ผู้เขียน หัวข้อ: เตือนใจ ให้ระมัดระวังและเป็นอุทาหรณ์ เพื่อป้องกันตนเองสำหรับผู้หญิง  (อ่าน 45177 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
นศ.สาว โดนแท็กซี่ลวนลาม โทรแจ้ง 1584 เจอย้อนถามทำยังไงให้เขาจับ

-http://hilight.kapook.com/view/98974-




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้

          3 นักศึกษาสาว ถูกลุงแท็กซี่หื่นลวนลามด้วยการจับขา ถ่ายรูปเจ้าตัวเอาไว้ได้ จึงโทรไปร้องเรียน 1584 กลับถูกตำหนิกลับมาว่าไปทำยังไงให้เขาจับ

          วันที่ 7 มีนาคม 2557 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ นำเสนอข่าว 3 นักศึกษาสาว ขึ้นรถแท็กซี่สีฟ้า หมายเลขทะเบียน ชพ 9610 เพื่อจะไปยังอาคารมาลีนนท์ แต่กลับถูกคนขับรถแท็กซี่ซึ่งเป็นชายมีอายุ พยายามจะลวนลาม และเอื้อมมือมาจับขาของนักศึกษาสาวทั้ง 3 คน จึงถ่ายรูปคนขับรถเอาไว้ได้แล้วขอลงจากรถ โดยขณะที่จ่ายเงินก็ยังถูกลวนลามด้วยการจับมือซ้ำอีก

          ทั้งนี้ นักศึกษาจึงโทรไปร้องเรียนที่ สายด่วน 1584 แต่กลับถูกโอเปอเรเตอร์ถามกลับมาว่า ไปทำอย่างไรให้เขาจับ ไปพูดกวนอะไรเขาก่อนหรือเปล่า จึงมีการแจ้งข่าวมายังรายการเรื่องเล่าเช้านี้แทน


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

-http://morning-news.bectero.com/social-crime/07-Mar-14/13249-


สุกิจ เกษมดวงจิตต์ แท็กซี่ลวนลามนักศึกษาสาว ถูกจับแล้ว

-http://hilight.kapook.com/view/99033-




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด

          สุกิจ เกษมดวงจิตต์ แท็กซี่ลวนลามนักศึกษาสาว ถูกจับแล้ว และตำรวจแจ้งระงับใบอนุญาตขับรถสาธารณะ นายสุกิจ เกษมดวงจิตต์ แล้ว

          เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2557 หลังจากที่เกิดกรณี 3 นักศึกษาสาวขึ้นรถแท็กซี่ เพื่อไปยังอาคารมาลีนนท์ แต่กลับถูกชายสูงอายุลวนลามพยายามจะจับขา จากนั้นนักศึกษาคนนั้นจึงถ่ายรูปเอาไว้และลงจากรถ และขณะที่จ่ายเงินยังถูกจับมือซ้ำอีก เมื่อแจ้งไปยังสายด่วน 1584 กลับถูกถามว่า ไปทำอย่างไรให้เขาจับ ไปพูดกวนอะไรเขาก่อนหรือเปล่า

          ต่อมาผู้เสียหายทั้ง 3 คนและตำรวจ ได้เดินทางไปแจ้งความและสามารถหาตัวคนขับแท็กซี่คันดังกล่าวมาสอบสวนได้แล้ว หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย และถอนใบอนุญาตขับรถรับจ้างสาธารณะ

          ล่าสุด ตำรวจจับคนขับแท็กซี่คันดังกล่าวได้แล้ว คือ นายสุกิจ เกษมดวงจิตต์ อยู่บ้านเลขที่ 807/1 ตึก 7 อาคารเอื้ออาทร โครงการ 14 บางปู  ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวมาส่งที่ สภ.สำโรงเหนือ และทางผู้เสียหายได้มาชี้ตัวยืนยันว่าแท็กซี่เป็นคนกระทำผิดจริง เบื้องต้นจะมีโทษในข้อหาอนาจาร จำคุกไม่เกิน 10 ปี

          จากการตรวจสอบใบอนุญาตของ นายสุกิจ เกษมดวงจิตต์ ปรากฏว่า นายสุกิจได้รับอนุญาตขับรถประเภทชนิดที่ 2 หมดอายุเมื่อ 29 สิงหาคม 2556 และนายสุกิจได้ไปขอต่อใบอนุญาตที่สำนักงานขนส่งจังหวัดสมุทรปราการ จึงมีการแจ้งระงับใบอนุญาตขับรถเอาไว้




อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU5ESTJPVFF5T0E9PQ==&subcatid=-
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
บุกจับ อาจารย์การเวก หมอมนตร์ดำหลอกสาวร่วมประเวณี

-http://hilight.kapook.com/view/99319-






เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด

          อาจารย์การเวก เทพหน้าทอง มอญแปลงรูป หรือ นายธนวรรณ อัศวพลสุวรรณ ถูกตำรวจบุกจับพร้อมทลายสำนักไสยศาสตร์มนตร์ดำ หลังพบหลอกลวงชาวบ้าน และยังบังคับให้หญิงสาวร่วมประเวณีให้ดูด้วย

          วันที่ 14 มีนาคม 2557 นางปวีณา หงสกุล และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้บุกเข้าไปยังสำนักอาจารย์การเวก หมู่บ้านพรธิสาร 6 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อจับกุมตัว นายธนวรรณ อัศวพลสุวรรณ อายุ 43 ปี หรือที่รู้จักกันในชื่อ "อาจารย์การเวก เทพหน้าทอง มอญแปลงรูป" ซึ่งอ้างตัวเป็นหมอไสยศาสตร์ที่มีการเลี้ยงผีผูกมนตร์เทวดา โดยจะใช้พลังมนตร์ดำคุ้มครองให้ร่ำรวย และมีคนรักคนหลง โดยเรียกค่าครูเป็นทรัพย์สินเงินทอง

          ทั้งนี้ น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 22 ปี เล่าว่า ตนเองมีปัญหาสุขภาพ และสามีก็เริ่มทำตัวห่างเหิน จึงไม่รู้จะทำอย่างไร พอได้เห็นสำนักอาจารย์การเวกในอินเทอร์เน็ต จึงหลงเชื่อและเดินทางไปและพบคนมากมายมานั่งรอ พอถึงคิวตนก็ได้พูดคุยในห้องสลัว ๆ โดยให้ตนเองไปซื้อทองคำเพื่อมาใส่หุ่น โดยอ้างว่าจะทำให้มีพลัง และให้ตนเองถวายเงินพร้อมกับบังคับให้ร่วมประเวณีโดยอ้างว่าจะทำให้ขลังมากขึ้น ต่อมาก็ส่งรูปโป๊เปลือยมาให้ดูและเรียกเงินอยู่หลายครั้ง แต่อาการป่วยของตนก็ไม่ดีขึ้น และยังต้องเลิกกับสามีด้วย

          ต่อมา น.ส.บี กับผู้เสียหายอีก 6 คน โดนหลอกในลักษณะเดียวกัน จึงรวมตัวกันเข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าจับกุม เพราะไม่อยากให้ใครโดนหลอกอีก ซึ่งทราบว่ามีคนถูกหลอกอีกจำนวนมากแต่ไม่อยากทำอะไรเพราะอับอายและกลัวอันตราย

          อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว อาจารย์การเวก พร้อมพวกอีก 5 คน และแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน พร้อมทั้งนำตัวไปดำเนินคดี


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU5EYzRPRFU1Tnc9PQ==&subcatid=-



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 15, 2014, 07:35:56 am โดย sithiphong »
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
เรื่องจริงของสาวซดน้ำยาล้างห้องน้ำประชดรัก 4 ปี กับความทุกข์ทรมาน

-http://hilight.kapook.com/view/99302-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก คุณหมอหมีผู้เหี้ยมโหด

          เรื่องจริงของหญิงสาวที่ซดน้ำยาล้างห้องน้ำหวังฆ่าตัวตายประชดคนรัก ที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับสภาพร่างกายที่กลืนอาหารไม่ได้ ผ่าตัดหลายต่อหลายครั้ง อยู่กับสภาพร่างกายที่บอบช้ำเป็นเวลากว่า 4 ปี

          เวลาที่เราได้ยินข่าวหญิงสาวซดน้ำยาล้างห้องน้ำหวังฆ่าตัวตายประชดชีวิตที่ไม่ได้ดังใจ แม้ว่าสุดท้ายหมอจะช่วยล้างท้องให้จนรอดชีวิต แต่ข่าวก็จบแต่เพียงแค่นั้น เราแทบไม่เคยรู้เลยว่า ผู้ที่กลืนกินน้ำยาล้างห้องน้ำลงไปนั้นได้รับความทุกข์ทรมานจากพิษของน้ำยาล้างห้องน้ำมากมายขนาดไหน และมีชีวิตอยู่ในสภาพเช่นไร

          คุณหมอหมีผู้เหี้ยมโหด ได้นำชีวิตจริงของ "ส้ม" หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นคนไข้ของคุณหมอ มาบอกเล่าไว้ในเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้ที่คิดจะซดน้ำยาล้างห้องน้ำประชดใครก็ตามด้วยอารมณ์ชั่ววูบได้รับรู้ เพราะถึงแม้จะรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ความทุกข์ทรมานที่ต้องเผชิญกับชีวิตที่เหลืออยู่ก็ไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็นเลย

          อย่าง "น้องส้ม" เอง ได้รับความเจ็บปวดจากการที่น้ำยาล้างห้องน้ำไปกัดกร่อนเนื้อเยื่อในหลอดอาหารและกระเพาะจนไหม้ดำ ทำให้เธอไม่สามารถกลืนอาหาร หรือแม้แต่บ้วนน้ำลายได้อีกต่อไป ทุกครั้งที่มีน้ำลายก็ต้องบ้วนทิ้ง เวลาอยากทานอาหารอร่อย ๆ เธอก็จะซื้อมาเคี้ยวให้ลิ้นได้รับรู้รสชาติ ก่อนจะตัดใจคายทิ้ง และหลังจากนั้น เธอต้องเข้ารับการผ่าตัดอีกหลายครั้ง จนร่างกายบอบช้ำอย่างหนัก กระทั่งมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด และสิ้นลมอย่างสงบ

          ลองอ่านเรื่องจริงที่เกิดขึ้น และแชร์บอกต่อ ๆ กัน เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจไม่ให้ใครต้องเผชิญความทุกข์เหมือนกับ "น้องส้ม" เป็นคนต่อไป

         น้ำยาล้างห้องน้ำ เวลาสี่ปี กับหญิงสาวที่ชื่อส้ม โดย หมอหมีผู้เหี้ยมโหด

          "น้องส้มลองเขียนหนังสือดูไหมครับ พี่รู้จักสำนักพิมพ์อยู่หลายที่"

          …คำพูดของผมที่พยายามให้กำลังใจ "น้องส้ม" คนไข้คนหนึ่งของผมให้ลุกขึ้นมาเขียนเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเอง แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาบ่งบอกถึงความไม่มั่นใจตัวเองอย่างเช่นเคย

          "หนูเขียนไม่ได้หรอกค่ะหมอ ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง"

          …ไม่เป็นไรครับส้ม วันนี้พี่เขียนให้ส้มเองครับ...

          ย้อนกลับไปเมื่อสี่ปีที่แล้ว ตอนที่ผมเพิ่งเข้ามาเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางศัลยกรรม หญิงสาวสวยคนหนึ่งวัย 25 ปี มีปากเสียงทะเลาะกับแฟนหนุ่มด้วยเรื่องที่เธอไม่เคยเปิดเผยให้ใครฟัง การทะเลาะครั้งนั้นลงเอยที่ห้องน้ำของเธอ

          ส้มตัดสินใจทำสิ่งที่เธอต้องย้อนมองกลับมาเสียใจภายหลัง ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำยี่ห้อดังสีม่วงเข้าไป...

          แม้ความแสบร้อนของน้ำยาที่ดื่มเข้าไปจะทรมานสักแค่ไหน แต่ก็ไม่เท่ากับความทุกข์ในใจของเธอ ส้มฝืนทนกลืนน้ำยาล้างห้องน้ำเข้าไปหลายอึกด้วยความเสียใจคิดประชดแฟนหนุ่ม

          น้ำยาล้างห้องน้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่าง ทำร้ายร่างกายของเธอจนบอบช้ำ กัดกร่อนเนื้อเยื่อตั้งแต่ช่องปาก หลอดอาหารจนถึงกระเพาะ สร้างความเจ็บปวดแสบร้อนในอกตลอดระยะทางที่เธอถูกนำส่งโรงพยาบาล

          เมื่อถึงโรงพยาบาลกระบวนการช่วยชีวิตต่าง ๆ สามารถช่วยให้สัญญาณชีพของเธอคงที่ ปลอดภัยเพียงพอที่จะส่งตัวไปส่องกล้องเพื่อตรวจดูความรุนแรงของการบาดเจ็บในหลอดอาหารและกระเพาะ

          จากการส่องกล้องเข้าไปดู เนื้อเยื่อในหลอดอาหารและกระเพาะถูกน้ำยาล้างห้องน้ำกัดกร่อนจนไหม้ดำ แต่ยังไม่มีลักษณะที่บ่งชี้ว่าทะลุ จึงให้การรักษาแบบประคับประคอง รอเวลาให้ร่างกายแข็งแรงฟื้นตัวเพื่อการผ่าตัดรักษาในภายหลัง

          แม้การอักเสบของหลอดอาหารและกระเพาะเริ่มดีขึ้น หลอดอาหารที่เคยทำหน้าที่ส่งผ่านอาหารจากปากลงสู่กระเพาะ ก็มีอาการตีบจากพังผืดซึ่งเป็นผลพวงของการอักเสบ แค่การกลืนน้ำลายยังเป็นความลำบากในชีวิตของเธอ ต้องคอยบ้วนน้ำลายทิ้งตลอดเวลา การกลืนอาหารที่ง่ายดายสำหรับคนธรรมดาอย่างเราก็กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเธอ ทำให้ต้องรับอาหารเหลวทางสายยางที่ต่อตรงเข้าสู่ลำไส้เล็ก เฝ้ารอความหวังว่าการผ่าตัดจะช่วยให้เธอกลับมาเป็นหญิงสาวที่ร่าเริงตามเดิม

          เมื่อออกจากโรงพยาบาลไป เธอก็ยังพยายามใช้ชีวิตของหญิงสาววัยรุ่นตามปกติ ไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ และลิ้มลองรสชาติอาหาร แม้จะไม่สามารถกลืนได้เพราะหลอดอาหารตีบ น้องส้มก็ใช้วิธีเคี้ยวเพื่อรับรู้รสชาติแสนอร่อย ก่อนที่จะคายทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย

          จนเมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือน เธอได้เข้ารับการผ่าตัด เพื่อนำเอาหลอดอาหารที่ตีบตันและใช้งานไม่ได้ออกทั้งหมด รวมถึงกระเพาะอาหารที่โดนเผาไหม้จากน้ำยาล้างห้องน้ำ และตัดส่วนลำไส้ใหญ่โยกย้าย ผ่านทางช่องในทรวงอกขึ้นมาต่อที่คอ เพื่อทำงานทดแทนหลอดอาหารเดิม...และมีชีวิตอย่างเช่นคนปกติ

          หลังผ่าตัดเธอนอนพักฟื้นในห้องผู้ป่วยวิกฤต หรือ ICU อยู่นานเป็นสัปดาห์ มีปัญหาเรื่องหายใจเองไม่ได้ ต้องหายใจผ่านท่อช่วยหายใจที่ต่อกับเครื่องอยู่นาน จนต้องทำการเจาะคอเพื่อให้หายใจทางคอได้

          แต่ความฝันทุกอย่างที่จะกลับมามีชีวิตปกติก็มาพังทลายลง เมื่อลำไส้ใหญ่ที่โยกย้ายขึ้นมาต่อที่คอ กลับมีการตีบและรั่วเนื่องจากสภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง มีภาวะขาดสารอาหาร และมีการติดเชื้อร่วมด้วย

          พลังชีวิตวัยสาวของเธอถูกใช้ไปอย่างมากมาย เพื่อให้เธอรอดชีวิตจากภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด แม้จะรุนแรงและอันตราย แต่ด้วยความที่ยังมีอายุน้อย ร่างกายสามารถต่อสู้กับภาวะที่วิกฤตเช่นนี้จนผ่านมันมาได้ แต่สภาพร่างกายก็ทรุดโทรมซูบผอมลง ต้องหายใจทางรูเจาะคอ ไม่สามารถกลืนอาหารได้ เพราะลำไส้ใหญ่ที่โยกย้ายขึ้นมาต่อที่คอตีบตันไปหมดแล้ว ต้องได้รับอาหารทางสายยางให้อาหารที่ท้องอยู่เป็นหลัก

          ซ้ำร้ายยิ่งกว่า เมื่อน้องส้มมีของเหลวปนอาหารไหลซึมออกมาที่รูแผลหน้าท้องแห่งใหม่ คาดว่าเกิดจากลำไส้เล็กอีกแห่งหนึ่งที่รั่วจนเกิดทางเชื่อมต่อที่หน้าท้อง ของเหลวปนอาหารเหล่านี้ไหลซึมออกมาทางแผลที่หน้าท้องตลอดเวลาจนทำให้ผิวหนังรอบ ๆ แดงแสบ ต้องเอาถุงครอบลำไส้มาปิดเอาไว้เพื่อกักเก็บของเหลวเหล่านี้

          ด้วยเหตุนี้เธอจึงต้องนอนโรงพยาบาลยาวนานนับปี เพื่อรักษารูรั่วจากลำไส้ที่หน้าท้อง และให้น้ำและสารอาหารทางเส้นเลือด

          ภาพคุ้นตาที่พวกเรามักจะเห็น คือ หญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่ง ยิ้มร่าเริง เดินไปมาทักทายหมอและพยาบาลทุกคนในหอผู้ป่วย เพราะสนิทและคุ้นเคยกันมานาน น้องส้มมักจะซื้ออาหารที่เธอชอบ เช่น พิซซ่า ซาซิมิปลาแซลมอน และไก่ทอด KFC มารับประทานด้วยการเคี้ยวรับรสชาติแล้วคายทิ้ง

          ผมชักชวนเธอหลายต่อหลายครั้งให้เขียนหนังสือในระหว่างที่นอนโรงพยาบาล บอกเล่าเหตุการณ์ในชีวิตของเธอ เพื่อเตือนใจคนอีกหลายคนบนโลกใบนี้ถึงความร้ายกาจของน้ำยาล้างห้องน้ำ ผมแอดเฟซบุ๊กและไลน์ของน้องส้มเพื่อกระตุ้นบอกให้เธอเขียนหนังสือเล่าเรื่อง แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ น้องส้มได้แต่ตอบผมเสมอว่า ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเขียนอย่างไรดี

          ตลอดมาช่วงเวลาที่น้องส้มนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ผมเคยเห็นเพื่อนของน้องส้มมาเยี่ยมเยียนไม่บ่อยนัก แต่คนที่มาเยี่ยมน้องส้มอย่างสม่ำเสมอที่สุด คือคุณแม่ของเธอ

          น้องส้มผ่านการผ่าตัดซ่อมแซมลำไส้อีกหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อตัดส่วนลำไส้ที่รั่วมีปัญหาอันเดิมออกไป ก็จะมีลำไส้รั่วใหม่เกิดขึ้นทุกครั้ง จนล่าสุดการผ่าตัดไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกต่อไป

          ภายในช่องท้องที่ผ่านการผ่าตัดมาหลายต่อหลายครั้ง เกิดผังพืดรัดลำไส้ทุกส่วน จนไม่สามารถแยกได้ว่าส่วนใดต่อกับส่วนใด คล้ายกับสายยางที่คดพันไปมาอย่างคาดเดาไม่ได้ ยิ่งพยายามจะแยกก็ยิ่งมีเลือดออก ครั้งนี้มีส่วนของลำไส้ที่รั่วออกมา ทำให้ของเหลวปนอาหารบางส่วนรั่วออกมาอยู่ในท้อง ทำให้เธอติดเชื้อในกระแสเลือดอีกครั้ง

          …และมันก็เป็นการติดเชื้อครั้งสุดท้าย ร่างกายที่ทรุดโทรมลง พลังชีวิตทั้งหมดถูกใช้ไปจนหมด การติดเชื้อทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ร่างกายของเธอร้อนดุจไฟด้วยไข้ที่ไม่เคยลดลง

          วันหนึ่งที่ผมเข้าห้องผ่าตัดอยู่ เธอส่งข้อความมาหาผมว่า เธอปวดมาก อยากได้ยาแก้ปวดแบบฉีด ซึ่งผมก็สั่งยาให้เธอตามที่ร้องขอ คาดว่าอาการติดเชื้อในช่องท้องเริ่มเป็นมากขึ้น ยาแก้ปวดช่วยบรรเทาอาการของเธอได้บ้างแต่ก็ไม่ทั้งหมด เย็นวันนั้นเธอส่งข้อความในไลน์มาหาผมอีกครั้ง ขึ้นบนจอมือถือแบบที่สามารถอ่านได้แม้จะไม่ต้องกดเข้าไปอ่านก็ตาม



          " …หนูเครียดอยากกลับบ้าน"

เรื่องจริงของสาวซดน้ำยาล้างห้องน้ำประชดรัก กับความทุกข์ทรมานก่อนสิ้นลม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก คุณหมอหมีผู้เหี้ยมโหด

          ข้อความสุดท้ายที่น้องส้มส่งมาหาผม เหมือนเป็นนัยที่สื่อถึงเหตุการณ์ที่จะตามมาภายหลัง ผมไม่เคยกดเปิดอ่านข้อความนี้เลย อาจเพราะผมสามารถอ่านได้จาก Preview อยู่แล้ว หรือเพราะความสงสารน้องส้มจนไม่อยากเปิดอ่านข้อความ ผมเองก็ยังไม่แน่ใจ

          ร่างกายที่บอบช้ำ ผ่านการผ่าตัดมาหลายต่อหลายครั้ง ลมหายใจที่รวยรินอ่อนแรง กับหัวใจดวงหนึ่งที่ต่อสู้มาตลอดสี่ปี กำลังอ่อนล้าจนเต้นไม่เป็นจังหวะ บีบสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วทั้งร่างอย่างสุดกำลัง เพื่อจะประคองความดันโลหิตที่กำลังลดต่ำลงทุกขณะนาที จนในที่สุดคืนนั้นหัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอก็หยุดนิ่ง น้องส้มได้หลับพักผ่อนจากการต่อสู้อันยาวนานหลายปี

          ...น้องส้มถูกรับตัวกลับบ้านอย่างสงบในวันต่อมา ไม่เจ็บปวดและทุกข์ทรมานอีกต่อไป

          ผมนำเรื่องนี้มาถ่ายทอดแทนน้องส้มผู้ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเขียนอย่างไร เพื่อบอกเล่าถึงความร้ายกาจของการกลืนกินน้ำยาล้างห้องน้ำ และความทุกข์ทรมานของหญิงสาวคนหนึ่งที่ต้องเผชิญมาตลอดระยะเวลาสี่ปี หลังจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดไปเพียงชั่ววูบ

          หากคุณพบคนรู้จักของคุณคิดตัดสินใจผิดพลาดแบบน้องส้ม โปรดอย่าทำให้อาเจียน เพราะจะทำให้น้ำยาล้างห้องน้ำไหลย้อนกลับมากัดกร่อนและเสี่ยงต่อการสำลักลงปอด อย่าให้ดื่มน้ำ, นม หรือไข่ขาวใด ๆ รีบล้างทำความสะอาดคราบน้ำยาบนเสื้อผ้าและลำตัว แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที

          และหากบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับใครสักคน ได้โปรด "แชร์" บทความนี้ออกไป เพื่อเตือนใจใครหลาย ๆ คนเหล่านั้นไม่ให้ตัดสินใจผิดอย่างเช่นน้องส้มอีกเลย
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
เชอร์รี่แอน คดีเหยื่ออยุติธรรม รอยด่างพร้อยของวงการตำรวจไทย

-http://hilight.kapook.com/view/99535-






เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

            เชอร์รี่แอน ดันแคน จากคดีสะเทือนขวัญช็อกคนไทย สู่การจับแพะรับบาป และรอยด่างพร้อยในวงการตำรวจ

            หากย้อนไปเมื่อในช่วงปี 2529 คดีการหายตัวไปของนางสาว เชอร์รี่แอน ดันแคน ดูจะเป็นที่สนอกสนใจของผู้คนในสมัยนั้น เนื่องจากเป็นการฆาตกรรมเด็กสาวลูกครึ่งผู้บริสุทธิ์อย่างเลือดเย็น นำไปสู่การจับกุม 5 ผู้ต้องหาที่ชาวบ้านร่วมประณามให้นำไปประหารชีวิต แต่แล้วคดีกลับพลิก !!! เมื่อพบว่าผู้ต้องหาที่ตำรวจจับกุมมานั้น เป็นผู้บริสุทธิ์ พวกเขาเป็นเพียงแพะรับบาปที่ต้องมารับโทษจากสิ่งที่ไม่ได้ก่อ ซ้ำร้ายสภาพหลังออกจากคุกยังน่าเวทนา บางคนติดโรคร้ายจนเสียชีวิต จนทำให้คดีนี้ กลายมาเป็นคดีแพะรับบาปชิ้นใหญ่ และกลายเป็นตราบาปครั้งสำคัญของวงการตำรวจไทย วันนี้ กระปุกดอทคอม จะมาย้อนรอยคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ เชอร์รี่แอน กันค่ะ

            ในช่วงเย็นของวันที่ 22 กรกฎาคม 2529 น.ส.เชอร์รี่แอน ดันแคน เด็กสาวลูกครึ่งไทย-สหรัฐอเมริกา วัย 16 ปี ได้ขึ้นรถแท็กซี่ที่หน้าโรงเรียนพระกุมารเยซูวิทยา ซอยสุขุมวิท 101 เพื่อกลับบ้าน แต่เธอเองกลับหายตัวไปอย่างลึกลับ สร้างความกังวลใจให้ครอบครัวเป็นอย่างมาก จนต้องไปแจ้งความคนหายไว้กับตำรวจ

            กระทั่งวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 นางสงัดกับนางสายหยุด ศรีเมือง ชาวบ้านในละแวกตำบลบางปูใหม่ จ.สมุทรปราการ ได้ไปช่วยกันจับปูแถวป่าชายเลนเพื่อนำไปขาย แต่ปรากฏว่า ในวันนั้นทั้งสองคนเจอศพของผู้หญิงคนหนึ่งในร่องน้ำบริเวณป่าชายเลน ทั้งสองคนจึงรีบไปแจ้งความกับตำรวจ สภอ.สมุทรปราการ ซึ่งในตอนแรกตำรวจคาดว่าอาจเป็นสาวโรงงานในละแวกนั้น แต่เมื่อสืบไปสืบมากลับพบว่า ศพของหญิงสาวคนนั้น คือ น.ส.เชอร์รี่แอน ดันแคน
   
            เมื่อตำรวจเริ่มสืบสวน จึงมีการคาดการณ์ว่า น.ส.เชอร์รี่แอน ถูกฆาตกรรมอย่างเลือดเย็น โดยการบีบคอ และสภาพศพนั้นไม่พบบาดแผลใด ๆ ตำรวจจึงเริ่มสอบสวน มิสเตอร์โจ และนางกลอยใจ ดันแคน พ่อแม่ของ น.ส.เชอร์รี่แอน ก่อนจะสอบสวน นายวินัย ชัยพานิช เจ้าของธุรกิจก่อสร้าง ซึ่งเป็นผู้ให้การอุปการะ น.ส.เชอร์รี่แอน

            ทั้งนี้ จากการสอบสวนเพื่อนสนิทของ น.ส.เชอร์รี่แอน เจ้าหน้าที่ก็พบว่า น.ส.เชอร์รี่แอน ได้เดินขึ้นแท็กซี่ที่มาจอดรับเธอหน้าโรงเรียน แต่ไม่มีใครจำรูปพรรณสัณฐานและทะเบียนของแท็กซี่ได้เลย ทำให้ตำรวจได้รับความกดดันอย่างหนัก เนื่องจากหาหลักฐานและพยานไม่ได้ ขณะที่หนังสือพิมพ์ในขณะนั้นก็กัดข่าวนี้ไม่ปล่อย เพราะเป็นคดีสะเทือนขวัญที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากประชาชน ตำรวจจึงต้องเร่งปิดคดีให้เร็วที่สุด

            ทีมสอบสวนใช้เวลาประมาณ 1 เดือนในการสืบคดี ก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ โดยมีพยานปากสำคัญคือ นายประเมิน โพชพลัด สามล้อรับจ้างที่ได้เข้ามาให้การว่า วันเกิดเหตุเห็นนายวินัย ชัยพานิช และพรรคพวก ได้แก่ นายรุ่งเฉลิม กนกชวาลชัย, นายพิทักษ์ ค้าขาย, นายกระแสร์ พลอยกลุ่ม, นายธวัช กิจประยูร ทั้งหมดเป็นลูกน้องของนายวินัย ได้ลงมาจากรถแท็กซี่ โดยที่นายรุ่งเฉลิม และนายพิทักษ์ กำลังประคองเหยื่อออกมาในสภาพสลบ ส่วนนายวินัย นายกระแสร์ นายธวัช เดินตามมาข้างหลัง ตนจึงเข้าไปถามว่า มีอะไรให้ช่วยหรือไม่ แต่ทั้งหมดก็ปฏิเสธ ซึ่งเมื่อนายประเมินได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ ก็เริ่มจำได้ เพราะเด็กผู้หญิงที่ถูกประคองนั้นหน้าตาสวยเป็นลูกครึ่ง เขาจึงเดินทางมาเพื่อเป็นพยานในคดีนี้

            จากปากคำของนายประเมิน คนขับสามล้อรับจ้าง ก็ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยทั้ง 5 คนโดยทันที ในวันที่ 21 สิงหาคม 2529 พร้อมกับแถลงข่าวการจับกุม ซึ่งเมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ก็มีเสียงเรียกร้องจากประชาชนให้ประหารชีวิตฆาตกรกลุ่มนี้ เพราะมีพฤติกรรมที่โหดร้าย

            และเมื่อคดีเข้าสู่กระบวนการพิจารณา นายวินัยกลับถูกปล่อยตัวออกมา ในวันที่  6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2529 เนื่องจากอัยการพิจารณาแล้วว่า หลักฐานและสำนวนนั้นอ่อนเกินไป ส่วนจำเลยที่เหลือ ได้แก่ นายรุ่งเฉลิม กนกชวาลชัย, นายพิทักษ์ ค้าขาย, นายกระแสร์ พลอยกลุ่ม, นายธวัช กิจประยูร ถูกศาลชั้นต้นสั่งตัดสินประหารชีวิต

            ทั้งนี้ จำเลยทั้ง 4 คน ได้อุทธรณ์คำพิพากษาต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการ และศาลอุทธรณ์ได้รับไว้พิจารณา แต่ระหว่างที่พวกเขาถูกคุมขังอยู่นั้น พวกเขากลับต้องเจอสภาพที่เลวร้ายภายในคุก ทั้งการทุบตีทำร้ายจากเจ้าหน้าที่ สุขอนามัย โรคระบาด และทำให้นายรุ่งเฉลิม กนกชวาลชัย เสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2534 ขณะที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำบางขวาง ระหว่างที่รอศาลอุทธรณ์พิจารณาคดี

            ต่อมานายวินัย และญาติพี่น้องของผู้เสียหาย ได้รวมตัวกันร้องเรียน พล.ต.อ.เภา สารสิน อธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น เพื่อขอความเป็นธรรม จึงมีการมอบหมายให้กองปราบปรามเร่งสืบคดีนี้ รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดที่ตำรวจเจ้าของคดีมองข้าม มาร่วมสืบสวนใหม่ รวมทั้งภายหลังได้มีการสืบทราบว่า นายประเมิน คนขับรถสามล้อที่ให้การเป็นพยานว่าเห็นกลุ่มคนร้ายประคองผู้ตายออกมานั้น แท้จริงแล้วคือพยานเท็จที่ได้รับการว่าจ้างจากตำรวจ สภอ.เมืองสมุทรปราการ มาในราคา 500 บาท

            จากข้อมูลการสืบสวนใหม่ ก็ทำให้ในวันที่ 21 มกราคม 2535 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้อง นายพิทักษ์ ค้าขาย, นายกระแสร์ พลอยกลุ่ม, นายธวัช กิจประยูร แต่ให้ขังไว้พิจารณาขณะที่คดีอยู่ในศาลฎีกา และวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2536 ศาลฎีกาได้พิจารณาแล้วยืนคำสั่งตามศาลชั้นอุทธรณ์ สั่งยกฟ้องคดีดังกล่าว จึงทำให้นายพิทักษ์ ค้าขาย, นายกระแสร์ พลอยกลุ่ม, นายธวัช กิจประยูร ถูกปล่อยตัวออกมารับอิสรภาพ หลังจากที่ทั้ง 3 คนต้องเป็นแพะรับบาปชดใช้กรรมในคุกมาเนิ่นนาน

            อย่างไรก็ตาม อิสรภาพที่พวกเขาแลกมา ก็มาพร้อมกับความขมขื่น เพราะนายพิทักษ์ ค้าขาย เสียชีวิตเมื่อปลายปี พ.ศ. 2536 หลังจากที่ติดโรคร้ายมาจากในคุก ขณะที่นายธวัช กิจประยูร เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งไม่นานหลังจากนั้น

            ส่วนนายกระแสร์ พลอยกลุ่ม ผู้เหลือรอดจากคดีนี้เพียงคนเดียว ได้ออกมาเล่าให้ฟังว่า ชีวิตหลังได้รับอิสรภาพของเขาก็เหมือนกับตายทั้งเป็น ในตอนนั้นเขาบอกกับตำรวจว่าไม่ได้ฆ่า แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ นักข่าวเองก็ประโคมข่าว ระหว่างที่อยู่ในคุกก็ถูกซ้อมเพื่อให้รับสารภาพ ถูกซ้อมจนกระดูกสันหลังร้าว ซึ่งในตอนนั้นเป็นช่วงที่รอให้ศาลชั้นต้นตัดสิน เมื่อศาลชั้นต้นตัดสินแล้วก็เข้าคุกเลย พอออกมากลับไปหาฟิล์มเอกซเรย์ก็ไม่มี หมอก็หาย เวลาเดินเร็ว ๆ ก็ไม่ได้ นอนหงายก็ไม่ได้ ก่อนที่ตนจะเข้าคุกไปก็มีครอบครัว มีภรรยา ลูกชายและลูกสาวอย่างละ 1 คน แต่ในระหว่างที่อยู่ในคุกนั้น ภรรยาเองก็เครียดจนเสียชีวิต ส่วนลูกสาวก็ถูกฆ่าข่มขืน ทั้ง ๆ ที่ในตอนนั้นลูกสาวกำลังจะสอบชิงทุนไปเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น และพอออกมาจากคุกแล้ว ตำรวจกลับบอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของเวรกรรม

            จากนั้น ตำรวจจึงเริ่มสอบสวนคดีนี้ใหม่ทั้งหมด และมาทราบว่า นายวินัย ชัยพานิช หรือ เสี่ยแจ็ค ซึ่งในขณะนั้นมีภรรยาคือ น.ส.สุวิบูลย์ หรือ กุ้ง ที่อยู่ด้วยกันแต่ไม่ได้แต่งงานกัน โดยนายวินัยเองเป็นคนที่เจ้าชู้ เมื่อมาพบกับ น.ส.เชอร์รี่แอน ก็รู้สึกหลงใหลได้ปลื้ม และแอบเลี้ยง น.ส.เชอร์รี่แอน เอาไว้อย่างลับ ๆ โดยความยินยอมของคุณแม่ของ น.ส.เชอร์รี่แอน เนื่องจากคุณแม่ของ น.ส.เชอร์รี่แอน ทนไม่ได้ที่พ่อมีพฤติกรรมในเชิงชู้สาวกับลูกหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะตอนเมา
   
            จากนั้น ตำรวจได้เข้ารื้อคดีเชอร์รี่แอนขึ้นมาใหม่ โดยสืบเสาะจากนิสัยเจ้าชู้ของนายวินัย และเริ่มแกะรอยคู่ขาแต่ละคนของนายวินัยไปเรื่อย ๆ จนสามารถจับกุมฆาตกรคือ นายสมัคร ธูปบูชาการ ได้เป็นรายแรก และนายสมัคร ก็ได้ซักทอดไปถึงทีมสังหารและผู้บงการ ได้แก่

            นางสาวสุวิบูลย์ พัฒน์พานิช ภรรยาของนายวินัย (ผู้บงการ)
            นายสมใจ บุญญฤทธิ์ (ผู้รู้เห็น)
            นายสมพงษ์ บุญญฤทธิ์ (ผู้ลงมือ)
            นายสมัคร ธูปบูชาการ (ผู้ลงมือ)
            นายพีระ ว่องไววุฒิ (ผู้รู้เห็น)

            ทั้งนี้ คดีนี้ได้ถูกไขไปสู่ความกระจ่าง เมื่อตำรวจผู้สืบคดีนี้ใหม่ ได้รู้ว่า น.ส.สุวิบูลย์ หรือ กุ้ง ภรรยาของนายวินัย เกิดอาการหึงหวง น.ส.เชอร์รี่แอน ที่นายวินัยเลี้ยงเอาไว้ จึงสั่งลูกน้องให้ไปฆ่า น.ส.เชอร์รี่แอน นายสมพงษ์และนายสมใจเอง ก็มีความสนิทสนมกับ น.ส.เชอร์รี่แอน จึงได้ให้นายพีระ ว่องไววุฒิ โชเฟอร์มรณะ ขับรถไปรับ น.ส.เชอร์รี่แอนที่โรงเรียน จากนั้นจึงใช้อุบายอ้างชื่อนายวินัย จน น.ส.เชอร์รี่แอน เชื่อสนิท แล้วจึงหลอกขับรถไปที่บางปู ระหว่างทางเมื่อ น.ส.เชอร์รี่แอน พบความผิดปกติ ก็พยายามขัดขืน กลุ่มฆาตกรจึงบีบคอเธอจนหมดสติ และนำร่างไปทิ้งไว้ที่ร่องน้ำจนจมน้ำตาย ก่อนที่จะพบศพในอีก 2 วันต่อมา

            จากนั้น ในอีก 2 ปีต่อมา วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2540 ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งประหารชีวิต นางสาวสุวิบูลย์ พัฒน์พานิช ผู้จ้างวาน รวมทั้งนายสมพงษ์ บุญญฤทธิ์ และนายสมัคร ธูปบูชาการ และศาลอุุทธรณ์ได้พิจารณายืนตามศาลชั้นต้น แต่ในชั้นศาลฎีกานั้น นางสาวสุวิบูลย์ ถูกตัดสินให้ปล่อยตัว เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่มีประจักษ์พยานว่าเป็นผู้จ้างวาน ส่วนนายสมพงษ์และนายสมัครนั้น ถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากนายสมัคร ให้การรับสารภาพกับตำรวจในชั้นสอบสวนและจับกุม ขณะที่นายสมใจ ได้เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้แล้ว

            ส่วนฝั่งตำรวจ สภอ. เมืองสมุทรปราการ ที่สืบสวนคดีนี้และปั้นพยานเท็จนั้น ศาลตัดสินว่า นายตำรวจ 5 คน ทำไปตามหน้าที่ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นกับเรื่องนี้ มีเพียง พ.ต.ท.มงคล ศรีโพธิ์ รอง ผกก. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งให้ไล่ออกจากราชการ

            ในส่วนของผู้บริสุทธิ์นั้น ได้มีการต่อสู้เรียกร้องสิทธิ์ต่าง ๆ รวมแล้วกว่า 10 ปี ทั้งทางแพ่งและอาญา ซึ่งศาลแพ่งชั้นต้นได้พิพากษาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายในคดีนี้กว่า 26 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี รวมเป็น 38 ล้านบาท

            เบื้องต้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งใจจะอุทธรณ์คดี แต่ นายกระแสร์ พลอยกลุ่ม หนึ่งในแพะรับบาป ได้ยื่นหนังสือต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น เพื่อขอร้องไม่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติอุทธรณ์คดีดังกล่าว โดยในหนังสือขอความเป็นธรรมระบุว่า นายกระแสร์และพวกได้รับความเสียหายมาเป็นเวลานาน แต่กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือใด ๆ จากหน่วยงานราชการ ซึ่งคดีนี้มีข้อยุติแล้วว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ศาลแพ่งจึงได้มีคำสั่งพิพากษาให้ชดใช้เงิน เมื่อเทียบกับความเสียหายแล้วก็ไม่อาจคำนวณเป็นเงินได้ แต่ก็เพียงพอที่จะนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและครอบครัว จึงขอให้นายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาขอความเห็นใจและสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ยื่นอุทธรณ์ในคดีนี้

            ถือได้ว่าเรื่องนี้คืออีกหนึ่งบทเรียนของสังคมไทย และคดีนี้ได้กลายมาเป็นคดีตัวอย่างในการออก พ.ร.บ. ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 ในที่สุด


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
กทม. ครองแชมป์คดีข่มขืนมากที่สุด เหยื่อเด็กสุดวัยเพียง 1 ขวบ

-http://hilight.kapook.com/view/99583-




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          รายงานสถานการณ์ความรุนแรงทางเพศ ปี 2556 เผย กรุงเทพมหานคร ครองแชมป์คดีข่มขืนมากที่สุด รองลงมา จังหวัดชลบุรี สมุทรปราการ และนนทบุรี สลดพบเหยื่อเด็กสุดวัยเพียง 1 ขวบ และทุก ๆ 15 นาที จะมีเด็กและผู้หญิงถูกทำร้าย 1 คน

          เมื่อเวลา 09.00 น. ของวันนี้ (20 มีนาคม 2557) กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเวทีเสวนาเรื่อง รายงานสถานการณ์ความรุนแรงทางเพศ ปี 2556 โดยมีนางญาณี เลิศไกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กล่าวเปิดการสัมมนาว่า สถานการณ์ความรุนแรงทางเพศเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยในหลาย ๆ อย่าง เช่น ปัญหาทางครอบครัว ความเครียด โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้หญิงและเด็ก จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุข ในปี พ.ศ. 2556 เกิดการกระทำความรุนแรงจำนวน 31,866 ราย หรือเฉลี่ยทุก ๆ 15 นาที จะมีเด็กและผู้หญิงถูกทำร้าย 1 คน และที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด คือ เหยื่อเด็กหญิงถูกข่มขืนอายุน้อยที่สุดอายุเพียง 1 ขวบ 9 เดือน ส่วนอายุผู้ถูกกระทำที่มากที่สุด อายุ 85 ปี

          น.ส.จรีย์ ศรีสวัสดิ์ ฝ่ายส่งเสริมภาคีเครือข่าย มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เปิดเผยว่า จากการรวบรวมสถิติข่าวความรุนแรงทางเพศปี 2556 จากหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับ ได้แก่ ไทยรัฐ เดลินิวส์ ข่าวสด คมชัดลึก และมติชน พบว่า ข่าวการกระทำความรุนแรงทางเพศ มีทั้งหมด 169 ข่าว มีผู้ถูกกระทำความรุนแรงทางเพศทั้งสิ้น 223 ราย เสียชีวิต 29 ราย  โดย 1 ใน 3 มีอาการหวาดผวา ระแวง และซึมเศร้า ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับสถิติข่าวความรุนแรงทางเพศในปี 2554 พบว่า ปี 2556 มีจำนวนข่าวความรุนแรงทางเพศเพิ่มขึ้น สำหรับประเภทข่าวที่ครองแชมป์อันดับ 1 ยังคงเป็นข่าวข่มขืน รองลงมา ข่าวอนาจาร และข่าวพยายามข่มขืน โดยจังหวัดที่พบว่ามีคดีข่มขืนมากเป็นอันดับ 1 คือ กรุงเทพมหานคร รองลงมา จังหวัดชลบุรี สมุทรปราการ และ นนทบุรี

          โดยปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดความรุนแรงทางเพศ ได้แก่

          ร้อยละ 37.70 มาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
          ร้อยละ 24.50 มีปัญหาการควบคุมยับยั้งอารมณ์ทางเพศ
          ร้อยละ 20.80 ต้องการชิงทรัพย์

          อายุผู้ที่ถูกกระทำ ได้แก่

          ร้อยละ 35.10 อายุ 11-15 ปี
          ร้อยละ 22.00 อายุ 16-20 ปี
          ร้อยละ 10.10 อายุ 26–30 ปี

          ความสัมพันธ์ของผู้กระทำและผู้ถูกกระทำคือ

          ร้อยละ 47.50 เป็นคนแปลกหน้า
          ร้อยละ 41.80 เป็นคนรู้จักคุ้นเคยกัน
          ร้อยละ  05.60 เป็นคนในครอบครัว/เครือญาติ
          ร้อยละ  05.10 เป็นคนที่รู้จักผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก

          พบว่าเหยื่อที่ถูกกระทำมากที่สุด คือ

          ร้อยละ 59.20 นักเรียน/นักศึกษา
          ร้อยละ 06.60 เด็กเล็ก
          ร้อยละ 05.40 พนักงานบริษัท

          พบว่าผู้กระทำมากที่สุด คือ

          ร้อยละ 19.20 ลูกจ้าง/รับจ้าง
          ร้อยละ 14.30 ว่างงาน
          ร้อยละ 12.80 นักเรียน/นักศึกษา
          ร้อยละ 08.50 ครู/อาจารย์
          ร้อยละ 07.80 ขับรถตู้/รถแท็กซี่

          ในขณะที่ น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล  กล่าวว่าสำหรับปัญหาที่พบคือ กระบวนการส่วนใหญ่ยังปกป้องผู้กระทำ หลายกรณีเอาผิดไม่ได้ คดีล่าช้า การให้ยอมความหรือแม้กระทั่งผู้เสียหายเข้าแจ้งความแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบางที่อ้างเรื่องเหตุการณ์บ้านเมืองไม่ปกติบอกให้รอไว้ก่อน


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU5USTVOREV6TUE9PQ==&subcatid=-


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด


ศาลอินเดียสั่งประหารแก๊งทรชนรุมโทรมหญิงที่มุมไบ

*-http://www.dailynews.co.th/Content/foreign/228102/%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%9A-


ศาลเมืองมุมไบมีคำตัดสินให้ชาย 3 คนรับโทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ จากความผิดร่วมกันข่มขืนและทำร้ายร่างกายหญิงสาว 2 คนในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อปีที่แล้ว
วันเสาร์ 5 เมษายน 2557 เวลา 08:19 น.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ว่าศาลเมืองมุมไบมีคำพิพากษาเมื่อวันศุกร์ ให้ชาย 3 คนรับโทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ฐานเจตนาร่วมกันก่อเหตุร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราและทำร้ายร่างกายหญิงสาววัย 18 ปี เมื่อเดือนก.ค. ปีที่แล้ว

ทั้งนี้ ชายทั้ง 3 คนยังรวมอยู่ในกลุ่มผู้ต้องหา 5 คน ซึ่งก่อเหตุร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราและทำร้ายร่างกายหญิงสาววัย 22 ปี ในเมืองมุมไบ เมื่อเดือนส.ค ปีเดียวกัน ซึ่งศาลพิพากษาฎีกาแล้ว ให้ผู้ต้องหา 4 คนรับโทษแขวนคอประหารชีวิต ส่วนอีกคนซึ่งเป็นผู้เยาว์ให้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต

ประเด็นการล่วงละเมิดทางเพศต่อสตรีเป็นที่สนใจและจุดชนวนเรียกร้องให้เกิดการปรับแก้บทลงโทษตามกฎหมายให้รุนแรงสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต หลังเกิดเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์ 6 คนรุมข่มขืนและทำร้ายร่างกายนักศึกษาหญิงวัย 23 ปี บนรถประจำทางในกรุงนิวเดลี เมื่อเดือนธ.ค. 2555 ซึ่งศาลพิพากษาแล้วให้ผู้ต้องหา 4 คนรับโทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ขณะที่คนที่ 5 ซึ่งเป็นผู้เยาว์ให้รับโทษในสถานพินิจเป็นเวลา 3 ปี ส่วนอีกคนฆ่าตัวตายในเรือนจำ

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
รวบคนร้ายถีบรถนักศึกษาหญิงชิงทรัพย์ อ้างหาเงินเลี้ยงพ่อ

-http://hilight.kapook.com/view/100391-


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


               เจ้าหน้าที่บุกรวบคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ประกบรถนักศึกษาหญิงก่อนถีบรถล้ม เข้าชิงทรัพย์โทรศัพท์มือถือ อ้างหาเงินเลี้ยงพ่อป่วยอัมพฤกษ์

                  เมื่อเวลา 00.50 น. ของวันนี้ (6 เมษายน 2557) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ได้รับแจ้งจาก น.ส.ศศิประภา เหล่าจำปา อายุ 19 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ว่าถูกคนร้ายใช้กำลังทำร้ายเพื่อชิงทรัพย์โทรศัพท์มือถือ จึงรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า สีเขียว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดเสียอยู่ในซอยกังวาน 4 หน้าหอพักสงบสุขสบาย ซึ่งคาดว่าเป็นของคนร้ายที่จอดทิ้งไว้และหลบหนีเข้าไปในป่าละเมาะด้านหลังหอพัก
 
                  ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จึงได้ระดมกำลังเข้าค้นหาคนร้าย กระทั่งพบนายชาญณรงค์ ศรีตะ อายุ 25 ปี ที่หลบซ่อนตัวอยู่ จึงเข้าค้นตัวพบว่ามีโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย และเมื่อตรวจค้นรถจักรยานยนต์ของนายชาญณรงค์ ยังพบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง ตั๋วรับจำนำของโรงรับจำนำ 3 ใบ ใบเสร็จขายโทรศัพท์มือถือ 10 ใบ เครื่องชาร์ตไฟสำรอง 1 เครื่อง บัตรเอทีเอ็ม 6 ใบ

                   เบื้องต้นจากการสอบสวน ทราบว่า นายชาญณรงค์ ได้ใช้รถจักรยานยนต์ขับตระเวนไปในซอยเปลี่ยวและเมื่อพบผู้เสียหายซึ่งเป็นนักศึกษาหญิงขับรถจักรยานยนต์มาคนเดียว จึงขับรถเข้าประกบพร้อมกับใช้เท้าถีบผู้เสียหายจนล้มและเข้าตบตี ก่อนชิงทรัพย์สินในตัวไปทั้งหมด ซึ่งนายชาญณรงค์ มีพฤติกรรมดังกล่าวกับผู้เสียหายที่เป็นผู้หญิงที่เป็นนักศึกษาในเขต อ.เมืองขอนแก่นมาแล้วไม่น้อยกว่า 30 คน โดยนายชาญณรงค์อ้างว่าที่ทำไปเพื่อต้องการนำเงินไปรักษาพ่อที่ประสบอุบัติเหตุและเป็นอัมพฤกษ์
 
                  ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมนายชาญณรงค์ พร้อมของกลางทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น และแจ้งไปยังผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือที่คนร้ายขโมยมากว่า 30 ราย ให้มาดูตัวนายชาญณรงค์ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีนายชาญณรงค์ ในข้อหาลักทรัพย์ผู้อื่นต่อไป


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1396763296&grpid=03&catid=&subcatid=-

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
เล่นสงกรานต์ถูกลวนลาม "แจ้งเอาผิดตามกฎหมาย"ได้นะจ๊ะ

-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1397347921&grpid=03&catid=&subcatid=-

การออกไปเล่นน้ำสงกรานต์ในที่ต่างๆ แล้วโดนลวนลามทางร่างกาย ไม่ว่าจะกอด จูบ ลูบ คลำโดยเจ้าตัวไม่ได้ยินยอม ถือว่าเข้าข่ายความผิดฐานอนาจาร ตามประมวลกฎหมายอาญา ดังนี้

หากโดนกอด จูบ ลูบคลำ ตามร่างกาย โดนจับของลับ สามารถเอาผิด ตามมาตรา 278 "ผู้ใดกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นไม่อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถ ขัดขืนได้ หรือโดยทำให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นคนอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

แต่หากไกล่เกลี่ยลงตัว ผู้เสียหายยอมความ สามารถทำได้ ตามมาตรา 281 "การกระทำความผิดตาม มาตรา 276 วรรคแรก และ มาตรา 278 นั้น ถ้ามิได้เกิดต่อหน้าธารกำนัล ไม่เป็นเหตุให้ผู้ ถูกกระทำรับอันตรายสาหัสหรือ ถึงแก่ความตาย หรือมิได้เป็นการ กระทำแก่บุคคลดังระบุไว้ใน มาตรา 285 เป็นความผิดอันยอมความได้" และที่สำคัญผู้เสียหายต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีด้วย

ไม่ว่าเพศใดๆ ต้องรู้เท่าทันกฎหมาย เมื่อออกไปเล่นน้ำแล้วโดนลวนลามร่างกาย ต้องไม่ปล่อยเฉย จบด้วยคำขอโทษ หรือติดป้ายประจาน เพราะสามารถเอาผิดผู้กระทำตามกฎหมายได้ ชนิดติดคุกหัวโตนานนับ 10 ปีได้

คดีอนาจารไม่ใช่ปรับเงินเพียง 500 บาท แล้วปล่อยกลับบ้านเหมือนที่หลายคนเข้าใจ


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
คนร้ายสะกดรอยข่มขืนสาว หลังเล่นสงกรานต์พัทยา

-http://news.sanook.com/1556541/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2/-

นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

สาวกาฬสินธุ์เที่ยวเล่นวันไหลพัทยา หลังเลิกเล่นเดินทางกลับห้องพักถูกคนร้านสะกดรอยตามยันห้องข่มขืนยับ

วันนี้ (19 เม.ย.) เมื่อเวลา 02.00 น. พ.ต.ท. สุชาติ แย้มศักดิ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจาก น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ชาว จ.กาฬสินธุ์ ว่าได้ถูกคนร้ายเป็นชาย อายุประมาณ 25-30 ปี ใช้กำลังขู่บังคับขืนใจจนสำเร็จความใคร่ เหตุเกิดที่อพาร์ทเม้น แห่งหนึ่งในซอยหมู่บ้านร้อยหลัง หลังรับแจ้งจึงได้ทำการสอบสวน

จากการสอบสวน น.ส.เอ ให้การว่า ตนมาเที่ยวเล่นน้ำวันไหลพัทยาและนาเกลือ เล่นน้ำจนมาถึงบริเวณชายหาดพัทยา หลังจากเลิกเล่นแล้ว ตนกับเพื่อนก็แยกย้ายกันเดินทางกลับห้องพักที่ซอยร้อยหลัง โดยได้นั่งรถสองแถวกลับ หลังจากที่ลงรถ ก็เดินเข้าซอยเพื่อไปยังอพาร์ทเมนท์ ตนเดินขึ้นห้องพักที่ชั้น 3 เห็นคนร้ายเดินตามมา ซึ่งจำได้ว่าลงจากรถสองแถวมาด้วยกัน แต่คิดว่าน่าจะเป็นคนที่พักอยู่ที่เดียวกัน จึงไม่เอะใจอะไร

จนกระทั่งตนเดินจนถึงห้องพัก คนร้ายก็ยังคงเดินตามมาอยู่ เมื่อตนไขกุญแจเปิดห้อง คนร้ายได้ใช้มือผลักตนเข้าไปในห้องก่อนที่จะทำการบีบคอตนไม่ให้ส่งเสียงร้อง ก่อนจะลงมือข่มขืนตน ตนพยายามจะต่อสู้และร้องให้คนช่วย แต่ก็ไม่มีใครสนใจ ตนพยายามหลอกคนร้ายให้หยิบน้ำในตู้เย็น โดยแกล้งทำทีเป็นหิวน้ำ ก่อนจะใช้จังหวะที่คนร้ายหยิบน้ำ วิ่งหลบหนีแต่ไม่เป็นผล คนร้ายดึงรั้งกระชากตนจนล้มลงกับพื้น จนตนสู้แรงไม่ไหว จึงถูกคนร้ายข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ ก่อนจะโทรศัพท์แจ้งเพื่อนและเข้าแจ้งความดังกล่าว

ภายหลังจากการสอบสวนในเบื้องต้นแล้วเจ้าหน้าที่จึงได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานพร้อมทั้งส่งตัวไปทำการตรวจร่างกายที่ รพ.เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมก่อนที่จะประสานเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวเบาะแสจากที่เกิดเหตุหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก พัทยาเดลินิวส์


คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
รวบแล้ว! แฝดนรกถีบจยย.สาวท้อง 5 เดือน ลากข่มขืน

-http://news.sanook.com/1579355/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7-%E0%B9%81%E0%B8%9D%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%96%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%88%E0%B8%A2%E0%B8%A2.%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87-5-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%B7%E0%B8%99/-



นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

ขอขอบคุณภาพจากทวิตเตอร์คุณ @SuchatPK

จากกรณีที่วานนี้ (21 เม.ย.) หญิงสาวตั้งครรภ์ 5 เดือน สาวแคชเชียร์ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ถูกคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คน ขี่รถจยย.ตามประกบก่อนถีบรถจยย.ของเหยื่อจนล้มคว่ำขาซ้ายหัก และลากไปข่มขืนในป่าละเมาะข้างทาง แม้เหยื่อจะบอกว่าท้องก็ตาม หลังก่อเหตุได้ฉกเงินสดและโทรศัพท์มือถือไป เหตุเกิดบริเวณถนนใกล้กับวัดไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (22 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าฉัตรไชย อ.ถลาง จ.ภูเก็ต รวบตัวผู้ต้องหา 2 ราย อายุ 17 ปี เป็นฝาแฝดกัน จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าก่อเหตุจริง เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ไม่ได้ตั้งใจข่มขืน



----------------------------------------------

ไม่น่าเก็บไว้ ออกจากคุก ก็เป็นโจรต่ออีก

การกระทำ เกิดจากสันดานโดยแท้
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)