ผู้เขียน หัวข้อ: เจตนา กรรมมี.. เจตนาไม่มี กรรมไม่มา  (อ่าน 2186 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด


 
เจตนา กรรมมี.. เจตนาไม่มี กรรมไม่มา

กรรม... ที่แท้

จะต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ 2 ประการคือ...
หลักเกณฑ์ข้อที่ 1. 'ผู้ทำมีเจตนา' มีหลักการที่พระพุทธเจ้า
ได้ตรัสไว้ในนิพเพธิกสูตร ฉักกนิบาต อังคุตตรนิกาย ว่า...
'เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ'...แปลว่า
ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่าเจตนาเป็นกรรม...

เจตนา......
ได้แก่ ความตั้งใจหรือความรับรู้
ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 อย่างคือ...
1. บุพเจตนา...เจตนาก่อนทำ
2. มุญจนเจตนา...เจตนาในเวลาทำ
3. อปราปรเจตนา...เจตนาเมื่อได้ทำไปแล้ว


การกระทำโดยมีเจตนา เกิดขึ้นในตอนใดตอนหนึ่ง ถือว่าเป็นกรรม
ทั้งสิ้น ส่วนการกระทำที่ไม่มีเจตนา คือใจไม่ได้สั่งให้ทำไม่จัดว่าเป็น
กรรม เช่น คนเจ็บซึ่งมีไข้สูง เกิดเพ้อคลั่ง แม้จะพูดคำหยาบออก
มา เอามือหรือเท้าไปถูกใครเข้าก็ไม่เป็นกรรม ในทางวินัยก็ยกเว้นให้
พระที่วิกลจริตซึ่งล่วงเกินสิกขาวินัย ไม่ต้องอาบัติ ทั้งนี้ก็โดยหลัก
ที่ว่าถ้าผู้ทำไม่มีเจตนา การกระทำนั้นก็ไม่เป็นกรรม...

ส่วนหลักเกณฑ์ข้อที่ 2 การกระทำนั้นจะต้องให้ผลเป็นบุญหรือบาป
ก็เพื่อแยก การกระทำของพระอรหันต์ออกจากการกระทำของปุถุชน
เนื่องจากพระอรหันต์ เป็นผู้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ ไม่มีความยึด
ถือในตัวตน การกระทำเรียกว่า อัพยากฤต ไม่นับว่าเป็นกรรมดีหรือ
กรรมชั่ว บุญและบาปไม่มี การกระทำของพระอรหันต์ จึงไม่เรียกว่า
กรรม...แต่เรียก กิริยา...


ส่วนปุถุชน ยังมีความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนอยู่ จะทำอะไรก็ยังยึดถือ
ว่าตนเป็นผู้กระทำ 'การกระทำ' ของปุถุชน..จึงเป็นกรรม ย่อมจะก่อให้
เกิดวิบาก หรือผล..เสมอ....


'กรรมดี'...ก็ก่อให้เกิด...บุญ...
'กรรมชั่ว'...ก็ก่อให้เกิด...บาป...

~~พระธรรมสิงหบุราจารย์~~
หลวงพ่อจรัญ จิตธัมโม


G+ Kallaya Puechngam
สนทนาธรรมตามกาล