ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่ยังไม่ปฏิบัติธรรม กับตอนปฏิบัติธรรม ชีวิต จิตใจคุณเปลี่ยนไปยังไงบ้าง ?  (อ่าน 1989 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ บัวผ่อง

  • www.facebook.com/maneemess
  • ต้นไม้เล็กพริ้วไหวดั่งสายลม
  • ***
  • กระทู้: 196
  • พลังกัลยาณมิตร 33
    • maneemess
    • ดูรายละเอียด
    • www.facebook.com/maneemess
อืม...เคยโพส สำแดงฟามเห็นไว้ที่  คห.10 ในกระทู้เนี๊ยะ

http://pantip.com/topic/30741133

แต่ ญิ๋งแม่ ลบทิ้งซะแว้ววววว เลยเกิดอาการเสียดายตัวหนังสืออ่ะ  :30:
ต้อง เอามาโพสใหม่ ในนี้ อีกหน อิอิ   :12:


อ้างถึง


ตอนที่ยังไม่ปฏิบัติธรรม กับตอนปฏิบัติธรรม
ชีวิต จิตใจคุณเปลี่ยนไปยังไงบ้าง
?




นู๋บี ตอบ

พอมีศีล 5 รู้สึกตะขิดตะขวงใจเสมอ เวลาที่จะก้าวล่วงศีล 5  ใขณะที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็น

พอถือศีล 6 เป็นปกติ เวลาเผชิญกับ ผัสสะในลักษณะของ รูป กลิ่น เสียง สัมผัส สามารถตัดได้ง่ายขึ้น
อาทิเช่น เวลาได้กลิ่นอาหารตอนเย็น ๆ ก็จะ พึงพอใจในกลิ่นนั้น แต่ไม่ปรุงต่อจนเกิดเป็น ตัณหากระสันอยาก แล้วเกิดทุกขังกาละมัง


พอเจริญสติปัฏฐาน เวลาเผชิญกับ ผัสสะในลักษณะของ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส สามารถตัดได้ง่ายขึ้น
เช่น เมื่อก่อนโกรธทีเป็น วัน  ตอนนี้ มีสติสัมปชัญญะมากขึ้น ความโกธดังกล่าว จึง ลดลงเหลือแค่ ระดับ นาที และ วินาที


เวลาเจอ ความทุกข์ทางกาย เช่น เย็น ร้อน อ่อน แข็ง เจ็บปวด
เมื่อก่อนทนไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้ ค่อนข้างเชี่ยวในการรับมือกับผัสสะพวกนี้มาก
เวลาขี้เกียจก็สามารถจับถ้วยร้อน ๆ ในไมโครเวฟได้แบบสบาย ๆ โดยไม่ต้องใช้ถุงมือเหมือนเมื่อก่อน อาศัยแค่สมถะเข้าช่วย
ระยะเวลาในการเกิด ทุกข์ เวลาเจ็บปวด ก็ลดลงจากที่ทุกข์เพราะโดนประตูหนีบทีละหลายชั่วโมง ก็เหลือแค่ ไม่กี่วินาที


และ หลังจาก เคย ปฏิบัติ จนเกิด ตถตาลงใจ แล้ว
มุมมอง ต่อโลก และชีวิตก็เปลี่ยน วางได้ง่ายลง ปลงได้มากขึ้น
รัก โลภ โกรธ หลง มีน้องลง ความอาฆาตพยาบาท เกลียดแค้นชิงชัง ลดไปเยอะ
อาทิเช่น

ในเรื่องของความรัก  สามารถตัดใจจาก บุคคล ที่ทำให้เราติดบ่วงร้ากบ่วงสวาท ที่อาจจะสมหวัง ได้โดยง่าย และไม่ทุกข์


ในเรื่องของ ความโลภ  ความงก ในใจลดลง จากที่ไม่เคยให้อะไรใครเปล่า ๆ โดยปราศจากผลประโยชน์
เดี๋ยวนี้ กลับสร้างธรรมเนียมปฏิบัติ ให้บริจาคเงินทุกปี ปีละ 5 % ของรายได้ ในลักษณะจ่ายทาน คล้าย ๆ ซะกาต ของอิสลาม


ในเรื่องของความโกรธ เมื่อก่อนไม่พอใจพวกก่อการร้าย สามจังหวัดมากมาย
แต่ตอนนี้ กลับ เข้าใจคนพวกนี้มากขึ้น ว่า สิ่งที่พวกเขาทำมันก็เป็นเช่นนั้นเอง ตามเหตุปัจจัยในหลัก อิทัปปัจจยตา
นอกจากนี้ ยัง อโหสิกรรมให้ชาวบ้านชาวช่องง่ายขึ้น ตลอดจนมีแนวคิดในชีวิตที่เปลี่ยนไป
อาทิเช่น เมื่อก่อน เห็นด้วยกับ ระบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน เพื่อความยุติธรรม แต่ตอนนี้ กลับ เน้นเรื่อง การยุติกรรม

สิบปีก่อน เคยคิดว่า ถ้าโดนข่มขืน จะไม่ลากคอคนทำเข้าตะราง เพราะโทษมันจิ๊บจ๊อย
แต่จะรังควาญ และ ทำให้มันพิการ จนต้องอยู่อย่างทรมาน ตลอดชีวิต
ทว่าเดี๋ยวนี้ กลับไม่คิดงั้น แต่คิดว่า หากโดนข่มขืนจริง ๆ ก็จะไม่เอาเรื่องเอาราวอะไร
( ถือซะว่า ได้ บริจาคเนื้อหนังมังสา เป็นทานบารมี ให้กับชายหื่นหมื่นกาม ที่หิวโซ )


เมื่อก่อน ใครตบแก้มซ้าย อิฉันเหวี่ยงหมัดขวาถลุงทั้งหน้า
ใครเอามีดมาแทง อิฉันยิงสวนด้วยปืน
แล้วถ้าใครยังฝืน มาต่อกรด้วย อีก
อิฉันก็จะงัด ระเบิดมหาประลัย โยนใส่หัวพวกมัน
แต่เดี๋ยวนี้ รู้จักหยุด รู้จักเย็น รู้จักยอม ได้เยอะขึ้น
กระนั้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ภ้า พิณาแล้ว
ก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าไร ในเรื่องของการกำจัด ทิฏฐิมานะ ในตน แต่ก็ถือว่า เปลี่ยนไปเยอะ


ในเรื่องของความ หลง ยึด สรรพสิ่ง ว่าเป็น ตัวกู ของกู ก็ลดลงนะ
จำได้ว่า เมื่อก่อนตอน พ่อป่วยเป็นอัมพาต ร้องไห้พราก ๆ เพราะความโศกา อาดูร
แต่หลังปฏิบัติธรรม รู้ว่า พ่อเป็นมะเร็ง จนกระทั่ง ตายไปแบบกะทันหันไม่ทันได้ตั้งตัว
กลับ ไม่มีน้ำตาสักแอะ อาจมีความรู้สึกโหยไห้ แป๊บ ๆ แต่ก็ปรับสภาวะจิต ให้คืนสู่สมดุลได้เร็วขึ้น

[:เม่าบัลเล่ต์:][:เม่าบัลเล่ต์:][:เม่าบัลเล่ต์:]




.
หมายเหตุ

ถ้าพวกเมิง...เอ๊ย... เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ลุง ๆป้า ๆ น้า ๆ อา ๆ
ทนอ่าน ตัวหนังสือ ของกรู...เอ๊ย.... ของนู๋บี มิได้...

นู๋บี จา กลั้นใจตาย ( จิง ๆ น๊ะ ) อ่ะซิก ... อ่ะซิก...

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=bsonjb&month=09-2010&date=22&group=3&gblog=2