ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อโชอันตื่น  (อ่าน 1110 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
เมื่อโชอันตื่น
« เมื่อ: กันยายน 01, 2013, 12:09:36 pm »



เมื่อโชอันตื่น

       เมื่อหลายร้อยปีก่อน มีเรื่องเล่าที่กล่าวถึงโชอันชาวเมือง
เกียวโต ผู้ซึ่งในบั้นปลายได้บวชเป็นพระในนิกายโซโตะเซน
เล่ากันว่าตั้งแต่โชอันยังเป็นเด็กเล็ก ๆ คนทั้งเมืองเกียวโตก็รู้จัก
โชอันกันถ้วนทั่ว ทั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพราะโชอันเป็นลูกโทนของ
เศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองนั้น หรือว่าพ่อของโชอันจะเป็นคน
ใจบุญสุนทานโอบอ้อมอารีที่สุดในเมืองนั้น และไม่ใช่เพียงว่า
โชอันเป็นเด็กที่ฉลาดกว่าเด็กทั้งหมดในวัยใกล้เคียงกัน ทั้งไม่
ใช่ว่าเพราะโชอันเป็นเด็กที่เรียบร้อยและมีจริยาวัตรงดงามที่สุด
คนหนึ่งในเมืองเกียวโต

        แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้คนรู้จักโชอันดีเป็นพิเศษอยู่ที่ความล้ม
เหลวในกิจการงานในทุก ๆ ด้านของโชอัน จนสุดท้ายเขาจำ
ต้องหนีหายไปจากเกียวโตตั้งแต่ก่อนวัยกลางคน ไม่มีใครนึก
ฝันว่าในที่สุดโชอันผู้ล้มเหลวในชีวิตไม่เป็นท่า จะกลายเป็น
พระผู้รอบรู้ปฏิบัติเซน ที่มีชื่อเสียงด้านปัญญากระเดื่องดังไปทั่ว
ญี่ปุ่น ไม่มีใครคิดว่าเขาจะกลับมาเกียวโตอีกครั้งหนึ่ง หลังจาก
ที่ได้หายหน้าหายตาไปหลายสิบปี

         กลับมาในฐานะของปรมาจารย์ผู้บรรลุธรรม ทั้ง ๆ ที่ก่อน
นี้โชอันคือผู้ล้มเหลวโดยแท้

         ความล้มเหลวของโชอันนั้นเป็นเรื่องที่ชาวเมืองเกียวโต
ทุกคนรู้กันทั่ว และบางคนถึงกับนำเอาเกร็ดชีวิตของโชอันไป
อุปมาอุปไมยสอนลูกสอนหลาน   ถึงความหายนะของโชอันที่
เป็นผลของความไม่เอาไหนอย่างไม่น่าเชื่อ    โชอันที่เป็นคน
ฉลาดที่สุดกลับบริหารทรัพย์สินสมบัติไม่เป็น   หลังจากที่ท่าน
เศรษฐีผู้เป็นพ่อตายไป โชอันไม่ดื่มเหล้าเล่นการพนันหรือ
เสเพล กลับสามารถทำให้ทรัพย์สินเงินทองต้องมลายสูญหาย
ไปจนหมดสิ้นอย่างรวดเร็ว จากการบริหารงานธุรกิจของเขา

        อย่างไรก็ตาม หลังจากที่โชอันหมดตัวลง บรรดาลูกจ้าง
และคนในบ้านแทบทุกคนของโชอันพากันได้ดี   หลายคน
กลายเป็นเศรษฐีย่อย ๆ อีกหลายคนมีศักดิ์ศรีมีฐานะดีกว่าเดิม
หรืออย่างน้อยก็พอมีพอกินไม่ต้องอาศัยหรือเป็นลูกจ้างใครอีก
ต่อไป   นั่นล้วนเป็นผลดีผลพลอยได้จากโชอันทั้งสิ้น

        ความล้มเหลวในทางเกียรติยศชื่อเสียงยิ่งไม่น่าเชื่อ
แม้ว่าชาวบ้านทุกคนจะรู้จักโชอัน หลายคนได้อาศัยใบบุญของ
เศรษฐีที่เป็นพ่อ แต่ด้วยนิสัยยินยอมประนีประนอมของเขา
ทำให้ไม่มีใครอยากเสนอตำแหน่งหน้าที่อันทรงเกียรติไม่ว่า
อย่างหนึ่งอย่างใดให้กับโชอัน   ตำแหน่งสำคัญ ๆ กลับไปได้
กับคนที่เรียนหนังสือตกแล้วตกอีก จนอาจารย์ท้อใจ หรือไม่ก็
ได้กับคนตลบตะแลงขี้คุยขี้เหล้า ร้ายกว่านั้น ตำแหน่งที่เกี่ยวกับ
ความปลอดภัยและความยุติธรรม    กลับไปได้กับนักเลงหัวไม้
ซามูไรเศษสวะอย่างไม่น่าเชื่อ

         ทั้ง ๆ ที่มีหญิงสาวทรงรูปโฉมฐานะและตระกูลดีหลาย
คนในเมือง ที่เพียงแต่โชอันสนใจบ้างหรือใช้ความพยายาม
บ้างแม้เพียงสักเล็กน้อย ก็จะมีโอกาสได้มาครอบครองอย่างแน่
นอน แต่โชอันไม่รู้ว่าไปทำอย่างไรจึงพลาดไปทั้งหมด   ปล่อย
ให้พวกนักเลงคนขี้คุยรวมทั้งลูกน้องลูกจ้างของโชอันเองคว้า
เอาไปครองกันจนหมดสิ้น

         ดังนั้นหลังจากที่โชอันกลับมาและเปิดสำนักโซโตะเซน
หลายคนจึงสนใจที่จะเรียนรู้ หรือว่าความสำเร็จของการแสวง
หาความจริงจะได้มาก็ด้วยความล้มเหลวซ้ำซ้อนที่ปวดร้าว

         เมื่อหลายคนถาม โชอันจึงเล่าให้ฟังว่า ..........
เขาก็ไม่รู้ว่าอะไรคือความสำเร็จและเขาไม่สนใจตรงนั้น
โชอันเพียงบอกว่า  เขารู้เพียงว่าเขาได้ตื่นขึ้นจากความฝันที่ไม่
ใช่ความฝันเท่านั้น



โชอันบรรยายเป็นโคลงที่มีห้าบท ตามแนวที่ดัดแปลง
มาจากร่ายของเดอเมลโลดังนี้ :


"ข้าเดินท่องเที่ยวอดมื้อกินมื้อมาสิบเจ็ดปี
ท่องเที่ยวหาความสำเร็จในโลกกว้าง
พายุฝน เมฆที่มืดครึ้ม ฟ้าแลบฟ้าคะนอง
ภาพที่ซ้อนภาพ
ที่แท้ - เบื้องหลังคือฟ้าสีครามตะวันสีทอง"

"ข้าจำได้ว่าข้าเดินเข้าไปในถ้ำที่ลึกและมืดสนิท
ข้าทรุดตัวลงนั่งที่มุมหนึ่ง คนเดียวแท้ ๆ
ข้าครุ่นคนึงถึงเรื่องของชีวิต
ข้าครุ่นคะนึงถึงชีวิตที่เส็งเคร็ง
ล้มเหลว ไร้ค่า ไร้ความหมาย"

"ข้าเห็นดอกไม้บนต้นไม้หลายต้นริมทางเดิน
แต่ก็เห็นเมล็ดพันธุ์อีกมากกว่ามาก
ที่ไม่สามารถเติบโตเป็นต้นได้
หน่ออีกมากที่โตไม่ทันกับถูกเหยียบ
ถูกสัตว์แทะวัวแพะกัดกิน แดดร้อนเฉาตาย"

"ข้าเห็นไข่แมลงไข่นกไข่ต่าง ๆ มากมาย
โตเป็นตัวแล้วก็ถูกกัดกินตายไป
บ้างไม่ทันโตก็ฝ่อตกแตกตายไป
ไข่เต่าทะเลเป็นพันเหลือเพียงหนึ่ง
เพียงเพื่อหนึ่ง - พันหมื่นต้องเสียสละ"

"ข้าเห็นคนมากหลายแย่งชิงกันเพื่อเพียงหนึ่ง
แย่งชิงกันเป็นนักแสดงนางงามเป็นดารา
แย่งชิงเป็นใหญ่...ขอข้าก่อนเป็นหัวหน้า
แย่งชิงเป็นผู้แทนรัฐมนตรีมหาเสนา
แย่งกันเป็นนักปราชญ์เป็นศาสดา"

"ข้าผ่านวันชั่วโมงที่ไร้ความหมายหลากหลาย
คำพูดที่ไร้ค่าหลากหลาย
ความคิดพลังงานไร้ผลที่หลากหลาย
แผนงานโครงการที่ไร้ความหมาย
เจ็บไข้เจ็บใจคือ...ความโง่ที่หามาเอง"

"ข้านึกถึงโอกาสทองแสงแห่งความสำเร็จ
เกียรติยศศักดิ์ศรีที่ข้าทิ้งมันไป
ความงามความยิ่งใหญ่ที่ไม่สนใจ
ละทิ้งไปทั้งที่ควรหาควรได้
นึกถึงสัญญาที่ข้าไม่เคยรักษามัน"

"ทั้งหมดและเดี๋ยวนี้...ข้าเข้าใจและวางเฉย
ไม่เสียดายเสียใจหรือรู้สึกผิด
ธรรมชาติหลากหลายไม่เท่ากัน
ลำไผ่มียาวมีสั้น...ทุกตอนทุกขั้นคือความหมาย
หนึ่งหรือหมื่นหรือพัน...ต่างกันที่ความหมาย..."


(From The Kingdom by Anthony de Mello, 1984)
http://www.navagaprom.com/