให้แจ้งสังกัดของตนเองว่า สังกัดวัดใด ให้เจ้าคณะจังหวัดทราบแน่ชัด ให้พระวิรพล กลับมาให้การสอบสวนข้อเท็จจริงด้วยตนเองให้เร็วที่สุด โดยไม่เกินวันที่ 30 มิ.ย.56
       
       2.ให้พระวิรพล สั่งให้ศิษย์ฆราวาสงดการโต้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องพระธรรมวินัยสงฆ์ ซึ่งมิใช่วิสัยของฆราวาส จะเป็นเหตุทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนในหลักธรรมวินัย
       
       3.ให้พระวิรพล สั่งให้ศิษย์นำข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไปมอบให้เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต เพื่อจะประมวลข้อมูลในการสอบหาข้อเท็จจริง ให้เกิดความกระจ่างต่อพุทธศาสนิกชนให้ทราบต่อไป
       
       งานนี้ จับยามสามตาดูแล้ว ถ้าหลวงปู่เณรคำคิดสะระตะแล้วกลับมาได้ไม่คุ้มเสีย ดีไม่ดี อาจต้องระเห่เร่ร่อนอยู่ในต่างประเทศยาวก็เป็นได้

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ดอกบัวคู่ โต้ข่าว ซื้อเครื่องบินเจ็ท-รถหรู ถวายหลวงปู่เณรคำ
-http://www.kapook.com/-
-http://hilight.kapook.com/view/87899-



 เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  คุณ CiNNtv3 สมาชิกเว็บไวต์ยูทูบดอทคอม

             ลูกชายเจ้าของดอกบัวคู่ ยัน แม่ไม่เคยซื้อเครื่องบินเจ็ท-เฮลิคอปเตอร์-รถหรู ถวายหลวงปู่เณรคำ ปัดหาผู้หญิงให้ ย้ำ ไม่เคยยุ่งกับเงินบริจาค

             จากกรณีที่มีข่าวว่า นางสุนันทา ลีเลิศพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท ดอกบัวคู่ เจ้าของผลิตภัณฑ์ตราดอกบัวคู่ ซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์ และเป็นโยมอุปัฏฐากหลวงปู่เณรคำ เป็นผู้ถวายเครื่องบินเจ็ท เฮลิคอปเตอร์ และรถหรู ให้กับหลวงปู่เณรคำ จนนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมนั้น

             เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2556 นายปิติ ลีเลิศพันธุ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทดอกบัวคู่ ลูกชายนางสุนันทา ลีเลิศพันธุ์ ได้เปิดแถลงข่าวชี้แจงเรื่องนี้แล้ว โดยยืนยันว่า นางสุนันทา มารดา ไม่เคยซื้อเครื่องบินเจ็ท เฮลิคอปเตอร์ หรือรถหรูให้กับหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก อย่างแน่นอน มีแต่ทางพี่สาวที่เคยซื้อรองเท้าหลุยส์ วิตตอง ให้กับหลวงปู่เณรคำและพระภิกษุที่เดินทางไปฝรั่งเศส ขณะเดียวกัน มารดาก็ไม่เคยทำพินัยกรรมว่าจะยกทรัพย์สินของดอกบัวคู่ให้กับหลวงปู่เณรคำด้วย รวมทั้งยังไม่เคยจัดหาผู้หญิงให้กับหลวงปู่เณรคำตามที่มีข่าวออกมา

             นายปิติ กล่าวต่อว่า เมื่อหลายปีก่อนตั้งแต่เริ่มศรัทธาหลวงปู่เณรคำ ทางบริษัทได้เคยบริจาคเงินให้ไปเกือบ 10 ล้านบาท แต่เพิ่งจะห่างออกมาในช่วง 2 ปีหลัง พร้อมยืนยันว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเงินบริจาคที่หลวงปู่เคยมาบรรยายที่ดอกบัวคู่ เพราะทุกครั้งที่หลวงปู่มาบรรยาย ทางบริษัทจะแยกตู้บริจาคเป็นประเภทชัดเจน เมื่อบรรยายธรรมเสร็จก็จะประกาศจำนวนเงินบริจาคที่ได้มาให้ญาติโยมทราบ หลังจากนั้นทางวัดก็จะมาเก็บเงินไปเอง

             อย่างไรก็ตาม นายปิติ ระบุว่าหลังจากนี้จะไม่ออกมาให้ตอบโต้ข่าวใด ๆ อีกแล้ว เพราะไม่อยากให้เรื่องบานปลาย และเสื่อมเสียต่อพุทธศาสนา

หลวงปู่พุทธะอิสระ พูดถึง หลวงปู่เณรคำ

หลวงปู่พุทธะอิสระ พูดถึง หลวงปู่เณรคำ
คลิป หลวงปู่พุทธะอิสระ พูดถึง หลวงปู่เณรคำ เครดิต คุณ CiNNtv3

-http://www.youtube.com/watch?v=Rk6-4aqucPM&feature=player_embedded-


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
ประชาชาติธุรกิจ
สำนักข่าวไทย
tnnthailand.com


http://hilight.kapook.com/view/87899
.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
แกนนำศิษย์ "เณรคำ" ม.สันติภาพโลกเจอแฉ ไม่ใช่สถาบันศึกษาไทย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    29 มิถุนายน 2556 16:35 น.
-http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000079135-



นายสุขุม วงประสิทธิ ศิษย์เอก "เณรคำ" ประกาศเป็น ด็อกเตอร์จากมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก



ลากไส้กันยาว! จาก "เณรคำ" ยันลูกศิษย์ สกอ.แฉ "ดร.สุขุม" จากมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก แกนนำลูกศิษย์ป้องหลวงปู่เหินฟ้าปารีสไม่กลับไทย ไม่ได้เป็นสถาบันอุดมศึกษาในไทย ไม่มีสิทธิให้ปริญญา เล็งตรวจสอบดำเนินการกับสถาบัน ด้าน ผอ.สำนักพุทธฯ ส่งหนังสือเวียนเตือนเจ้าคณะภาค ระวังถูกเรียกเก็บเงินแลกปริญญาให้พระ
       
       นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีสังคมเกิดข้อสงสัยและตรวจสอบกลุ่มลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำที่ออกมาปกป้อง ภายหลังหลวงปู่เณรคำถูกสังคมตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะนายสุขุม วงศ์ประสิทธิ์ แกนนำลูกศิษย์ ที่ประกาศตนเป็นด็อกเตอร์จากมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก ซึ่งอาจเป็นมหาวิทยาลัยที่เข้าข่ายยังไม่ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า พศ.ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนให้ตรวจสอบมหาวิทยาลัยดังกล่าว เพราะอาจมีพฤติกรรมเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนและพระสงฆ์ เนื่องจากมีการเรียกรับเงินประชาชนและพระสงฆ์เข้ารับปริญญาและตำแหน่งทางวิชาการประมาณ 15,000 - 300,000 บาท
       
       "ผมทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) แล้วว่าขอให้ตรวจสอบมหาวิทยาลัยดังกล่าว ว่าได้มีการขอนุญาตจัดตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และเมื่อเร็วๆนี้ สกอ.ก็ได้ทำหนังสือตอบกลับมาแล้วว่า มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกไม่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งสถาบันอุดมศึกษา จึงไม่มีอำนาจให้ปริญญาบัตรแก่บุคคลใด" ผอ.สำนักพุทธฯ กล่าว
       
       นายนพรัตน์ กล่าวอีกว่า ในหนังสือตอบกลับยังระบุอีกว่า การใช้คำว่ามหาวิทยาลัยโดยไม่ได้รับอนุญาตถือว่าผิดกฎหมาย ดังนั้น การดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก อาจเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญาได้ แต่พฤติกรรมของสถาบันดังกล่าว ตนยังไม่อยากระบุว่าเป็นการหลอกลวง ต้องดูว่าได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งที่ต่างประเทศหรือไม่ หากจดทะเบียนถูกต้อง การให้ปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์ก็ไม่ขัดต่อกฎหมาย และที่ผ่านมาก็มีพระสงฆ์มีชื่อเสียงหลายรูปเข้ารับปริญญากิตติมศักดิ์กับมหาวิทยาลัยดังกล่าว
       
       นายนพรัตน์ กล่าวด้วยว่า ขณนี้ตนได้ทำหนังสือเวียนไปยังเจ้าคณะภาค เพื่อแจ้งถึงสถานภาพของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกว่าไม่ได้อยู่ในกำกับของ ศธ. ดังนั้นหากมีการติดต่อมาขอเรียกรับเงิน เพื่อแลกกับปริญญากิตติมศักดิ์ก็ขอเป็นดุลพินิจของแต่ละบุคคล
       
       รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกไม่ได้อยู่ในสังกัดของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย หากมีการนำชื่อของมหาวิทยาลัยมาโฆษณาให้ทุกคนหลงเชื่อแล้วจ่ายเงิน เพื่อให้ได้ปริญญาถือว่าเป็นการฉ้อโกงประชาชน หากผู้ใดนำตำแหน่งทางวิชาที่ได้รับจากสถาบันนี้มาใช้หาประโยชน์ใส่ตัว เช่น ด็อกเตอร์หรือปริญญาเอกถือว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าถูกจับได้จะไม่มีใครเชื่อถือหรือเสื่อมศรัทธาคนที่นำไปใช้เอง เรื่องนี้ สกอ.กำลังตรวจสอบ เพื่อดำเนินการกับสถาบันแห่งนี้ต่อไป

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ประสบการณ์ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก

ประสบการณ์ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก

ประสบการณ์ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก

-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=1ENh-07uuA8-

---------------------------------------------------------------------------------------------------

โผล่อีกคลิป เณรคำพรีเซ็นเตอร์
-http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOREkxTURZMU5nPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE15MHdOaTB5TlE9PQ==-

ขาย"เครื่องฟอกอากาศ" กรมศิลป์จี้ชะลอพระแก้ว ศิษย์รุดกราบ"ยายลอน" สมเด็จพระวันรัตลั่นฟัน



พรีเซ็นเตอร์ - คลิปภาพหลวงปู่เณรคำ ขณะทำหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์แนะนำสินค้าเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อหนึ่ง เผยแพร่ทางเว็บไซต์ในยูทูบ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่เหมาะสมกับสมณเพศ

"สมเด็จพระวันรัต"เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต ระบุคณะสงฆ์กำลังดำเนินการสอบสวนพฤติกรรม-ข้อร้องเรียนกรณีหลวงปู่เณรคำเจออีกคลิปพิลึกพระดังเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาเครื่องฟอกอากาศ ชักชวนญาติโยม ให้ซื้อไปถวายพระ โผล่อีกชุดว่อนเน็ตกลุ่ม พระไทยทัวร์โรงถ่ายยูนิเวอร์แซล ด้าน "ยายลอน"ประกาศลั่นไม่ยอมรับเงินแค่สองพันห้าที่กลุ่มลูกศิษย์จะนำมามอบให้ สวนกลับถ้าจะให้จริงก็ต้อง 2.5 พันล้านจะนำมา สร้างพระแก้วองค์ใหญ่จำลอง-สร้างวัดป่าขันติธรรมให้เสร็จที่เหลือทุกบาทจะนำไปบริจาควัด อธิบดีกรมศิลป์เตรียมสั่งชะลอสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่วัดป่าขันติธรรม



เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุตจี้จัดการ

ความคืบหน้ากรณีรูปถ่ายพฤติกรรมไม่เหมาะสม ขาดสมณสารูป และปัญหาการจัดการทรัพย์สินที่ได้จากการบริจาค ซึ่งส่อเค้าไม่โปร่งใส จนหลายฝ่ายเรียกร้องคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตตรวจสอบพระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ อ้างตัวเป็นประธานสงฆ์ วัดป่าขันติธรรม อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ นั้น ขณะเดียวกันก็มีการยื่นเรื่องร้องทุกข์ต่อกองปราบปรามให้ตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีด้วยอีกทางนั้น

เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. สมเด็จพระวันรัต กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะรักษาการเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหลวงปู่เณรคำเพียงสั้นๆว่า "มาสนใจอะไรกับเรื่องนี้ เขากำลังจัดการกันอยู่"

เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามกรณีหลวงปู่เณรคำในเรื่องอื่นๆ ปรากฏว่าสมเด็จพระวันรัตไม่ยอมตอบข้อซักถามแต่อย่างใด

ด้านพระครูวัชรสิทธิคุณ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนว่า ขอยืนยันการสอบข้อเท็จจริงต่างๆ คงต้องรอหลวงปู่เณรคำเดินทางกลับประเทศไทยก่อน



ผช.เลขาฯสังฆราชโพสต์ติง

ด้านพระอนิลมาน ธัมมสากิโย ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช โพสต์ผ่าน ทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ในยุคที่กำลังโจษจันพระภิกษุประเภทหรูหรานิยมนั้น มาทำความรู้จักความเป็นผู้มักน้อยสันโดษของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ผู้ทรงปฏิบัติพระองค์อย่างเรียบง่าย แม้ที่อยู่อาศัยก็ไม่โปรดให้ประดับตกแต่ง ทรงเตือนพระภิกษุสามเณรอยู่เสมอว่า "พระเณรไม่ควรอยู่อย่างหรูหรา" และพระองค์ไม่ทรงสะสมวัตถุสิ่งของที่มี ผู้ถวายมา ทรงแจกจ่ายไปตามโอกาส

พระอนิลมานระบุต่อว่า ครั้งหนึ่งมีผู้แสดงความประสงค์ถวายรถยนต์สำหรับทรงใช้สอยประจำพระองค์ เพื่อความสะดวกในการที่จะเสด็จไปทรงปฏิบัติภารกิจในที่ต่างๆ พระองค์ทรงตอบผู้ที่จะมาถวายรถยนต์ไปว่า "ไม่รู้จะเอาเก็บไว้ที่ไหน" จึงเป็นอันว่าไม่ทรงรับถวาย และเมื่อในวโรกาสทรงบำเพ็ญพระกุศลฉลองพระชันษา 80 ปี เมื่อพ.ศ.2536 หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ทูลถวายจตุปัจจัยร่วมบำเพ็ญพระกุศล 7 ล้านบาท สมเด็จพระสังฆราชทรงอนุโมทนาขอบคุณหลวงพ่อคูณ แล้วรับสั่งกับหลวงพ่อคูณว่า "ขอถวายคืนร่วมทำบุญกับหลวงพ่อด้วยก็แล้วกัน" ก็เป็นอันว่าทรงรับถวาย แล้วก็ถวายคืนกลับไป ถือเป็นพระปฏิทาที่ควรแก่การยึดถือเป็นแบบอย่างเป็นที่สุด



เผยสาขาของวัดป่าสันติธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า www.luangpunenkham.com/wat-pa-kuntitum/branch/ ระบุรายชื่อสาขาของวัดป่าขันติธรรม มีดังนี้ 1.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 1 บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี พระวัฒนา เตชธโร ประธานสงฆ์ 2.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 2 บ้านตาเส็ด ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พระยิน สันตจิตโต ประธานสงฆ์ 3.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 4 บ้านคำมันปลา ต.คำเขื่อนแก้ว อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี พระเสียน ติกขวีโร ประธานสงฆ์ 4.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 5 บ้านโนนคำพัฒนา ต.เจริญศิลป์ อ.เจริญศิลป์ จ.สกลนคร พระอภิรักษ์ อภิฉันโท ประธานสงฆ์ 5.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 6 บ้านหนองฝาง ต.โพธิ์ใหญ่ อ.วารินชำราบ จ.อุบล ราชธานี พระเกษชัย โอภาโส ประธานสงฆ์



ที่แคลิฟอร์เนีย-สหรัฐก็มีด้วย

6.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 8 บ้านห้วยเกตุ ต.วะตะแบก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ พระสุ่น กันตสีโล ประธานสงฆ์ 7.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 9 บ้านไร่ ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ พระจำรัส ถาวโร ประธานสงฆ์ 8.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 18 บ้านห้วยเป้า ต.ปากชม อ.ปากชม จ.เลย พระถวิล ยโสธโร ประธานสงฆ์ 9.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 19 บ.ตลาด ต.กุดน้ำใส อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ พระอิสระชัย เมธิโก ประธานสงฆ์ 10.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 88 บ.เขาคีรี ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี พระสมใจ สุจิตโต ประธานสงฆ์

11.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 89 อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก 12.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 101 บ้านเขาคีรี ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี พระไพบูลย์ ฐิตปุญโญ ประธานสงฆ์ 13.วัดป่าขันติบารมีสาขาที่ 201 บ้านแสนสุข ต.ทุ่งมหาเจริญ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว พระสุทธิ ปัญญาธโร ประธานสงฆ์ 14.วัดป่าขันติบารมีสาขาเลคเอลซินอร์ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา พระสวอน บัตรประโคน ประธานสงฆ์



"ยายลอน"สวน-เอามา2.5พันล้าน

ที่บ้านหนองถ่ม ต.ดู่ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ นางลอน มนัส อายุ 68 ปี เจ้าของที่ดินตั้งวัดป่าขันติธรรม ประกาศจะสร้างวัดป่าขันติธรรมให้ถูกต้องตามกฎหมาย และจะไม่อนุญาตให้หลวงปู่เณรคำเข้ามาดำเนินการอีก เนื่องจากว่ามีชื่อเสียงมัวหมอง โดยจะขอให้พระผู้ใหญ่สายธรรมยุตส่งพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาแทนนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสภ.กันทรารมย์ มาเฝ้ารักษาความปลอดภัยให้นางลอนและครอบครัวทั้งกลางวันและกลางคืน โดยในวันเดียวกันนี้ นางลอนพร้อมด้วยญาติพี่น้องและกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปที่ อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี เพื่อกราบนมัสการพระป่าสายปฏิบัติรูปหนึ่ง

นางลอนกล่าวถึงกรณีมีบุคคลอ้างว่าเป็นโฆษกประจำตัวหลวงปู่เณรคำได้นำภาพถ่ายนางทองมี วุฒิยาสาร ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วเป็นเจ้าของที่ดินจำนวนดังกล่าวและเป็นผู้มอบให้ทางวัดเองนั้น และกลุ่มลูกศิษย์จะรวบรวมเงินซื้อที่ดินต่อจากตนเพื่อความสบายใจนั้น ตนขอบอกว่าจะไม่เอาเงินที่จะนำเอามาให้ ต้องการที่จะสร้างวัดอย่างเดียว ถ้าจะเอาเงินมาให้ก็จะนำเอาเงินไปสร้างพระแก้วมรกตจำลองให้เสร็จ จะต้องให้เงินจำนวน 2,500 ล้านบาท ถึงจะเอา เงินที่ได้มาก็จะบำรุงวัดทุกบาททุกสตางค์

ด้านนายถวิล มนัส อายุ 72 ปี สามีของนางลอน กล่าวว่า เขาคิดว่าพวกเรายากจนแล้วจะเอาเงินมาฟาดหัว อย่าคิดว่าพวกตนจะเอาเงินของพวกกลุ่มลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำ หากจะให้เงินพวกตนจะต้องให้เงินจำนวน 2,500 ล้านบาท พวกตนจะนำเอาเงินไปสร้างพระแก้วมรกตจำลองและสร้างวัดให้เสร็จ



นายกอบต.แฉพฤติกรรมพระดัง

ที่ สภ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ นายทองวรรณ จิตโชติ นายก อบต.โนนสัง ได้เข้ามาให้กำลังใจแก่นางลอนที่ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.กันทรารมย์ หลังถูกโทรศัพท์ข่มขู่อุ้มฆ่า

นายทองวรรณแจ้งว่า กลุ่มประชาชนชาว อ.กันทรารมย์ และบรรดาผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกคนพร้อมให้การสนับสนุนและช่วยเหลือนางลอนอย่างเต็มที่ หากว่าได้รับความไม่เป็นธรรมและถูกข่มเหงรังแกจากกลุ่มลูกศิษย์พระดังรูปหนึ่งของ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งนางลอนก็ยกมือไหว้ขอบคุณที่ผู้นำท้องถิ่นจะได้ให้การช่วยเหลือ

นายทองวรรณกล่าวว่า ชาวบ้านในเขต อ.กันทรารมย์ รับไม่ได้เนื่องจากปกติในการจัดงานต่างๆ ของวัดทุกแห่ง จะปักธงชาติและธงธรรมจักร แต่ว่าพระดังรูปดังกล่าวปักธงที่มีตราสัญลักษณ์ของตนเอง เมื่อประมาณปี 2551 ป้าของตนได้เข้าไปถวายสำรับพระรูปหนึ่งที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ปรากฏว่าได้เจอสาวสวยคนหนึ่งแต่งชุดนอนเดินออกมาจากห้องของพระชื่อดังรูปหนึ่ง ซึ่งป้าของตนรู้จัก ผู้หญิงคนดังกล่าวดีว่าชื่อ "ม" เป็นสาวสวยที่มีบ้านอยู่ไม่ไกลจากสำนักสงฆ์ขันติธรรมมากนัก และเรื่องนี้เป็นที่วิพากย์วิจารณ์ในกลุ่มชาวบ้านใกล้สำนักสงฆ์แห่งนี้อย่างกว้างขวาง และขณะนี้สาวสวยคนดังกล่าวยังไม่ได้แต่งงาน แต่มีลูกชาย 1 คน ขณะนี้เรียนอยู่ระดับชั้น ป.2 แล้ว สาวสวยคนนี้จะมีฐานะดีขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ทั้งที่ไม่ได้มีอาชีพการงานอะไร แต่ว่ามีเงินสดซื้อที่ดิน 7 ไร่ใกล้กับสำนักสงฆ์ และมีบ้านขนาดใหญ่อยู่ที่กรุงเทพฯ



พรีเซ็นเตอร์เครื่องฟอกอากาศ

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากคลิป "ประสบการณ์ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก" ที่เผยแพร่โดยผู้ใช้ชื่อ "thaiunovus" ในเว็บไซต์ยูทูบ เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ความยาว 6.28 นาที ปรากฏภาพหลวงปู่เณรคำ แนะนำเครื่องฟอกอากาศ วอลลาราที่มีลูกศิษย์นำมาถวาย โดยหลวงปู่เณรคำกล่าวถึงเครื่องฟอกอากาศดังกล่าวในลักษณะพึงพอใจ อาทิ เมื่อใช้แล้วหายใจไม่ติดขัด ตื่นเช้ามาไม่เหนื่อย ไม่เพลีย รู้สึกว่าอากาศในกุฏิมีความสดชื่น ไม่มีละอองฝุ่น ไม่มีหวัดมารบกวน สุขภาพร่างกายแข็งแรง ถือเป็นเทคโนโลยีที่สุดยอดมาก

ทั้งนี้ หลวงปู่เณรคำยังได้อธิบายถึงรูปลักษณ์ของเครื่องปรับอากาศที่มีลักษณะคล้ายรังผึ้ง มีปุ่มคอนโทรลแบบสัมผัส ด้านข้างเป็นลายไม้ ซึ่งเหมือนกับภายในรถโรลส-รอยซ์ของหลวงปู่ที่ลูกศิษย์ถวายมาให้ใช้ พร้อมกับแนะนำให้ญาติโยมที่สนใจทำบุญเพื่อรักษาสุขภาพอนามัยให้พระสงฆ์ทั่วประเทศ ซื้อเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อดังกล่าวถวายพระสงฆ์ เพราะการถวายเครื่องฟอกอากาศก็เปรียบเสมือนการถวายยารักษาโรค

เมื่อผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังตัวแทนจำหน่ายเครื่องฟอกอากาศดังกล่าว ทราบว่า เมื่อประมาณเกือบ 1 ปีก่อน บริษัทในฐานะลูกศิษย์ถวายเครื่องฟอกอากาศให้แก่หลวงปู่เณรคำจริง โดยไม่มีการให้ค่าตอบแทนใดๆ แก่วัดหรือหลวงปู่ ต่อมาทางบริษัทได้เข้าไปสัมภาษณ์หลวงปู่ถึงความรู้สึกจากการใช้งานเครื่องฟอกอากาศ และนำคลิปวิดีโอมาตัดต่อ เพื่อเผยแพร่ลงในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กดังกล่าว



เตรียมแจ้งจับอดีตกก.มูลนิธิด้วย

ที่ จ.สุรินทร์ นายเทพพนม นามลี ประธาน นปช.แดงสุรินทร์ กล่าวว่า วันที่ 25 มิ.ย.นี้ เวลา 13.00 น. จะพาแม่ของตนคือนางจิตนภา นามลี อายุ 81 ปี ขรก.ครูบำนาญ ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ที่ สภ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ดำเนินคดีกับ 2 อดีตกรรมการมูลนิธิวัดป่าขันติธรรมที่ร่วมกันยักยอกเงินมูลนิธิ เพราะในจำนวนเงินที่บริจาคให้มูลนิธิ ก็มีเงินของครอบครัวตนอยู่ด้วย โดยมีหลักฐานการประชุมของคณะกรรมการมูลนิธิครั้งสุดท้าย ไปมอบให้พนักงานสอบสวนด้วย

นายเทพพนมกล่าวว่า ตนอยู่ที่วัดป่าขันติธรรมมานาน รู้ความเป็นมาทั้งหมด ว่าใครทำอะไรอย่างไร ส่วนสำนักสงฆ์ที่ครอบครัวของตนมอบถวายที่ดิน จำนวน 7 ไร่ ให้หลวงปู่เณรคำเมื่อปี 2540 ตั้งเป็นสำนักสงฆ์ชื่อว่า สำนักสงฆ์รัตนพุทธิคุณ ตั้งอยู่ที่บ้านดู่ ต.ธาตุ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ โดยหลวงปู่เณรคำอ้างว่าจะส่งปัจจัยมาช่วยในรูปของผ้าป่าและกฐิน แล้วแต่จำนวนพระสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่



โฉ่อีก-ซื้อของหรูดูยูนิเวอร์แซล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ เฟซบุ๊กมีการเผยแพร่และ แชร์ส่งต่อภาพพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยเป็นรูปพระกลุ่มนี้เข้าไปเลือกซื้อสินค้าตามร้านหรูแบรนด์เนม นั่งเล่นมือถือและเลือกซื้อไอโฟน ไปเที่ยวชมยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ และเข้าไปกดไอศกรีมกินในร้านค้าด้วย

วันเดียวกัน นายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงกรณีการก่อสร้าง พระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลกของสำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม ซึ่งมีพระ วีรพลหรือหลวงปู่เณรคำ เป็นประธานสงฆ์ ว่า จากการตรวจสอบบัญชีขออนุญาตจำลองพระพุทธรูปสำคัญของสำนักช่างสิบหมู่ พบว่าการก่อสร้างพระพุทธมณีมหารัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกตของวัดป่าขันติธรรม ดำเนินการไม่ถูกต้องตามระเบียบ เนื่องจากไม่ได้ขออนุญาตก่อนจัดสร้าง เพราะตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติและการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ พ.ศ.2520 กำหนดไว้ว่าการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ 60 รายการ ต้องขออนุญาตมายังกรมศิลปากร เพื่อกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาต และจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักพระราชวัง ขณะนี้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งทำหนังสือแจ้งให้วัดป่าขันติธรรมรับทราบว่าการดำเนินการไม่ถูกต้องตามขั้นตอน



เตรียมสั่งชะลอ-ขออนุญาตก่อน

นายสหวัฒน์กล่าวว่า ตนมอบให้สำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี ซึ่งกำกับดูแลพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จ.อำนาจเจริญ จ.มุกดาหาร และ จ.ยโสธร นำหนังสือฉบับดังกล่าวแจ้งให้กับวัดป่าขันติธรรม ภายในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ ส่วนจะสั่งให้ชะลอหรือว่าหยุดการก่อสร้างพระแก้วมรกตนั้น กรมศิลปากรไม่มีอำนาจ เพราะไม่ได้กำหนดบทลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนทำได้แค่ขอให้วัดเร่งดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งตนจะแจ้งให้สำนักศิลปากร 15 แห่งทั่วประเทศ ไปตรวจสอบด้วยว่าในพื้นที่แต่ละจังหวัดตอนนี้มีที่ไหนบ้างก่อสร้างหรือว่าจำลองพระพุทธรูปสำคัญๆ โดยไม่ขออนุญาตบ้าง เพราะจากรายงานเบื้องต้นทราบว่าตอนนี้มีจำนวนมากที่จำลองพระพุทธรูปสำคัญแต่ไม่ได้ขออนุญาต

ด้านนายขจร มุกมีค่า ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี ซึ่งดูแลพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จ.อำนาจเจริญ จ.มุกดาหาร และ จ.ยโสธร กล่าวว่า การดำเนินการก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองของวัดป่าขันติธรรมนั้น สำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และไม่ได้มาขออนุญาตหรือปรึกษาเรื่องการก่อสร้าง เพิ่งมาทราบเรื่องตอนเป็นข่าว ทั้งนี้ จะให้เจ้าหน้าที่เร่งรวบรวมข้อมูล อยากให้ไปสอบถามเรื่องนี้จากอธิบดีกรมศิลปากรเอง ซึ่งหลังจากนี้ต้องรออธิบดีกรมศิลปากรสั่งการมาว่าจะให้สำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานีทำอย่างไรต่อ



เผย 60 พระสำคัญต้องขออนุญาต

สำหรับรายชื่อพระพุทธรูปสำคัญ 60 รายการที่ต้องได้รับอนุญาตก่อนการจำลอง ได้แก่ 1.พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (แก้วมรกต) 2.พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก 3.พระพุทธเลิศหล้านภาลัย 4.พระสัมพุทธพรรณี (วัดพระศรีรัตนศาสดาราม) 5.พระพุทธบุษยรัตน จักรพรรดิพิมลมณีมัย 6.พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (แก้วมรกตน้อย) 7.พระพุทธบุษยรัตนน้อย 8.พระนิรันตราย 9.พระพุทธเพชรญาณ 10.พระพุทธนรสีห์ 11.พระชัยนวรัตน 12.พระพุทธสิหิงค์ 13.พระพุทธเทวปฏิมากร 14.พระพุทธศาสดาฯ 15.พระพุทธมารวิชัย 16.พระพุทธโลกนาถ 17.พระพุทธชินราช (วัดพระเชตุพนฯ) 18.พระพุทธชินสีห์ (วัดพระเชตุพนฯ) 19.พระพุทธปาลิไลยก์

20.พระศรีศากยมุนี 21.พระพุทธตรีโลกเชษฐ 22.พระพุทธรรมิสรราช 23.พระพุทธนฤมิตร 24.พระพุทธชินสีห์ (วัดบวรนิเวศวิหาร) 25.พระศาสดา (วัดบวรนิเวศวิหาร) 26.พระโต 27.พระไสยา 28.พระพุทธวชิรญาณ 29.พระพุทธปัญญาอัคคะ 30.พระสมุทรนินนาท 31.พระพุทธอนันตคุณ อดุลยบพิตร 32.พระพุทธสิหิงคปฏิมากร 33.พระพุทธอังคีรส 34.พระพุทธชินราช (วัดเบญจมบพิตร) 35.พระสักยสิงห์ 36.พระหริภุญชัยโพธิสัตว์ 37.พระพุทธนรสีห์น้อย 38.พระอัฏฐารส ศรีสุคตทศพลญาณบพิตร 39.พระพุทธไตรรัตนนายก (วัดกัลยาณมิตร)

40.พระศาสดา (วัดสุวรรณาราม) 41.พระสัมพุทธพรรณี (วัดราชาธิวาส) 42.พระทศพลญาณ ปางมารวิชัย 43.พระสิทธารถ 44.พระเศรษฐตมมุนี 45.พระสุรภีพุทธพิมพ์ 46. พระสิหิงค์ (วัดพระปฐมเจดีย์) 47.พระพุทธ ชินราช (วัดพระมหาธาตุฯ จังหวัดพิษณุโลก) 48.พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ธรรโมภาส มหาวชิราวุธราชปูชนียบพิตร 49.พระ สัมพุทธมุนี 50.พระพุทธนฤมลธรรโมภาส 51.พระพุทธมหาโลกาภินันท์ 52.พระพุทธไตรรัตนนายก (วัดพนัญเชิง) 53.พระเสริม 54.พระแซกดำ 55.พระฉันสมอ 56.พระใส 57.พระแสนเมืองมหาชัย 58.พระแสนเมืองเชียงแตง 59.พระอินทร์แปลง และ 60.พระอรุณ



ศิษย์เณรคำรุดเคลียร์ยายลอน

เมื่อเวลา 11.00 น.วันเดียวกัน นายสุขุม วงประสิทธิ์ ประธานที่ปรึกษาเครือข่ายบ้านวิมุตติธรรม พร้อมด้วยกลุ่มลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำ ได้ลงพื้นที่สำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรมบ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อกราบไหว้พระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก อธิษฐานขอให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นพลิกหวนกลับมาเป็นเรื่องดี พร้อมกล่าวว่าจะมาคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้น เชื่อเหลือเกินว่าชาวพุทธที่ติดตามข่าวสารรอฟังอยู่ว่าเรื่องราวความจริงจะคลี่คลายอย่างไร

ต่อมานายสุขุมพร้อมลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำ ได้เดินทางไปพบกับนางลอน เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกรณีเรื่องที่ดิน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีคอยดูแลอยู่

นางลอนกล่าวว่า จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของตน คือต้องการสร้างวัดให้สมบูรณ์แบบ ตนไม่ได้บอกว่าจะเอาที่ดินคืน แต่จะเอาที่ดินถวายวัด และจะสร้างวัดให้สมบูรณ์เอง ที่ผ่านมาตนโดนขู่ฆ่า ซึ่งมีศิษย์หลวงปู่เณรคำมาบอกตนระวังให้ดี จะโดนอุ้ม ทำให้ตนเสียขวัญ และหวาดกลัว



อ้างคนที่แต่งงาน-น้องชายเณรคำ

จากนั้นนายสุขุมได้เดินทางไปที่บ้านโนนม่วง ต.รุ่งระวี อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ เพื่อไปสอบถามข้อเท็จจริงกับนายถวิล จันทะวา ซึ่งกล่าวว่า ตอนแรกที่ตนบอกกับสื่อไปว่าเป็นหลวงปู่เณรคำ ตนเข้าใจผิด เพราะหลวงปู่เณรคำมีน้องชายที่หน้าตาคล้ายคลึงกัน และหลวงปู่เณรคำบวชมานาน แต่ว่าน้องหลวงปู่เณรคำบวชเพียงระยะสั้นๆ ซึ่งขอสรุปว่าคนที่เคยเป็นแฟนกับลูกสาวตนคือน้องชายของหลวงปู่เณรคำที่เคยบวชเมื่อหลายปีก่อน

ด้านนายทินกรณ์ จันพะวา ลูกชายของนายถวิล กล่าวว่า ความจริงในเรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับหลวงปู่เณรคำ ซึ่งที่ตนเข้าใจคือ อาจจะเป็นน้องชายของหลวงปู่เณรคำ ซึ่งตนเห็นชอบมายามกลางคืน ตนเห็นว่าเป็นสิ่งไม่ดี หากรักชอบน้องสาวตนก็สึกมาแต่งงานกัน หลังจากนั้นน้องชายของหลวงปู่เณรคำก็ได้สึกออกมาแล้วคบหากันสักพักและก็เลิกกันไป โดยในช่วงที่คบกันนั้นหลวงปู่เณรคำสร้างบ้านไว้ให้เพื่อเป็นเรือนหอสำหรับน้องชาย โดยให้เงินทยอยสร้างมาเรื่อยๆ ไม่ได้ให้เงินเป็นก้อนแต่อย่างใด
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ฉาว! ภาพพระปาร์ตี้หมูกระทะ ว่อนเน็ต ยังไม่ทราบจากวัดไหน
-http://hilight.kapook.com/view/86723-






เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์

        ภาพพระปาร์ตี้หมูกระทะ แชร์ว่อนเน็ต โดนวิจารณ์ยับ แต่ยังไม่ทราบเป็นภาพพระจากวัดไหน

        เกิดกระแสฮือฮาในโลกออนไลน์อีกครั้ง เมื่อมีการแชร์ภาพพระและสามเณรกำลังล้อมวงฉันหมูกระทะกันอย่างเอร็ดอร่อย โดยดูจากภาพแล้วคาดว่าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระสงฆ์หรือสามเณรไม่สามารถฉันอาหารใด ๆ ได้นอกจากน้ำปานะเท่านั้น โดยภาพดังกล่าว สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากจากชาวเน็ต ถึงความไม่เหมาะสมในพฤติกรรมของภิกษุและสามเณรเหล่านี้

        อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลระบุได้ว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพของพระและเณรวัดใด โดยหากมีความคืบหน้าใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทาง กระปุกดอทคอม จะนำมารายงานให้ทราบกันต่อไป


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://news.springnewstv.tv/29844/%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B0-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99-

-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM01EQXlPVEEwT1E9PQ==&sectionid=-

.

http://hilight.kapook.com/view/86723

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
คนไทยรับไม่ได้! พระสงฆ์เดินช็อปปิ้งย่านช็องเซลีเซ
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM01qUTVOVGMzTXc9PQ==&sectionid=-



S! News
ขอขอบคุณกระทู้ "เจอพระสงฆ์สะพายหลุยฯที่ร้านหลุยวิตตอง บนถนน Champs Elysees ...ไปกับสีกาด้วยง่ะ" จากเว็บไซต์พันทิป

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. มีรายงานว่าคนไทยในต่างแดนพบพระสงฆ์ไทยสะพายกระเป๋าหรู เดินช็อปปิ้งย่านช็องเซลีเซ, ฝรั่งเศส เอะอะโวยวาย ซื้อกระเป๋าแต่บัตรเครดิตรูดไม่ผ่าน!?
คนไทยรับไม่ได้! พระสงฆ์เดินช้อปปิ้งย่านช็องเซลีเซ

คนไทยในต่างแดนทนไม่ได้! บังเอิญเห็นกับตา พระสงฆ์ไทยสะพายกระเป๋าหรู เดินช้อปปิ้งย่านช็องเซลีเซ, ฝรั่งเศส เอะอะโวยวาย ซื้อกระเป๋าแต่บัตรเครดิตรูดไม่ผ่าน!?


กรณีอื้อฉาวในแวดวงพระสงฆ์และศาสนายังคงมีการตีแผ่และนำเสนอในสื่อทุกแขนงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดผู้ใช้อินเตอร์เน็ตรายหนึ่ง ได้โพสต์และแชร์ประสบการณ์การพบเห็นพระสงฆ์ในต่างประเทศ ผ่านทางเว็บบอร์ดชื่อดัง พันทิป ซึ่งอ้างว่าพบพฤติกรรมที่ขัดต่อพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง


ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตชื่อ คุณ Tenny Mommy ได้โพสต์เรื่องราวและแชร์ประสบการณ์ที่บังเอิญไปพบกับพระสงฆ์ไทยในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ลงในเว็บบอร์ดเว็บไซต์พันทิป ในกระทู้ "เจอพระสงฆ์สะพายหลุยฯที่ร้านหลุยวิตตอง บนถนน Champs Elysees ...ไปกับสีกาด้วยง่ะ" โพสต์เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้คนเข้ามาอ่านและโหวตให้เป็นกระทู้แนะนำประจำสัปดาห์


เนื้อหาใจความในกระทู้ดังกล่าว เจ้าของเรื่องราวโพสต์อธิบาย ตัดสินใจอยู่นานว่าจะแชร์เรื่องราวนี้ดีหรือไม่ เนื่องจากช่วงนี้เห็นข่าวพฤติกรรมของพระสงฆ์ไทยที่ไม่เหมาะสมออกตามสื่อต่างประเทศดังๆ แต่ไปพบเหตุการณ์นี้โดยบังเอิญ ช่วงที่แวะไปที่ ย่านช็องเซลีเซ กรุงปารีส แหล่งช้อปปิ้งชื่อดังก้องโลก


กระทู้ดังกล่าวโพสต์ข้อความเอาไว้ว่า "วันเสาร์ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 10 โมงเช้า ดิฉันกับสามีไปเดินเล่นแถวนั้น (ย่านช็องเซลีเซ) และแวะเข้าร้านกระเป๋าแบรนด์ชื่อดัง เดินๆ อยู่ก็ได้ยินเสียงภาษาไทยโหวกเหวกโวยวายดังลั่น! พอหันไปดูก็เจอพระสงฆ์รูปหนึ่งมากับสีกาคนนึง กำลังมีปัญหากับพนักงานในร้าน เรื่องบัตรเครดิตไม่ผ่าน พระสงฆ์โวยวายดังลั่นว่าเป็นไปไม่ได้ โดยมีสีกาคอยเป็นล่ามภาษาอังกฤษให้"


"สุดท้ายก็เห็นเดินออกไปกด ATM มาจ่าย...ภาพที่เห็น ดิฉันกับสามีทั้งจุก ทั้งโกรธ ทั้งหดหู่สุดบรรยาย สามีดิฉันโกรธมาก จนอยากจะเข้าไปด่า แต่ดิฉันห้ามไว้เพราะเห็นเค้าก็เถียงกันอย่างดุเดือดอยู่ อีกทั้งไม่อยากให้คนไทยทะเลาะกันเองให้ฝรั่งที่ไม่เข้าใจมาฟัง เดี๋ยวเค้าจะยิ่งดูเราแย่ไปกว่านี้ สามีก็เลยขอแอบถ่ายรูปไว้ซะหน่อยนี่แหละค่ะ"


อย่างไรก็ตาม เจ้าของกระทู้ดังกล่าวยังโพสต์ภาพเหตุการณ์ที่่ถ่ายเอาไว้ลงแนบมาด้วย สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาแก่ผู้ที่ได้เข้าอ่านประสบการณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ เจ้าของกระทู้ยังบอกอีกว่า อยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องนี้กันให้มากขึ้น เนื่องจากมักจะเห็นพระสงฆ์ นุ่งเหลืองห่มเหลืองเดินตามห้างหรือสถานที่ท่องเที่ยวในต่างประเทศอยู่บ่อยๆ
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
พุทธศาสนาศรีสะเกษ ชี้ หลวงปู่เณรคำ อวดอุตริ อ้างเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
-http://hilight.kapook.com/view/87937-





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์

          ผอ.พุทธศาสนาศรีสะเกษ ชี้ หลวงปู่เณรคำ อวดอุตริ หลังเทศน์ว่าเคยเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า

          หลังจากที่มีคลิปหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก พระสงฆ์วัดป่าขันติธรรม กำลังเทศน์ญาติโยมว่า เป็นเพื่อนกับพระอินทร์ และสามารถระลึกชาติได้ว่าสมัยพุทธกาล ตัวเองเกิดเป็นมานพคนหนึ่งที่เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมากถึงความไม่เหมาะสม และไม่น่าเชื่อถือ

          ล่าสุดเมื่อวานนี้ (29 มิถุนายน 2556) นายวิรอด ไชยพรรณนา ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ศรีสะเกษ กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ไม่ว่าเรื่องที่หลวงปู่เณรคำเทศน์จะจริงหรือไม่ แต่ถ้านำไปเล่าแก่ผู้ที่ไม่ใช่พระฟัง ก็ถือว่าเป็นการอวดอุตริอย่างชัดเจน และผิดพระธรรมวินัยแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้

          นายวิรอด กล่าวอีกว่า ส่วนคดีสอบสวนหลวงปู่เณรคำในเรื่องต่าง ๆ มีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งในส่วนของ จ.ศรีสะเกษ จะดำเนินการในเรื่องของที่ดินของสำนักสงฆ์ ด้านการเงิน และด้านพระธรรมวินัย ส่วน จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นวัดต้นสังกัดของหลวงปู่เณรคำ ก็อาจจะเข้ามาร่วมสอบสวนในเรื่องอื่น ๆ เช่นเดียวกัน


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก -http://news.springnewstv.tv/31465/%E0%B8%9C%E0%B8%AD-%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9-%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B4-


----------------------------------------------------------------------------------------



เณรคำท้าดวลคาถาอาคมหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินธโร (เสือดำ) - สมีคำ มหาอุตม์ลวงโลก

เณรคำท้าดวลคาถาอาคมหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินธโร (เสือดำ) - สมีคำ มหาอุตม์ลวงโลก

-http://www.youtube.com/watch?v=Uz2cmkdj5vo-

.



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 14, 2014, 09:30:38 pm โดย sithiphong »
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
“หลวงปู่พุทธอิสระ” จวก ดร.สนอง หัวหน้าซ่องโจร เตรียมฟ้องพระคณะปกครองกรณีหลวงปู่เณรคำ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    30 มิถุนายน 2556 19:05 น.
-http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000079463-










นครปฐม - หลวงปู่พุทธอิสระออกแถลงการณ์การผิดวินัยสงฆ์ของหลวงปู่เณรคำ พร้อมชี้ “ดร.สนอง” ทำเป็นขบวนการปั่้นอรหันต์ เผยพระเถระ และเจ้าคณะปกครองออกมาช่วยป้องเณรคำให้ดูเรื่องเบาลง เตรียมทนายฟ้องศาลปกครองเอาผิดเจ้าคณะปกครอง และมีฟ้องอาญา รอทนายดำเนินการรับการฟ้องจากฝั่งตรงข้ามเช่นกัน ส่วนกรณีพระเกษม ขอจบเรื่องใหญ่ได้ดีเบตกันแน่

 วันนี้ (30 มิ.ย.) ที่ศาลาอเนกประสงค์ วัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม หลวงปู่พุทธอิสระ เปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ กรณีความเคลือบแคลงในสังคมเกี่ยวกับหลวงปู่เณรคำ แห่งวัดป่าสันติธรรม ที่ปรากฏภาพนั่งเครื่องบินเจ็ต และถ่ายภาพที่ไม่เหมาะสม ขณะยังไม่ปรากฏแน่ชัดว่าหลวงปู่เณรคำ จะเดินทางกลับมาจากประเทศฝรั่งเศสเมื่อไหร่ โดยมีคณะศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่พุทธอิสระเกือบ 1,000 คน ที่เข้ามาทำบุญ และปฏิบัติธรรมร่วมฟังการแถลงข่าวไปพร้อมกัน
       
       โดยหลวงปู่พุทธอิสระ ได้นำเอกสารที่ได้เรียบเรียงไว้กว่า 4 หน้ากระดาษ ออกมาแถลงโดยมีหัวข้อว่า “อรหันต์โปรโมชันแปลงร่างเป็นอรหอย ใครเป็นผู้ทำให้เกิดอรหันต์เณรคำ” โดยมีใจความว่า ต่อไปนี้เป็นคำพูดจากปากอรหอยที่พิมพ์จากหนังสือ เพชรน้ำหนึ่ง หน้า 402 ความว่า “เราได้ทำให้แจ้งแล้วซึ่งความหลุดพ้น ได้ทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน สงบแล้วจากกกิเลสแล้ว สงบจากวิบากกรรรมแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว ชาติภูมิการเวียนว่ายตายเกิดในเราไม่มีอีกต่อไป ชาติปัจจุบันนี้เป็นชาติสุดท้ายที่เพียงพอต่อการเวียนว่ายตายเกิด ภพชาติการเกิดจึงยุติแต่เพียงเท่านี้” (จากหนังสือเพชรน้ำหนึ่ง หน้า 402)
       
       “และจากการปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ปรารถนาเพียรอย่างหนักหน่วงตลอด 7 วัน 7 คืน นับจากวันที่ 25 ธันวาคม จนถึงวันสุดท้าย ได้เกิดดวงตาเห็นธรรมอันพ้นโลก ตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม เวลาตี 2 เป็นคืนอัศจรรย์ยิ่งนัก ที่ผลแห่งการสร้างสมบุญบารมีมาหลายภพหลายชาติ มาในครั้งนี้การทำความเพียรภาวะที่ได้ทำให้แจ้งแล้วซึ่งนิพพาน สงบจากกิเลสแล้ว สงบจากวิบากกรรมแล้ว พรหมจรรย์ของเราอยู่จบแล้ว ชาติภูมิการเวียนว่ายตายเกิดในเราไม่มีอีกต่อไป ภาพชาติการเกิดจึงยุติแต่เพียงเท่านี้”
       
       “ค่ำคืนนั้นเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันสูงยิ่งแห่งบรมพระศาสดา พร้อมเหล่าอรหันต์สาวกจำนวนมากได้เสด็จมาทางอากาศ ในนิมิตที่สามเณรวิรพลได้เห็นภาพเสด็จมาบิณฑบาตเป็นทิวแถวยาว พระพุทธองค์เสด็จนำหน้า พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร และเหล่าอรหันต์มากมาย ตลอดจนคณะธรรมสายปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ดับขันธ์เข้าพระนิพพานไปแล้ว ต่างได้มาปรากฏ เดินมาในขบวน สามเณรวิรพลจึงได้ยกมือไหว้ พระพุทธองค์ท่านมีเมตตา แย้มโอษฐ์ที่มุมปากเล็กน้อย นี่เธอ ขึ้นมาสะพายบาตรของเธอสิ จงเดินเข้าแถวต่อท้ายเราแล้วไปบิณฑบาตด้วยกัน” (ถอดมาจากหนังสือเพชรน้ำหนึ่ง หน้า 103-104 บรรยายโดยอรหอย)
       
       เมื่อหลุดพ้นวิเศษศักดิ์สิทธิ์เห็นปานนี้ ขนาดอ้างว่าพระพุทธเจ้ามาชวนเดินบิณฑบาตร่วมแถวด้วย แล้วก็ยังมีคำสำรากอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตนออกมารอดหูชาวบ้านในที่ต่างๆ เป็นระยะทางมายาวนานกว่า 10 ปี จนเป็นเหตุให้ชาวบ้านหลงเชื่ออย่างงมงาย จนไม่ลืมหูลืมตา แล้วทำไมกระทำตนต่ำทราม ตรงกันข้ามกับที่พูดอย่างชนิดหน้ามือเป็นหลังตีน อย่างที่พฤติกรรมปรากกฏออกมามากมาย และยังมีที่ไม่ปรากฏอีก เช่น การ ขี่สกูตเตอร์ งมน้ำดำหอย เป็นต้น
       
       จนทำให้เสียหายต่อสถานะของพระอรหันต์ ซึ่งเป็นที่สูงสุดของพระพุทธศาสนา และพระธรรมคำสั่งสอนของพระศาสดา จนเป็นที่คลางแคลงเสื่อมศรัทธาของผู้ใหญ่ ผู้มีปัญญาอ่อนด้อย และผู้ไม่มีประสบการณ์ทางวิญญาณในการเข้าถึงพุทธรรม อีกทั้งยังจะเป็นที่ดูถูกเหยียดหยามของคนนอกศาสนาด้วย ตัวอย่างเช่น การ์ตูนล้อเลียนพระสงฆ์ไทยที่ถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลก หลังจากกรณีพฤติกรรมอื้อฉาวของอรหอยปรากฏในโลกออนไลน์อย่างเสียๆ หายๆ ไม่ทราบว่าพวกเจ้าคณะปกครอง และมหาเถรฯ ได้มีความรู้สึกอะไรบ้างรึเปล่า หรือพวกท่านบรรลุได้หมดแล้ว
       
       สิ่งเหล่านี้มันจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าหากไม่มีขบวนการปั่นอรหันต์ ที่กระทำโด ดร.สนอง วรอุไร และพวก ซึ่งพวกเขามีการแสร้งเข้ามาพยายามเพื่อช่วยเหลือกิจกรรมพระศาสนาด้วยการเผยแผ่บรรยายธรรมแก่บุคคลทั่วไปในสถานที่ต่างๆ เริ่มต้นจากการไปตีสนิทกับพระผู้มีชื่อเสียง ให้เป็นที่รู้จักคุ้นเคยของศิษย์ยานุศิษย์ของพระดังนั้น แล้วก็ผันตัวเองเป็นผู้รู้ธรรม จนเป็นที่ยอมรับของบุคคลรอบข้างพระองค์นั้นๆ
       
       แม้แต่ฉันเองเขาก็เคยเทียวไปเทียวมาอยู่หลายครั้ง เมื่อสร้างความคุ้นเคยเชื่อมั่นได้แล้ว ก็พยายามพูดอวดตนว่าเป็นพระอริยเจ้าระดับโสดาบัน คนผู้นี้ไม่ว่าจะไปอยู่ที่แห่งใด ก็จะพยายามพูดกรอกหูผู้อื่นว่า ตนเป็นผู้บรรลุธรรม และเป็นพระโสดาบัน เป็นผู้มีญาณทัสสนวิสุทธิ เมื่อเห็นว่ามีผู้ศรัทธาได้ที่ก็พยายามยกบุคคลผู้หนึ่งขึ้นเป็นผู้วิเศษ ดั่งคำโปรโมตของพระโสดาบัน และแล้วก็ถึงเวลานำตัวละครสำคัญออกมาเปิดตัว พร้อมกับโต้โผนำอรหันต์ไปโปรโมตออกเดินสาย สร้างความหลงเชื่อในจังหวัดต่างๆ และ ดร.สนอง กับพวกจะได้อะไรในช่วงนั้นก็ไม่อาจคาดเดา แต่รู้แน่นอนว่าตอนจบจะได้ขึ้นศาล
       
       หลวงปู่เณรคำต้องอาบัติอะไร
       
       ปาราชิก เพราะอวดอุตริมน์สสธรรมที่ไม่มีในตัวตน (ปาริชิกกัณฑ์ ที่ 14 )
       
       ปาจิตตีย์ เพราะโกหก (มุสาวาทวรรค วรรคที่ 1 )
       
       ปาฏิเทสนียะ เพราะรับและยินดีในเงินทอง (ปาฎิเทสนียะ สิกชาบทที่ 1)
       
       ทุกกฎ เพราะไม่มีสมณสารูป และโลกะวัช ทำชาวโลกติเตียน (เสขิยกัณฑ์ หมวดสารูป)
       
       ส่วนปาราชิกข้อที่เสพเมถุน แม้จะมีรูปนอนผู้กับผู้หญิง แต่ต้องรอการพิสูจน์ แต่หากมีบุคคลควรเชื่อได้มากล่าวโจทย์ด้วยอาบัติอะไร เช่น ปาราชิก สังฆาทิเสส หรือถุลลัจจัย ก็ให้ปรับอาบัตินั้น ข้อนี้อยู่ในสิกขาบทที่ว่าด้วยอนิยตกัณฑ์ สิขาบทข้อที่ 1 อีกทั้งยังผิดจรรยาเพราะบวชชาวบ้านโดยยังไม่มิได้อุปัชฌาย์ (ผิด พ.ร.บ.คณะสงฆ์ มาตรา 42) ผู้ใดมิได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ หรือถูกถอดถอดจากความเป็นอุปัชฌาย์ ตามมาตรา 23 แล้ว กระทำการบรรพชาอุปสมบทแก่บุคคลอื่น ต้องระวางจำโทษคุกไม่เกินหนึ่งปี แล้วหลวงพ่อปานขาว ซึ่งมีสถานะเป็นถึงเจ้าอาวาสวัดไทยในฝรั่งเศส เป็นถึงพระครูฝ่ายวิปัสสนา เป็นเจ้าพนักงานตามกฏหมาย ไม่รู้หรือไงถึงอนุญาตได้ หรือให้ไอ้อรหอยนั่งอุปัชฌาย์ได้ ท่านเป็นเจ้าพนักงานแต่ปล่อยให้ไอ้อรหอยมันสวมเขาให้ น่าอายนัก
       
       เช่นนี้แล้ว เจ้าคณะผู้ปกครองยังคงต้อวรออรหอยกลับมาอีกทำไม เพราะหลักฐานมันชัดขนาดนี้ หรือว่ารอมันกลับมาจ่ายเงินงวดสุดท้าย ถวายรถอีกคัน
       
       เรียนท่าน คณะพระสังฆธิการ ผู้มีหน้าที่ดูแลปกครองคณะสงฆ์ในจังหวัดศรีสะเกษทราบ เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล พวกท่านเป็นเจ้าคณะปกครอง ออกมาให้สัมภาษณ์กล่าวอ้างว่าเข้าไปที่สำนักนี้บ่อยๆ ท่านไม่รู้หรือว่าสำนักนี้มันเถื่อน แถมยังทำผิดเห็นๆ โดยขึ้นป้ายสำนักว่า วัดป่าขันติธรรม เพื่อหลอกลวงชาวบ้านให้หลงเชื่อว่าเป็นวัด หรือพวกท่านก็รู้เห็นเป็นใจด้วยต่อการแสดงที่ทั้งเถื่อนแต่แสร้างทำถูก นี่เป็นความบกพร่องข้อที่ 1
       
       พวกท่านเข้าๆ ออกๆ ในสำนักเถื่อนนี้เป็นประจำ พวกท่านไม่รู้หรือไงว่าเจ้าสำนักมีประวัติความเป็นมาอย่างไร เวลาที่มีผู้ถูกถามท่านจึงโยนกันไปกันมาใครเป็นอุปัชฌาย์ ทั้งที่มันเป็นความรับผิดชอบของพวกท่าน พวกท่านเป็นเจ้าคณะปกครองตามระเบียบคณะสงฆ์ วัดต่างๆในเขตปกครอง จะต้องทำบัญชีแจ้งยอดรายรับรายจ่ายประจำปีให้แก่เจ้าคณะปกครอง พวกท่านเข้าออกสำนักนี้มาเป็นสิบปี ทำไม่ไม่ทวงถามถึงบัญชีรายรับรายจ่ายที่ต้องส่งตามระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ นี่ถือว่าเป็นความบกพร่องข้อที่ 2
       
       พวกท่านไม่เคยได้รู้ได้เห็น ได้ยิน ต่อพฤติกรรมที่จะละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ ตั้งแต่อาบัติอย่างหนัก อาบัติอย่างกลาง และอาบัติอย่างเบา ของเจ้าสำนักเถื่อนแห่งนี้เลยหรือ หรือว่าลาภสักการะมันปิดตาบังใจพวกท่าน จนทำให้พวกท่านหลงลืมคำสอนของพระบรมศาสดา ว่าภิกษุเมื่อรู้เห็นเพื่อภิกษุด้วยกันละเมิดวินัย จะด้วยเจตนาหรือไม่ ต้องกล่าวตักเตือนด้วจิตที่หวังดีและเอ็นดู นี้เป็นข้อบกพร่องที่ 3 (หากไสามารถกล่าวตักเตือนจะต้องอาบัติปาจิตตีย์ สัปปาณวรรค สิกขาบทที่ 4 )
       
       พวกท่านไม่รู้หรือไงว่า ภิกษุรับเงินทองด้วยความยินดี ต้องอาบัตินิสสัคคปาจิตตีย์ ต้องสละของนั้นจึงจะปลงอาบัติ แล้วยังมีหน้าออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ที่อรหันต์ถวายเป็นชื่อของอาตมาเอง ทั้งที่ตนมีสถานะเป็นถึงเจ้าคณะภาค แล้วจะไปปกครองผู้อื่นได้หรือ หากผู้ปกครองไม่รู้จักความละอาย เมื่อมีเรื่องฉาวต่อพระพุทธศาสนา และกระเทือนต่อศรัทธาของพุทธบริษัท แทนที่พวกท่านจะออกมาปกป้องพระพุทธศาสนา พระธรรมวินัย พวกท่านกลับออกมาให้สัมภาษณ์ปกป้องพวกมารศาสนาอย่าเอาสีข้างเข้าถู ยกย่องลาภสักการะมากกว่าพระธรรมวินัย
       
       เงิน และรถมันคงบังหูตาของท่านอยู่ ท่านจึงได้พยายามปกป้อง ทั้งที่ความผิดมันชัดเจน แทนที่พวกท่านจะดำเนินตามวิถีทางการระงับอธิกรณ์ เพราะเรื่องทั้งหมดเป็นอนุวาทาธิกรณ์ เป็นเรื่องของศีลวิบัติ อาจารย์วิบัติ และอาชีววิบัติ เมื่อจำเลยไม่อยู่ หรือไม่ยินยอมมาให้พิจารณาคดี พระบรมศาสดาก็ทรงให้ใช้ตัสสปาปิยสิกา คือการลงโทษแก่ผู้กระทำผิด มี 5 องค์ คือ เป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ เป็นผู้ไม่ละอาย เป็นผู้มีโจทก์ฟ้อง ให้สงฆ์ลงมติลงโทษ และลงโทษโดยหลักธรรมวินัย แล้วยังมีประกาศแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่มที่ 3 ตอนพิเศษ มาตรา 15 ตรี และมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ข้อ 3 ความว่า
       
       (1) ในกรณีพระภิกษุรูปใดประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเรื่องเดียวกัน หรือหลายเรื่องเป็นอาจิณ ให้เจ้าอาวาสซึ่งภิกษุนั้นสังกัดอยู่หรือพำนักอาศัยมีอำนาจ หน้าที่ แนะนำ ชี้แจงตักเตือนให้พระภิกษุนั้นประพฤติตามพระธรรมวินัยเป็นลายลักษณ์อักษรโดยกำหนดให้ปฏิบัติหน้าที่ หากพระภิกษุนั้นไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ ชี้แจง ตักเตือน ภายในเวลาที่กำหนด ให้เจ้าอาวาสซึ่งพระภิกษุนั้นสังกัดอยู่รายงานโดยลำดับ จนถึงเจ้าคณะอำเภอสังกัด เพื่อวินิจฉัยให้สละสมณเพศต่อไป
       
       กระบวนการทั้งหมดนี้ พวกท่านที่เป็นเจ้าคณะปกครองได้กระทำแล้วหรือยัง หากยังถือว่าพวกท่านละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งมันจะเข้าข่าย “ผู้บังคับบัญชารูปใดไม่จัดการลงโทษผู้อยู่ในบังคับบัญชาที่ละเมิดจริยา หรือจัดการลงโทษโดยไม้สุจริตถือว่า ผู้บังคับบัญชารูปนั้นละเมิดจริยา”
       
       โทษฐานละเมิดจริย
       
       1.ถอดถอนจากตำแหน่งหน้าที่
       
       2.ปลดจากตำแหน่งหน้าที่
       
       3. ตำหนิโทษ
       
       4. ภาคทัณฑ์
       
       ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ไม่ได้มุ่งหวังว่าจะทำร้าย หรือทำลายใคร แต่ต้องการคงรักษาไว้ซึ่งพระสัจธรรมอันบริสุทธิ์ บริบูรณ์ มีประโยชน์ทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด หากผมไม่กระทำก็อาจเข้าข่ายได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่มีจิตเมตตา หวังดี เอ็นดู ก็ถือว่าผิดพระวินัยต้องอาบัติเหมือนกัน แต่ไม่ใช่เพราะผมต้องการจะรักษาตัวเอง แต่สิ่งที่ผมรักและต้องการรักษาด้วยชีวิต คือ พระธรรมคำสั่งสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราฉะนั้นไม่ว่าไอ้อี และมันผู้ใด บังอาจมาทำให้พระธรรมวินัยมีมลทิน เป็นข้อกังขาต่อมหาชน ผมจะสู้กับมันแม้นชีวิตจะหาไม่ก็ตาม
       
       พระพุทธอิสระ แห่งวัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ)
       
       29 มิถุนายน 2556
       
       (อาตมามิใช่เจ้าอาวาสนะจ๊ะ)
       
       จากนั้น หลวงปู่พุทธอิสระ กล่าวว่า ตอนนี้ได้มีทนายอาสาจะดำเนินการให้ในเรื่องการฟ้องไปยังศาลปกครองเพื่อฟ้องร้องต่อเจ้าคณะปกครอง ฐานละเลยและเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และจะฟ้องทางอาญาด้วย ด้วย ดร.สนอง วรอุไร จัดว่าเป้นพวกซ่องโจร รวมตัวกันเพื่อปันอรหันต์ และทราบว่าตอนนี้ ทางนั้นหลวงปู่เณรคำ มีลูกศิษย์ ได้รวมเงินกันเพื่อจะจ้างทนายระดับประเทศจะมาฟ้องร้องซึ่งตอนนี้ก็รับทราบ และเตรียมตัวรอแล้ว และมีทนายอาสาจะเข้ามาช่วย ตอนนี้ก็เตรียมขายพริกในวัดมาใช้จ้างทนาย
       
       และเรื่องนี้ต้องฝากสื่อมวลชนต้องช่วยกันติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด และที่มีลูกศิษย์เป็นห่วงจะจัดกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ มาดูแล ยืนยันว่าฉันมาคนเดียวอย่าให้ใครต้องเดือดร้อน ฉันตั้งใจคิดคนเดียว ทำคนเดียว ที่เหลือก็ขอให้เป็นกำลังใจให้กันไม่อยากให้ลูกศิษย์เคลื่อนไหวอะไร ทางกฎหมายก็ว่ากันไป
       
       วันเดียวกัน นายวรัญชัย โชคชนะ ประธานกลุ่มพุทธศาสนิกชนไทย ได้แจ้งว่า ทางกลุ่มได้มีหนังสือเรียกยืนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)แล้ว มี 3 เรื่อง คือ 1.ให้เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ สอบสวน และลงโทษการกระทำความผิดของหลวงปู่เณรคำทันที 2.ให้กองปราบตรวสอบโดยด่วน พร้อมทั้งอออกหมายเรียก และออกหมายจับทันที ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ถ้าหากพบการกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา 3.ให้ ปปง.ออกหมายอายัดทรัพย์และเงินสดในธนาคารทุกแห่งทันที พร้อมผู้ร่วมขบวนการทุกคน พร้อมทั้งยึดทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ หากปล่อยเวลาให้เนิ่นนานไปจะมีการยักย้าย ถ่ายเท ปิดบัง ซ่อนเร้น เงินทอง และทรัพย์ต่างๆ ซึ่งจะยากต่อการตรวจสอบ
       
       ทั้งนี้ หลวงปู่พุทธอิสระ ได้กล่าวถึงกรณีหลวงพ่อเกษม แห่งสำนักป่าสามแยก จ.เพชรบูรณ์ ว่ายังไม่ลืมนัดถกปัญหาทางธรรมกัน แต่ขอจบเรื่องนี้ก่อน และกำลังจะจัดสถานที่ให้ บอกหลวงเฮียไม่ต้องกลัว ยังยืนยันจะถกปัญหาด้วยแน่ ถือเป็นการดีเบทตทางธรรมไม่ได้คิดเป็นศัตรูกัน
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)