ผู้เขียน หัวข้อ: รวม เตือนภัย ที่ใกล้ตัว อย่าประมาท และเป็นความรู้การป้องกันตนเอง  (อ่าน 74907 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
พ่อปล่อยลูกเล่นตามลำพัง สุดท้ายพบสลบท้ายรถดับ 1 สาหัส 1
-http://hilight.kapook.com/view/89318-





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สปริงนิวส์

          โชเฟอร์แท็กซี่ผู้เป็นพ่อหัวใจสลายหลังนอนหลับพักเอาแรง แล้วปล่อยให้ลูกน้อย 2 คนเล่นตามลำพัง ตื่นมาไม่เจอลูก กระทั่ง พบลูกทั้งสองนอนแน่นิ่งที่ท้ายรถเก๋ง เบื้องต้นลูกคนโตขาดอากาศเสียชีวิต ส่วนคนน้องอาการโคม่า

          วานนี้ (2 สิงหาคม 2556)  เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ธรรมศาลา ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลธนบุรี 2 ถนนบรมราชชนนีว่าพบเด็กชาย 2 รายเข้ามารักษาตัวด้วยอาการสาหัส กระทั่งเสียชีวิต 1 ราย จึงรุดไปตรวจสอบ พบนายเจต (นามสมมติ) อายุ 27 ปี และนางสาวมะพร้าว (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ผู้เป็นบิดาและมารดาของเด็ก กำลังยืนเฝ้าศพของ เด็กชายนัท (นามสมมติ) วัย 4 ขวบ

          เบื้องต้น นายเจต ให้การทั้งน้ำตาว่า ตนเองมีอาชีพขับรถแท็กซี่ประจำอยู่ที่ขนส่งสายใต้ใหม่ ส่วนภรรยาทำงานเป็นพนักงานบัญชีที่บริษัทย่านตลิ่งชัน และมีลูกชาย 2 คน โดยผู้เสียชีวิตเป็นลูกชายคนโตอายุ 4 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ส่วนคนเล็กอายุ 3 ปี อยู่ชั้นเตรียมอนุบาลโรงเรียนเดียวกัน โดยปกติตนเองจะไปรับลูกที่โรงเรียนเป็นประจำและดูแลจนถึงช่วงเย็น

          นายเจต  กล่าวต่อว่า หลังจาก 6 โมงเย็นเป็นต้นไป ภรรยาจะรับช่วงดูแลลูก แล้วตนจึงออกไปขับรถแท็กซี่ แต่เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2556 ทางโรงเรียนแจ้งว่าต้องพาลูกชายคนโตไปร่วมกิจกรรมนอกโรงเรียน ส่วนน้องคนเล็กให้กลับบ้านได้ตั้งแต่ช่วงเที่ยง ตนจึงไปรับลูกกลับบ้านและอาบน้ำให้ลูกจนแล้วเสร็จ ก่อนจะปล่อยให้ไปเล่นภายในบ้านตามประสา ส่วนตนก็นอนหลับพักเอาแรง หลังจากนั้น ภรรยากลับมาถึงบ้านก็ไม่พบลูกชายแล้ว และภรรยาได้เรียกตนให้ตื่นขึ้นมาช่วยตามหาลูก แต่ก็ไม่พบ จึงตัดสินใจเอากุญแจรถเก๋งของตัวเอง มาลองไขที่ท้ายรถดู กลับพบว่าลูกทั้งสองนอนสลบอยู่ภายในท้ายรถ สภาพเหงื่อชุ่มกาย จึงรีบนำทั้งคู่ส่งโรงพยาบาล แต่น้องนัทขาดอากาศหายใจนานเกินไปจนเสียชีวิต ส่วนลูกคนเล็กยังอยู่ในการดูแลของแพทย์ที่ห้องฉุกเฉิน

         นายเจต กล่าวอีกว่า ตนคาดว่าลูก ๆ น่าจะมาวิ่งเล่นแถวรถ จากนั้นคนพี่คงไปเปิดฝากระโปรงท้ายจากด้านในรถ แล้วชักชวนน้องให้เข้าไปเล่นในฝากระโปรง ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ทำให้ทั้งคู่ดึงฝาท้ายลงมาปิดจนลงล็อกและเปิดออกมาไม่ได้ กระทั่งขาดอากาศหายใจจนทำเสียชีวิตดังกล่าว


 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
-http://www.dailynews.co.th/crime/223569-
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
นุ้ย สุจิรา ถูกตีนแมวงัดบ้านซ้ำ ด้านตำรวจชี้วงจรปิดถ่ายคนร้ายได้
-http://women.kapook.com/view67911.html-




รูปคนร้าย



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอบคุณภาพประกอบจาก Instagram nuisujiraa

          นุ้ย สุจิรา ซวยซ้ำซวยซ้อน ถูกโจรบุกงัดบ้านกวาดทรัพย์สินกว่า 40,000 บาท หลังเหตุถูกทุบรถไม่ถึง 6 เดือน ด้านตำรวจเผย ภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดชัดเจน น่าจะตามจับได้ไม่ยาก

          หลังจากที่ถึงคราวเคราะห์ โดนคนร้ายทุบเบนซ์ที่จอดไว้หน้าบ้านขโมยทรัพย์สินไปรอบหนึ่งแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ล่าสุดดาราสาว นุ้ย สุจิรา อรุณพิพัฒน์ วัย 31 ปี ก็ต้องโอดครวญอีกครั้งเมื่อล่าสุด ช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. ของวานนี้ (2 สิงหาคม 2556) ได้มีคนร้ายบุกเข้ามางัดบ้านของเธอที่ เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ ซ้ำอีกครั้ง

          และนั่นทำให้ นุ้ย สุจิรา ถึงกับออกมากรีดร้องผ่านอินสตราแกรม ว่า "กรี๊ด!!!!!ช่วงนี่มีเสน่ห์กับโจรเหลือเกินกุมภาโดนงัดรถ วันนี้!!!!!ตี2โดนงัดบ้านเข้ามาเอาทรัพย์สินอีกแล้วววววววววววววววมะไหวละน้าาาาาาาา" พร้อมกับโพสต์ภาพคนร้ายที่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกไว้ได้ด้วย

          โดย นุ้ย สุจิรา เผยถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า ในตอนนั้นคนร้ายปีนจากบ้านอีกหลัง หนึ่งลงมาที่บ้านตน และงัดเข้าทางประตูหลังบ้าน ก่อนจะรื้อค้นทรัพย์สินในบ้าน กวาดเงินสดไป 3 พันกว่าบาท รวมถึงไอแพดและบัตรเอทีเอ็ม รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 40,000 บาท จนกระทั่งช่วงเช้าคนในบ้านตื่นมาเห็นร่องรอยถูกรื้อค้น จึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ สน.โชคชัย ทันที

          อย่างไรก็ตาม นุ้ย สุจิรา เผยว่าบ้านหลังนี้ตนก็คงอยู่อีกไม่นาน เพราะหลังแต่งงานก็คงย้ายบ้านไป ขณะที่ทางตำรวจ หลังได้รับแจ้งเหตุก็ได้นำตู้แดงมาติดไว้หน้าบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีกแล้ว และจะเพิ่มสายตรวจให้มากขึ้นเพราะบริเวณย่านเสนานิคมเป็นซอยเปลี่ยวและเกิดเหตุบ่อยครั้ง ส่วนตัวเองก็รู้สึกตกใจ เนื่องจากเหตุลักทรัพย์บริเวณบ้านได้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ภายในระยะเวลาไม่ถึง 6 เดือน หลังจากนี้คงเตรียมติดเหล็กดัดเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการโจรกรรมทรัพย์สิน

          และคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เผยว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของบ้าน นุ้ย สุจิรา พบคนร้ายเป็นชายอายุไม่เกิน 25 ปี ซึ่งใช้มีดกรีดมุ้งลวดข้างประตูห้องครัว แล้วลอดตัวเข้าผ่านช่องเหล็กดัดเข้าไปในบ้าน โดยไม่ได้มีการเข้าไปทำร้ายร่างกายบิดาของ นุ้ย สุจิรา ซึ่งนอนอยู่ชั้นล่างของบ้านแต่อย่างใด โดยทางตำรวจระบุว่า ภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดค่อนข้างชัดเจน สามารถเห็นใบหน้าของคนร้าย จึงคาดว่า จะสามารถติดตามตัวคนร้ายได้ไม่ยาก และสันนิษฐานว่า คนร้ายอาจอยู่ใกล้เคียงบ้านของผู้เสียหาย

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ไอเอ็นเอ็น และ -http://www.siamdara.com/hotnews/130803_15011.html-





คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
รายการบางอ้อ ชวนไขปริศนา ไข่ถอนคุณไสย-พลังเหล็กไหล-มักกะลีผล
-http://drama.kapook.com/view67878.html-









เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการบางอ้อ โพสต์โดย คุณ jessadad สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

            เรื่องไสยศาสตร์ ถือเป็นความเชื่อที่อยู่คู่สังคมไทยมาช้านาน แต่บางครั้งสิ่งเหล่านั้นอาจพิสูจน์ได้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้น รายการบางอ้อ ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี จึงได้รวบรวมเรื่องราวความเชื่อ ที่ทำให้หลายคนต้องตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ มาตีแผ่ข้อเท็จจริง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ ซึ่งประกอบด้วย 3 เรื่อง ดังนี้


 เรื่องที่ 1 การใช้ไข่ไก่ถอนคุณไสย เพื่อให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ



            มีตำหนักทรงหลายแห่งที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อหลอกลวงทรัพย์สินจากประชาชน โดยอ้างว่าสามารถใช้ไข่ไก่ถอนคุณไสยที่ทำให้เจ็บป่วย จนผู้คนจำนวนมากหลงเชื่อ และคิดว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งตำหนักทรงเหล่านี้เริ่มขยายตัวเป็นธุรกิจมากขึ้น เห็นได้จากการที่ทุกอย่างมีค่าใช้จ่าย โดยผู้ที่แวะเวียนมาอย่างน้อยต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 300 บาท หากรวมค่ารักษาด้วย คิดเป็นเงินประมาณ 3,000-5,000 บาท ซึ่งในแต่ละวันจะมีชาวบ้านมารักษาอาการเจ็บป่วยไม่ต่ำกว่า 20 คน ทำให้รายรับในแต่ละเดือนไม่น่าจะต่ำกว่า 100,000 บาท





             สำหรับการรักษาโรค โดยนำไข่มาคลึงตามร่างกายเพื่อถอนคุณไสยนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ ซึ่งวิธีทำก็ไม่ยาก หากรู้เคล็ดลับในการทำให้ไข่อ่อนตัว หรือรู้วิธีการเจาะไข่ไก่ ก็สามารถใส่สิ่งแปลกปลอมเข้าไป ในไข่ได้อย่างง่ายดาย ด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สก็อตเทปใส เข็มฉีดยา คัตเตอร์ และสิ่งของ เช่น ตะปู เส้นผม สีผสมอาหาร เพื่อทำเลือดและน้ำหนองปลอม ส่วนขั้นตอนในการทำไข่ไก่ถอนคุณไสยมีดังนี้



            1. นำสก็อตเทปใสติดตรงไข่ไก่ในบริเวณที่จะเจาะรู



            2. นำหลอดเข็มฉีดยาขนาดใหญ่ดูดสีที่ผสมไว้ แล้วฉีดเข้าไปในไข่ หรือนำสิ่งของยัดลงไป



            3. ปิดรูที่เจาะไว้ด้วยน้ำตาเทียน แล้วเขียนลายอักขระทับลงไป เพียงเท่านี้ก็เสร็จแล้ว

บางอ้อแฉไสยศาสตร์ เสกตะปูเข้าไข่รักษาโรค
-http://www.youtube.com/watch?v=9lSyYjrswuE-

บางอ้อแฉไสยศาสตร์ เสกตะปูเข้าไข่รักษาโรค
คลิป บางอ้อแฉไสยศาสตร์ เสกตะปูเข้าไข่รักษาโรค : เครดิตรายการบางอ้อ
โพสต์โดย คุณ jessadad สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม


เรื่องที่ 2 การโชว์อานุภาพของเหล็กไหล ด้วยการจุ่มมือในน้ำกรด



            ทางรายการเล่าว่า วัดแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น อ้างว่า มีเครื่องรางของขลังศักดิ์สิทธิ์ เป็นเหล็กไหลอัคนีที่มีสรรพคุณคุ้มครอง แคล้วคลาด รวมถึงอานุภาพทำให้หนังเหนียว และหากใครอยากลอง ก็เพียงแค่ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วกำเหล็กไหลเอาไว้ในมือหนึ่งข้าง เพียงเท่านี้ก็สามารถจุ่มมือลงไปในน้ำกรดที่มีความรุนแรงขนาดทำให้ก้านไม้ขีดธรรมดาติดไฟได้ โดยไม่เป็นอันตรายใด ๆ



            ถึงแม้ว่า เรื่องดังกล่าวจะดูน่าอัศจรรย์ แต่แท้จริงแล้วสามารถอธิบายได้ด้วย หลักทางวิทยาศาสตร์ ซึ่ง ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ข้อสังเกตไว้ ดังนี้



            1. หากสำนักไหนโชว์อิทธิฤทธิ์ด้วยการจุ่มมือลงไปในกรด ที่เมื่อนำไปเทราดพื้นปูนแล้วกลายเป็นฟองฟู่ โดยที่มือไม่เป็นอะไรเลย แสดงว่า น้ำกรดดังกล่าวคือกรดไฮโดรคลอริกชนิดเจือจาง



            2. หากสำนักไหนโชว์จุ่มไม้ขีดไฟลงไปในน้ำกรด แล้วไม้ขีดเกิดติดไฟขึ้นมา แสดงว่า น้ำกรดดังกล่าวเป็นกรดซัลฟูริกเข้มข้น ซึ่งกรดชนิดนี้จะทำปฏิกิริยากับมือที่แห้งสนิทได้ยากกว่ากับผ้าหรือกระดาษ จึงเห็นได้ว่า เมื่อใช้มือจุ่มลงไปในน้ำกรด แล้วนำมาป้ายที่ผ้าชนิดต่าง ๆ จะทำให้ผ้ามีรอยไหม้สีดำและทะลุเป็นรู แต่ถ้ารีบล้างมือโดยเร็วก็จะไม่มีร่องรอยอะไรให้เห็นเลย

            ทั้งนี้ ทางรายการได้ย้ำว่า ถึงจะรู้ในหลักการดังกล่าวแล้ว แต่น้ำกรดถือเป็นสารอันตราย ดังนั้นจึงไม่ควรนำมาทดลองด้วยตนเองอย่างเด็ดขาด


บางอ้อแฉไสยศาสตร์ หนังเหนียวจุ่มน้ำกรด
-http://www.youtube.com/watch?v=GM_1hgvD1zk-

บางอ้อแฉไสยศาสตร์ หนังเหนียวจุ่มน้ำกรด
คลิป บางอ้อแฉไสยศาสตร์ หนังเหนียวจุ่มน้ำกรด : เครดิตรายการบางอ้อ
โพสต์โดย คุณ jessadad สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม



เรื่องที่ 3  ความเชื่อเรื่อง มักกะลีผล ช่วยให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง



            จากความเชื่อที่ว่า นารีผล หรือ มักกะลีผล เป็นผลไม้ในตำนาน มาจากดินแดนเร้นลับอย่างป่าหิมพานต์ ที่จะส่งผลให้การค้าขายเจริญรุ่งเรือง สมหวังในเรื่องความรัก และช่วยเรื่องหน้าที่การงาน จึงมีการนำมักกะลีผลมาทำเป็นเครื่องรางของขลัง หรือวัตถุมงคล เพื่อบูชาและจำหน่าย เป็นจำนวนมาก



            แต่การตามหามักกะลีผลนั้น ไม่ยากอย่างที่คิด เพราะมีวางขายอยู่ทั่วไป โดยแม่ค้ารายหนึ่ง เผยว่า จำหน่ายมักกะลีผลในราคา คู่ละ 800 บาท ซึ่งตนเองรับมักกะลีผลดังกล่าวมาจากต่างจังหวัดอีกทอดหนึ่ง หรือบางรายอ้างว่า มีการนำเข้ามาจากประเทศลาว และจากคำบอกเล่าต่าง ๆ เหล่านั้น ทำให้มักกะลีผล กลายเป็นวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยม จนมีวางขายเป็นจำนวนมากในขณะนี้



            อย่างไรก็ตาม ผศ.ดร.เจษฎา ได้วิเคราะห์ไว้ว่า มักรีผลที่วางขายอยู่ทั่วไป ตรงกลางเนื้อในจะมีแกนและแบ่งเป็นห้อง ๆ เหมือนพืชในกลุ่มบวบ ซึ่งเนื้อของบวบประกอบด้วยเส้นใยจำนวนมากจึงทำให้มีความคงทนแข็งแรง ทั้งนี้ เมื่อดูจากลักษณะภายนอกของมักกะลีผล คาดว่า น่าจะมีการทำแม่พิมพ์ขึ้นมา แล้วนำมาประกบกับผลบวบ ดูได้จากการที่มักรีผลมีแนวสันตามลำตัวชัดเจน

            หลังจากมีการใช้แม่พิมพ์ทำให้ผลบวบเจริญเติบโตตามรูปทรงที่ต้องการแล้ว จากนั้นจะมีการนำไปตากแห้ง หรืออบแห้ง ก่อนแกะสลักและลงสีอีกนิดหน่อยเพื่อเพิ่มความขลัง ซึ่งการใช้แม่พิมพ์ปรับเปลี่ยนรูปทรงของผลไม้หรือพืชนั้น ก็เป็นกรณีเดียวกับที่ในต่างประเทศ มีการทำแตงโมเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมนั่นเอง

            อย่างไรก็ดี ทางรายการได้สรุปไว้ว่า บางเรื่องอาจจะใช้หลักทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายได้ แต่บางเรื่องก็ยากเกินกว่าจะหาข้อพิสูจน์ ซึ่งสาเหตุที่รายการบางอ้อรวบรวมเรื่องศาสตร์ลวงโลกมาเปิดเผยในครั้งนี้ เพื่อให้เป็นอีกแง่มุมหนึ่ง ซึ่งผู้ชมจะได้ใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ และทำให้รู้เท่าทันพวกมิจฉาชีพนั่นเอง


บางอ้อแฉไสยศาสตร์ มักรีผล นารีผล หรือผลบวบ
-http://www.youtube.com/watch?v=pzq3Eh01sTM-

บางอ้อแฉไสยศาสตร์ มักรีผล นารีผล หรือผลบวบ
คลิป บางอ้อแฉไสยศาสตร์ มักกะลีผลนารีผล หรือผลบวบ : เครดิตรายการบางอ้อ
โพสต์โดย คุณ jessadad สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม


http://drama.kapook.com/view67878.html

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ตำรวจมีเหตุผล แต่ผมมีกล้อง พกกล้องไว้อุ่นใจกว่าจริงๆ
-http://world.kapook.com/pin/5204ae2238217a8e5d000000-


ตร.มีเหตุผล

ตร.มีเหตุผล
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=VUDu6MOv4Po-

คลิป ตำรวจมีเหตุผล แต่ผมมีกล้อง งานนี้เลยรอดใบสั่งไปได้อย่างหวุดหวิด คลิปนี้เป็นภาพเจ้าของคลิปขี่มอเตอร์ไซค์ แล้วโดนตำรวจเรียกครับ พี่ตำรวจเขาหาว่า เจ้าของคลิปขี่ขวามาตลอด ไม่ยอมเข้าซ้าย จะแจกใบสั่ง เจ้าของคลิปเลยต้องอธิบายยกใหญ่ว่า มันไม่ใช่แบบนั้น!! ผมไม่ได้ทำแบบนั้น!! ถกเหตุผลกันอยู่ตั้งนาน ไม่ยอมเชื่อ สุดท้ายเจอไม้ตาย " ผมมีกล้อง " มีหลักฐาน ไม่เชื่อดูพี่ตำรวจดูสิ เข้าไปพี่ตำรวจจินตนาการภาพออก มีเหตุผลทันที เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า พกกล้องไว้เถิด มันอุ่นใจกว่าจริงๆ
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ระวัง! มิจฉาชีพแฮกเฟซบุ๊ก หลอกยืมเงินเพื่อนเหยื่อ
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM05qQTNOVEk1TkE9PQ==&sectionid=-





ทอล์คสตอรี่ : มิจฉาชีพแบบใหม่! แฮกบัญชีเฟซบุ๊ก สวมรอยหลอกยืมเงินเพื่อน หลังตรวจสอบบัญชีที่ถุกโอน เจออีกเพียบ

ผู้สื่อข่าวรายงาน มีมิจฉาชีพลงมือก่อเหตุในโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยการลักลอบเข้าไปในเฟซบุ๊กส่วนตัวของผู้เสียหาย ก่อนขอยืมเงินจากเพื่อน โดยนางนัทชา กีระติสุนทร ชาว จ.เชียงราย เล่าว่า มีคนลักลอบใช้บัญชีเฟซบุ๊กของเพื่อนตน คือ นางมาลี กุมภัณฑ์ ชาว อ.ขุนตาล มาโพสต์ข้อความขอยืมเงินเป็นจำนวน 3,000 บาท โดยอ้างว่ากำลังเดือดร้อน

ตนเห็นใจเพื่อนและไม่กล้า ถามเหตุผล แต่เพราะยังติดงานอยู่ จึงโทรศัพท์ไปหา นางโชติกา ดวงศิริ เพื่อนอีกคนหนึ่ง ซึ่งบ้านอยู่ใกล้ตู้เอทีเอ็ม ให้ช่วยโอนเงินก่อน โดยบัญชีดังกล่าวเป็นบัญชีออมทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย ต่อมา เมื่อนางโชติกาโอนเงินเสร็จแล้ว ตนจึงสอบถามนางมาลีทางเฟซบุ๊กว่า ได้รับเงินหรือยัง แต่ปรากฏว่า นางมาลี ไม่ตอบกลับมาอีกเลย จนกระทั่งมาทราบความจริง

ทางด้านนางมาลี กล่าวว่า ตนไม่ได้ใช้เฟซบุ๊กมานานกว่า 2 เดือน จนกระทั่งทราบเรื่องจากเพื่อนว่า มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น โดยปกติพวกเพื่อนในกลุ่ม ก็จะใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะกัน จึงไม่น่าจะมีคนเข้าไปแฮกเอารหัสหรือพาสเวิร์ดได้ ตนเลยคาดว่า คนร้ายน่าจะเป็นพวกมิจฉาชีพที่ทำกันเป็นขบวนการและมีความสามารถด้านการแฮกข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต

โดยหลังเกิดเหตุได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจจนทราบว่า คดีดังกล่าวสามารถสืบสวนสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีได้ แต่ต้องมีการแจ้งความ พวกตนจึงตัดสินใจไม่แจ้งความ เพราะวงเงินน้อย และเกรงว่าจะเสียเวลา รวมทั้งเสียค่าคดีความ

แต่เมื่อตรวจสอบผ่านธนาคาร พบว่า ผู้เปิดบัญชีชื่อที่โอนเข้าไป ได้เปิดบัญชีที่ จ.สุราษฎร์ธานี และที่ผ่านมามีวงเงินที่ถูกโอนเงินเข้าคราวละ 500-3,000 บาท อย่างน่าสงสัย

ทั้งหมดยืนยันว่า แม้วงเงินที่ถูกมิจฉาชีพโกงไปจากวิธีการดังกล่าวจะไม่มากนัก แต่เกรงว่าคนอื่น ที่เล่นเฟซบุ๊กหรือโซเชียลเน็ตเวิร์กอาจถูกกระทำเช่นนี้ จนได้รับผลกระทบหนัก จึงขอให้ทางสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวเพื่อแจ้งเตือนคนในสังคมด้วย
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
โดนใบสั่ง ไม่ไปจ่ายค่าปรับ จะเป็นอย่างไร!?!

-http://auto.sanook.com/5720/%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3/-


มีข้อถกเถียงสงสัยกันมานานแล้วว่าเมื่อได้รับใบสั่งให้ไปชำระค่าปรับ เวลาทำผิดกฎจราจร เช่น ขับรถฝ่าสัญญาณไฟ จอดรถในที่ห้ามจอด ตรวจจับความเร็ว ฯลฯ โดนใบสั่งแบบนี้ถ้าไม่ไปจ่ายจะเป็นไรไหม? ขยำใบสั่งทิ้งได้หรือเปล่า? วันนี้ Dealfish หาคำตอบมาให้

ถ้าไม่ไปชำระค่าปรับตามที่ระบุไว้ในใบสั่ง โดยไม่มีเหตุอันควร ถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนไม่ไปชำระค่าปรับตามใบสั่ง มีความผิดอีกข้อหาหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท (มาตรา 155 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ) นอกจากนี้พนักงานสอบสวนมีอำนาจจัดการกับผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถตามมาตรา 141 ทวิ ดังนี้

1. พนักงานสอบสวนมีอำนาจออกหมายเรียกผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนตามสถานที่ วัน และเวลาที่ระบุในหมายเรียกนั้น แล้วพนักงานสอบสวนจะเปรียบเทียบปรับตามกฎหมาย

2. ถ้าพนักงานสอบสวนใช้อำนาจออกหมายเรียกผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนแล้วส่งหมายเรียกไม่ได้ พนักงานสอบสวนจะแจ้งไปยังนายทะเบียนรถหรือนายทะเบียนขนส่งทางบกให้งดรับชำระภาษีประจำปีสำหรับรถคันนั้นไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าผู้ได้รับใบสั่งจะมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกและชำระค่าปรับให้เรียบร้อยเสียก่อน พนักงานสอบสวนจึงจะแจ้งไปยังนายทะเบียนให้ทราบเพื่อให้ผู้นั้นชำระภาษีประจำปีสำหรับรถนั้นต่อไป

ดังนั้น เมื่อคุณทำผิดกฎจราจร หรือได้รับใบสั่ง คุณก็มีหน้าที่ต้องไปชำระค่าปรับที่สถานีตำรวจในเขตท้องที่และภายในกำหนดเวลาที่ระบุไว้ ซึ่งปกติแล้วก็มักจะไม่เกิน 7 วัน หรือถ้าใครไม่สะดวกไปจ่ายเองก็อาจจะชำระทางไปรษณีย์ก็ได้ ส่วนกรณีโดนยึดใบขับขี่ไว้ ก็ให้ใช้ใบรับแทนใบขับขี่ไปพลางก่อน เมื่อไปชำระค่าปรับแล้วตำรวจก็จะคืนใบขับขี่ให้

หลายคนคิดว่าไม่ต้องไปจ่ายหรอก ข้อมูลคงไม่ถึง อันนี้ขอแนะนำว่าอย่าเสี่ยงเลยจะดีกว่า นอกจากจะไม่สามารถต่อทะเบียนรถยนต์ได้แล้ว ยังต้องอาจต้องโทษปรับเพิ่มขึ้นด้วย สรุปให้สั้นๆ นั่นคือ ทำให้ถูกต้องดีกว่าจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง...
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
สคบ.คุมถังแก๊สติดรถยนต์
วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2556 เวลา 10:09 น.
-http://www.dailynews.co.th/businesss/225463-



ผนึกขนส่งพลังงานลุยตรวจ หวั่นเอกชนโฆษณาเกินจริง

นายจิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ สคบ.เตรียมหารือกับกรมการขนส่งทางบก กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบกรณีผู้ประกอบการที่ให้บริการติดตั้งถังแก๊สแอลพีจี และเอ็นจีวีในรถยนต์ว่ามีคุณภาพหรือไม่ เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้รับร้องเรียนจากผู้บริโภคว่า ปัจจุบันสถานที่ติดตั้งถังแก๊สหลายแห่งอาจรับติดตั้งแก๊สโดยไม่มีมาตรฐานและปลอดภัย เห็นได้จากเหตุการณ์รถยนต์เกิดเพลิงไหม้อยู่บ่อยครั้ง และส่วนใหญ่ก็เป็นรถยนต์ที่ติดตั้งแก๊สเกือบทั้งหมด ดังนั้นจึงต้องเข้ามาตรวจสอบเพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค

ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ร้านที่ติดตั้งส่วนใหญ่มักโฆษณา โดยอ้างว่า ร้านนี้ติดตั้งแล้วปลอดภัย มั่นใจได้ พร้อมระบุด้วยว่าได้รับการรับรองจากหน่วยงานภาครัฐอย่างถูกต้อง แต่ก็ยังไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างแน่ชัดว่า มีใบรับรองจากภาครัฐจริงหรือไม่ ขณะเดียวกันอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ติดตั้งจะมีคุณภาพตรงตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ด้วยหรือไม่ โดยภายหลังจากเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือ เพื่อพิจารณาข้อมูลร่วมกันแล้ว ต่อไปจะลงพื้นที่ตรวจสอบร้านที่ติดตั้งอีกครั้ง

“ตอนนี้มีเสียงเรียกร้องมาเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ได้โฆษณากันว่า ติดตั้งแก๊สที่นี่แล้วปลอดภัย แต่ไม่รู้ว่าได้รับการตรวจสอบมาตรฐานจากภาครัฐจริงตามที่อ้างหรือไม่ และถ้าเกิดติดตั้งไปแล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น แล้วใครจะรับผิดชอบ ซึ่งผู้บริโภคได้สะท้อนความกังวลเรื่องนี้มาขอให้ สคบ.ช่วยเข้ามาตรวจสอบ คาดว่า ในการหารือครั้งนี้คงจะได้ข้อมูลมากขึ้น เช่น มีผู้ประกอบการรายใดที่เปิดร้านถูกต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานรัฐ มีที่ใดบ้างที่มีความเสี่ยง และอุปกรณ์ที่ติดตั้งมีมาตรฐานต้องใช้ลักษณะอย่างไร หากได้ข้อมูลและลงไปตรวจสอบพบว่า ผู้ประกอบการรายใดไม่มีมาตรฐาน จะถือว่าเป็นการกระทำความผิด และต้องได้รับโทษตามกฎหมายของหน่วยงานที่กำกับดูแลแล้วทันที”

อย่างไรก็ตามนอกจากการหารือกับหน่วยงานภาครัฐแล้ว สคบ.ยังเตรียมเชิญผู้ประกอบการจากสมาคมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง มารับฟังข้อมูลด้วย เชื่อว่า คงเป็นช่วงหลังจากได้ลงพื้นที่ไปแล้ว โดยการดำเนินการดังกล่าว จะช่วยควบคุมธุรกิจการติดตั้งแก๊สในรถยนต์ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในปัจจุบัน เพราะผู้ประกอบการมักโฆษณาแข่งขันกันว่า ติดตั้งร้านนี้แล้วราคาถูก แต่ไม่ได้ดูว่าราคาถูกแล้ว ผู้บริโภคจะได้รับของที่มีคุณภาพหรือไม่

นายจิรชัย กล่าวว่า หาก สคบ.ได้ลงพื้นที่และได้ตรวจสอบข้อมูลของผู้ประกอบการเรียบร้อยแล้ว พบว่า ผู้ประกอบการรายใดดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎระเบียบ ได้รับการรับรองมาตรฐานเป็นลายลักษณ์อักษรจากหน่วยงานที่ดูแลอย่างชัดเจน สคบ.จะพิจารณามอบตราสัญลักษณ์ของ สคบ. เพื่อแสดงให้ผู้บริโภคทราบว่า หากมาใช้บริการที่นี่แล้วมั่นใจได้ว่า ไม่เอาเปรียบผู้บริโภคอย่างแน่นอน

สำหรับเรื่องของการควบคุมธุรกิจรับติดตั้งแก๊สนั้น จะยังไม่ได้เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ สคบ.ได้จัดระเบียบเป็นธุรกิจที่ควบคุม แต่ในอนาคตจะพิจารณาให้ธุรกิจดังกล่าวบรรจุเข้ามาเป็นธุรกิจที่ได้รับการควบคุมด้วย เพราะที่ผ่านมามีเพียงธุรกิจรถยนต์ใหม่ รถยนต์มือสอง ธุรกิจซ่อมรถยนต์ และธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ เท่านั้นที่ได้รับการควบคุม ซึ่งจะติดตราสัญลักษณ์ สคบ.แสดงไว้บนสินค้าหรือบริการที่มีการรับประกันความปลอดภัยให้ผู้บริโภค หากผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือได้รับความเสียหายจากการบริโภคสินค้าที่มีตราสัญลักษณ์ของ สคบ. สามารถขอรับค่าชดใช้ความเสียหายจากบริษัทผู้ประกันภัยได้ทันที.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ซวย ! นักศึกษาหนุ่ม ขี่ จยย. กิ่งไม้ใหญ่หล่นใส่หัวสลบ
-http://hilight.kapook.com/view/89785-






กิ่งไม้หล่นใส่หัวน.ศ.สลบ แม่ค้าหวยช่วยทัน (ไอเอ็นเอ็น)
 
          นักศึกษา ม.แม่ฟ้าหลวง ดวงซวย กิ่งไม้สักหล่นใส่หัวขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ไปรับเพื่อน จนหมดสติ โชคดี แม่ค้าขายหวยช่วยได้ทัน

          วันที่ 14 สิงหาคม 2556 เจ้าหน้าที่กู้ภัยศิริกรณ์เชียงรายบรรเทาสาธารณภัย ได้รับแจ้งว่า มีเหตุกิ่งไม้ขนาดใหญ่ตกใส่ผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บ บนถนนพหลโยธิน บ้านป่ากล้วย ต.สันทราย อ.เมือง จ.เชียงราย จึงทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กษข 37 ยะลา ล้มอยู่ข้างถนน เสียหายเล็กน้อย มีหมวกกันน็อกของผู้ขับขี่ตกอยู่สภาพแตกออกเป็น 2 ชิ้น และมีแม่ค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาลกำลังช่วยประคองชายวัยรุ่นในชุดนักศึกษาที่นอนสลบอยู่ข้างทาง เนื่องจากถูกกิ่งไม้สักขนาดใหญ่ หักจากต้นลงมาใส่ศีรษะคนขับรถจักรยานยนต์ และทำให้รถล้ม ทราบชื่อคือ นายต่วน ยุทธสลี ชาวยะลา อายุ 21 ปี เป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเชียงราย คณะศิลปศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ชั้นปีที่ 4

          นายต่วน กล่าวว่า ตนขับขี่รถจักรยานยนต์มาจาก มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จะไปรับเพื่อนที่สถานีขนส่ง จนมาถึงที่เกิดเหตุเหมือนมีสิ่งของหล่นลงมาใส่ศีรษะ โชคดีที่ตนสวมหมวกกันน็อกอยู่ รถเสียหลักล้มลงและหมดสติไม่รู้สึกตัว จนมาทราบว่า แม่ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลข้างทางปลุกให้ตื่น จึงรู้ว่าตนถูกกิ่งไม้สักขนาดใหญ่หล่นใส่ ทั้งนี้ กิ่งไม้ที่หักลงมา คาดว่าจะผุกร่อนจากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และเมื่อมีลมพัดจึงทำให้กิ่งไม้หักได้ง่าย


ไอเอ็นเอ็น
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ไทยจ่อซิวแชมป์อุบัติเหตุ อึ้ง! ขยับจากอันดับ 6 ขึ้นที่ 3 ของโลก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    14 สิงหาคม 2556 18:42 น.
-http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000101136-


  ไทยจ่อซิวแชมป์อุบัติเหตุทางถนน หลังขยับจากอันดับ 6 เมื่อปี 2555 ขึ้นเป็นอันดับ 3 ในปี 2556 พบเสียชีวิตมากถึง 38.1 คนต่อประชากรแสนคน สคอ.เร่งกระตุ้นคนไทยรักษาวินัยจราจร พร้อมจัดประชุมหาแนวทางแก้ไขเสนอมาตรการแก้ปัญหาระดับชาติ

   
       วันนี้ (14 ส.ค.) ที่โรงแรมทับขวัญ รีสอร์ทแอนด์สปา จ.นนทบุรี นพ.พรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) กล่าวในการประชุมเสริมสร้างความร่วมมือ เครือข่ายสื่อสารประชาสัมพันธ์เพื่อความปลอดภัยทางถนนครั้งที่ 5 ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดให้ ปี 2554-2563 เป็นปีแห่งความปลอดภัยทางถนน และกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ตั้งเป้าลดอัตราผู้เสียชีวิตให้ต่ำกว่า 10 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคนในปี 2563 ซึ่งทางศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) และภาคีเครือข่ายได้เร่งรณรงค์และประชาสัมพันธ์ เพื่อหวังลดอัตราการเสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกด้านการป้องกันอุบัติเหตุ ได้เปิดเผยรายงานความปลอดภัยทางถนนของโลก 2556 ว่า อัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของไทยสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก เสียชีวิตถึง 38.1 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน เหตุเมาแล้วขับ ไม่สวมหมวกนิรภัย และหลับใน
       
       “สำหรับประเทศที่อยู่อันดับ 1 คือ ประเทศเกาะนีอูเอ เสียชีวิต 68.3 ต่อแสนประชากร ซึ่งทั้งประเทศมีประชากรเพียง 1,465 คนเท่านั้น ส่วนอันดับที่ 2 คือ สาธารณรัฐโดมินิกัน มีประชากร 9,927,320 คน มีอัตราผู้เสียชีวิต 41.7 ต่อแสนประชากร ส่วน 6 ประเทศที่สามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้อย่างน่าชื่นชม คือ ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สวีเดน และอังกฤษ” นพ.พรหมมินทร์ กล่าว
       
       นพ.พรหมมินทร์ กล่าวอีกา สคอ.ได้ดำเนินงานขับเคลื่อนกระบวนการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน โดยการประสานภาคีเครือข่ายสร้างการสื่อสารประชาสัมพันธ์อย่างเป็นระบบ ให้ข้อมูลกับสังคม สร้างกระแสให้เกิดการรับรู้ เกาะติดสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องขอความร่วมมือไปยังเครือข่ายสื่อมวลชน ช่วยกระตุ้นร่วมกันสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย ลดค่าใช้จ่าย ลดความสูญเสีย ให้กับสังคมไทย อย่างไรก็ตาม สคอ.จะนำข้อมูล ข้อเสนอแนะ และแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ได้จากประชุม นำมาสรุป วิเคราะห์ และเสนอไปยังคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เพื่อผลักดันเป็นนโยบายและมาตรการการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุระดับชาติต่อไป
       
       อนึ่ง ปี 2555 องค์การอนามัยโลกด้านการป้องกันอุบัติเหตุ เปิดเผยสถิติอุบัติเหตุของไทยพบว่าสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก ด้านมูลนิธิเมาไม่ขับระบุว่า ปี 2555 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเฉลี่ยปีละ 12,000 คน บาดเจ็บเฉลี่ยกว่า 1 ล้านคน ติดอันดับประเทศที่มีความเสี่ยงสูงเป็นอันดับ 5 ของโลก รองจาก บราซิล เคนยา อินเดีย และ กัมพูชา
       

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
บิณฑ์ เซ็ง ! ลุงร้องไห้ตามหาลูกเผ่นแนบ ที่แท้เป็นพวกมิจฉาชีพ
-http://hilight.kapook.com/view/89882-



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์

            บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เซ็ง ช่วยส่งลุงขี้เมาอ้างตามหาลูกสาวชื่อ วันเพ็ญ พุทธรักษา ขึ้นรถทัวร์กลับสุรินทร์ มารู้ทีหลังลุงขอโชเฟอร์ลงกลางทางก่อนเผ่นแนบ เชื่อ เป็นพวกมิจฉาชีพสร้างสถานการณ์ให้น่าสงสาร หวังตุ๋นพลเมืองดี เตือนใครเจออย่าช่วยเหลือ

            จากกรณีที่เมื่อวันก่อน บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้เข้าช่วยเหลือลุงเนียมที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าที่ทำการไปรษณีย์พระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดยคุณลุงอ้างว่ากำลังตามหาลูกสาวชื่อ วันเพ็ญ พุทธรักษา ก่อนที่ภายหลังจะพบว่าลุงเนียมเป็นเพียงคนเมาเท่านั้น และไม่ได้มาตามหาลูกสาวจริง แต่ทางบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ก็ยังใจดี ช่วยซื้อตั๋วรถทัวร์ให้ลุงเนียมได้นั่งกลับบ้านที่จังหวัดสุรินทร์ พร้อมกับฝากฝังคนขับรถทัวร์ให้ช่วยดูแลคุณลุงด้วย และยังควักเงินให้คุณลุงติดตัวไว้ใช้ 5,000 บาท ซึ่งลุงเนียมก็สัญญาว่าจะเลิกเหล้าแน่นอน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

            ล่าสุดดูเหมือนว่าเรื่องจะกลับตาลปัตร เพราะเมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 สิงหาคม 2556 บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้โพสต์ข้อความใน เฟซบุ๊กบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ระบุว่า หลังจากคุณลุงเนียมได้ขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งหมอชิตแล้วก็ได้โวยวายกับคนขับเพื่อขอลงกลางทางที่รังสิตทันที ก่อนจะหายตัวไป จึงคาดว่าลุงเนียมน่าจะเป็นพวกมิจฉาชีพที่สร้างสถานการณ์ให้ตัวเองดูน่าสงสาร เพื่อหลอกลวงพลเมืองดีที่เข้ามาช่วยเหลือก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ตนเสียความรู้สึกมาก ๆ ดังนั้น หากใครเจอคุณลุงก็อย่าเข้าไปช่วยเหลือ และต้องขอโทษที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

            "สวัสดีครับเพื่อน ๆ..ผมขอชี้แจงเรื่องของนายเนียม ที่เมื่อวานก่อนผมดำเนินการเอาตัวลุงเนียม ส่งกลับบ้านที่สุรินทร์ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม เวลา 23.10 น. เมื่อรถออกจากหมอชิต รถได้ขับเลยไปแค่รังสิต ลุงเนียมก็ขอลงทันที โดยบอกคนขับรถให้จอด แต่คนขับรถไม่จอด จึงโวยวาย คนขับรถจึงจอด และได้ขู่กับลุงว่าจะแจ้งให้ผมทราบก่อน แต่ก็ไม่ได้ผล คนขับก็เกรงใจผู้โดยสารท่านอื่น จึงเปิดประตูรถให้ลงไป ทันทีที่ลงจากรถก็วิ่งอย่างเร็วหายไปเลยครับ..."

            "ถ้าท่านใดเจอ อย่าให้การช่วยเหลือนะครับ ผมว่าน่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์การสงสารเผื่อให้คนเห็นใจ เพราะวันนั้นมีพยาบาลบอกแล้วว่าเขาหากินอยู่ในกรุงเทพฯ เข้าออกโรงพยาบาลหลายครั้ง เพราะมีพลเมืองดีมาส่ง แกล้งเป็นลม แล้วร้องไห้ให้คนสงสาร ผมเองก็เสียความรู้สึกมาก ๆ กับการกระทำของลุงคนนี้ ใครเจออย่าช่วยเหลือนะครับ เพราะลุงยังมีเงินอยู่อีก 5,000 บาท ต้องขอโทษจริง ๆ ครับผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้"



คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)