ผู้เขียน หัวข้อ: รวมแหล่งหารูปสวยๆ ที่เที่ยวดีๆ  (อ่าน 7931 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวมแหล่งหารูปสวยๆ ที่เที่ยวดีๆ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2013, 08:51:57 am »
ศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลอง 4 มิติ พัทยา
-http://www.paiduaykan.com/province/east/chonburi/miniaturethairoyalbarge.html-

ศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลอง 4 มิติ พัทยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่จำลองพระราชพิธี กระบวนพยุหยาตราทางชลมารค ด้วยฝีมือการประดิษฐ์ที่ประณีตงดงาม วิจิตรพิสดารโดยอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเิงินไทย บุคคลดีเด่นแห่งชาติปี 2551 แสดงให้เห็น ถึงเอกลักษณ์ประจำชาติอันเป็น มรดกสืบทอดทางประเพณี วัฒนธรรม อารยธรรม และสถาปัตยกรรม อันทรงคุณค่า พร้อมเนื้อหา สาระทางวิชาการให้กับ นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศตื่นตาตื่นใจกับรูปแบบการนำเสนอโดยใช้ ภาพ แสดง สี เสียง ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย แห่งเดียวในโลก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสบรรยากาศที่กล่าวมาข้างต้นเสมือนร่วมอยู่เหตุการณ์ด้วยภาพยนตร์ 4 มิติ ครั้งแรก ของเมืองไทยอีกทั้งชมภาพยนตร์จอยักษ์ 360 องศาแสดงประวัติความเป็นมาของเรือไทย ในรูปแบบภาพยนตร์ Animation จากอดีตถึงปัจจุบันซึ่งหาชมไม่ง่ายในปัจจุบัน
ศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลอง 4 มิติ พัทยา
ศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลอง ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวและเป็นแหล่งทัศนศึกษาแก่คนไทยเพื่อปลูกจิตสำนึกให้มี ความรักและภาคภูมิใจในความเป็นไทย อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับชาวต่างชาติที่มีความสนใจ ในศิลปวัฒนธรรมและ ประเพณีไทย สืบเนื่องมาจากการที่จะมีโอกาสได้ชมขบวนเรือพระราชพิธีมีโอกาสน้อยมาก ดังเช่นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จ พระเจ้า อยู่หัวรัชกาลปัจจุบันในช่วงเวลา 60 ปี ได้มีการจัดกระบวนพยุหยาตราชลมารค (ใหญ่) จำนวน 7 ครั้ง และจัดขบวน พยุหยาตราชลมารค (น้อย) จำนวน 7 ครั้ง ทุกครั้งที่มีการจัดขบวนพยุหยาตรา (ครั้งหลังสุด) เป็นการจัดกระบวนพยุหยาตราชลมารค ในเวลากลางคืนเป็นครั้งแรก โดยใช้คำว่า “ขบวนเรือพระราชพิธี” แทน (เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมิได้ เสด็จฯประทับมา ในกระบวน ฯ ด้วย) จะมีประชาชนเฝ้าชมแน่นขนัดทั้งสองฝั่ง แม่น้ำเจ้าพระยาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลอง 4 มิติ พัทยา
การจัดการแสดงขบวนเรือพระราชพิธีเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง ไม่เฉพาะแต่คนไทยเท่านั้น แม้ชาวต่างประเทศซึ่งมีโอกาสได้ เห็นได้ชม ความงามของเรือหรือกระบวนเรือพระราชพิธีทางชลมารค ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นประทับใจทึ่งในความงามความประณีต วิจิตร สิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติของเรา ชาวไทยที่ควรจะต้องภูมิใจและรักษาไว้ให้เป็นเอกลักษณ์ของชาติ อีกทั้ง ขบวนเรือพระราชพิธี ถือว่าเป็นมรดกวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าที่ปัจจุบันเหลือเพียงแห่งเดียวในโลก









รูปติดตามชมในเว็บ http://www.paiduaykan.com/province/east/chonburi/miniaturethairoyalbarge.html



--------------------------------------

ศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลอง4มิติ

http://www.youtube.com/watch?v=JD01of2KbaI

ศูนย์แสดงเรือพระราชพิธีจำลอง4มิติ
-http://www.youtube.com/watch?v=JD01of2KbaI-
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวมแหล่งหารูปสวยๆ ที่เที่ยวดีๆ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กันยายน 01, 2013, 10:01:24 am »
10 สถานที่สุดฮิตมาแรงครึ่งปี 2013
-http://travel.sanook.com/1390758/10-%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AE%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2013/-



1.ดาษดาแกลเลอรี่ รายล้อมด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ครบครันทั้งที่พัก และที่เที่ยว เป็นอาณาจักรฟาร์มดอกไม้ที่กว้างใหญ่อีกทั้งเป็นรีสอร์ทท่ามกลางทิวทัศน์ธรรมชาติที่คุณจะได้ถ่ายรูปกับดอกไม้นานาพันธุ์


[ดาษดาแกลเลอรี่ ]

2.ซานโตรินี พาร์ค เป็นสถานที่แห่งสีสันที่จัดให้มีกิจกรรมตลอดทั้งปี ออกแบบพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 3,000 ตารางเมตรให้สอดคล้องกับกิจกรรมต่างๆ ที่จะจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องและยังได้รังสรรค์บรรยากาศให้เหมาะสำหรับการพักผ่อนต่างสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการจัดพื้นที่สวนที่เปิดโล่ง เพื่อให้สามารถนั่งฟังเพลงจากคอนเสิร์ตเล็กๆ พร้อมวิวสวยๆ รอบตัว การตกแต่งที่นี่เป็นไปอย่างตั้งใจในทุกรายละเอียด เพื่อให้ดูสร้างสรรค์ แปลกใหม่ แล้วยังให้ความสุขใจ เมื่อใครๆ ได้พบเห็นอีกด้วย


[ซานโตรินี พาร์ค]

3.สวิส ชีฟ ฟาร์ม จำลองบรรยากาศแบบยูโรคันทรีของประเทศสวิสเซอร์แลนด์มาไว้ในเมืองไทย ซึ่งเป็นฟาร์มแกะแห่งแรกของ อ.ชะอำ ที่เปิดบริการนั่งรถม้าเที่ยวชมบรรยากาศของทุ่งหญ้าและให้อาหารแกะแบบใกล้ชิด อีกทั้งมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาโอบล้อมไว้เป็นฉากหลัง ให้ได้ถ่ายภาพสวยๆ กลับบ้านไปอวดเพื่อนให้อิจฉาได้อย่างแน่นอน


[สวิส ชีฟ ฟาร์ม]

4.เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์  แหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนใจกลางกรุง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ครบทุกสิ่งทั้งชอป ชิม ชิลล์ ถ้าไม่อยากไปไหนไกลจากกรุงเทพ ลองขับรถมาเที่ยวที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟร้อนท์ แหล่งท่องเที่ยวและช้อปปิ้งไลฟ์สไตล์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตั้งอยู่ตรงข้าม เจริญกรุง 93 รวบรวมร้านค้าถึง 1,500 ร้านเ พื่อรองรับนักท่องเที่ยวอย่างครบครัน


[เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์]

5. ตลาดนัดรถไฟศรีนครินทร์ ตลาดนัดที่มาแรงที่สุดในช่วงนี้ เพลิดเพลินกับบรรยากาศประทับใจ แหล่งรวมเฟอร์นิเจอร์ ของสะสม ของตกแต่งบ้านสุดคลาสสิค รถโบราณ อะไหล่รถคลาสสิค ของสะสมโบราณ เสื้อผ้าวินเทจ ของฝากสุดชิค และอาหารอร่อยๆ กินดื่มชิลๆ กับบรรยากาศเก๋ๆ ของโกดังเก่า ขบวนโบกี้รถไฟสุดเท่ห์ เปิด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ตั้งแต่เย็นๆ ไปจนถึง เที่ยงคืน


6. สวนซ่อนศิลป์ หรือ Secret Art Garden สวนศิลปะแห่งใหม่บริเวณตลาดน้ำศิลปะกลางดงที่ผสมผสานความงดงามของศิลปะและธรรมชาติไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว


[สวนซ่อนศิลป์]

7.art in parsdise  พิพิธภัณฑ์ศิลปะ 3 มิติเปิดใหม่ใหญ่โตอลังการ ของดีของเมืองพัทยาที่เรียกนักท่องเที่ยวให้แวะมาเยี่ยมชมของเล่นใหม่ทางสายตาได้เป็นอย่างมากในตอนนี้


[art in parsdise]

8.mimosa pattaya  (มิโมซ่า พัทยา) ใหม่สดเริ่ดสุดๆ ในพัทยาตอนนี้ต้องยกให้ Mimosa Pattaya ไลฟ์สไตล์มอลล์สุดชิคที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ The City of Love เมืองเเห่งความรัก จำลองบรรยากาศจากเมือง Colmar (โกลมาร์) หรือลิตเติ้ลเวนิสในฝรั่งเศสที่ติดอันดับเมืองโรแมนติก 1 ใน 10 ของโลก


[mimosa pattaya]

9.ตลาดน้ำขวัญเรียม  ตลาดน้ำแห่งใหม่ใจกลางกรุง ที่ตอนนี้ขึ้นแท่นเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮอตของเขตมีนบุรีไปซะแล้ว


[ตลาดน้ำขวัญเรียม ]

10.the venezia hua hin สัมผัสบรรยากาศสุดประทับใจในแบบของเมืองเวนิส เมืองที่มีมนต์เสน่ห์ในเรื่องของการคมนาคมทางน้ำของประเทศอิตาลี ที่ถูกจำลองมาไว้ในประเทศไทย ซึ่งที่นี่เพื่อนๆ จะได้ชอปชิมชิลล์กับอาคารร้านค้าที่มีความสวยงามทางด้านสถาปัตยกรรม


[the venezia hua hin]


http://travel.sanook.com/1390758/10-%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AE%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B5-2013/

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวมแหล่งหารูปสวยๆ ที่เที่ยวดีๆ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ตุลาคม 15, 2013, 10:03:55 pm »

พระพุทธโลกนาถราชฯ วัดพระเชตุพนฯ
-http://guru.sanook.com/pedia/topic/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%AF_%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%9E%E0%B8%99%E0%B8%AF/-



"วัดโพธิ์" หรือนามทางการว่า "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร" เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก และเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดโพธาราม เป็นวัดหลวง ข้างพระบรมมหาราชวัง และที่ใต้พระแท่นประดิษ ฐานพระพุทธเทวปฏิมากร พระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถ เป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์ท่านไว้ด้วย
พระอารามหลวงแห่งนี้มีเนื้อที่ 50 ไร่ 38 ตารางวา อยู่ด้านทิศใต้ของพระบรมมหาราชวัง ทิศเหนือจดถนนท้ายวัง ทิศตะวันออกจดถนนสนามไชย ทิศใต้จดถนนเศรษฐการ ทิศตะวันตกจดถนนมหาราช มีถนนเชตุพน ขนาบด้วยกำแพงสูงสีขาวแบ่งเขตพุทธาวาส และสังฆาวาสชัดเจน
มีหลักฐานปรากฏในศิลาจารึกไว้ว่า หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนาพระ บรมมหาราชวังแล้ว มีพระราชดำริว่า วัดเก่าขนาบพระบรมมหาราชวัง 2 วัด ด้านเหนือ คือ วัดสลัก (วัดมหาธาตุฯ) ด้านใต้คือ วัดโพธาราม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขุนนางเจ้าทรงกรม ช่างสิบหมู่อำนวยการบูรณปฏิสังขรณ์ เริ่มเมื่อปี พ.ศ.2331

ใช้เวลา 7 ปี 5 เดือน 28 วัน จึงแล้วเสร็จ และโปรดฯ ให้มีการฉลองเมื่อปี พ.ศ.2344 พระราชทานนามใหม่ ว่า "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาส"
ทั้งนี้ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ นานถึง 16 ปี 7 เดือน ขยายเขตพระอารามด้านใต้และตะวันตก คือ ส่วนที่เป็นพระวิหารพระพุทธไสยาสสวนมิสกวัน สถาปนาขึ้นใหม่พระมณฑป ศาลาการเปรียญ และสระจระเข้ บูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ เป็นโบราณสถาน ในพระอารามหลวง ที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้

ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้โปรดฯ ให้เปลี่ยนท้ายนามวัดเป็น "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม"
แม้การบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งล่าสุด เมื่อฉลองกรุงเทพฯ 200 ปี พ.ศ.2525 เป็นเพียงซ่อมสร้างของเก่าให้ดีขึ้น มิได้สร้างเสริมสิ่งใดๆ
เกร็ดประวัติศาสตร์ของการสถาปนาและการบูรณปฏิสังขรณ์วัดโพธิ์แห่งนี้ บันทึกไว้ว่า รัชกาลที่ 1 และที่ 3 ได้ระดมช่างในราชสำนัก ช่างวังหลวง ช่างวังหน้า และช่างพระสงฆ์ที่อยู่ในวัดต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญงานศิลปกรรมสาขาต่างๆ ได้ทุ่มเทผลงานสร้างสรรค์พุทธสถาน และสรรพสิ่งที่ประดับอยู่ในวัดพระอารามหลวงด้วยพลังศรัทธา ตามพระราชประสงค์ของพระองค์ท่านที่ให้เป็นแหล่งรวมสรรพศิลป์ สรรพศาสตร์ เปรียบเป็นมหา วิทยาลัยแห่งสรรพวิชาไทย (มหาวิทยาลัยเปิดแห่งแรก) ที่รวมเอาภูมิปัญญาไทย ไว้เป็นมรดกให้ลูกหลานไทยได้เรียนรู้อย่างไม่รู้จบสิ้น

ณ พระวิหารด้านทิศตะวันออกมุขหลัง เป็นที่ประดิษฐาน "พระพุทธโลก นาถราชมหาสมมติวงศ์ องค์อนันตญาณสัพพัญญู สยัมภูพุทธบพิตร"
พระพุทธรูปองค์นี้พระนามเดิมเรียกว่า "พระโลกนาถศาสดาจารย์" ปรักหักพังทิ้งร้างอยู่ในวัดพระศรีสรรเพชญ์ หลังจากเมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยา
ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดโพธารามเป็นพระอารามกว้างขวางมาก ได้ชะลอพระพุทธรูปยืนพระโลก นาถศาสดาจารย์ ลงมาบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งองค์ ประกอบพิธีบรรจุพระบรมธาตุแล้วอัญเชิญขึ้นประดิษฐานเป็นพระประธานในวิหารตะวันออกมุขหลัง
พระพุทธโลกนาถฯ เป็นพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติ ขนาดสูง 20 ศอก วัสดุโลหะปิดทอง ศิลปกรรมสมัยอยุธยา
จารึกวัดพระเชตุพนฯ ได้พรรณนาพระพุทธโลกนาถฯ ไว้ดังนี้ "พระพุทธรูปยืนสูง 20 ศอก ทรงพระนามว่าพระโลกนาถศาสดาจารย์ ปรักหักพัง เชิญมาแต่วัดพระศรีสรรเพชญ์กรุงเก่า ปฏิสังขรณ์เสร็จแล้วเชิญประดิษฐานในพระวิหารทิศตะวันออกมุขหลัง บรรจุพระบรมธาตุด้วย ผนังเขียนพระโยคาวจร พิจารณาอาศภสิบและอุปรมาญานสิบ"
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงเพิ่มสร้อยพระนามพระโลกนาถศาสดาจารย์ ว่า พระพุทธโลกนาถราชมหาสมมติวงศ์ องค์อนันตญาณสัพพัญญู สยัมภูพุทธบพิตร

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพประกอบจาก คอลัมน์ เดินสายไหว้พระ หนังสือพิมพ์ข่าวสด
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวมแหล่งหารูปสวยๆ ที่เที่ยวดีๆ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2013, 06:44:50 am »
ไหว้พระ 9 วัดเสริมสิริมงคลต้อนรับปีใหม่ 2557

-http://horoscope.sanook.com/944157/%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B09%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%882557/-



สำหรับปีใหม่ 2557 ปีมะเมียนี้ ใครที่อยากเสริมเป็นสิริมงคลแก่ตนเองการไหว้พระ 9 วัด ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คุณสามารถทำได้ค่ะ และวันนี้ทาง Sanook! Horoscope ได้รวบรวมวัดทั้ง 9 รวมไปถึงวิธีการลักการะบูชา การเดินทาง มาไว้ให้ชาว สนุก!ดูดวงได้เตรียมให้พร้อมก่อนไปทำบุญสักการะไหว้พระ 9 วัดกันค่ะ



1. ศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร (เวลาเปิด-ปิด 05.30 - 19.30 น.)

ไปสักการะ "เทพารักษ์ทั้ง 5" คือ พระเสื้อเมือง, พระทรงเมือง, พระกาฬไชยศรี, เจ้าพ่อเจตคุปต์, เจ้าพ่อหอกลอง เพื่อ "ตัดเคราะห์ ต่อชะตา เสริมวาสนาบารมี" ไหว้ เสาหลักเมืององค์จำลอง ด้วยธูป 3 ดอก เทียน 1 เล่ม ผ้าแพร 3 สี ดอกบัว และไหว้องค์จริงด้วยพวงมาลัย

สถานที่ตั้ง อยู่บริเวณหัวมุมสวนหลวง ข้างพระบรมมหาราชวัง ถนนหลักเมือง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 9, 15, 25, 30, 32, 33, 39, 43, 44, 47, 53, 64, 80, 82, 91,201, 203 รถปรับอากาศ สาย 503,508, 512



2. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว(เวลาเปิด-ปิด 08.30 - 16.00 น.)

ไหว้พระแก้วมรกต พระพุทธรูปสำคัญในภูมิภาคเอเชีย เป็นศูนย์กลางความศรัทธาไทย - ลาว เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระแก้วมรกต แก้วแหวน เงินทองไหลมาเทมาตลอดปี" ด้วยธูป เทียน ดอกบัวคู่

สถานที่ตั้ง อยู่ในพระบรมมหาราชวัง ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 9, 15, 25, 30, 32, 33, 39, 43, 44, 53, 59, 64, 80, 82,91,201, 203 รถปรับอากาศ สาย 501, 503, 508, 512



3. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

นมัสการพระพุทธไสยาสน์อันศักดิ์สิทธิ์ (ที่ฝ่าพระบาททั้งสองข้างประดับมุก ลวดลายภาพมงคล 108 ประการ) เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระนอนวัดโพธิ์ ร่มเย็นเป็นสุข อยู่ดีกินดีตลอดปี" ด้วยธูป 9 ดอก เทียนแดงคู่ ทองคำเปลว 11 แผ่น

สถานที่ตั้ง หลังพระบรมมหาราชวัง ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 6, 9, 12, 25, 43, 44, 47, 53, 60, 82, 91, 123,รถปรับอากาศ สาย 501, 508



4. ศาลเจ้าพ่อเสือ (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

ไปสักการะ เจ้าพ่อเสือ เจ้าพ่อกวนอู เจ้าแม่ทับทิม ฯลฯ เพื่อเสริม "อำนาจบารมี" ด้วยธูป 18 ดอก ปัก 6 กระถาง เทียนแดง 1 คู่ พวงมาลัย 1 พวง "ศาลเจ้าเก่าแก่ของลัทธิเต๋า" หนึ่งในสามมหาสถานของพระนครที่ชาวจีนต้องสักการะบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล "เสริมอำนาจบารมี"

สถานที่ตั้ง ถนนตะนาว แขวงเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 10, 12, 19, 35, 42, 56, 96



5. วัดสุทัศน์เทพวราราม (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

ไหว้พระองค์ประธาน (พระศรีศากยมุณี) ที่เก่าแก่ ซึ่งอดีตเคยประดิษฐานอยู่ที่วิหารหลวงวัดมหาธาตุของกรุงสุโขทัย เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระวัดสุทัศนฯ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีเสน่ห์แก่บุคคลทั่วไป" ด้วยธูป 3 ดอก เทียน 2 เล่ม ดอกบัวหรือพวงมาลัย

สถานที่ตั้ง บริเวณเสาชิงช้า ตรงข้ามศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 10, 12



6. วัดชนะสงคราม (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

ต้องไปสักการะ "พระประธาน" ในพระอุโบสถ และ "สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (บุญมา)" ผู้นับถือความซื่อสัตย์ ด้วย ธูป 5 ดอก เทียน 1 เล่ม ดอกบัว 1 ดอก มีความเชื่อว่า "จะมีชัยชนะต่ออุปสรรคทั้งปวง" "ไหว้พระวัดชนะสงคราม อุปสรรคร้ายพ่ายแพ้"

สถานที่ตั้ง ถนนจักรพงษ์ แขวงบางลำพู เขตพระนคร
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 3, 6, 9, 15, 30, 32, 33, 43, 53, 64, 65, 82, 123 รถปรับอากาศ สาย ปอ. 6, 509



7. วัดระฆังโฆษิตาราม (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

สักการะสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และพระประธานที่วัดระฆัง อ่านคาถาชินบัญชร เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระวัดระฆัง มีชื่อเสียงโด่งดังตลอดปี" ด้วยธูป 3 ดอก เทียนคู่ ทองคำเปลว 3 แผ่น หมากพลู

สถานที่ตั้ง ถนนอรุณอัมรินทร์ แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 19, 57, 83 ท่าเรือ เรือด่วนเจ้าพระยา ลงท่ารถไฟหรือท่าวังหลังก็ได้ หรือลงเรือข้ามฟากจากท่าช้างไปท่าวัดระฆัง



8. วัดอรุณราชวราราม หรือ วัดแจ้ง (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

ไหว้พระปรางค์วัดอรุณฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระวัดอรุณ ชีวิตโรจน์รุ่ง ทุกวันคืน" ต้องไปสักการะ "พระประธาน" ด้วยธูป 3 ดอก เทียนคู่ และต้องไปเดินทักษิณาวัตรรอบ "พระปรางค์" อีก 3 รอบ เพื่อ "ชีวิตรุ่งโรจน์"

สถานที่ตั้ง ข้างกองทัพเรือ ถนนอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกใหญ่
การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทางสาย 19, 57, 83 ทางเรือ ลงเรือข้ามฟากที่ท่าเตียนขึ้นที่ท่าวัดอรุณ



9. วัดกัลยาณมิตร หรือวัดซำปอกง (เวลาเปิด-ปิด 08.00 - 16.00 น.)

ไหว้หลวงพ่อซำปอกง (พระพุทธไตรรัตนนายก) พระโตริมน้ำตามตำนาน กรุงศรีอยุธยา ณ วัดกัลยาณมิตร เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้หลวงพ่อซำปอกง โชคดีมีชัยปลอดภัยตลอดปี" ด้วยธูป 3 ดอก เทียนแดงคู่

สถานที่ตั้ง แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี
การเดินทาง โดยรถประจำทาง สาย 3, 4, 7, 7ก, 9, 21, 37, 56, 82 รถปรับอากาศ สาย ปอ. 7, 21, 82 (นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างจากโรงเรียนศึกษานารี เข้ามาที่วัดเพราะรถ ประจำทางเข้าไม่ถึง) ทางเรือ ลงเรือข้ามฟากที่ท่าปากคลองตลาดขึ้นท่าวัดกัลยาณมิตร เพื่อความสะดวกควรเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง หรือบริการขนส่งสาธารณะ เนื่องจากสถานที่จอดรถมีจำกัดมาก


การได้ไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองนั้นไม่จำเป็นต้องไปในวันพิเศษทางศาสนาเท่านั้น หากสามารถไปนมัสการได้ทุกเมื่อ ซึ่งการไปนมัสการนี้ ไม่เพียงจะก่อให้เกิดความสบายใจเท่านั้น หากยังเป็นกุศโลบายที่สร้างความเชื่อมั่นในการพาชีวิตก้าวเดินต่อไปในอนาคต ด้วยสัญญาใจที่ให้ไว้กับตัวเอง และถ้าไม่มุ่งมั่นในการโกย "มงคล" เกินไป เวลานั้นน่าจะเป็นเวลาทองที่ได้ซึมซับความสงบสุข ความศรัทธาอันยิ่งใหญ่ได้อีกด้วย

 

ขอบคุณข้อมุลและภาพประกอบจาก wikipedia

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
Re: รวมแหล่งหารูปสวยๆ ที่เที่ยวดีๆ
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2013, 07:38:05 pm »
 :13: อนุโมทนาสาธุครับพี่หนุ่ม ขอบคุณครับผม
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวมแหล่งหารูปสวยๆ ที่เที่ยวดีๆ
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2013, 10:21:37 am »
ไหว้พระ 5 วัดริมราชดำเนิน กราบพระไพรีพินาศ-ขอพรพระวัดชนะสงคราม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    29 พฤศจิกายน 2556 15:07 น.

-http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000147108-



วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว

       จนถึงวันนี้เหตุการณ์ทางการเมืองยังไม่สรุป รัฐบาลยังทำมึนไม่สนใจเสียงเรียกร้องของประชาชน จึงยังมีผู้คนทยอยมาร่วมชุมนุมแสดงพลังกันอย่างต่อเนื่องเพื่อแสดงให้เห็นว่าบ้านเมืองไม่ใช่ของเล่นที่จะให้รัฐบาลจับดึงไปทางไหนก็ได้ตามใจชอบ ขณะนี้จึงยังมีประเด็นให้ต้องติดตามกันเป็นระยะๆ
       
       สำหรับผู้ที่มาร่วมชุมนุม โดยเฉพาะผู้ที่มาจากจังหวัดต่างๆ ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่นอกจากจะมารวมพลังขับไล่อำนาจมืดในแผ่นดินแล้ว ยังจะได้มาชมวัดและมากราบพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองเพื่อความเป็นสิริมงคลและยังจะได้ขอพรพระให้ช่วยคุ้มครองประเทศไทยให้ร่มเย็นเป็นสุขต่อไป
       
       ในบริเวณถนนราชดำเนินตลอดทั้งสายนั้นมีวัดอยู่หลายแห่ง แต่มีอยู่ 5 วัดสำคัญด้วยกันที่เราขอนำมาแนะนำกันในวันนี้


วัดพระแก้ว วัดคู่บ้านคู่เมืองของไทย

       ชวนไปวัดแรกที่ “วัดพระศรีรัตนศาสดาราม” หรือ “วัดพระแก้ว” วัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองที่ตั้งอยู่บนถนนหน้าพระลาน ใกล้กับสนามหลวงและถนนราชดำเนินนอก วัดนี้มี “พระแก้วมรกต” หรือ “พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ทำขึ้นจากหินสีเขียวงดงามเป็นอย่างยิ่ง องค์พระแก้วประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถ ซึ่งนอกจากนั้นก็ยังมีพระพุทธรูปสำคัญหลายองค์ เช่นพระสัมพุทธพรรณี พระพุทธรูปที่รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นตามแบบพระราชนิยม คือไม่มีเกตุมาลา เป็นต้น และก็ยังมีพระพุทธปฏิมากรฉลองพระองค์รัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 2 พระนามว่า พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น รวมทั้งพระชัยหลังช้าง ที่ใช้อัญเชิญขึ้นบนหลังช้างยามออกรบอีกด้วย
       
       ไหว้พระแก้วมรกตแล้วขอแนะนำอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดชม นั่นก็คือภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์บริเวณพระระเบียงรอบๆ พระอุโบสถ ที่รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้ช่างเขียนเขียนภาพเล่าเรื่องตามพระราชนิพนธ์ ซึ่งภาพเหล่านี้ก็ได้มีซ่อมและเขียนใหม่หลายครั้งด้วยกัน แต่ละภาพล้วนวิจิตรงดงามดูได้ไม่เบื่อ


พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฎฐ์ฯ วัดชนะสงคราม

       วัดแห่งที่สองคือ “วัดชนะสงคราม” บนถนนจักรพงษ์ ใกล้กับถนนข้าวสารและสะพานพระปิ่นเกล้า แค่ชื่อวัดก็เป็นมงคลแล้ว โดยแต่เดิมวัดนี้มีชื่อว่าวัดตองปุ และได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดชนะสงครามหลังจากที่สมเด็จฯ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท หรือวังหน้าในรัชกาลที่ 1 ทรงมีชัยชนะในสงคราม 9 ทัพ และกลับมาบูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้ขึ้นใหม่
       
       พระอุโบสถของวัดชนะสงครามก็ถือว่างดงามไม่แพ้วัดไหน เพราะเป็นฝีมือของช่างวังหน้าสมัยรัชกาลที่ 1 ด้านในพระอุโบสถค่อนข้างกว้าง ภายในประดิษฐานพระประธานนามว่า "พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฎฐ์ มเหทธิศักดิ์ปูชนียะชยันตะโคดม บรมศาสดาอนาวรญาณ" พระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทองปางมารวิชัย


พระพุทธชินสีห์ (หน้า) พระสุวรรณเขต (หลัง) พระประธานในพระอุโบสถวัดบวรฯ

       “วัดบวรนิเวศวิหาร” ตั้งอยู่บริเวณบางลำพูไม่ไกลจากสี่แยกคอกวัวและถนนราชดำเนินเท่าไรนัก อีกทั้งในขณะนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งพระองค์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เนื่องจากติดเชื้อในกระแสพระโลหิต ไปเมื่อ วันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยได้ตั้งพระศพไว้ที่ตำหนักเพชรในเขตสังฆาวาส
       
       ภายในวัดบวรนิเวศฯ มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระอุโบสถซึ่งสร้างขึ้นตามแบบ พระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปถึง 2 องค์ คือ “พระพุทธชินสีห์” และ “พระสุวรรณเขต (พระโต)” เป็นพระประธานประดิษฐานคู่กัน อีกทั้งภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามฝีมือของขรัวอินโข่ง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับปริศนาธรรมเนื่องด้วยคุณของพระรัตนตรัย และมีจิตรกรรมฝาผนังตอนล่างของพระอุโบสถที่เขียนแสดงเหตุการณ์สำคัญของขนบธรรมเนียมไทย และประเพณีสำคัญทางพระพุทธศาสนา
       
       ด้านหลังพระอุโบสถเป็นเจดีย์กลมขนาดใหญ่หุ้มกระเบื้องสีทอง รอบฐานเจดีย์มีศาลาจีนและซุ้มจีน ด้านหลังเจดีย์เป็นวิหารเก๋งจีน และยังเป็นที่ประดิษฐาน “พระไพรีพินาศ” พระพุทธรูปโบราณที่มีคนนำมาถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งทรงพระผนวชอยู่ที่วัดบวรฯ พระองค์ทรงถวายนามให้พระพุทธรูปองค์นี้ว่าพระไพรีพินาศ เนื่องจากบรรดาอริราชศัตรูที่คิดปองร้ายพระองค์ในขณะนั้นต่างพ่ายแพ้พระองค์ไปเสียสิ้น หากใครได้ไปไหว้ก็ขอให้ช่วยกันอธิษฐานขอให้ศัตรูที่ไม่หวังดีต่อบ้านเมืองจงพินาศแพ้ภัยตัวเองไปด้วยเถิด


พระบรมรูปรัชกาลที่ 3 บริเวณลานพลับพลาเจษฎาบดินทร์ ด้านหลังเป็นโลหะปราสาทวัดราชนัดดา (ภาพก่อนการบูรณะ)

       ที่ “วัดราชนัดดา” วัดนี้อยู่ใกล้กับจุดชุมนุมมากที่สุด คืออยู่บริเวณถนนมหาไชยตัดกับถนนราชดำเนินกลาง หรือใกล้กับป้อมมหากาฬนั่นเอง สิ่งสำคัญของวัดราชนัดดาก็คือ "โลหะปราสาท" ซึ่งมีเพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทย และหนึ่งเดียวในโลกด้วย
       
       โลหะปราสาทนี้เป็นอาคารทรงไทย 7 ชั้น (มองจากด้านนอกจะเห็นเป็น 3 ชั้น) ไม่ได้สร้างจากโลหะทั้งหมด โดยส่วนที่เป็นโลหะคือส่วนของหลังคายอดปราสาททั้ง 37 ยอด แทนความหมายถึงโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ อันเป็นปัจจัยให้ดำเนินไปสู่ความหลุดพ้นเข้าสู่นิพพาน โดยที่ยอดปราสาทชั้นบนสุดนั้นเป็นมีบุษบกที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุให้ประชาชนขึ้นไปกราบไหว้ แม้ขณะนี้โลหะปราสาทกำลังซ่อมแซมภายนอกอยู่ แต่ก็สามารถขึ้นไปกราบพระบรมสารีริกธาตุและไหว้พระพุทธรูปขอพรพระให้คนโกงบ้านโกงเมืองหมดอำนาจไปจากประเทศไทย
       
       ติดกับวัดราชนัดดายังเป็นที่ตั้งของ "ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์" ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปของสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 และยังมีพลับพลาที่ประทับงดงามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อทรงออกรับแขกบ้านแขกเมือง ลานกว้างแห่งนี้ยังใช้เป็นที่จัดกิจกรรมสำคัญต่างๆ ในกรุงเทพฯ


สถาปัตยกรรมอันงดงามที่วัดเบญจมบพิตร

       วัดสุดท้ายใกล้จุดชุมนุม ที่ “วัดเบญจมบพิตร” ถนนพิษณุโลก ไม่ห่างจากพระบรมรูปทรงม้ามากนัก ช่วงก่อนหน้านี้มีข่าวว่าตำรวจนำเอาแท่งปูน ลวดหนาม ฯลฯ มาปิดกั้นจราจรบริเวณหน้าวัดจนประชาชนไม่สามารถมาตักบาตรได้ ทำเอาพระเจ้าเดือดร้อนไม่สามารถทำกิจของสงฆ์ได้อย่างสะดวก
       
       วัดเบญจมบพิตรเป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงปฏิสังขรณ์และสถาปนาขึ้น วัดแห่งนี้ยังได้ชื่อว่าเป็น "สถาปัตยกรรมที่สมบูรณ์แบบ" ซึ่งออกแบบโดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ที่ได้ทรงออกแบบพระอุโบสถและพระระเบียงอย่างวิจิตรงดงามด้วยแบบอย่างศิลปะและสถาปัตยกรรมไทยโบราณ โดยพระอุโบสถของวัดเบญจมบพิตรนั้นเป็นแบบจตุรมุข มีพระระเบียงโอบรอบด้านหลัง ถือเป็นพระอุโบสถที่สร้างได้สัดส่วนสวยงามเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งตัวพระอุโบสถยังสร้างด้วยหินอ่อนจนเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติว่า “Marble Temple”
       
       เข้าไปด้านในพระอุโบสถกราบพระประธานคือพระพุทธชินราช ซึ่งจำลองมาจากพระพุทธชินราชองค์จริงที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก อีกทั้งบริเวณพระระเบียงยังมีพระพุทธรูปหลากหลายปางที่รัชกาลที่ 5 ทรงตั้งพระราชหฤทัยจะให้ทำเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมพระพุทธรูปโบราณสมัยต่างๆ และปางต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นทั้งในและต่างประเทศ แสดงให้ประชาชนได้ชม ดังนั้นใครที่มาไหว้พระที่วัดเบญจฯ ก็อย่าลืมมาเดินชมและกราบไหว้พระพุทธรูปงดงามเหล่านี้กัน



http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000147108
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวมแหล่งหารูปสวยๆ ที่เที่ยวดีๆ
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2013, 07:47:31 am »
เที่ยวทะเลปีใหม่กับ 15 สถานที่เด็ด ๆ สวยจับใจ

-http://travel.kapook.com/view78061.html-





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

           “ปีใหม่” ทั้งทีหลายคนคงเตรียมตัววางแผนทริปเดินทางท่องเที่ยวต้อนรับปีใหม่กันบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภูเขา น้ำตก ทะเล หรือไปสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้านในจังหวัดต่าง ๆ แต่สถานที่ท่องเที่ยวที่ยังคงครองใจและเสมือนเป็นแรงดึงดูดให้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางมาเที่ยวพักผ่อน นั่นก็คือ ท้องทะเลสวย ๆ ทั้งด้านอ่าวไทยและทะเลอันดามัน เพราะมีความงดงามซุกซ่อนอยู่มากมาย ฉะนั้น เรามาต้อนรับสิ่งใหม่ ๆ ด้วยทริปท่องเที่ยวต้นปี กับบรรยากาศสวย ๆ กันดีกว่า โดยกระปุกท่องเที่ยวได้รวบรวมเอาเกาะและหาดน่าเที่ยวในช่วงปีใหม่มาฝากกัน ส่วนจะมีที่ไหนน่าสนใจบ้างนั้น ไปชมกันเลยจ้า


1. เกาะตาชัย



           มาเริ่มกันที่ “เกาะตาชัย” ถือเป็นเกาะสุดฮิตน่าท่องเที่ยว อยู่ในเขตจังหวัดพังงา ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และอยู่ไม่ไกลจากหมู่เกาะสุรินทร์มากนัก โดยผู้ที่ค้นพบครั้งแรกชื่อ ตาชัย ทำให้เกาะนี้ถูกตั้งชื่อเกาะตามคนค้นพบว่า “เกาะตาชัย” ทั้งนี้ เกาะนี้ได้ถูกสำรวจพบมานานแล้ว แต่เพิ่งจะขึ้นตรงกับอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ไปยลโฉมความงามได้ไม่นาน ทำให้ตอนนี้บนเกาะตาชัยยังไม่มีบ้านพักไว้คอยบริการแต่ทางอุทยานฯ อนุญาตให้กางเต็นท์พักค้างคืนได้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างห้องน้ำแยกชายหญิงเป็นสัดส่วนไว้บริการอีกด้วย โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ซึ่งช่วงเวลาที่เกาะตาชัยงดงามที่สุด คือ เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน จากนั้นเกาะตาชัยจะปิด 6 เดือน เพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟู

           ทั้งนี้ ผู้สนใจการท่องเที่ยวธรรมชาติสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน 93 หมู่ 5 บ้านทับละมุ ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา โทรศัพท์ 0 7645 3272

 
2. เกาะสมุย



           เกาะสมุย อยู่ในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเกาะที่ตั้งอยู่บริเวณอ่าวไทย ห่างจากตัวจังหวัดไปทางทิศตะวันออก 84 กิโลเมตร รวมทั้งยังเป็นพื้นที่ 1 ใน 3 ของเกาะเป็นที่รายล้อมไปด้วยภูเขา ช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นช่วงคลื่นลมสงบจึงเหมาะแก่การท่องเที่ยวมากที่สุด นอกจากนี้ เกาะสมุยยังเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก แถมยังมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ก็ต่างขนานนามให้เกาะสมุยนี้เป็น "สวรรค์กลางอ่าวไทย" เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรการท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่น สวยงาม มีเสน่ห์แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม เช่น น้ำทะเลใสบริสุทธิ์ หาดทรายขาวทอดขนานไปกับทิวต้นมะพร้าวริมชายหาด และนอกจากธรรมชาติชายทะเลแล้วยังมีน้ำตกที่มีน้ำใสเย็นเกือบตลอดทั้งปี มีแหล่งท่องเที่ยวที่แสดงถึงศิลปวัฒนธรรมของชาวท้องถิ่น เช่น วัดสำเร็จ วัดละไม วัดพระใหญ่ เจดีย์แหลมสอ เป็นต้น

           ส่วนในท้องทะเลโดยรอบบริเวณเกาะสมุยยังมีแนวปะการังอยู่ทั่วไป ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์อยู่ทางตอนใต้ของเกาะ ซึ่งเป็นแหล่งดำน้ำตื้นที่มีชื่อเสียง อีกทั้งยังพร้อมไปด้วยโรงแรม ที่พัก รีสอร์ท สนามกอล์ฟ สปา ร้านอาหาร สถานบันเทิง บริการนำเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ซึ่งล้วนเป็นเสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เคยมาเยือนเกาะสมุยเสมอ

 
3. เกาะหลีเป๊ะ



           เกาะหลีเป๊ะ เจ้าของฉายา “มัลดีฟส์เมืองไทย” เป็นเกาะเล็ก ๆ ของจังหวัดสตูล มีลักษณะแบน ๆ คล้ายบูมเมอแรง โดยชื่อ "เกาะหลีเป๊ะ" หมายถึง เกาะที่ราบเรียบคล้ายกระดาษ ซึ่งมีที่มาจากภาษาท้องถิ่นชาวเล ซึ่งส่วนใหญ่ประชากรบนเกาะจะประกอบอาชีพประมงเป็นหลัก บริเวณโดยรอบเกาะเต็มไปด้วยปะการังอันสมบูรณ์ มีเวิ้งอ่าวที่สวยงาม หาดทรายขาวละเอียด อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของความสะดวกสบายทั้งที่พัก ที่กิน ที่เที่ยวยามค่ำคืนครบครัน

           นอกจากนี้ เกาะหลีเป๊ะยังเป็นเกาะที่เต็มไปด้วยธรรมชาติของปะการังบริเวณรอบเกาะ มีหาดทรายละเอียดนิ่มเหมือนแป้ง โดยมีชายหาดหลัก ๆ อยู่ 3 หาดคือ หาดซันเซ็ท หาดซันไรส์ และหาดพัทยา (บันดาหยา) ส่วนกิจกรรมที่เป็นที่นิยมบนเกาะหลีเป๊ะ คือ การดำผิวน้ำและการดำน้ำลึก รวมถึงการรับประทานอาหารเที่ยงบนชายหาดที่สวยงามร้านดำน้ำ และรีสอร์ทต่าง ๆ มักจะมีอุปกรณ์ดำน้ำให้เช่า และสามารถจัดเรือให้บริการสำหรับทริปดำน้ำต่าง ๆ


4. เกาะพงัน



           เกาะพะงัน ตั้งอยู่ภายในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ห่างจากเกาะสมุยขึ้นไปทางทิศเหนือประมาณ 20 กิโลเมตร โดยเนื้อที่ประมาณ 120,625 ไร่ หรือ 168 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วย 3 ตำบล คือ ตำบลเกาะพงัน ตำบลบ้านใต้ และตำบลเกาะเต่า โดยลักษณะภูมิประเทศของเกาะจะมีภูเขาอยู่ตรงกลางเกาะ ทอดตัวจากทิศเหนือจดทิศใต้ มีที่ราบทางด้านทิศตะวันตกของเกาะ ส่วนทางทิศตะวันออกเป็นเทือกเขาจรดทะเล นอกจากนี้ เกาะพะงันยังเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก โดยเฉพาะบริเวณ "หาดริ้น" ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานฟูลมูน ปาร์ตี้ เป็นประจำทุกคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ซึ่งถือเป็นเทศกาลดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศทั้งในและต่างประเทศ ให้เดินทางไปเยือนกันเป็นประจำทุกปี รวมทั้งยังมีท้องทะเลสวย ๆ และมีน้ำใส ๆ รวมทั้งหาดทรายสีขาวอีกด้วย


5. เกาะหมาก



           ถือเป็นเกาะขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดตราด อยู่ระหว่าง เกาะช้าง กับ เกาะกูด มีรูปร่างคล้ายดาวสี่แฉก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสวนมะพร้าว โดยรอบมีอ่าว ชายหาด และน้ำใสสะอาดหลายแห่ง ซึ่งบริเวณชายฝั่งรอบเกาะและเกาะใกล้เคียงพบแนวปะการังที่สมบูรณ์ บนเกาะมีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย ช่วงฤดูท่องเที่ยวเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม-พฤษภาคม นอกจากนี้ บริเวณเกาะหมากยังเป็นที่อยู่ของชุมชนดั้งเดิม ส่วนใหญ่เป็นเขมรเชื้อชาติไทยที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานเมื่อครั้งเมืองประจันตคีรีเขตรหรือเกาะกงเป็นของฝรั่งเศสเมื่อปี พ.ศ. 2447 โดยมี หลวงพรหมภักดี ต้นตระกูลตะเวทิกุล เป็นผู้ควบคุมคนจีนบนเกาะกง คนบนเกาะส่วนใหญ่เป็นเครือญาติกัน มีอาชีพเกษตรกรรมทำสวนยางพารา และสวนมะพร้าวจนเกาะหมากได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกมะพร้าวที่สำคัญของจังหวัดตราดอีกด้วย
 

6. เกาะนางยวน



           เกาะนางยวน ตั้งอยู่ภายในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นอีกหนึ่งเกาะที่ให้บรรยากาศส่วนตัวมีธรรมชาติที่สวยงามและมีความพิเศษสุด ๆ กับภาพสันทรายสะอาดที่เชื่อมเกาะเต่า เกาะนางยวน และเกาะเล็ก ๆ เข้าไว้ด้วยกัน นับเป็นความงดงาม 1 ใน 10 ของโลก ที่มาเยือนแล้วก็ต้องพลาดไม่ได้ที่จะขึ้นไปเที่ยวชมจุดชมวิวของสุดยอดเกาะส่วนตัวแห่งนี้กัน รวมทั้ง เกาะเต่า เกาะที่ได้ชื่อว่าเป็นเกาะสวรรค์กลางทะเลอ่าวไทย และเพราะมีธรรมชาติสวยงามและอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งมีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกขนาดใหญ่และสวยงาม จึงเป็นจุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงระดับโลกอีกแห่งหนึ่งอีกด้วย
 

7. เกาะล้าน



           เกาะล้าน ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดชลบุรี อยู่ห่างจากชายฝั่งพัทยา 7 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำหรับผู้ที่มีเวลาเที่ยวน้อย โดยสามารถนั่งเรือข้ามไปที่เกาะโดยใช้เรือโดยสารใช้เวลา 45 นาที พื้นที่ของเกาะมีพื้นที่ประมาณ 4 ตารางกิโลเมตร มีชายหาดที่สวยงามหลายแห่ง ส่วนใหญ่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเล่นน้ำเพราะน้ำทะเลที่เกาะล้านนี้ใส และสะอาดมาก สามารถว่ายลอยตัวบนผิวน้ำใส ๆ ก็ได้เช่นกัน หรือจะเลือกไปดำน้ำดูปะการัง เล่นกีฬาทางน้ำก็ได้จ้า อีกทั้งบนเกาะล้านยังมีที่พักหลายสไตล์  ใครชอบแบบไหนเลือกได้ตามใจชอบเลยจ้า


8. เกาะช้าง



           เกาะช้าง เป็นหนึ่งเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากเกาะภูเก็ต แถมยังมีเกาะเล็กเกาะใหญ่มากกว่า 52 เกาะ แต่เดิมไม่มีชุมชนตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัย หากมีความสำคัญในฐานะที่เป็นท่าจอดเรือหลบลมมรสุม เป็นแหล่งเสบียงอาหารและน้ำจืด โดยเฉพาะบริเวณอ่าวสลักเพชรหรืออ่าวสลัด เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่โจรสลัด ชาวจีนไหหลำ  และญวน สำหรับภูมิประเทศของเกาะช้าง มีพื้นที่กลางเกาะเป็นภูเขา และป่าดิบชื้น มีที่ราบอยู่ตามขอบเกาะก่อนถึงชายหาดของอ่าวต่าง ๆ ที่ราบเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นสวนมะพร้าว สวนยางพารา และสวนผลไม้ เช่น เงาะ ทุเรียน ส้มโอ ฯลฯ ตลอดจนเปิดเป็นที่พักของนักท่องเที่ยวมากมายหลากหลาย ทั้งที่พักริมชายหาด บนเขา หรือแบบโฮมสเตย์สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน


9. ปราณบุรี



           ปราณบุรี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลฝั่งอ่าวไทย ที่เริ่มได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น เพราะอยู่ห่างจากหัวหินเพียง 30 กิโลเมตร และเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างเงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าชายทะเลอื่น ๆ ในละแวกใกล้เคียงกัน จึงเหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจ นอนฟังเสียงทะเล ท่ามกลางบรรยากาศแสนโรแมนติก และเหมาะกับการเล่นกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งพายเรือคายัก ปีนหน้าผา ปั่นจักรยาน ยิ่งไปกว่านั้นปราณบุรียังเป็นศูนย์รวมของโรงแรม รีสอร์ท เก๋ไก๋ มีสไตล์ เป็นเอกลักษณ์ รองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างครบครับ ปราณบุรีจึงเป็นสถานที่อินเทรนด์อีกแห่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนอย่างแท้จริง

           โดยมีสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ชายหาดปราณบุรี เป็นชายหาดที่ยาวต่อเนื่องจากชายหาดหัวหิน เงียบสงบร่มรื่น มีที่พักหลายแห่งให้บริการ และหมู่บ้านปากน้ำปราณ บริเวณช่วงที่แม่น้ำปราณบุรีไหลลงสู่ทะเล ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมง หมู่บ้านแห่งนี้จึงกลายเป็นศูนย์รวมอาหารทะเลจำหน่ายในราคาย่อมเยา


10. ทะเลสัตหีบ



           สัตหีบ อำเภอเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี ห่างจากตัวเมืองชลบุรี 85 กิโลเมตร มีชายหาดที่สวยงามและเงียบสงบหลายแห่ง เช่น หาดเตยงาม ตั้งอยู่บริเวณอ่าวเตยงาม มีชายหาดสีขาวยาวสุดสายตา, หาดนางรำ ตั้งอยู่ภายในท่าเรือจุกเสม็ด บริเวณจุดจอดเรือหลวงจักรีนฤเบศร เป็นหาดที่ยังคงความสวยงามและสมบูรณ์แห่งหนึ่งในฝั่งทะเลแถบตะวันออก, หาดนางรอง ตั้งอยู่ต่อจากแหลมนางรำ เป็นหาดทรายขาวละเอียด, หาดทรายแก้ว ตั้งอยู่ในพื้นที่โรงเรียนชุมพลทหารเรือ เป็นหาดทรายขาวลักษณะของเม็ดทรายจะสวยงามและน้ำทะเลใสสะอาด, หาดเทียนทะเล อีกหนึ่งสถานที่ที่สวยงาม สามารถชมวิวได้ในมุมกว้าง, หาดบางเสร่ เป็นชายหาดที่ยาวประมาณ 1,500 เมตร สวยงามและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเข้ามาพักผ่อนจำนวนมาก, หาดบ้านอำเภอ หาดที่ยังคงมีธรรมชาติที่สวยงาม น้ำทะเลใส และเป็นหาดที่เงียบสงบ

           เกาะแสมสาร ถือเป็น 1 ใน 9 เกาะ ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพฯ หรือ อพ.สธ. นับเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาเกาะทั้งหมดในอำเภอสัตหีบ บนเกาะมีสถานที่เล่นน้ำ ได้แก่ หาดเทียน, หาดแหลมฝรั่ง, หาดลูกอม (สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากดำน้ำ ให้อาหารปลา), หาดขวด และหาดหน้าบ้าน และ เกาะขาม มีรูปร่างคล้ายตัว H มีพื้นที่ประมาณ 61 ไร่ อยู่ภายใต้การดูแลของกองเรือป้องกันฝั่ง เป็นเกาะที่มีความสมบูรณ์ทางด้านธรรมชาติ ชายหาดที่สวยงาม และแนวปะการังที่สมบูรณ์ไปด้วยสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ เหมาะกับการอนุรักษ์และพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อศึกษาหาความรู้ด้านวิชาการ

 
11. เกาะห้อง



           เกาะห้อง หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เกาะเหลาบิเละ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี จังหวัดกระบี่ เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่มีทัศนียภาพสวยงามมาก ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีคราม มีกัลปังหาและปะการังรอบเกาะ ลักษณะโดยทั่วไปเป็นเขาหินปูน น้ำทะเลใส หาดทรายขาว มีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเหมาะแก่การดำน้ำ ตกปลา นอกจากนี้ บนเกาะห้องยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 400 เมตร รอบ ๆ เกาะห้องสามารถพายเรือแคนูได้ แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้นักเดินทางต่างอยากไปสัมผัสเกาะห้องด้วยตาตัวเอง นั่นคือ ทะเลใน ซึ่งเปรียบเสมือนสระน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ผนังเป็นหน้าผาชันโดยรอบ ลักษณะคล้ายห้อง มีประตูทางเข้าเพียงทางเดียว กว้างประมาณ 10 เมตร สามารถนำเรือเข้าไปได้ พื้นเป็นทรายขาวสะอาดราบเรียบเสมอกัน น้ำตื้น และใสมาก เหมาะแก่การเล่นน้ำ


12. เกาะมุก



           เมื่อพูดถึงเกาะมุก สถานที่สำคัญที่เป็นไฮไลท์ภายในเกาะที่หลายคนต้องไปเยือนนั่น ก็คือ ถ้ำมรกต ซึ่งเป็นถ้ำน้ำขนาดเล็กที่หลังน้ำลดจะสามารรถนั่งเรือลอดเข้าไปได้ หรือไม่นักท่องเที่ยวก็ต้องลอยคอเข้าไปชมความงามภายในถ้ำ ซึ่งเมื่อพ้นปากถ้ำจะพบกับห้องโถงใหญ่ที่มีพื้นเป็นน้ำทะเลสะท้อนแสงสีเขียวมรกต ล้อมรอบด้วยผนังผาสูงชันและหาดขาวละเอียด ซึ่งช่วงที่ดีที่สุดในการเที่ยวถ้ำมรกต คือ ช่วงที่น้ำขึ้นในแต่ละวันระหว่างเวลา 10.00-14.00 น. และเดือนที่เหมาะสมในการเที่ยว ก็คือ ช่วงเดือนธันวาคม-พฤษภาคม นอกจากนี้ บริเวณรอบเกาะยังมีชายหาดสวยงามกับวิถีชุมชนมุสลิมที่ยังชีพด้วยการประมงพื้นบ้านเป็นบรรยากาศเงียบสงบที่เหมาะจะหลบมาพักผ่อนเป็นอย่างดี

 
13. เกาะกูด



           เกาะกูด เป็นเกาะที่อยู่สุดท้ายทางทิศตะวันออกของประเทศไทยในน่านน้ำทะเลตราด ลักษณะโดยทั่วไปของเกาะยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ โดยมีภูเขาและที่ราบสันเขาซึ่งเป็นต้นกำเนิดลำธาร สายน้ำ ทำให้เกาะกูดมีน้ำตกหลายแห่ง แต่ที่ขึ้นชื่อบนเกาะกูด คือ น้ำตกคลองเจ้า จะมีน้ำไหลตลอดทั้งปี ส่วนทางฝั่งตะวันตกของเกาะตั้งแต่อ่าวตาติ้น, หาดคลองยายกี๋, แหลมหินดำ, หาดคลองเจ้า, หาดง่ามโข่, แหลมบางเบ้า, หาดอ่าวพร้าว ไปจนสุดปลายแหลมเทียน

           อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางฝั่งตะวันออกที่น่าสนใจ ได้แก่ อ่าวสับปะรด, แหลมศาลา, อ่าวยายเกิด, อ่าวคลองหิน และอ่าวจาก ล้วนแต่เป็นหาดที่มีหาดทรายสวยงามและน้ำทะเลใส มีธรรมชาติสงบเงียบ ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าวริมหาด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบท่องเที่ยวและพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ โดยแต่ละหาดจะมีที่พักไว้บริการนักท่องเที่ยว ในแบบบรรยากาศที่เป็นส่วนตัว นอกจากนี้ บนเกาะกูดยังมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์ แนวปะการังนานาชนิดและปลาทะเลสีสันสวยงามในบริเวณทะเลด้านในของตัวเกาะอีกด้วย


14. เกาะทะลุ



           เกาะทะลุ ตั้งอยู่ในตำบลบางสะพาน อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นเกาะขนาดเล็ก เดินทางจากชายฝั่งบ้านหนองเสม็ด ภูมิประเทศเป็นชายหาด ภูเขาและสวนมะพร้าวซึ่งยังคงสภาพสวยงามอุดมสมบูรณ์ หาดทรายขาวสะอาด เช่น อ่าวมุก บรรยากาศเงียบสงบ ทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีสวย, อ่าวไทรใหญ่ เหมาะแก่การดำน้ำดูปะการัง พายเรือคายัก เล่นเรือใบ, อ่าวเทียน เหมาะแก่การชมวิวทิวทัศน์ เพราะมีต้นเทียนอยู่มาก ส่วนด้านตะวันออกของเกาะมีสุสานปะการังที่ถูกน้ำทะเลพัดมาทับถมจนเต็มหาด

           สำหรับหัวเกาะด้านทิศเหนือเป็นหน้าผาหินและมีช่องหินขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติของลมและน้ำทะเล ที่กัดเซาะจนสามารถมองเห็นทะเลอีกด้านหนึ่ง อันเป็นที่มาของชื่อเกาะ บริเวณรอบเกาะทะลุอุดมไปด้วยปะการังน้ำตื้นสีสวย หาดทรายขาวสะอาด เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบบรรยากาศเงียบสงบเป็นส่วนตัว อีกทั้งนักท่องเที่ยวยังสามารถพายเรือคายักชมความงามรอบเกาะได้ รวมถึงการทำกิจกรรมต่าง ๆ


15. เกาะสีชัง



           เป็นเกาะใหญ่ที่มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของชลบุรี อยู่ห่างจากฝั่งศรีราชาประมาณ 12 กิโลเมตร และเป็นเกาะที่น่าท่องเที่ยวในบรรยากาศแบบท้องถิ่น ซึ่งสามารถแวะท่องเที่ยวในวันเดียวหรือพักค้างคืนก็ได้ ชุมชนเกาะสีชังอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะ เป็นที่ตั้งของท่าเรือเทววงศ์ (ท่าล่าง) และเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางด้วยรถสามล้อเครื่องหรือสกายแล็ปไปยังจุดอื่น ๆ บนเกาะสีชังจุดท่องเที่ยวบนเกาะสีชัง ได้แก่ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะสีชังให้ความเคารพนับถือ, มณฑปรอยพระพุทธบาท อยู่สูงขึ้นไปบนยอดเขาเดียวกับศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ รัชกาลที่ 5 ทรงอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ บนยอดเขาเป็นจุดชมทิวทัศน์ทะเลได้โดยรอบ

           ช่องเขาขาด ตั้งอยู่ด้านหลังของเกาะ หากนั่งเรือผ่านจะเห็นเป็นช่องเขา ในบริเวณมีสะพานสำหรับเดินชมทิวทัศน์ สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงาม มีหาดหินกลม ซึ่งเต็มไปด้วยหินกลม ๆ ขนาดต่าง ๆ มากมาย, พระจุฑาธุชราชฐาน สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นที่ประทับในฤดูร้อน ภายในบริเวณมีสภาพภูมิทัศน์ที่งดงาม ด้านหน้าเป็นชายหาดท่าวัง ถัดขึ้นไปเป็นตึกวัฒนา พระตำหนักทรงปั้นหยา เรือนไม้ลวดลายขนมปังขิง ตึกผ่องศรีหรือศาลาแปดเหลี่ยม ตึกอภิรมย์ และวัดอัษฎางค์นิมิตบนยอดเขา ซึ่งก่อสร้างแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมตะวันตก และหาดถ้ำเขาพัง ตั้งอยู่ด้านตะวันตกของเกาะ เป็นชายหาดกว้าง สะอาดและสวยงาม มีทรายละเอียด น้ำใสสะอาดเหมาะแก่การเล่นน้ำ

           ทั้งนี้ เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะสีชังอยู่ห่างกันพอสมควร จะสะดวกมากหากจะเช่ารถสามล้อเครื่องจากท่าเทียบเรือไปชมสถานที่ต่าง ๆ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษก็เที่ยวได้ทั่วเกาะ


           เรียกได้ว่า 15 เกาะและชายหาดที่เราคัดเลือกมานั้น เป็นท้องทะเลที่เหมาะสำหรับวางแผนไป “เที่ยวทะเลปีใหม่” เป็นอย่างยิ่ง ใครอยากพักผ่อนเพื่อเริ่มต้นสิ่งดี ๆ หลังจากที่ทำงานหนักมาทั้งปีก็อย่าลืมเลือกสักที่แล้วแวะไปเที่ยวกันนะจ๊ะ ^^


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
-http://thai.tourismthailand.org/-
-http://www.dnp.go.th/index3d.asp-


http://thai.tourismthailand.org/
http://www.dnp.go.th/index3d.asp
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวมแหล่งหารูปสวยๆ ที่เที่ยวดีๆ
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2013, 07:56:03 pm »
ตามรอยความอร่อยในงาน “กินข้างทาง…นั่งข้างวัง” ที่ "มิวเซียมสยาม"
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    16 ธันวาคม 2556 19:21 น.
-http://www.manager.co.th/Food/ViewNews.aspx?NewsID=9560000154389-




  มิวเซียมสยาม ชวนร่วมงาน “ไนท์ แอท เดอะ มิวเซียม (Night at the Museum)” ครั้งที่ 4 ตอน มิวเซียมกินได้ “กินข้างทาง...นั่งข้างวัง” ในวันที่ 20 - 22 ธ.ค.56 ตั้งแต่เวลา 18.00 - 22.00 น. ณ มิวเซียมสยาม พบกับการสาธิตการปรุงอาหารชาววัง ของห้องเครื่องต้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็นต้น
       
       โดยภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ การสาธิตการปรุงอาหารชาววัง อาหารโบราณของห้องเครื่องต้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา พระมเหสีในรัชกาลที่ 5 สาธิตโดย อาจารย์และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ที่สูตรอาหารในแต่ละวันจะไม่ซ้ำกัน เพื่อเผยให้เห็นถึงวิวัฒนาการอาหารสตรีทฟู้ดของไทย ที่มีรากเหง้าแต่ดั้งเดิมมาจากห้องเครื่องต้นในรั้ววัง และในงานนี้ยังมีวางจำหน่ายให้ได้ลิ้มลอง อาทิ น้ำพริกลูกหนำเลี๊ยบ, น้ำพริกลงเรือ, น้ำพริกตะไคร้, ไก่นมวัว, ข้าวในกะหล่ำปลี, ข้าวงบไก่, ข้าวบายศรีปากชาม, แกงเลียงนพเก้า เป็นต้น พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงาน ได้เวิร์คช็อปกับการปรุงอาหารสูตรสำรับห้องเครื่องต้น รัชกาลที่ 5
       
       นอกจากนี้ยังมีการออกร้านค้าอาหารชื่อดัง ที่ความอร่อยยกนิ้วให้จนเป็นตำนานร่วม 30 บูธ อาทิ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อนายโส่ย, ข้าวแกงร้านฉวาง, ผัดไทยร้านสวัสดี, ข้าวหมกไก่คุณเล็ก, กาแฟโกปี๊ นครศรีธรรมราช และน้ำแข็งใสร้านเซ็งเซียมอี้ ท่ามกลางบรรยากาศลมหนาวเย็นสบาย เคล้าเสียงเพลงอันไพเราะที่จะขับกล่อมตลอดงาน และชมนิทรรศการที่จะสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของอาหารการกิน นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
       
       สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.0-2225-2777 ต่อ 414, 415 หรือ www.facebook.com/museumsiamfan

-----------------------------------------------


มิวเซียมสยาม
-http://www.museumsiam.com/book.php-

 ข้อมูลสำหรับผู้เข้าชม
ที่ตั้ง

มิวเซียมสยาม  | สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ
เลขที่ 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

โทรศัพท์ 02-225-2777
โทรสาร 02-225-2775
เวลาเปิดให้บริการ

วันอังคาร - วันอาทิตย์ เวลา 10.00 - 18.00 น.
(ปิดให้บริการทุกวันจันทร์)
ค่าเข้าชม
บุคคลทั่วไป
นักเรียน นักศึกษา (อายุ 15 ปีขึ้นไป)
50 บาท
ผู้ใหญ่คนไทย
100 บาท
ผู้ใหญ่ชาวต่างชาติ
300 บาท

หมู่คณะ 5 คนขึ้นไป
นักเรียน นักศึกษา (อายุ 15 ปีขึ้นไป)
25 บาท
ผู้ใหญ่คนไทย
50 บาท
ผู้ใหญ่ชาวต่างชาติ
150 บาท




-http://www.museumsiam.com/map.html-



คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวมแหล่งหารูปสวยๆ ที่เที่ยวดีๆ
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2013, 08:53:20 pm »
ร่วมย้อนอดีตเมืองกรุงฯในงาน “เทศกาลรัตนโกสินทร์”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    18 ธันวาคม 2556 17:09 น.

-http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000155361-



 กรมธนารักษ์ จับมือหลายหน่วยงานจัดงาน “เทศกาลรัตนโกสินทร์” ภายใต้ในแนวคิด “ ยุคทองของแผ่นดิน ร้อง รำ ทำ กิน สะท้อนงานศิลป์ถิ่นไทย” ระหว่างวันที่ 20-22, 28-29 ธ.ค. 56 และ 4-5, 11-12 ม.ค. 57 บริเวณพื้นที่รอบเกาะกรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่ถนนพระอาทิตย์ถึงใต้สะพานพระปิ่นเกล้า
       
       นริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังโดยกรมธนารักษ์ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสืบสานและการอนุรักษ์กรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้จัดโครงการเทศกาลรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2555 ในชื่องาน "รำลึกรัตนโกสินทร์ 230 ปี" ซึ่งได้รับการตอบรับทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก ดังนั้นเพื่อให้เกิดกระแสอนุรักษ์และกระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศอย่างต่อเนื่อง จึงได้ต่อยอดการจัดงานอีกครั้ง และถือโอกาสเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษาในปีนี้ พร้อมสืบสานศิลปวัฒนธรรม สัมผัสวิถีชุมชนไทย รวมถึงจะมีการเปิดศูนย์การเรียนรู้ของกรมธนารักษ์ และห้องสมุดชุมชนชาวบางลำพู
       
       สำหรับงาน “เทศกาลรัตนโกสินทร์” ครั้งนี้ ภายในงานแต่ละสัปดาห์จะมีกิจกรรมไฮไลท์แตกต่างกันไป อาทิ สัปดาห์แรก - เทศกาลแสดงรถโบราณ, สัปดาห์ 2 - การแสดงโชว์ศิลปะด้านกีฬา เช่น มวยไทย มวยทะเล หลากหลายประเภท สัปดาห์ 3 - เทศกาลวัฒนธรรมของกรุงรัตนโกสินทร์สมัยต้น กลางและปลาย สัปดาห์ 4 - สัปดาห์ที่สี่อยู่ในช่วงวันเด็กจะมีความพิเศษ มีดาราเด็ก กิจกรรมของเด็กๆ ในทุกๆ สัปดาห์จะมีการแสดงของดารา และคนในชุมชน มีเวทีการแสดงถึง 6 เวที ที่ศูนย์การเรียนรู้จะมีวีดิทัศน์ความรู้ เรื่องเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ กำแพงเมือง ประวัติต่างๆ ที่น่าสนใจ
       
       นอกจากนี้ในทุกๆ สัปดาห์จะมีการแสดงของดารา และคนในชุมชน มีเวทีการแสดงถึง 6 เวที ที่ศูนย์การเรียนรู้จะมีวีดิทัศน์ความรู้ เรื่องเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ กำแพงเมือง ประวัติต่างๆที่น่าสนใจ การประกวดภาพถ่าย กิจกรรมการแสดงต่างๆอีกหลากหลาย ผู้สนใจดูเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/rattanakosinfestival
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
Re: รวมแหล่งหารูปสวยๆ ที่เที่ยวดีๆ
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: ธันวาคม 20, 2013, 09:28:26 pm »
เที่ยวย้อนยุค เจาะเวลา พาสนุก ที่ “พพ.ศิริราชพิมุขสถาน”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    20 ธันวาคม 2556 19:53 น.

-http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000156374-


อาคารอนุรักษ์สถานีรถไฟธนบุรี (เดิม).

       ฉันว่าช่วงนี้ในกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร อากาศเย็นสบายดีเป็นพิเศษมากกว่าในหลายๆ ปีที่ผ่านมา อากาศดีก็ทำให้อารมณ์ดี จะให้นั่งจับเจ่าอยู่บ้านก็กระไรอยู่ ว่าแล้วก็จัดแจงแต่งตัว ออกไปเที่ยวสนุกๆ แถมหาความรู้ไปในตัวกันดีกว่า
       
       วันหยุดนี้ฉันก็เลยพาตัวเองมาอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชเสียเลย แต่ไม่ต้องตกใจว่าป่วยเป็นอะไร เพราะฉันจะมาเดินเที่ยวที่โรงพยาบาลแห่งนี้เท่านั้น ซึ่งอย่างที่เคยรู้กันว่าภายในโรงพยาบาลศิริราชนี้ก็มีพิพิธภัณฑ์ทางการแพทย์เปิดให้ผู้คนเข้าไปหาความรู้อยู่หลายแห่ง และล่าสุดนี้ก็ได้มีการเปิดพิพิธภัณฑ์ใหม่ ที่มีชื่อว่า “พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน” แบบนี้ฉันก็ต้องไม่พลาดที่จะเข้าไปเยี่ยมชมเสียหน่อย


ห้องโถงบรรยากาศสถานีรถไฟ

       “พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน” สร้างขึ้นบนพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่เดิมเคยเป็นที่ตั้งพระราชวังหลัง ต่อมามีการสร้างสถานีรถไฟธนบุรีและโรงพยาบาลศิริราช รวมทั้งเป็นพื้นที่ซึ่งผูกพันกับวิถีชีวิตของชุมชนบางกอกน้อย โรงพยาบาลศิริราชจึงได้รวบรวมประวัติศาสตร์ของพื้นที่นี้เพื่อนำมาจัดแสดงในอาคารสถานีรถไฟธนบุรี (เดิม) ที่เป็นอาคารอนุรักษ์ และมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม
       
       ฉันเดินมาถึงพิพิธภัณฑ์ก็ต้องยืนชื่นชมความสวยงามของอาคารอนุรักษ์ที่เป็นสีเหลืองอ่อนๆ สลับกับอิฐสีส้มแดง และด้านข้างยังมีหอนาฬิกาสูง ดูแล้วเป็นอาคารที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งใน กทม. เลยทีเดียว


ชมวิดีทัศน์เล่าเรื่องราวของพิพิธภัณฑ์

       พอเดินเข้ามาด้านในก็จะเจอกับห้องจำหน่ายบัตร ที่ตกแต่งบริเวณโดยรอบให้เหมือนกับสถานีรถไฟในสมัยก่อน ซึ่งก็เพื่อให้รำลึกถึงว่าสถานที่แห่งนี้คือสถานีรถไฟธนบุรี (เดิม) ที่เคยเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางรถไฟสายใต้
       
       ซื้อตั๋วเข้าชมกันแล้ว เจ้าหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์ก็พาฉันเข้ามาสู่การจัดแสดงห้องแรกที่มีชื่อว่า “ห้องศิริสารประพาส” ที่ห้องนี้จะนำเสนอเรื่องราวของพิพิธภัณฑ์โดยรวมผ่านวิดีทัศน์และสิ่งจัดแสดงต่างๆ ส่วนฉันก็นั่งดูอยู่ที่เก้าอี้ไม้สักทองแบบที่นักศึกษาแพทย์หลายรุ่นเคยใช้มาก่อน


จิตรกรรมฝาผนังที่วิจิตรงดงาม

       ส่วนจุดเริ่มต้นในการเดินชมพิพิธภัณฑ์ที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ “ห้องศิริราชขัตติยพิมาน” ซึ่งเป็นห้องฉันได้น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและพระเมตตาของพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่มีต่อโรงพยาบาลศิริราช และการแพทย์ของประเทศไทย ทำให้พวกเราได้มีสุขภาพที่ดีกันเหมือนในทุกวันนี้
       
       ถัดมาเป็น “ห้องสถานพิมุขมงคลเขต” ที่ฉันได้นั่งชมจิตรกรรมไทยที่สวยงาม บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชประวัติกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข ที่ผสมผสานแสงสีเสียงให้ได้ตื่นตาตื่นใจ และได้รับรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมาย


ภาพยนตร์ 4 มิติ ตื่นตาตื่นใจ

       สำหรับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ถึงแม้จะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ภายในโรงพยาบาล ก็ไม่ได้มีแค่เรื่องราวเกี่ยวกับการแพทย์เท่านั้น ยังมีประวัติศาสตร์ ความเป็นมา และเรื่องราวของชุมชนในละแวกนี้ ที่นำเสนอผ่านการจัดแสดงในส่วนต่างๆ เริ่มจาก “ฐานป้อม” ที่เป็นสิ่งแสดงให้เห็นถึงอดีตของพระราชวังบวรสถานพิมุข (วังหลัง) ที่เคยตั้งอยู่ในพื้นที่นี้ ก่อนที่จะผ่านความทรุดโทรมลงไปตามกาลเวลา ใกล้ๆ กันก็มีการจัดแสดง “เครื่องถ้วยโบราณ” ที่ขุดค้นพบในช่วงที่มีการก่อสร้างอาคารสถาบันการแพทย์สยามินทราธิราช
       
       หรือจะเป็น “แผนที่เมืองธนบุรี” ซึ่งเป็นแผนที่จำลองมาจากของเก่าที่เขียนโดยชาวพม่าที่ลักลอบเข้ามาสืบความลับในสยาม มีการลงรายละเอียดของสถานที่ต่างๆ และยังมีการเปรียบเทียบกับสถานที่ในปัจจุบัน ทำให้พอนึกออกว่าสมัยธนบุรีนั้นบ้านเมืองเราเป็นอย่างไรบ้าง


สัมผัสบรรยากาศห้องตรวจโรค

       และห้องที่ฉันชอบที่สุดในส่วนของประวัติศาสตร์ก็คือ “ห้องโบราณราชศัตรา” ที่ห้องนี้จะจัดแสดงศาสตราวุธหลากหลายชนิดและหลากหลายชาติพันธุ์ที่ทรงคุณค่า เพราะว่าเป็นของเก่าที่ได้รับมอบมาจากราชสกุลเสนีวงศ์ ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข ข้างๆ ตู้จัดแสดงก็ยังมีวีดิทัศน์ที่บอกเล่าเรื่องเกี่ยวกับการทำความสะอาดและการเก็บรักษาศาสตราวุธต่างๆ ทำให้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยในการรักษาของเก่าให้อยู่ในสภาพดีขนาดนี้ และแม้ว่าห้องนี้จะถ่ายรูปไม่ได้ แต่ฉันก็ได้เก็บเอาภาพความวิจิตรงดงามของศาสตราวุธทั้งหลายเอาไว้ในใจ
       
       ห้องถัดไปเป็นห้องสุดท้ายของบริเวณชั้นล่าง ในอาคารพิพิธภัณฑ์ 1 นั่นก็คือ “ห้องคมนาคมบรรหาร” ที่มีภาพยนตร์สี่มิติให้ได้ชมกัน ฉันลองไปยืนในห้องแล้วก็ใส่แว่นตาสี่มิติพร้อมๆ กับชมภาพยนตร์ไป ก็รู้สึกเหมือนเข้าไปยืนอยู่ในเหตุการณ์จริงตั้งแต่ช่วงการสร้างสถานีแห่งนี้ เข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ต้องเอี้ยวตัวหลบลูกระเบิดไปด้วย จนกระทั่งมาถึงช่วงปัจจุบันของสถานีรถไฟธนบุรี (เดิม)


ลองมาเป็นแพทย์ผ่าตัด

       ขึ้นมาที่ชั้นสอง ก็เริ่มเข้าสู่เนื้อหาทางด้านการแพทย์กันบ้าง อย่างห้องแรก “งานพระเมรุสมเด็จเจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์” ที่เป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์อันเป็นจุดเริ่มต้นของโรงพยาบาลศิริราช เนื่องจากไม้ อาคารประกอบ และเครื่องเรือนจากงานพระเมรุครั้งนี้ ได้นำมาสร้าง “โรงศิริราชพยาบาล” โรงพยาบาลหลวงแห่งแรกของแผ่นดิน
       
       ห้องต่อมาเล่าเรื่องราวของโรงเรียนแพทย์ในยุคแรก ที่จะต้องเรียนรู้ผ่าน “หุ่นกายวิภาคมนุษย์” ที่ทำมาจากเยื่อกระดาษ และยังเล่าเรื่องราวของพระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของไทย ในห้อง “สมเด็จพระบรมราชชนก”


จำลองร้ายขายสมุนไพร

       ถัดมา ฉันก็ได้เรียนรู้เรื่องราวทางด้านการแพทย์มากขึ้น ทั้งการตรวจโรคในเบื้องต้น การสืบค้น การวินิจฉัยและรักษาโรค ในห้อง “หุ่นโรควิเคราะห์” ที่จัดแสดงให้เหมือนกับห้องตรวจโรคผู้ป่วย และได้ลองเป็นคุณหมอฟังเสียงปอด เสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะต่างๆ เพื่อการวิเคราะห์โรค
       
       แต่ส่วนที่สำคัญของการเรียนวิชากายวิภาคศาสตร์ ที่นักศึกษาแพทย์ทุกคนจะต้องรู้จักดี ก็คือ “อาจารย์ใหญ่” ซึ่งเป็นผู้ที่เสียสละร่างกายของตนเองให้ทำการศึกษา เพื่อผลิตแพทย์ที่มีคุณภาพในอนาคต การจัดแสดงในส่วนนี้ใช้โต๊ะปฏิบัติการที่เคยรองรับอาจารย์ใหญ่มารุ่นแล้วรุ่นเล่า ทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงความขลังผ่านการจัดแสดงและการจัดแสงในส่วนนี้
       
       มาถึงอีกห้องที่ฉันชอบมากก็คือ “ห้องจำลองการผ่าตัด” เป็นการจำลองการผ่าตัดแบบย้อนยุค ให้ได้รู้ว่าเครื่องไม้เครื่องมือ และบุคลากรที่ทำงานในห้องผ่าตัดมีใครบ้าง แล้วฉันก็ได้ลองมาเป็นศัลยแพทย์มือหนึ่ง ลองจับเครื่องมือผ่าตัดให้คนไข้ (จำลอง) เป็นประสบการณ์สนุกๆ อีกอย่างหนึ่งที่ฉันได้ลอง


ชุมชนบางกอกน้อยในสมัยก่อน

       นอกจากเรื่องราวของแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว ก็ยังมีการให้ความรู้เกี่ยวกับการแพทย์แผนไทยอีกด้วย โดยในห้อง “มหัศจรรย์ร่างกายมนุษย์” จะมาไขรหัสการแพทย์จากมุมมองของแพทย์แผนตะวันตกและแพทย์แผนที่ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร และยังมีการจำลอง “ร้านโอสถวัฒนา” ร้านยาสมุนไพรไทยมาให้ได้ชมกัน
       
       เดินมาก็ตั้งนาน เพิ่งจะหมดบริเวณของอาคาร 1 ออกมาที่ระเบียงชั้น 2 ที่เชื่อมต่อกับอาคารพิพิธภัณฑ์ 2 ก็มีมุมร้านกาแฟให้นั่งพักผ่อนก่อนจะเดินต่อไปยังอาคาร 3 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องกับชุมชนบางกอกน้อย
       
       เริ่มจากการมาสักการะ “สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)” อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม พระมหาเถระที่ได้รับการเคารพศรัทธาตั้งแต่พระมหากษัตริย์ไปจนถึงชาวบ้านทั่วไป แล้วก็มาลองชม “วิถีชีวิตชาวบางกอกน้อย” ที่มีการจำลองโรงละคร ร้านค้า ร้านอาหาร แสดงถึงวิถีชีวิตของผู้คนสองฝั่งคลองบางกอกน้อยในสมัยก่อนว่าเป็นอยู่กันอย่างไร


เรือโบราณลำใหญ่

       สุดท้ายก็เดินมาชม “เรือโบราณ” ที่ขุดค้นพบในพื้นที่บริเวณนี้ ซึ่งเรือลำนี้เป็นเรือไม้โบราณขนาดใหญ่ มีความยาวถึง 24 เมตร และถือว่าเป็นเรือไม้ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเท่าที่เคยขุดค้นได้ เดินดูรอบๆ แล้วก็ต้องทึ่งในความสามารถของคนไทยเราที่สามารถต่อเรือลำใหญ่ได้ขนาดนี้
       
       กว่าจะเดินชมจนครบทุกห้องที่อยู่ภายในพิพิธภัณฑ์นี้ ก็ต้องใช้เวลาเกือบหมดวันเลยทีเดียว แต่ก็ได้ความรู้พร้อมๆ กับความสนุกสนาน ที่ทำให้เพลิดเพลินจนลืมเวลาไปเลย สถานที่ดีๆ แบบนี้ มาแล้วก็ต้องบอกต่อให้คนอื่นลองมาชมด้วย จะได้มีความรู้และสนุกสนานเหมือนกันฉัน
       
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
       
       “พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน” ตั้งอยู่ในพื้นที่โรงพยาบาลศิริราช เขตบางกอกน้อย กทม. เปิดให้บริการวันจันทร์, พุธ-อาทิตย์ (หยุดวันอังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา 10.00-17.00 น. ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก (ไม่เกิน 18 ปี) 25 บาท ต่างชาติ 200 บาท เด็กสูงไม่เกิน 120 ซม. เข้าฟรี
       
       นอกจากจะมีพิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถานแล้ว ภายในโรงพยาบาลศิริราชยังมีพิพิธภัณฑ์การแพทย์อีก 5 แห่ง ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ในวันและเวลาเดียวกัน ได้แก่ พิพิธภัณฑ์พยาธิวิทยาเอลลิส, พิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ สงกรานต์ นิยมเสน, พิพิธภัณฑ์ปรสิตวิทยา, พิพิธภัณฑ์กายวิภาค-คองดอน และ พิพิธภัณฑ์และห้องปฏิบัติการเรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์ สุด แสงวิเชียร
       
       ซึ่งหากสนใจเข้าชมทั้งพิพิธภัณฑ์ศิริรราชพิมุขสถาน และพิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช สามารถซื้อบัตรเดียวเที่ยว 2 พิพิธภัณฑ์ได้ในราคาพิเศษ ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก (ไม่เกิน 18 ปี) 50 บาท ต่างชาติ 300 บาท เด็กสูงไม่เกิน 120 ซม.
       
       สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2419-2601, 0-2419-2618-9
       www.si.mahidol.ac.th/museums
       FB : siriraj.museum
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)