เพราะส่วนผสมความเป็นคนที่ลงตัวแต่ดันไม่เป็นที่ต้องการ เธอเลยต้องหนีตายจนแทบเอาตัวไม่รอด...
ถ้าคนเราสามารถแบ่งกลุ่มและรู้หน้าที่ของตัวเองตั้งแต่กำเนิด เรื่องราววุ่นวายหรือข้อขัดแย้งทั้งหลายบนโลกนี้คงไม่เกิดขึ้น เหมือนกับเรื่องราวของ “ทริซ” หรือ “เบียทริซ” นางเอกสาวจากเรื่อง “Divergent” ที่ถึงกับมึนตึ้บเมื่อถูกไล่ล่าจากชนชั้นปกครองในโลกอนาคต โทษฐานที่มีคุณสมบัติ “กลมกลืน” กับทุกกลุ่มและ “เอาตัวรอด” ได้ดีเกินไปในทุกสถานการณ์...
“Divergent” หรือชื่อไทย “คนแยกโลก” เป็นผลงานของผู้กำกับ “Neil Burger” (The Illusionist, 2006 และ Limitless, 2011) และนำแสดงโดยนักแสดงหน้าใหม่อย่าง “Shailene Woodley” (The Descendants, 2011) และ “Theo James” (Underworld: Awakening, 2012) ร่วมด้วยนักแสดงซุปตาร์คนดังของฮอลลีวูดอย่าง “Kate Winslet” (Titanic, 1997) และ “Ashley Judd” (Kiss the Girls, 1997)
สารภาพตามตรงว่าเห็นชื่อไทยครั้งแรกก็ไม่ค่อยจะเข้าใจความหมายเท่าไหร่ ต้องเห็นตัวอย่างภาพยนตร์ (Trailer) ถึงจะพอนึกภาพออกว่า “ความต่างที่กลมกลืน” มันมีที่มาที่ไปอย่างไร...ขออนุญาตไขข้อข้องใจกันสักหน่อยเรื่องความหมายของ คำว่า “Divergent” ความหมายตรงตัวตามพจนานุกรมแปลว่า “แตกต่าง” หรือ “หลากหลาย” ฉะนั้น เดาได้เลยว่าตัวเอกเรื่องนี้จะต้อง “แปลกแยก” หรือ “ผ่าเหล่า” จากตัวละครอื่นแน่ และถือได้ว่าเป็นปมปัญหาหลักเลยทีเดียว ประเด็นมันอยู่ที่ “ความต่าง” ที่ว่า มันจะก่อเรื่องอะไรได้บ้างเท่านั้น...
ก่อนจะว่ากันเรื่อง “ความต่างที่กลมกลืน” ขออนุญาตปูพื้นสักนิดว่าเค้าโครงเรื่องนี้สร้างจากหนังสือชุด “The Divergent Series” โดย “Veronica Roth” ประกอบไปด้วย ภาคแรก “Divergent” ภาคสอง “Insurgent” และภาคสุดท้าย “Allegiant” ศัพท์แสงออกจะเข้าใจยากสักหน่อยนะคะ แต่พอจะรวบสั้นๆได้ว่าเป็นเรื่องที่เริ่มจากความ “แตกต่าง” และ “คิดต่าง” จนก่อให้เกิดปฏิบัติการเรียกร้องสังคมที่แตกต่าง...เหมือนจะยิ่งงงกันไปใหญ่ เอาเป็นว่าเพราะ “ความต่าง” ที่ว่าดันเป็นปัญหา และทำให้นางเอกของเราต้องระหกระเหินจนแทบไม่มีที่จะอยู่
เรื่องราวของ “ทริซ” หรือ “เบียทริซ” (Shailene Woodley) เริ่มต้นเมื่อเธอต้องเข้ารับการทดสอบเพื่อเข้ากลุ่ม หรือที่ในเรื่องเรียกว่าเป็น “สังคมระบบกลุ่ม” ซึ่งเชื่อว่าใครก็ตามที่รู้จักตัวเองและทำหน้าที่ของตัวเองตามที่กลุ่มนั้น ได้รับมอบหมาย สังคมก็จะอยู่รอด กลุ่มที่ว่ามีทั้งหมด 5 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ “เสียสละ” (พวกสังคมจิตอาสาและคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเอง ทริซสังกัดกลุ่มนี้ตั้งแต่เกิด) “ซื่อสัตย์” (พวกนี้จะปากกล้า ตรงไปตรงมาจนถึงขั้นปากเสีย) “กล้าหาญ” (เหล่านักรบที่ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด) “เฉลียวฉลาด” (พวกนี้มีสติปัญญาเฉียบแหลมและตัดสินใจทุกอย่างจากตรรกะและเหตุผล) และพวกสุดท้าย “เมตตา” (เกษตรกรของกลุ่ม พวกนี้อยู่อย่างสงบและเรียบง่าย มีแต่ความสุขไร้ความทุกข์เสมอ)
“เบียทริซ” เกิดและเติบโตในโลกของผู้เสียสละ เธอถูกหล่อหลอมให้รักและช่วยเหลือคนอื่นมากกว่าตัวเอง ทั้งที่ความจริงเธอก็มีคำถามมากมายในหัวถึงเหตุผลของการกระทำเพื่อมวลชนจนแทบไม่เหลือจิตวิญญาณของตัวเองแบบนี้ ผลการทดสอบทำให้เธอต้องตัดสินใจครั้งใหญ่ และเธอก็เลือกในสิ่งที่พ่อแม่คาดไม่ถึง เมื่อเธอเลือกเข้าไปอยู่กับกลุ่มผู้กล้า... และที่นั่นเธอต้องฝ่าฟันกับบททดสอบมากมายเพื่อให้อยู่รอด ความดื้อรั้นและ “ความต่าง” ของเธอดึงดูดให้ใครหลายคนสนใจ โดยเฉพาะ “โฟร์” (Theo James) ครูฝึกหนุ่มรูปหล่อผู้แสนเย็นชาและมีที่มาที่ไปเป็นปริศนา
เรื่องราว “ความต่าง” ของทริซจะเป็นยังไงต่อไป ขอชวนให้ไปติดตามกันเองที่โรงภาพยนตร์ แย้มให้หน่อยหนึ่งว่าเรื่องปมความรักระหว่าง ครูฝึกกับลูกศิษย์ คงไม่ใช่ประเด็นเท่าไหร่นัก แต่มันมีความลึกซึ้งกว่านั้นค่ะ...
จะว่าไปเรื่องนี้ก็ทำให้นึกถึงภาพยนตร์ชุดเรื่องดังอย่าง “The Hunger Games” ที่เคยทำให้ “Jennifer Lawrence” ดังเป็นพลุแตกมาแล้ว แถมมีปมปัญหาคล้ายๆ กันคือการ “พิสูจน์ตัวตนที่แท้จริง” ของนางเอก ซึ่งกว่าจะเป็นที่ยอมรับก็เกือบเอาชีวิตตัวเองไม่รอด
อย่างไรก็ดี โดยส่วนตัวแล้วมาดามชื่นชอบเรื่องนี้มากกว่า อาจเพราะเรื่องนี้เปิดตัวภาคแรกได้สวยงาม เล่าเรื่องได้กระชับและน่าตื่นเต้น แตกต่างจาก “The Hunger Games” ที่ภาคแรกค่อนข้างเนือยจนทำให้น่าเบื่อในบางช่วง แต่ถึงกระนั้นภาคสองก็เร้าใจมากค่ะ การดำเนินเรื่องแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ก็ได้แต่หวังว่าภาพยนตร์ชุด “Divergent” จะสร้างความสนุกและตื่นเต้นให้แก่ผู้ชมได้เหมือนเดิมทุกภาคจนจบ
ปิดท้ายด้วยเรื่อง “ความต่างที่กลมกลืน” ตามที่สัญญาไว้...จะว่าไปเรื่องราวของทริซก็น่าเห็นใจไม่น้อย เพราะ “ความต่าง” ของเธอแท้ๆ ที่ทำให้เกิดเรื่อง ทั้งคำถามมากมายที่เธอเลือกจะถาม แทนที่จะก้มหน้าก้มตารับชะตากรรมเหมือนคนอื่นๆ และแม้จะไม่มีคำตอบที่ชัดเจนแต่ก็ทำให้ใครหลายคนฉุกคิด ที่สำคัญคือหลักการเอาตัวรอดของเธอ ซึ่งอาศัยความ “กลมกลืน” และการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม
แต่แม้ “ความต่าง” จะสร้างชื่อให้ “ทริซ” จนเป็นที่ชื่นชม แต่ก็เพราะคุณสมบัติพิเศษข้อนี้เช่นกันที่ทำให้เกิดความริษยาในมวลชนกลุ่มต่างๆ เพราะมันทำให้เธอคาดเดาและควบคุมได้ยาก ส่วนผสมอัน “กลมกลืน” ของเธอซึ่งง่ายต่อการอยู่รอดในกลุ่มต่างๆ ทำให้หลอกหรือชักจูงยากแต่ง่ายต่อการกระด้างกระเดื่อง ซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่ชนชั้นปกครองต้องการ “ทริซ” เลยต้องลำบากหนีเอาตัวรอด ซึ่งก็ทำให้เธอสูญเสียของมีค่าหลายอย่างในชีวิตจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่
คำถาม ก็คือ...แค่เพราะเธอแตกต่างทำให้ต้องถูกลงโทษหนีตายขนาดนี้เชียวหรือ? เอาไว้คิดเล่นๆค่ะ...เพราะในชีวิตจริงคงไม่มีคนอย่างพระเอกหล่อร่างล่ำคอยเข้าใจเหมือนในหนังเป็นแน่
https://www.youtube.com/v/QCFJ3BxFIAQตัวอย่างภาพยนตร์ "Divergent" (2014)
อย่าให้คนบางคนไม่มีที่อยู่ เพียงเพราะเขาคิดหรือเลือกทำไม่เหมือนคุณ...จนกว่าจะพบกันใหม่สัปดาห์หน้า
http://www.thairath.co.th/content/412602