ผู้เขียน หัวข้อ: รวม เตือนภัย และ ต่อต้าน "ยาเสพติด"  (อ่าน 13991 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวม เตือนภัย และ ต่อต้าน "ยาเสพติด"
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2013, 11:00:34 am »
เสพติดใหม่-ยาแก้ปวด ผสมร่วมน้ำอัดลม นร.ฮิตดื่ม ทำเคลิ้ม ชี้ถึงตาย!
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1377604210&grpid=&catid=19&subcatid=1904-



เสพติดใหม่-ยาแก้ปวด ผสมร่วมน้ำอัดลม นร.ฮิตดื่ม ทำเคลิ้ม ชี้ถึงตาย!
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM056VTNNREV5Tmc9PQ==&sectionid=-

แฉ ยาเสพติดแนวใหม่ฮิตกินยาแก้ปวดผสมน้ำอัดลม เด็กม.2l เสพติดใหม่ร.ร.ดังเมืองปากน้ำกินเข้าไปถึงช็อกหมดสติคาห้องเรียน แม่ต้องพาส่งร.พ.จ้าละหวั่น อย.ชี้เป็นยาแก้ปวดรุนแรง ชื่อยา "ทรามาดอล" มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง โครงสร้างทางเคมีคล้ายยาเสพติดประเภทมอร์ฟีน จึงพบการใช้ผิดประเภทบ่อยครั้ง ส่วนใหญ่นำไปผสมยานอนหลับหรือน้ำอัดลม เพื่อหวังผลให้เกิดฤทธิ์มากขึ้น เตือนเด็กใช้อันตรายมาก พบมีรายงานการเสียชีวิตแล้วในต่างประเทศ



เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 26 ส.ค. น.ส.กุ้ง (นามสมมติ) ผู้ปกครองด.ช.ต้น (นามสมมติ) นักเรียนชั้นม.2 โรงเรียนมัธยมชื่อดังใน จ.สมุทรปราการ เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ถึงกรณีลูกชายกินยาแก้ปวดผสมน้ำอัดลมซึ่งถือเป็นยาเสพติดชนิดหนึ่งเข้าไป จนเกิดอาการช็อกหมดสติคาห้องเรียน ต้องหามส่งโรงพยาบาลจ้าละหวั่น เหตุเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา จึงอยากเตือนอันตรายให้กับ ผู้ปกครองทุกท่านพึงระวังไว้



น.ส.กุ้งย้อนเหตุการณ์ให้ฟัง ว่า วันเกิดเหตุตนได้รับแจ้งจากทางโรงเรียนว่าลูกชายเป็นลมหมดสติที่โรงเรียน จึงรีบเดินทางไปดูและนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษา โดยแพทย์ลงความเห็นว่ากินยาแก้ปวดเกินขนาด ก่อนให้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน เมื่อถึงบ้านตนได้พยายามเค้นความจริงจากลูก ได้ความว่ากินยาแก้ปวด "ทรามาดอล" ผสมน้ำอัดลม ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมกินกันในกลุ่มเพื่อนๆ ในโรงเรียนเดียวกัน โดยมีรุ่นพี่ชั้น ม.4 แนะนำให้ดื่ม บอกว่าเสพแล้วจะมีความสุข เหมือนตัวลอยได้ หากอยากให้ยาออกฤทธิ์เร็ว ก็ให้กินผสมเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ส่วนยาดังกล่าวนั้นซื้อมาจากร้านขายในตลาดปากน้ำและแพรกษา ซึ่งจะจำหน่ายให้เฉพาะกลุ่มนักเรียนที่ซื้อประจำหรือได้คำแนะนำจากกลุ่มเท่า นั้น ซึ่งเคยซื้อได้มากสุดถึง 90 เม็ด ราคาเม็ดละ 2-4 บาท แล้วแต่จำนวน



น.ส.กุ้ง กล่าวต่อว่า ตนสังเกตเห็นลูกชายมีอาการเปลี่ยนไปในช่วงระยะหลัง ที่ผ่านมา มักจะดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ และมีอาการคล้ายคนเมาเหล้าอยู่ตลอดเวลา ทานอาหารไม่ค่อยได้ ถามตอบอะไรไม่ค่อยรู้เรื่อง จะทำอะไรต้องคิดนานกว่าปกติ เข้านอนเร็วขึ้น กระทั่งมารับแจ้งจากทางโรงเรียนว่าลูกชายเป็นลมหมดสติ ต้องหามส่งโรงพยาบาล จากนั้นตนจึงไปปรึกษาเภสัชกรที่อยู่บ้านติดกัน ว่ายา "ทรามาดอล" เป็นยาต้องห้ามหรือไม่ และมีฤทธิ์อย่างไรบ้าง ได้รับคำตอบว่า ยาดังกล่าวไม่ได้ห้ามจำหน่ายสามารถหาซื้อได้ง่าย



"ดิฉันฝาก เตือนพ่อแม่ผู้ปกครองที่พบว่าบุตรหลานชอบดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ แต่ทานอาหารได้น้อยลง สมองสั่งงานช้า มีอาการคล้ายคนเมา กลับจากโรงเรียนชอบเก็บตัว เข้านอนเร็ว หากเจอแบบนี้ต้องเฝ้าระวังให้ดี เพราะบุตรหลานของท่านอาจยุ่งเกี่ยวกับยาตัวนี้เข้าแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดิฉันได้ประสานไปยังผู้ปกครองคนอื่นให้ช่วยกันระมัด ระวังแล้ว" น.ส.กุ้งกล่าว



ด้านภก.ประพนธ์ อางตระกูล ผอ.กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า ยาแก้ปวดทรามาดอล เป็นยาแก้ปวดชนิดรุนแรง ซึ่งมักใช้ในผู้ที่มีอาการปวดรุนแรง จนไม่สามารถใช้ยาแก้ปวดตำรับปกติได้ เช่น อาการปวดประจำเดือน ปวดตามข้อ เป็นต้น ยาดังกล่าวจัดเป็นยาอันตราย ที่สามารถขายในร้านขายยาได้ แต่ต้องขายและควบคุมการใช้โดยเภสัชกรเท่านั้น โดยยากลุ่มดังกล่าวจัดเป็นยาที่มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง เรียกว่ายากลุ่ม โอปิออยด์ โครงสร้างทางเคมีคล้ายกับยาเสพติดประเภทมอร์ฟีน โคเดอีน เป็นต้น จึงมักพบการใช้ผิดประเภทบ่อยครั้ง โดยที่พบบ่อยคือการนำไปผสมยานอนหลับ หรือน้ำอัดลม เพื่อหวังผลให้เกิดฤทธิ์ที่มากขึ้น



"อาการไม่ พึงประสงค์ของยาดังกล่าวซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ เช่น จะทำให้กลืน หายใจลำบาก เห็นภาพคล้ายประสาทหลอน คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เกิดอาการชักได้ เพราะยาจะมีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง โดยในต่างประเทศเคยพบรายงานผู้เสียชีวิตจากการใช้ยาผิดประเภท โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้ม มักนำยาดังกล่าวไปใช้ร่วมกับยาหรือสารประเภทอื่นๆ หลายชนิดด้วยกัน โดยเฉพาะเด็กจะเกิดอาการไม่พึงประสงค์ได้มากกว่า เนื่องจากยาโดยเฉพาะกลุ่มที่มีความรุนแรง การใช้จะต้องกะประมาณให้พอดีกับน้ำหนักตัวของผู้ใช้ ส่วนใหญ่ยาที่ใช้กับเด็ก จะถูกลดปริมาณลงตามน้ำหนักตัว การนำยาไปใช้ให้เกิดผลในทางที่ผิด จึงอันตรายมากกว่า" ภก.ประพนธ์ กล่าว



ภก.ประพนธ์ กล่าวต่อว่า ยาดังกล่าวแม้ว่าจะเป็นยากลุ่มอันตรายที่มีฤทธิ์แรง แต่ก็มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่ต้องใช้ยา ดังนั้น อย.จึงได้มีมาตรการควบคุมและติดตามการใช้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขอความร่วมมือเภสัชกรให้เฝ้าระวังและไม่ขายยาให้กับเด็ก หรือผู้ที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าจะนำยาไปใช้ผิดประเภทด้วย



ทั้ง นี้ การยกระดับการใช้ยาเป็นเรื่องง่าย เพียงแค่ออกประกาศฉบับเดียว ก็สามารถยกระดับยาได้แล้ว แต่การตัดสินใจยกระดับหรือไม่ ต้องคำนึงถึงผลกระทบของประชาชนโดยรวมทั้งประเทศ เพราะยาดังกล่าวถือเป็นยาจำเป็น และมีประโยชน์ต่อผู้ป่วย การทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้ง่ายจึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา การจะควบคุมอย่างไรจึงต้องคำนึงถึงความสมดุลเป็นหลัก

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวม เตือนภัย และ ต่อต้าน "ยาเสพติด"
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2013, 07:33:57 pm »
สลด ! พบ ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา อดีตนางแบบอินเตอร์ กลายเป็นคนเร่ร่อน

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Rojjana 'Yui' Phetkanha รจนา เพชรกันหา

          ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา จากซูเปอร์โมเดลระดับโลก สู่คนเร่ร่อนข้างถนน มีอาการทางจิตเหมือนคนวิกลจริต เผยชีวิตหักเหเพราะใช้ยาเสพติด เที่ยวเตรี และติดสุราอย่างหนัก

          วันนี้ (31 สิงหาคม 2556) ได้มีการเปิดเผยข้อมูลของ ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา อดีตนางแบบสาวชื่อดังระดับอินเตอร์ ที่ปัจจุบันชีวิตพลิกผันกลายมาเป็นคนเร่ร่อนข้างถนน และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมขณะมีอาการสื่อสารไม่รู้เรื่อง เหมือนคนวิกลจริต

          โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา เมื่อชาวบ้านได้แจ้งเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.ภาษีเจริญ ว่า มีผู้หญิงท่าทางวิกลจริตมาก่อกวน สร้างความรำคาญ ที่บริเวณร้านแห่งหนึ่งย่านถนนเพชรเกษมจนลูกค้ากลัวไม่กล้าเข้าร้าน และขอให้ช่วยตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง ก็ได้พบว่าหญิงคนดังกล่าวก็คือ นางสาวรจนา เพชรกัณหา ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นคนเร่ร่อนไม่มีที่อาศัยเป็นหลักแหล่ง เดินถือถุงหูหิ้วขนาดใหญ่ ภายในมีลังกระดาษบรรจุเสื้อผ้าเก่า ขวดน้ำดื่ม องุ่น และขนมขบเคี้ยว เจ้าหน้าที่จึงพยายามติดต่อญาติของอดีตนางแบบชื่อดัง แต่ไม่สามารถติดต่อได้

          ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่า นางสาวรจนาเคยมีประวัติเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา จึงพยายามพูดจาโน้มน้าว ให้นางสาวรจนาซึ่งมีสีหน้าอิดโรย เนื้อตัวมอมแมม ท่าทางหวาดระแวง พูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอย เกิดความไว้ใจเพื่อส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา เนื่องจากเกรงว่าปล่อยไว้จะเกิดอันตรายต่อบุคคลอื่น หรือต่อตัวนางสาวรจนาเอง โดยใช้เวลาเกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่า 3 ชั่วโมง

          ขณะที่เมื่อไปถึงโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้ตรวจสอบประวัติคนไข้ พบว่ามีประวัติเข้าออกรักษาตัวหลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานีตามคำร้องขอของญาติ แต่นางสาวรจนาก็เผยว่า ตัดสินใจกลับเข้ามาในกรุงเทพฯ อีกครั้ง เพราะรู้สึกไม่สบายหนัก รู้สึกแย่มาก ๆ และกลัวคนทำร้ายจึงต้องย้ายที่บ่อย ๆ แล้วก็ไม่ได้นอนมา 4 คืนแล้ว

          สำหรับ ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา เจ้าของตำแหน่ง อีลิต ซูเปอร์ โมเดล ออฟ ไทยแลนด์ 1994 เธอเคยเป็นนางแบบชื่อดังที่เคยทำรายได้กว่า 50 ล้านบาทต่อปี และเคยมีรายชื่อติดอันดับ 1 ใน 12 ซูเปอร์โมเดลโลก ทว่าชีวิตอันรุ่งเรืองของเธอก็มาถึงจุดพลิกผันและกลายมาเป็นผู้หญิงธรรมดาที่ไม่มีคนสนใจ ในวัย 35 ปี โดย รจนาเผยว่า ทั้งหมดเกิดจากการที่เธอใช้ยาเสพติดตอนอายุ 20 ปี ใช้ชีวิตเที่ยวเตร่เมื่ออายุ 24-25 ปี และติดสุราอย่างหนัก จนทำให้เสียการงาน ถูกยกเลิกสัญญากับเอเจนซี่ต่างประเทศ และต้องเดินทางกลับประเทศไทยในปี พ.ศ. 2545 หลังจากใช้ชีวิตเป็นนางแบบในต่างประเทศ 8 ปี

          หลังจากกลับประเทศไทย ก็ยังไม่มีงานทำ ประกอบกับติดสุราเรื้อรัง จึงต้องไปทำงานโรงงาน อีกทั้งยังมีข่าวอื้อฉาวเรื่องวิวาทกับมารดาและกับสามีชาวไทย ก่อนมีงานถ่ายแบบ เดินแบบเข้ามา และเป็นอาจารย์สอนเดินแบบ ควบคู่กับการบำบัดอาการจากยาเสพติดอย่างสม่ำเสมอ เพราะมีอาการหลอน ๆ เบลอ ๆ บ้างในบางเวลา จนกระทั่ง ชื่อของ ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา ก็ค่อย ๆ เลือนหายไปจากวงการ จนไม่มีใครกล่าวถึงอีกเลย

 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM056a3pORE13TkE9PQ==-
-http://www.siamdara.com/Variety/130831_1375.html-



วงจรชีวิต ''ยุ้ย-รจนา'' จาก ''ซูเปอร์โมเดล'' ระดับโลกกลายเป็นคนเร่ร่อนข้างถนน
-http://www.siamdara.com/Variety/130831_1375.html-











รูปจากสยามดารา

    ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ''ยุ้ย'' รจนา เพชรกัณหา สาววัย 18 ปี จากจังหวัดอุบลราชธานี จบการศึกษาเพียงชั้น ป.6 แล้วเข้ากรุงเทพฯ มาเป็นเด็กล้างจานที่ร้านอาหารของญาติแถววัดธาตุทอง และไปสะดุดตาแมวมอง ชักชวนให้เข้าประกวดอีลิต ซูเปอร์ โมเดล ออฟ ไทยแลนด์ 1994 (Elite Super Model of Thailand 1994) เมื่อ พ.ศ. 2537 ได้ตำแหน่งชนะเลิศ และได้เซ็นสัญญากับเอเยนซี่นางแบบเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ กลายเป็นนางแบบไทยที่ไปโลดแล่นอยู่ในวงการแฟชั่นระดับโลก มีชื่อเสียงโด่งดังในต่างแดน

    ระหว่างปี พ.ศ. 2537 - 2545 ''ยุ้ย-รจนา'' เป็นนางแบบนิตยสารโว้ค ฉบับเอเชีย เดินแบบแฟชั่นในฝรั่งเศส, อิตาลี, สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ และติดอันดับ 1 ใน 12 ซูเปอร์โมเดลโลก และถ่ายแบบโฆษณาสินค้าเป็นจำนวนมาก ที่โดดเด่นสุดๆ คือการเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับน้ำหอมดังอย่าง ''แชแนล'' เคยเป็นตัวประกอบในภาพยนตร์ The Fifth Element (1997) (Uncredited)
     
    ทำรายได้สูงถึง 50 ล้านบาทต่อปี กับการเป็นนางแบบอินเตอร์ จนชีวิตในวัย 35 ปี กลับพลิกผันจากความหรูหราฟู่ฟ่ามาเป็นสาววัยกลางคนธรรมดาที่แทบไม่มีใครสนใจ ใช้ชีวิตอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ ชานเมืองกรุง โดยมีเงินใช้ต่อวันไม่เกิน 100 บาท
     
    เกิดอะไรขึ้นกับนางแบบระดับซูเปอร์โมเดลของโลก!!
     
    นี่คือคำถามที่ผุดขึ้นในใจของคนที่ทราบข่าวความเคลื่อนไหวของเธอ
     
    ในที่สุดเรื่องนี้ก็ได้รับความกระจ่างแจ้ง เมื่อเจ้าตัวออกมาเปิดใจโดยยอมรับว่า จุดหักเหในชีวิตเกิดขึ้นสืบเนื่องจากการใช้ยาเสพติด เมื่ออายุ 20 ปี และใช้ชีวิตเที่ยวเตร่เมื่ออายุ 24-25 ปี ติดสุราอย่างหนัก จนทำให้เสียการงาน จนถูกยกเลิกสัญญา และต้องเดินทางกลับประเทศไทยในปี พ.ศ. 2545 หลังจากใช้ชีวิตเป็นนางแบบในต่างประเทศ 8 ปี
     
    หลังจากกลับประเทศไทย ยังไม่มีงานทำ ประกอบกับติดสุราเรื้อรัง ต้องไปทำงานโรงงาน อีกทั้งยังมีข่าวอื้อฉาวเรื่องวิวาทกับมารดา และกับสามีชาวไทย ก่อนมีงานถ่ายแบบ เดินแบบ และเป็นอาจารย์สอนเดินแบบ ควบคู่กับการบำบัดอาการจากยาเสพติดอย่างสม่ำเสมอ เพราะมีอาการหลอนๆ เบลอๆ บ้างในบางเวลา
     
    ชื่อของ ''ยุ้ย'' รจนา เพชรกัณหา ค่อยๆ เลือนหายไปจากวงการ จนไม่มีใครกล่าวถึงอีกเลย
     
    จนกระทั่งล่าสุดเมื่อช่วงวันที่ 30 ส.ค. 56 พ.ต.ท.จุมพล กาญจนเสถียร สวป.สน.ภาษีเจริญ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.ภาษีเจริญ ว่ามีผู้หญิงท่าทางวิกลจริตมาก่อกวน สร้างความรำคาญ ที่บริเวณร้านแห่งหนึ่งย่านถนนเพชรเกษมจนลูกค้ากลัวไม่กล้าเข้าร้าน ขอให้ช่วยตรวจสอบ บริเวณริมถนนเพชรเกษม แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ เมื่อเดินทางมาถึง จึงทราบว่าผู้หญิงคนดังกล่าวคือ นางสาวรจนา เพชรกัณหา หรือ ''ยุ้ย'' อดีตนางแบบสาวชื่อดังระดับโลก ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นคนเร่ร่อนไม่มีที่อาศัยเป็นหลักแหล่ง เดินถือถุงหูหิ้วขนาดใหญ่ ซึ่งภายในมีลังกระดาษบรรจุเสื้อผ้าเก่า ขวดน้ำดื่ม องุ่น และขนมขบเคี้ยว
     
    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้พยายามติดต่อญาติของอดีตนางแบบชื่อดัง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ต่อมาภายหลังสืบทราบว่า เคยมีประวัติเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา จึงได้พยายามพูดจาโน้มน้าว ให้นางสาวรจนาซึ่งมีสีหน้าอิดโรย เนื้อตัวมอมแมม ท่าทางหวาดระแวง พูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอย เกิดความไว้ใจเพื่อส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา เนื่องจากเกรงว่าปล่อยไว้จะเกิดอันตรายต่อบุคคลอื่น หรือต่อตัวนางสาวรจนาเอง
     
    เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาเกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่า 3 ชั่วโมง อดีตนางแบบสาวชื่อดังจึงยอมเดินทางไปโรงพยาบาลด้วย โดยก่อนจะยอมเดินทางไปโรงพยาบาล อดีตนางแบบชื่อดังซึ่งใช้ยาดมชนิดน้ำป้ายนิ้วมือถูไปที่ที่บริเวณจมูกตลอดเวลา สลับการสูบบุหรี่ พูดจารู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง บางครั้งก็จำเรื่องราวในอดีตของตนเองได้ บางครั้งก็จำไม่ได้ เอาแต่บอกว่าจะไปบวชชีพราหมณ์ที่วัด หรือไม่ก็บอกว่าตนเองป่วยหนัก เลือดมีไวรัส สลับกันไปมาหลายครั้ง
     
    เมื่อเดินทางไปถึงโรงพยาบาลเจ้าหน้าที่ได้ให้อดีตนางแบบสาวชื่อดังชั่งน้ำหนัก วัดความดัง ก่อนตรวจสอบประวัติคนไข้ พบว่ามีประวัติเข้าออกรักษาตัวหลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดได้ทำการส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานีตามคำร้องขอของญาติ
     
    อย่างไรก็ตาม เมื่อแพทย์สอบถามอดีตนางแบบชื่อดังเพื่อตรวจสอบอาการเบื้องต้นว่า ประวัติล่าสุดได้ทำการส่งตัวไปรักษาตัวที่ จ.อุบลราชธานี แล้วกลับมาอยู่ที่กรุงเทพฯ อีกได้อย่างไร อดีตนางแบบสาวที่มีผลงานระดับโลกกล่าวว่า
     
    ''อยู่ไม่เป็นที่ หนูเร่ร่อนอยู่ ญาติก็ไม่มี ล่าสุดอยู่ที่จังหวัดมหาสารคาม ไปพักผ่อน ไม่มีงานทำ ก็เลยเข้ามากรุงเทพฯ''
     
    อดีตนางแบบชื่อดังกล่าวด้วยว่า สาเหตุที่ตัดสินใจเดินทางกลับเข้ามาในกรุงเทพฯ อีกครั้ง เพราะรู้สึกว่าตนเองไม่สบายหนัก เป็นโรคเกี่ยวกับสมองหลั่งสารบางอย่างไม่เท่ากัน ตอนนี้รู้สึกแย่สุดๆ จนคิดว่าตนเองเป็น ''ปอบ'' ไม่ใช่คน
     
    ''ที่เข้ามากรุงเทพฯ เพราะไม่สบายหนัก เป็นโรคสมองหลังสารอะไรบางอย่างไม่เท่ากัน เวลาเศร้าก็เศร้าสุดๆ เวลาดีใจก็ดีใจสุดๆ ตอนนี้รู้สึกแย่ที่สุด คิดว่าตอนนี้ตัวเองไม่ใช่คนคิดว่าเป็นปอบ กลัวคนมาทำร้ายเหมือนกัน เพราะเราเป็นคนเร่ร่อน ต้องย้ายที่ย้ายทางบ่อยๆ เดินทางบ่อยก็กลัว เหนื่อยไม่ได้หลับไม่ได้นอน นี่ไม่ได้นอนมา 4 คืนแล้ว 2 วันมานี้รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว อารมณ์เหมือนไม่ได้สัมผัสร่างกายตัวเอง''
     
    ช่างเป็นเรื่องราวชวนให้หดหู่ใจเสียยิ่งกระไร แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
     
    นางแบบดังระดับโลกในอดีตเคยหาเงินได้ 50 ล้านต่อปี ใช้ของแบรนด์เนมทั้งตัว กระเป๋าใบละแสนสองแสน รองเท้าคู่ละหมื่น วันนี้ ''ยุ้ย'' รจนา เพชรกัณหา สวมแค่รองเท้าแตะหูหนีบ
     
    มีสมบัติเป็นถุงหูหิ้วขนาดใหญ่ ภายในมีลังกระดาษบรรจุเสื้อผ้าเก่าเอาไว้ผลัดเปลี่ยนกันแดดกันลมเท่านั้น
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวม เตือนภัย และ ต่อต้าน "ยาเสพติด"
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2013, 10:37:13 pm »
ปะทะเดือด ! ไล่ล่าเก๋งขนยาบ้า ยึดกว่า 1 แสนเม็ด
-http://hilight.kapook.com/view/91856-






ปะทะเดือด ! ไล่ล่าเก๋งขนยาบ้ากว่า1แสนเม็ด (ไอเอ็นเอ็น)
 
          2 คนร้ายซิ่งเก๋งขนยาบ้ากว่า 1 แสนเม็ด ยิงปะทะกับตำรวจประจวบฯ ก่อนทิ้งรถเผ่นหนีเข้าป่า ขณะที่พบบัตรประจำตัว อส.ทพ. ตกอยู่ภายในรถ

          เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา (2 ตุลาคม 2556) ศูนย์วิทยุ สภ.สามร้อยยอด อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้วิทยุขอกำลังเสริมจาก สภ.กุยบุรี และ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ให้ช่วยสกัดจับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีดำ หมายเลขทะเบียน กง 233 เพชรบุรี ซึ่งมีชาย 2 คน ขับรถหลบด่านตรวจ สภ.สามร้อยยอด ใช้เส้นทางเลี่ยงในหมู่บ้าน ก่อนมุ่งหน้าลงภาคใต้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขับรถติดตามมา แต่รถยนต์คันดังกล่าวขับรถด้วยความเร็วสูง และฝ่าสัญญาณไฟแดงที่สี่แยก อ.กุยบุรี ก่อนที่จะยูเทิร์นรถเพื่อย้อนกลับเข้าสู่ถนนเพชรเกษม ฝั่งขาขึ้นกรุงเทพฯ จากนั้นเปิดฉากยิงทะลุกระจกรถเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ยิงตอบโต้จนรถยนต์ยางหน้าด้านซ้ายแตกไม่สามารถขับต่อได้ ต้องจอดรถอยู่ริมถนนเพชรเกษม บริเวณ กม.302-303 คนร้ายทั้ง 2 คน ภายในรถได้วิ่งหนีเข้าป่าข้างทาง พร้อมกับอาวุธประจำกายทันที

          จากการตรวจสอบภายในรถพบยาบ้า 126,000 เม็ด มูลค่ากว่า 31,500,000 บาท และพบบัตรประชาชนชื่อ นายภูวนาท ชูทอง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 151 หมู่ที่ 5 ต.ป่าพะยอม อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง พร้อมใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ และบัตรประจำตัวอาสาสมัครทหารพราน สังกัด กรมทหารพรานที่ 48 ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเร่งติดตามตัวขยายผลต่อไป







INN


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวม เตือนภัย และ ต่อต้าน "ยาเสพติด"
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: ตุลาคม 06, 2013, 10:18:49 am »
ลูกชายคลั่งยาขอเงินไม่ได้ ฉวยโอกาสพ่อไปหว่านปุ๋ย ใช้ท่อนเหล็กตีแม่จนตาย

-http://news.sanook.com/1254148/%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-%E0%B8%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%8B%E0%B8%A2-%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B9%81/-


เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 5 ตุลาคม ร.ต.อ.ธงชัย นนยะโส พนักงานสอบสวนเวร สภ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด รับแจ้งว่า มีเหตุทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสายสืบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ ที่บ้านแห่งหนึ่ง ต.หนองไผ่ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด พบร่างของนางหนูอาจ ศรีคำภา อายุ 70 ปี เสียชีวิตนอนคว่ำหน้า ข้างศพพบท่อนเหล็กสีฟ้า เปื้อนเลือดตกอยู่ ผู้ก่อเหตุคือนายจำนงค์ ศรีคำภา อายุ 42 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวไว้ได้ในเวลาต่อมา

จากการสอบสวนปากคำนายสมหมาย ศรีคำภา อายุ 65 ปี สามีผู้ตาย กล่าวว่า ลูกชายเป็นช่างปะยางเปิดร้านมา 2 ปีแล้ว มีอาการติดยาเสพติดตั้งแต่ไปทำงานที่กรุงเทพฯ พยายามพาไปบำบัดเพื่อให้เลิก แต่ไม่ยอมไป ล่าสุดช่วงเช้า ได้มาขอเงิน 1,000 บาท อ้างว่าจะไปซื้อเสื้อผ้าใส่ แต่ตนไม่ให้เงินเกรงว่าอาจจะไปซื้อยาเสพติดแทน และบอกลูกชายว่าจะไปซื้อเสื้อผ้าให้แทน หลังจากนั้นตนออกไปหว่านปุ๋ยในนาข้าว พอกลับมาพบว่าภรรยาถูกทำร้ายเสียชีวิตจมกองเลือดในที่เกิดเหตุแล้ว สอบถามชาวบ้านจนแน่ใจว่าน่าจะเป็นลูกชายคงโกรธที่ขอเงินไม่ได้ และเกิดอาการคุ้มคลั่งก่อเหตุทำร้ายแม่ตัวเองจนเสียชีวิต

จากการสอบสวนปากคำ นายจำนงค์ให้การวกวนไปมาว่าก่อนเกิดเหตุ จะเข้าไปกินข้าว แต่แม่ไม่ยอมให้กินข้าว และจะเอาไม้ไล่ตีตน จึงใช้ท่อนเหล็กตีกลับไปเป็นการป้องกันตัวและตีซ้ำอีกครั้งก่อนจะหยิบฉวยกระเป๋าของแม่เข้าไปในหมู่บ้านเพื่อจะหลบหนี แต่โดนจับได้เสียก่อน


http://news.sanook.com/1254148/%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-%E0%B8%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%8B%E0%B8%A2-%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B9%81/
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวม เตือนภัย และ ต่อต้าน "ยาเสพติด"
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2013, 09:16:39 am »
แพท พาวเวอร์แพท ย้อนรอยคดีดังอดีตนักร้องค้ายาอี
-http://hilight.kapook.com/view/92141-







เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3, คุณ ต้น ปฐมพงศ์ สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

            แพท พาวเวอร์แพท อดีตนักร้องดังที่ถูกตัดสินจำคุก 50 ปีในคดีค้ายาอี เปิดประวัติ ผลงาน และย้อนรอยคดี แพท พาวเวอร์แพท นายวรยศ บุญทองนุ่ม

            จากกรณีข่าวของอดีตนักร้องสาวชื่อดัง จอยซ์ ทีเค หรือนางสาวพรพรรณ รัตนเมธานนท์ แห่งวง ไทรอัมพ์ส คิงดอม ที่ถูกจำคุกในคดีค้ายาบ้า เพิ่งพ้นโทษออกมาก่อนหน้านี้ ทำให้หลายคนเริ่มหันมาให้ความสนใจกับเรื่องราวของดารา คนดังในอดีต ที่เคยมีคดีเกี่ยวพันกับยาเสพติดกันอีกครั้ง และเรื่องที่ได้รับความสนใจที่สุดเรื่องหนึ่ง ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องราวของหนุ่ม แพท วรยศ บุญทองนุ่ม หรือ แพท พาวเวอร์แพท อดีตนักร้องหนุ่มชื่อดัง ที่ต้องโทษจำคุก 50 ปี ในคดีมียาเสพติดไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพ (ยาอี) เมื่อปี พ.ศ. 2547 นั่นเอง

            สำหรับ แพท พาวเวอร์แพท มีชื่อจริงว่า นายวรยศ บุญทองนุ่ม เป็นอดีตศิลปินในสังกัดแกรมมี่ แพท วรยศ ถูกปลุกปั้นมาเป็นนักร้องนำวง พาวเวอร์แพท ในยุคที่เพลงแนว เจ-ร็อค เข้ามาตีตลาดเมืองไทย ในช่วงปี พ.ศ. 2543-2545 ในสมัยนั้น แพท พาวเวอร์แพท เป็นที่รู้จักในมาดหนุ่มหล่อสไตล์ เจ-ร็อค มีผลงานเพลงฮิตในสมัยนั้นคือเพลง "หลุดปากใช่ไหม" โดยวง พาวเวอร์แพท มีผลงานเพลงชุดแรกในอัลบั้ม Power Pat ในปี พ.ศ. 2543 อัลบั้ม Power Pop ในปี พ.ศ. 2544 และอัลบั้มเดี่ยว พาวเวอร์ แพท ในปี พ.ศ. 2545


            นอกจากผลงานเพลงแล้ว แพท พาวเวอร์แพท ยังเคยมีผลงานแสดงละครเรื่อง รัน! รักอันตราย, Girl Club รับเอาคืน และเฮี้ยวนักรักซะเลย หลังจากนั้นข่าวคราวของ แพท พาวเวอร์แพท ก็ห่างหายไป จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 ก็มีข่าวว่า นายวรยศ บุญทองนุ่ม หรือ แพท พาวเวอร์แพท ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคดีมียาเสพติดไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพ (ยาอี) โดยตำรวจได้มีการล่อซื้อยาอีจาก แพท พาวเวอร์แพท จำนวน 1,000 เม็ด ราคา 150,000 บาท นัดส่งของในซอยลาดพร้าว 94 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวเข้าจับกุม แพท พาวเวอร์แพท พร้อมของกลางยาอีรวม 2,989 เม็ด ยาเคชนิดน้ำจำนวน 4 ขวด และกัญชา 1 ห่อ มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท โดยเจ้าตัวอ้างว่าที่ทำลงไปเพราะชีวิตตกอับไม่มีงานจนต้องหันมาพึ่งยาเสพติด กลายเป็นคดีดังในสมัยนั้น ก่อนที่ แพท พาวเวอร์แพท จะถูกศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ จำคุก 50 ปี และปรับ 1 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2554

            นอกจากนี้ เมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2547 ยังมีรายงานว่า แพท พาวเวอร์แพท เคยมีคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เมื่อปี พ.ศ. 2541 ด้วย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 แพท พาวเวอร์แพท และแฟนสาว น.ส.จารุวรรณ โชติเฉลิมศักดิ์ พร้อมเพื่อนนับสิบคน ได้รุมทำร้าย นายสมชาย ณรงค์ภูตะกิจ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของแมนชั่นใน อ.เมือง จ.นนทบุรี จนเสียชีวิต เนื่องจากไม่พอใจที่ถูกเรียกให้มาเลื่อนรถ

            อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ แพท พาวเวอร์แพท ก็ไม่ได้หมดหวังในชีวิต เขาได้ตั้งใจเรียนจนจบปริญญาตรี ในคณะนิติศาสตร์  มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช โดย แพท พาวเวอร์แพท เป็นหนึ่งในนักโทษที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ประจำปีการศึกษา 2551 และเขายังได้เรียนรู้ชีวิตที่เคยผิดพลั้งไป ด้วยการบำเพ็ญประโยชน์และซ้อมเล่นดนตรีขณะอยู่ในเรือนจำด้วย

            แม้ว่าคดีความของ แพท พาวเวอร์แพท จะถูกตัดสินไปนานแล้ว แต่เรื่องราวของเขาก็ยังเป็นอุทาหรณ์ที่ดี สำหรับเหล่าดารา หรือใครก็ตามที่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้น อาจส่งผลเสียต่อตนเองและคนรอบข้างไปทั้งชีวิต


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1322992499&grpid=01&catid=01-
-http://www.siamdara.com/hotnews/090918_10413.html-
, psu.ac.th

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวม เตือนภัย และ ต่อต้าน "ยาเสพติด"
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: ตุลาคม 15, 2013, 06:29:17 am »
Krokodil ยาเสพติดชนิดใหม่บุกมะกัน ฤทธิ์ร้าย เสพแล้วเนื้อเน่าเฟะ
-http://hilight.kapook.com/view/92282-

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก uludagsozluk

          Krokodil ยาเสพติดมรณะ ระบาดจากรัสเซียสู่อเมริกา เสพแล้วจะมีอาการเนื้อเน่าเฟะจากภายใน ทำให้ผู้ป่วยมีสภาพคล้ายซอมบี้และถึงตาย

          เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2556 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ ระบุว่า ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา นักเสพไม่ต่ำกว่า 4 ราย ในรัฐอิลลินอย และแอริโซนาของสหรัฐฯ ต้องถูกนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาล หลังเสพยาเสพติดชนิดใหม่ที่กำลังแพร่ระบาดในสหรัฐฯ ขณะนี้ แล้วเกิดอาการเนื้อเน่าเฟะจากภายใน โดยหลายคนเสพเข้าไปเพราะเข้าใจว่าเป็นเฮโรอีนราคาถูก

          สำหรับยาเสพติดตัวนี้ มีชื่อว่า Krokodil หรือชื่อทางการแพทย์ว่า Desomorphine เป็นยาเสพติดชนิดออกฤทธิ์ร้ายแรงที่มีต้นกำเนิดจากรัสเซียเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน มีส่วนผสมของโคเดอีน น้ำมันเบนซิน ทินเนอร์ น้ำมันไฟแช็ก ซึ่งสามารถทำเองได้ที่บ้าน เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายแล้วออกฤทธิ์คล้ายเฮโรอีนแต่แรงกว่าถึง 3 เท่า แต่ในเรื่องราคานั้นกลับถูกกว่าเฮโรอีนมาก จึงเป็นสาเหตุให้มันแพร่หลายออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีรายงานผู้เสียชีวิตจากยาเสพติดดังกล่าวในรัสเซียปีละสูงถึง 30,000 คน

          อย่างไรก็ดี ในปี 2011 ทางสำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐฯ หรือ DEA (Drug Enforcement Administration) สหรัฐฯ เคยออกแถลงถึงการเกิดใหม่ของยาเสพติดร้ายแรงที่ชื่อ Krokodil ซึ่งกำลังระบาดหนักในรัสเซียแล้ว และระบุว่าทางหน่วยงานจะจับตามองหากว่ามันระบาดมาถึงอเมริกา แต่จนปัจจุบันก็ยังไม่สามารถยืนยันที่มาที่ไปของยาเสพติดชนิดนี้ได้

          ส่วนชื่อ Krokodil นั้นเป็นภาษารัสเซียที่แปลว่า จระเข้ (crocodile) ตั้งชื่อตามลักษณะของผู้ที่เสพติดสารตัวนี้อย่างหนัก ที่ผิวหนังจะกลายเป็นตุ่มสีเขียวคล้ำ ก่อนทรุดหนักเป็นอาการเนื้อตาย เกิดแผลเน่า ค่อย ๆ กัดกินเนื้อที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทั้งที่ผู้ป่วยยังหายใจ

          ด้านนายแพทย์อาบิน ซิงกาล่า ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์พยาบาลเซนต์โจเซฟ ในเมืองโจเลียต รัฐอิลลินอย ที่ระบุว่าตนได้รับผู้ติดยา Krokodil เข้ารักษา ได้กล่าวว่า ในห้องรักษานั้นได้กลิ่นเนื้อเน่าลอยอยู่ในอากาศ ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเข้มข้น และต้องได้รับการปลูกถ่ายผิวหนัง แต่มันก็อาจไม่พอที่จะรักษาอวัยวะ หรือแม้แต่ชีวิตของผู้ป่วยไว้ได้ หากใครคิดจะฆ่าตัวตาย ยาเสพติดตัวนี้จะฆ่าคุณได้แน่นอน












คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวม เตือนภัย และ ต่อต้าน "ยาเสพติด"
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: ตุลาคม 23, 2013, 09:28:07 am »
ตำรวจเข้าจับย้าบ้า ถูกยิงตาย

ตำรวจเข้าจับย้าบ้า ถูกยิงตาย

ตำรวจเข้าจับย้าบ้า ถูกยิงตาย
-http://www.youtube.com/watch?v=H653HUZgbLc-
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวม เตือนภัย และ ต่อต้าน "ยาเสพติด"
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: ตุลาคม 23, 2013, 10:23:19 am »
คลิป จีนประหารชีวิต-หน่อคำ-ถ่ายทอดสด

คลิป จีนประหารชีวิต-หน่อคำ-ถ่ายทอดสด

คลิป จีนประหารชีวิต-หน่อคำ-ถ่ายทอดสด

-http://www.youtube.com/watch?v=U_YrhYpAEXM-

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวม เตือนภัย และ ต่อต้าน "ยาเสพติด"
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: ตุลาคม 27, 2013, 09:25:10 pm »
โอ้ว!! นี่หรือส่วนผสมยาบ้า 7 Aug 2012


โอ้ว!! นี่หรือส่วนผสมยาบ้า 7 Aug 2012

โอ้ว!! นี่หรือส่วนผสมยาบ้า 7 Aug 2012
-http://www.youtube.com/watch?v=N4LGEK8xuAo-
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวม เตือนภัย และ ต่อต้าน "ยาเสพติด"
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2013, 07:47:23 pm »
แก๊งค้ายาบ้าขับรถแหกด่านคว่ำตาย1เจ็บ2
-http://hilight.kapook.com/view/93091-






แก๊งค้ายาบ้าขับรถแหกด่านคว่ำตาย1เจ็บ2 (ไอเอ็นเอ็น)

          ขบวนการค้ายาบ้าขับรถแหกด่านพลิกคว่ำ ตาย 1 เจ็บ 2 ยึดยาบ้า 350,000 เม็ด ตำรวจเชียงรายเตรียมขยายผล

          วันนี้ (3 พฤศจิกายน 2556) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าแดด อ.ป่าแดด จ.เชียงราย ได้ขับรถไล่ติดตามรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมาสด้า 3 สีดำ หมายเลขทะเบียน 1 กส 8322 กทม. หลังจากขับรถยนต์แหกด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ อ.ป่าแดด โดยขณะที่เจ้าหน้าที่ไล่ติดตามรถยนต์คันดังกล่าว ได้เสียหลักแหกโค้งเฉี่ยวชนต้นไม้ข้างถนน และพลิกตกลงไปในร่องน้ำข้างถนน หมู่ 6 ต.ป่าแดด อ.ป่าแดด จ.เชียงราย ถนนสายป่าแดด-จุน เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบคนในรถเสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บ 1 คน จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลป่าแดด นอกจากนี้ยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 1 คน ซึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บ ตรวจค้นอย่างละเอียดในรถพบยาบ้า 350,000 เม็ด ซุกซ่อนในกระเป๋าเดินทางสีดำ จำนวน 2 ใบ

          เบื้องต้นผู้ต้องหาที่บาดเจ็บเล็กน้อย ทราบชื่อคือ นายนิรันคร์ ชัยวิริยานุรักษ์ อายุ 26 ปี รับสารภาพว่า เป็นชาวเขาเผ่าม้ง อ.เวียงแก่น ได้เดินทางไปรับยาบ้าจาก อ.แม่สรวย (แม่-สวย) และเตรียมขนไปยังกรุงเทพฯ โดยอ้อมด่านตรวจบนถนนสายหลักมาในพื้นที่ อ.ป่าแดด เพื่อออกไปยัง จ.พะเยา และมาพบด่านตรวจจึงขับหลบหนีจนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งขยายผลเป็นการเร่งด่วนแล้ว


ไอเอ็นเอ็น
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)