ผู้เขียน หัวข้อ: ปฐมเหตุสังคมฟอนเฟะ : บทบรรณาธิการประจำวันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม 2557  (อ่าน 1849 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
 ปฐมเหตุสังคมฟอนเฟะ : บทบรรณาธิการประจำวันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม 2557

-http://www.komchadluek.net/detail/20140711/187994.html-

คำพูดที่ว่า เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ดูเหมือนจะเป็นข้อคิดเตือนสติผู้คนในสังคมมาช้านาน ให้ตระหนักถึงหลักการใช้ชีวิตตามวิถีแห่งพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะการยึดมั่นอยู่ในศีลทั้ง 5 ประการ ซึ่งสามารถแยกย่อยสู่การปฏิบัติอันดีงามอย่างไม่รู้จบ โดยแม้ไม่จำเป็นต้องเคร่งครัดยึดมั่นถือมั่นในพระธรรมคำสอนอย่างเพศบรรพชิต แต่ทุกชีวิตก็สามารถหาความสุขสงบได้ ด้วยการปฏิบัติตนในแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้ แต่กระนั้นก็ตาม คำพูดที่ว่า เมืองไทยเป็นเมืองพุทธนี่เอง ที่ย้อนกลับมาเสียดแทงใจดำคนไทยด้วยกัน ด้วยสภาพความเป็นจริงในสังคมปัจจุบัน มันฟ้องอยู่โทนโท่ คนไทยละเลย และละเมิดต่อการปฏิบัติตามหลักศาสนาขั้นพื้นฐานกันมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น คดีฆาตกรรม คดีทางเพศ การเสพสุรา ยาเสพติด ทุจริตคอร์รัปชั่น โป้ปดมดเท็จอย่างเช่นการสร้างวาทกรรมเพื่อผลประโยชน์แห่งตนไม่เว้นวัน

ดังที่เห็นกันอยู่ว่า ถึงวันพระใหญ่ หรือวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาครั้งใด หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน จะต้องออกมารณรงค์ลด ละ เลิกการดื่มสุรายาเมา อย่างในช่วงวันอาสาฬหบูชาต่อเนื่องเข้าพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน เกิดโครงการงดเหล้าเข้าพรรษาขึ้นมา ก็เพราะว่าสังคมไทยบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันมากขึ้น และบรรดานักดื่มหน้าใหม่ก็มีอายุน้อยลงเป็นลำดับ ทั้งที่ในยามที่ทุกคนหรือสังคมครองสติมีสติมั่น ล้วนตระหนักในสัจธรรมของพระพุทธองค์ดังที่ว่า สุราเป็นอบายมุข จะนำมาซึ่งความเสื่อม ความวิบัติ ฆาตกรใจโหดอำมหิตที่ข่มขืนและฆ่าเด็กหญิงวัย 13 ปี บนรถไฟ เปรียบประดุจดั่งเม็ดกรวดเม็ดทรายหนึ่งใต้ท้องน้ำแห่งความสกปรกโสมมของสังคมปัจจุบันที่หมักหมมมาเป็นเวลาช้านาน รอเวลาวิญญาณร้ายที่สถิตอยู่ภายในจะถูกปลุกขึ้นมาด้วยฤทธิ์ของเหล้าและยาเสพติด

ศีลที่ว่าด้วย ห้ามลักทรัพย์ ก็เป็นอีกข้อหนึ่งที่คนไทยทุกวันนี้ ล่วงละเมิดกันมากที่สุด อย่าว่าแต่พวกหัวขโมยฉกชิงวิ่งราวตามท้องถนนเลย แม้แต่คนในระดับสูง มีการศึกษาดี ก็พร้อมใจกันประพฤติปฏิบัติไม่แพ้โจรร้ายทั้งหลาย หากแต่เล่ห์เพทุบายที่นำมาใช้นั้นแยบยลกว่า เพราะมาในรูปแบบของการกินตามน้ำ ขึ้นไปจนถึงระดับชาติที่คดโกงผ่านโครงการต่างๆ ที่เรียกกันว่า ทุจริตเชิงนโยบาย และการเข้าไปมีผลประโยชน์ทับซ้อนที่แฝงฝังอยู่แทบจะทุกวงการจนเกือบจะกลายเป็นเรื่องปกติอยู่รอมร่อ ข้อเสนอของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ขอให้ คสช.เร่งแก้ไขกฎหมายป.ป.ช.เพื่อให้สามารถเอาผิดกับภาคเอกชนที่รู้เห็นเป็นใจหรือจ่ายสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐหรือนักการเมือง ถือเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยระงับยับยั้งไม่ให้เชื้อร้ายที่มีรากเหง้ามาจากการประพฤติผิดศีลที่ห้ามลักทรัพย์ระบาดรุนแรงไปมากกว่านี้

เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ทุกๆ วันพระใหญ่หรือวันสำคัญทางศาสนา คนไทยล้วนพากันลด ละ เลิก อบายมุข ถนนทุกสายบ่ายหน้าเข้าวัด รับศีล ฟังธรรม คือภาพอันน่าประทับใจยิ่ง ด้วยเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า จิตใจคนไทยมากมายใฝ่อยู่ในพระธรรมคำสอน อันจะไม่นำมาซึ่งการเบียดเบียนเพื่อนร่วมสังคมด้วยกัน ซึ่งหากส่วนใหญ่ได้ตระหนักถึง "ศีลห้า" อันเป็นข้อห้ามหลักใหญ่กันทั้งหมดแล้ว ปัญหาสารพัดที่ประเทศชาติกำลังประสบอยู่ขณะนี้ก็จะบรรเทาเบาบาง และในที่สุด นำมาซึ่งสันติสุขในสังคม ไม่จำเป็นต้องแบ่งฝักฝ่าย ไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจพิเศษใดๆ เข้ามาบริหารจัดการ
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)