รอคอยและตั้งตารอกันมานานหลายเดือน ในที่สุดก็ได้เวลาแห่งการรับชมอีกผลงานจากผู้กำกับระดับตำนานยุคใหม่ของฮอลลีวูด Christopher Nolan หลังสร้างผลงานระดับเอกอุเป็นที่ลือลั่นกล่าวขวัญถึงกันไปทั่ว คราวนี้เขามาพร้อมกับหนังไซไฟผจญภัยนอกอวกาศที่ชื่อว่า “Interstellar” หรือชื่อไทย “ทะยานดาวกู้โลก”
นับว่าเป็นโชคดีที่ผมได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในแบบ IMAX ฟิล์ม 70mm. จอยักษ์ที่สุดในประเทศไทย โรงเดียวที่ฉายแบบฟิล์มและเป็น 1 ใน 50 โรงทั่วโลกที่ได้ฉายในระบบนี้ ได้เห็นภาพอันเกิดจากจินตนาการมนุษย์บนจอยักษ์ที่ได้ภาพเต็มจากบนสุดจนถึงล่างสุดของจอเกือบตลอดเรื่อง ได้อรรถรสของการท่องอวกาศที่ยังไม่มีหนังเรื่องไหนจะก้าวไปถึง เมื่อมนุษย์เลือกจะหาที่ทางใหม่ตั้งรกราก หลังพบว่าโลกนี้กำลังมีสภาพไม่เหมาะกับการอยู่อาศัยของมนุษย์มากขึ้นทุกทีๆ
โนแลนไม่ได้มากับนักแสดงระดับโนเนม แต่หนังของเขามีทั้ง Matthew McConaughey, Anne Hathaway, Jessica Chastain และ Matt Damon คงไม่ต้องบอกว่า ‘Interstellar’ ดีในด้านงานแสดงระดับใด ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองได้ตามมาตรฐาน จะโดดเด่นหน่อยก็คงจะเป็น McConaughey เพราะเขาได้บทที่แสดงอารมณ์มากกว่าคนอื่นอยู่นิดหน่อย
เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นชายชาวไร่ เป็นพ่อของลูกชายหนึ่งและลูกสาวอีกหนึ่ง ที่เราได้พบในเวลาต่อมาว่า เขาไม่ได้เป็นแค่ชาวไร่ หากเป็นวิศวกรที่ในโลกปัจจุบันนั้น อาชีพวิศวกรดูไร้ประโยชน์ เพราะภาวะขาดอาหาร ไนโตรเจนสูง ออกซิเจนลดต่ำลงทุกที อีกทั้งยังมีพายุฝุ่นที่พัดแรง แต่ผู้คนไม่ได้รับรู้ว่า มีคนกลุ่มหนึ่งที่เฝ้าทำการทดลองสุดยิ่งใหญ่เพื่อความอยู่รอดของมวลมนุษยชาติ
นั่นคือ การหาโลกใหม่ที่มนุษย์จะย้ายไปตั้งรกรากใหม่
ตัวอย่างหนัง – Interstellar [ซับไทย]
https://www.youtube.com/v/YWY79VfqeP0เมื่อผู้เป็นพ่อต้องพรากจากลูกสาวสุดที่รักไปไกลแสนไกลอย่างที่ไม่รู้วันกลับ และไม่อาจบอกเหตุผลที่แท้จริงได้ มันช่างเจ็บปวดใจยิ่งนักเมื่อสื่อสารกันได้เพียงนานๆ ครั้ง หลงเหลือไว้แต่ความไม่เข้าใจกัน แม้รู้ว่าลูกสาวฉลาดแค่ไหนแต่ภาระหน้าที่ต่อมนุษยชาติและตัวตนความเป็นนักบินอวกาศมันบอกให้ทำสิ่งที่สำคัญกว่า กระนั้น ความรักครอบครัวอันเป็นอารมณ์ของมนุษย์ก็ไม่เคยจากไปไหน
หากแต่หนังก็ไม่เคยคิดที่จะหยุดเรื่องตรงนั้น
หนังมีส่วนผสมที่หลากหลาย เหมือนจะหยิบจับมาจากหนังหลายๆ เรื่อง ดูแล้วก็อาจจะนึกถึงหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้ เรียกได้ว่าหยิบจับแล้วนำมาผสมผสานได้อย่างน่าสนใจ ทั้งเรื่องดราม่าในครอบครัว วิทยาศาสตร์เชิงอวกาศ แง่มุมความคิดที่เห็นต่างเมื่อมองคนละขั้ว และแง่มุมเชิงปรัชญาที่ลุ่มลึก ‘Interstellar’ ความยาว 2 ชั่วโมง 49 นาทีของโนแลนดูจะไปได้สวยกับการเล่าเรื่องที่เกี่ยวกระหวัดกันไปมา แสดงให้เห็นถึงจินตนาการอันล้ำลึกและก้าวไปไกลกว่าหนังไซไฟอวกาศเรื่องอื่นๆ ตัวเอกต้องเดินทางไปไกลแสนไกลผ่านรูหนอนมุ่งสู่ระบบดวงดาวอื่น ทั้งยังผจญกับเหตุการณ์ต่างๆ นานาที่พันเกี่ยวทุกๆ สิ่งที่ถูกเล่าเอาไว้ด้วยอย่างล้ำลึก!
แต่ก็ยังพบว่าช่วงท้ายของหนัง อาจจะดูสรุปง่ายดายไปและรวบรัดตัดตอนเกินไปบ้าง กระนั้น เมื่อมองดูมวลรวมของหนังที่พาเราไปท่องอวกาศที่เรายังไม่เคยไปถึง ผสานทฤษฎีความรู้ที่มากเกินกว่าคนธรรมดาจะคิดไปถึง ศัพท์แสงทางวิทยาศาสตร์ยุ่บยั่บจนอาจจะดูหนักหัวบางคนเกินไปบ้าง แต่หนังก็ทำให้เราตะลึงพรึงเพริดไปกับภาพจินตนาการที่ยิ่งใหญ่ ผสานดนตรีฝีมือ Hans Zimmer อันมินิมอลแต่งดงาม แม้ว่าอาจประทับใจได้ไม่เท่า ‘Inception’
แต่ก็พอจะเรียกได้ว่าเป็นหนังที่ต้องดู และต้องดูซ้ำเลยก็ว่าได้…
—————————
http://www.patsonic.com/movie/interstellar-review/