ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่อง "หมา"  (อ่าน 2095 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
เรื่อง "หมา"
« เมื่อ: มิถุนายน 09, 2013, 11:16:03 am »
สำหรับท่านใดที่เรื่องราวน่าสนใจ ที่เกี่ยวกับหมา  นำมาลงกันได้ จะได้รวบรวมไว้กระทู้เดียว  ไม่ต้องไปหาข้อมูลหลายๆกระทู้ครับ


.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่อง "หมา"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2013, 11:16:45 am »
จะรู้ได้อย่างไรว่า สุนัขยอมเป็นเพื่อนกับเราแล้วจริง ๆ
-http://pet.kapook.com/view62577.html-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

        การทำความรู้จักกับสุนัขใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายอย่างที่ใคร ๆ คิด โดยเฉพาะคนที่รับสุนัขที่โตแล้วมาดูแล เนื่องจากสุนัขเหล่านั้นต้องพบเจอกับปัญหาต่าง ๆ มามากมาย อาจจะต้องใช้เวลามากกว่าที่คิด แต่ถ้าหากสามารถผ่านพ้นจุดนั้นไปได้ สุนัขที่เคยเราเป็นแค่คนแปลกหน้าก็จะกลายเป็นเพื่อนสนิทที่แสนจะซื่อสัตย์ของเราในทันที ซึ่งเจ้าของสามารถสังเกตได้จากสัญญาณต่อไปนี้


1. จดจำชื่อตัวเองได้

        ไม่ว่าในขณะนั้นสุนัขจะอยู่ตรงไหนหรือกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม หากได้ยินชื่ของตัวเองก็จะเกิดปฏิกิริยาตอบสนองในทันที โดยการหยุดนิ่ง มองหาที่มาของเสียง หรือสบตากับคนที่เรียกชื่อ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเรียกซ้ำเลยแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งปฏิกิริยาแบบนี้ยังเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับคนที่กำลังคิดจะเริ่มต้นฝึกทักษะต่าง ๆ ให้กับสุนัขของตัวเองด้วย

 2. เดินมาหาคนเรียก

        เมื่อเจ้าของหรือคนอื่น ๆ เรียกชื่อก็จะวิ่งไปทางต้นเสียงทันทีโดยไม่รีรอ พร้อมกับท่าทางและสายตาที่เป็นมิตร ไม่มีเสียงข่มขู่หรือท่าทางหวาดกลัวใด ๆ ให้เห็นนอกจากนี้ยังสามารถเล่นจับตัวลูบหัวได้อย่างเป็นกันเอง ทั้งนี้ถ้าหากสุนัขยังมีท่าทางดังกล่าวอยู่เจ้าของอาจจะต้องให้เวลากับสุนัขได้ปรับตัวอีกสักนิด เพราะหากกดดันมากเกินไปอาจจะทำให้สุนัขเครียด และดุร้ายขึ้นได้

 3. อยู่ข้างกายไม่เคยห่าง

        สำหรับสุนัขที่ฝึกจนเชื่องแล้วก็จะพยายามเอาตัวเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ กับเจ้าของตลอดเวลา และไม่ว่าเจ้าของจะเดินไปไหนมาไหนก็มักคอยเดินตามอยู่ไม่ห่าง หรือหากไม่เห็นตัวก็ขอแค่ได้กลิ่นของเจ้าของก็ทำให้สุนัขรู้สึกสบายใจได้แล้ว

 4. สนิมสนมกับทุกคนรอบตัว

        นอกจากจะสนิมสนมและทำความรู้จักกับเจ้าของเรียบร้อยแล้ว สุนัขจะเริ่มเชื่อมความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกภายในครอบครัว เพื่อน ๆ หรือคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องก็ตาม นอกจากนี้ในเวลาที่เจ้าของพาออกไปตามสถานที่ต่าง ๆ อย่างเช่น บ้านญาติ หรือสวนสาธารณะ ก็จะนิ่งเฉยไม่แสดงอาการตื่นคนหรือหวาดกลัวใด ๆ อย่างที่เคยเป็น

        ลองสังเกตกันดูนะคะว่าสุนัขของตัวเองมีสัญญาณที่กล่าวกันไปบ้างหรือเปล่า ถ้าหากมีอยู่บ้างก็แสดงว่าสุนัขเปิดใจยอมรับในตัวเจ้าของและพร้อมจะเป็นเพื่อนที่แสนดีที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเจ้าของตลอดไปแล้วล่ะ 


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่อง "หมา"
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2013, 11:21:22 am »
10 สุนัขพันธุ์ดุ ตามสายพันธุ์
-http://pet.kapook.com/view63317.html-





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก themost10.com

           ความฉลาด น่ารัก และสดใสของเจ้าตูบสี่ขา กลายเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ใครต่อใครหลงรักไม่ยาก เพราะนอกจากจะเป็นสัตว์เลี้ยงอันแสนวิเศษของผู้คนมานานนับศตวรรษแล้ว ยังเป็นได้ทั้งเพื่อนที่ดีและยามผู้ซื่อสัตย์ด้วย แต่เวลาที่สุนัขอยู่ในอารมณ์หงุดหงิด ถูกทำร้าย หรือต้องการปกป้องเจ้านาย เจ้าสี่ขาเหล่านี้ก็พร้อมจะแลกด้วยชีวิต โดยเฉพาะสุนัข 10 สายพันธุ์ที่เว็บไซต์ themost10.com ได้จัดอันดับว่าดุที่สุดตามสายพันธุ์ จะมีพันธุ์ไหนบ้างนั้น ตามมาดูกันเลย...
 



1. อเมริกันพิทบูล เทอร์เรีย (American Pit Bull Terrier)

            แค่เพียงได้ยินชื่อก็ทำให้หลายคนออกอาการหวาดกลัวไปตาม ๆ กัน เพราะข่าวคราวของสุนัขพันธุ์นี้ไม่ค่อยจะมีดีสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ พิทบูลก็พร้อมจะเข้าจู่โจมได้ตลอด แถมจัดการเหยื่อให้อยู่หมัดภายในเวลาไม่กี่นาที ซึ่งสัญชาตญาณความโหดร้ายพัฒนามาจากการผสมข้ามสายพันธุ์ ทำให้มีนิสัยดุร้าย ร่างกายของพิทบูลแข็งแรงและทรงพลังกว่าสุนัขทั่วไป ทั้งกล้ามเนื้อและฟันกราม แถมยังว่องไวปราดเปรียว มีความอดทนเป็นเลิศไม่หวั่นไหว แม้บาดแผลจะลึกฉกรรจ์ แต่ทั้งนี้หากพิทบูลกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงของใครแล้ว พิทบูลก็จะจงรักภักดีกับเจ้านายไปจนวันตายเลยล่ะ



2. ร็อตไวเลอร์ (Rottweilers)

           สุนัขสัญชาติเยอรมนีที่มีความโดดเด่นในเรื่องการต่อสู้ โจมตี และพละกำลังที่เหลือล้นด้วยร่างกายที่กำยำแข็งแรง ซึ่งเมื่อถึงวัยเจริญเติบโตเต็มที่อาจมีน้ำหนักมากถึง 50 กิโลกรัมเลยทีเดียว ฉะนั้นหากเหยื่ออยู่ใต้กรงเล็บแล้วแทบจะไม่มีโอกาสรอดเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เหยื่อต่อสู้ดิ้นรน ร็อตไวเลอร์ก็จะยิ่งขบกรามสะบัดเขี้ยวจนกว่าจะแน่นิ่งและขาดอากาศหายใจในที่สุด แต่เนื่องจากเป็นสุนัขที่ฉลาดและมีความจำที่ดี ดังนั้นในหลายประเทศจึงนิยมนำมาเลี้ยงพร้อมกับฝึกฝนเพื่อใช้ในการคุ้มกัน



3. เยอรมันเชพเพิร์ด (German Shepherd)

           ลักษณะเด่นของสุนัขพันธุ์นี้ไม่ได้อยู่ที่ร่างกายอันสง่างามและทรงภูมิเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ในขณะเดียวกันหน้าตาก็ยังน่ารักบวกกับความกระตือรือร้นตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา นี่ยังไม่รวมถึงความคิดที่ชาญฉลาด และความมั่นใจที่เต็มเปี่ยมพร้อมลุยทุกสถานการณ์ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่ามีคนนิยมนำเยอรมันเชพเพิร์ดไปฝึกฝนอยู่บ่อยครั้ง จนได้สมญานามว่า สุนัขอารักขา



4. บ็อกเซอร์ (Boxer)

           ถึงแม้ในเวลาปกติอาจจะดูร่าเริง น่ารัก ขี้เล่น ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใด แต่ก็ไม่ควรแหย่หรือทำให้บ็อกเซอร์โกรธเกรี้ยวเลยเชียว โดยเฉพาะคนที่ไม่สนิทสนมกับพวกมันมาก่อน กับในเวลาที่อยู่รวมกันเป็นฝูง นิสัยจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที โดยพร้อมจะโจมตีคู่ต่อสู้ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ในบริเวณอาณาเขตที่คุ้นเคย หรือต่างสถานที่ก็ตาม



5. ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian husky)

           พื้นเพเดิมของไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นสัตว์เลี้ยงของเผ่าชัคชิที่อาศัยอยู่บริเวณทางตะวันออกของประเทศรัสเซียซึ่งเป็นแถบที่มีอากาศหนาวจัด ดังนั้นชาวเมืองจึงจำเป็นต้องฝึกฝนไซบีเรียน ฮัสกี้ ให้มีร่างกายแข็งแรง เพื่อทนต่อความเหน็บหนาวได้ดี มีความอดทนเมื่อต้องเดินทางไกล และความดุร้ายสำหรับใช้ประโยชน์ในการล่าอาหารจนกลายเป็นสัญชาตญาณที่ถูกส่งต่อกันมารุ่นต่อรุ่น แต่ตอนนี้ไซบีเรียน ฮัสกี้ ได้กลายเป็นสุนัขคู่ใจของใครหลายคนไปแล้ว ด้วยหน้าตาที่น่ารัก นิสัยที่ขี้เล่นนั่นเอง



6. อลาสกา มาลามิว ( Alaskan Malamutes)

           หน้าตาของอลาสกา มาลามิว หากดูเผิน ๆ จะเห็นว่ามีคลายคลึงกับไซบีเรียน ฮัสกี้ มาก ๆ แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งสองสายพันธุ์แตกต่างกันก็คือ อลาสกา มาลามิว มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ และไม่สามารถฝึกฝนให้โจมตีหรือล่าเหยื่อได้เหมือนกับไซบีเรียน ฮัสกี้ แต่เมื่อก็ตามที่รู้สึกหงุดหงิดหรือเบื่อก็จะแสดงความก้าวร้าวออกมาได้ เพราะฉะนั้นเจ้าของจำเป็นจะต้องฝึกให้สุนัขอารมณ์ดี ด้วยการพาไปออกกำลังกาย และดูแลเอาใจใส่ด้วยความรักอยู่เสมอ




7. โดเบอร์แมน พินเชอร์ (Doberman Pinschers)

           เรียกกันสั้น ๆ ว่า โดเบอร์แมนเป็นสาพันธุ์สุนัขที่นิยมเลี้ยงเอาไว้สำหรับป้องกันและระวังภัย ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของความจงรักภักดีต่อเจ้านายเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีความสามารถเป็นเลิศทั้งในเรื่องของความฉลาดและความกระตือรือร้น ซึ่งสุนัขพันธุ์นี้จะแสดงความดุร้ายออกมาต่อเมื่อโดนกระตุ้นอารมณ์หรือเห็นว่าคนที่รักถูกทำร้ายเท่านั้น




8. เชา เชา (Chow chow)

           ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าขนฟูหน้าตาแนวอาตี๋อย่างเชา เชา จะมีนิสัยดุร้ายแฝงอยู่ในตัว โดยเฉพาะในเวลาที่มีคนแปลกหน้าเดินเข้าใกล้เจ้านายอันเป็นที่รักยิ่ง ถูกทำให้ตกใจ หรือโดนแกล้ง ก็พร้อมที่จะต่อสู้ในทันที หรืออาจแสดงท่าทีก้าวร้าวอย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน ฉะนั้น ควรเข้าหาอย่างถูกวิธี และเล่นด้วยความสุภาพจะดีกว่า




9. พรีซา คานาริโอ (Presa Canario)

           เพียงแค่เห็นหน้าก็รู้ถึงนิสัยและความน่าเกรงขามได้เป็นอย่างดี ความดุร้ายสืบเนื่องมาจากในช่วงศตวรรษ18 มีการนำพรีซา คานาริโอ ไปฝึก เพื่อนำมาใช้เป็นเครื่องมือช่วยต่อสู้ในช่วงสงคราม จากเหตุการณ์ครั้งนั้นยังทำให้ร่างกายมีการพัฒนาให้แข็งแกร่งและมีความอดทนพร้อมตั้งรับและจู่โจม เมื่อมีคนแปลกหน้าหรือศัตรูเข้ามาใกล้



10. ดัลเมเชี่ยน (Dalmatian)

           ความน่ารักน่าชังของดัลเมเชี่ยนในภาพยนตร์หรือการ์ตูน ทำให้ผู้คนทั่วโลกหลงรักเจ้าสุนัขพันธุ์นี้ แต่ในความเป็นจริงสุนัขสายพันธุ์นี้ก็มีความดุร้ายแอบแฝงอยู่ตามสายพันธุ์เช่นเดียวกัน ซึ่งจะแสดงออกมาในเวลาที่เจ้าของหรือมีสมาชิกโดนทำร้ายก็จะตอบโต้ไปตามสัญชาตญาณ แต่ในเวลาปกติดัลเมเชี่ยนจะเป็นเพียงแค่สุนัขที่ซื่อสัตย์ ฉลาด และพร้อมผูกมิตรกับทุกคน

           แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าสุนัขหน้าตาน่ารักดูไม่มีพิษภัยกับใครจะติดอันดับเข้ามาด้วย ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของสุนัขแต่ละตัวด้วย หากถูกเลี้ยงอย่างถูกวิธี เจ้าตูบที่อยู่ในสายพันธุ์ดุ ก็อาจเป็นแค่น้องหมาน่ารัก ๆ ที่พร้อมจะเป็นเพื่อนสี่ขานิสัยดี ขี้เล่น ไม่ต่างจากสายพันธุ์อื่น ๆ เลยล่ะ





คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่อง "หมา"
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2013, 11:37:40 am »
กาบัง สุนัขฮีโร่ เดินทางกลับถึงฟิลิปปินส์แล้ว
-http://pet.kapook.com/view64106.html-






เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Jedwin M. Llobrera

          กาบัง สุนัขฮีโร่แห่งฟิลิปปินส์ เดินทางกลับถึงฟิลิปปินส์แล้ว ท่ามกลางคนจำนวนมากที่มารอต้อนรับ พร้อมเตรียมบินตรงกลับไปหาเจ้าของที่เมืองแซมโบแองกา

          เป็นเวลานานถึง 8 เดือนหลังจากที่ เจ้ากาบัง สุนัขฮีโร่จากฟิลิปปินส์ ได้เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในสหรัฐฯ หลังจากที่มันแสดงความกล้าหาญ กระโดดให้รถชนเพื่อช่วยชีวิตเด็ก 2 คนจนจมูกและกรามส่วนแหว่ง และในตอนนี้ เจ้ากาบังก็ได้เดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดของมันแล้ว

          โดยในช่วงเช้าของที่ 8 มิถุนายน 2556 เว็บไซต์แรพเพลอร์ มีรายงานว่า เจ้ากาบัง สุนัขพันธุ์ผสมเพศเมีย ได้เดินทางกลับมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติ นินอย อคิวโน พร้อมกับนายแพทย์แอนตัน มาริ เอช ลิม สัตว์แทพย์ของมันแล้ว ท่ามกลางสื่อมวลชนและประชาชนจำนวนมากที่มารอต้อนรับ และหลังจากนี้มันก็จะถูกพาบินตรงต่อไปยัง เมืองแซมโบแองกา เพื่อพบกับเจ้าของมัน ขณะที่ชาวเมืองแซมโบแองกา ก็ได้เตรียมจัดพิธีต้อนรับเจ้ากาบังอย่างยิ่งใหญ่ ในวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายนนี้

          ทั้งนี้ เจ้ากาบังได้กลายมาเป็นที่รู้จักและกลายที่รักของคนทั้งโลก เมื่อมันได้เสี่ยชีวิตเข้าไปช่วยเหลือบุตรสาวและหลานสาวของผู้เป็นเจ้าของให้รอดพ้นจากการถูกจักรยานยนต์เฉี่ยวชน เมื่อช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2554 ซึ่งผลที่ตามมาคือมันได้รับบาดเจ็บสาหัส และสูญเสียงจมูกรวมทั้งกรามส่วนบนไป ทว่า ประชาชนและหน่วยงานหลายแห่งก็ได้ร่วมกันยื่นมือให้ความช่วยเหลือ ด้วยการส่งตัวกาบังไปรักษายังสหรัฐฯ


-------------------------------------------------


ทึ่ง! กาบัง สุนัขฟิลิปปินส์โดดให้รถชนแทนเด็ก จนตัวเองจมูกแหว่ง
-http://pet.kapook.com/view48344.html-










เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก dogster.com , เฟซบุ๊ก Care For Kabang

          ว่ากันว่าสุนัขเป็นสัตว์แสนรู้ที่ยกให้เป็นเพื่อนแท้ของมนุษย์เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากมันจะซื่อสัตย์ และเข้าใจภาษาท่าทางของเจ้าของแล้ว หลายครั้งสุนัขยังช่วยเหลือมนุษย์ได้อย่างน่าทึ่ง และเจ้า "กาบัง" สุนัขเพศเมียจากฟิลิปปินส์ตัวนี้ ก็คงเป็นหนึ่งในนั้น เพราะมันถึงขั้นช่วยชีวิตเด็กหญิง 2 คนให้รอดพ้นจากเหตุรถชน จนตัวมันเองถูกรถบดจมูกแหว่งไปอย่างที่เห็น และกลายเป็นสุนัขฮีโร่ที่โด่งดังไปทั่วโลกเมื่อเร็ว ๆ นี้ รวมถึงในไทย ก็มีหลายคนหยิบยกเรื่องราวของมันมาพูดถึงหลายเดือนแล้วเช่นกัน แต่ก็ยังไม่แพร่หลายนัก วันนี้เราจึงขอนำเรื่องราวของมันมาฝาก ให้อีกหลายคนที่ยังไม่รู้จักได้รู้จักมันไปพร้อม ๆ กันค่ะ

          เหตุการณ์ที่ทำให้เจ้ากาบัง กลายเป็นฮีโร่ของคนทั่วโลก เกิดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่เมืองแซมโบนกาของฟิลิปปินส์ โดยในวันนั้น เด็กหญิงวัย 11 ขวบ และ 3 ขวบคู่หนึ่ง  กำลังเดินจับมือกันข้ามถนนพร้อมกับเจ้ากาบังซึ่งเป็นสุนัขที่บ้าน แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น เมื่อมีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วไม่ยั้ง มุ่งตรงมายังทิศทางที่เด็ก 2 คนเดินอยู่ ทันใดนั้นเอง เจ้ากาบังก็กระโดดเขาขวางรถทันที ทำให้จมูกของมันเข้าไปติดในซี่ล้อรถ จากนั้น นายรูดี้ บังกัล พ่อของเด็กหญิง ซึ่งเป็นเจ้าของเจ้ากาบัง ก็เข้าไปช่วยเอาจมูกที่ยับเยินของมันออกจากซี่ล้อรถ ก่อนที่เจ้ากาบังจะวิ่งหนีไปจากที่เกิดเหตุ



 หลังจากวันนั้น เจ้ากาบังก็หายไปนานถึง 2 สัปดาห์ จึงกลับมาบ้านอีกครั้ง นายรูดี้จึงนำตัวมันส่งโรงพยาบาลสัตว์ ในวันนั้น สัตวแพทย์ได้ขอทำการุณยฆาตให้มัน เพื่อให้มันหลุดพ้นจากความทรมาน แต่นายรูดี้ขอให้รักษาชีวิตมันเอาไว้ และไม่น่าเชื่อว่า เจ้ากาบังจะมีอาการดีขึ้นอย่างน่าทึ่ง

          อย่างไรก็ดี หลังจากเรื่องราวของเจ้ากาบังถูกถ่ายทอดไปยังสื่อต่าง ๆ เจ้ากาบังก็ได้รับความช่วยเหลือจากองค์การความร่วมมือเพื่อสวัสดิภาพสัตว์ในการเปิดรับบริจาคเงินช่วยเหลือ ซึ่งก็มีผู้บริจาคเข้ามาช่วยเหลือเจ้ากาบังเป็นจำนวนมาก และล่าสุด เจ้ากาบังก็กำลังจะเดินทางไปยังสหรัฐฯ เพื่อทำการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ และทำศัลยกรรมซ่อมแซมจมูกที่หายไป เพื่อให้มันกลับมามีชีวิตใหม่ สามารถกินอาหาร และใช้ปากคาบสิ่งต่าง ๆ ได้ดังเดิม

          ก็นับว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความซื่อสัตย์และแสนรู้ของสุนัขที่น่าทึ่งอีกเรื่องหนึ่ง ที่เชื่อว่าน่าจะทำให้หลาย ๆ คนซึ้งไปตาม ๆ กันเลยทีเดียว


http://pet.kapook.com/view48344.html

.

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)