ผู้เขียน หัวข้อ: ทุกสิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง  (อ่าน 1073 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ 時々होशདང一རພຊຍ๛

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1011
  • พลังกัลยาณมิตร 1119
  • แสงทองส่องฟ้าคือชีวิต
    • ดูรายละเอียด



โลกสอนมนุษย์ว่าทุกสิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลงแต่โลกก็กลับสอนให้มนุษย์ผูกพัน


โดยพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต........ธรรมมะ.....delivery........


อาตมาอ่านเจอกลอนในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่ผู้เขียนระบายไว้ได้สาแก่ใจมากเลย....................

เร็ว.................ก็หาว่าล้ำหน้า
ช้า.................ก็หาว่าอืดอาด
โง่.................ก็ถูกตวาด
พอฉลาดก็ถูกระแวง
ทำก่อนบอกไม่ได้สั่ง
ทำทีหลัง บอกไม่มีหัวคิด


เฮ้อ...................................นี่แหละชีวิตคนทำงาน.........................


ข้างต้นน่าจะเป็นกลอนที่โดนใจบรรดาคนทำงานหลาย ๆ คนเพราะสะท้อนความรู้สึกกดดันอย่างชัดเจน.................
ซึ่งจากการได้พูดคุยกับโยมที่เข้ามาปรึกษาหารือถึงสาเหตุที่ทำงานกันอย่างไม่มี ความสุขก็มีปัจจัยมากมาย เช่น ทำงานที่ตัวเองไม่ถนัด ทำงานที่ไม่ชอบโดนหัวหน้างานกดขี่ หรือรู้สึกว่าหน้าที่ที่ตัวเองได้รับมอบหมายนั้นต่ำต้อย ฯลฯ
โดยจะว่า ไปแล้ว บริษัทก็เหมือนกับบ้านหลังที่สองของเรา บางคนใช้ชีวิตในบริษัทมากกว่าที่บ้านซะอีก เพราะต้องตื่นขึ้นมาทำงานตั้งแต่ตี 4 ตี 5 กลับถึงบ้านก็ 2-3 ทุ่ม วันหนึ่งมี 24 ชั่วโมง หากต้องใช้ชีวิตในการทำงานรวมนั่งรถไป - กลับวันละ 10 กว่าชั่วโมงแล้วถ้าโยมไม่มีความสุขกับงานที่ทำจึงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจมาก ๆ

อาตมาชอบใจคุณยามที่บริษัทแห่งหนึ่งมาก เคยถามเขาว่า ไม่เบื่อเหรอ เปิดประตูทั้งวัน เขาตอบกลับอย่างฉะฉานว่า
ไม่เบื่อหรอกครับท่าน เพราะคนจะเข้าไปที่นี่ได้หรือไม่ได้ มันอยู่ที่ผม ถ้าผมไม่เปิดประตู ไม่อนุญาตหรือบอกไม่ให้เข้า เขาก็ไม่ได้เข้านะ อย่างพระอาจารย์มาบรรยายที่นี่ ผมไม่ให้เข้าก็ได้................................แต่ผมให้เข้าครับแล้วไป

อาตมาจึงไม่แปลกใจเลย เวลาไปทำธุระที่บริษัทนี้ทีไร มักเห็นเจ้าหมอนี่ ทำหน้าที่ตัวเองอย่างกระตือรือร้น ก็เพราะเขามีทัศนคติที่ดีต่อหน้าที่ เห็นความสำคัญของตัวเอง จึงทำให้เขาทำงานได้อย่างมีความสุข แถมมีมุขอำกลับอาตมาอีกต่างหาก


ดังนั้นอาตมาจึงอยากจะหนุนใจญาติโยมที่กำลังรู้สึกย่ำแย่กับงานของตัวเองว่า................


ถ้าเราทำงานจนเมื่อยมือเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะที่มีมือให้เมื่อย
ถ้าเราเดินไปเดินมาจนปวดขาเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะที่มีขาให้ปวด
ถ้าเราเห็นหัวหน้าแล้วเซ็งเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะที่มีหัวหน้าให้เซ็ง
ถ้าเราเห็นงานแล้วเราเบื่องานเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะที่มีงานให้เบื่อ

เพราะหลายคนพอไม่มีงานให้ทำ ก็จะประท้วงกัน อยากทำงาน ! อยากทำงาน ! ดังนั้นเมื่อคุณโยมมีโอกาสทำแล้ว ก็จงทำให้ดีที่สุดเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนทัศนคติต่องานที่ทำก่อน เห็นความสำคัญของหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ได้ทำมันอย่างเต็มที่และดีที่สุด เหมือนดั่งคุณยามที่อาตมายกมาเป็นตัวอย่างข้างต้น....................................

อาตมาเคยอ่านเจอคำแนะนำของท่านพระธรรมปิฎก ป.อ.ประยุตฺโต ในหนังสือเล่มหนึ่งท่านเขียนชี้แนะไว้ว่า.................


งานมีผลตอบแทนสองชั้นด้วยกัน


ผลตอบแทนชั้นที่ 1 คือ ตอนเงินเดือนออกนี่คือความสุขชั้นที่หนึ่งซึ่งหลาย ๆ คนมีความสุขในการทำงานแค่วันนั้นวันเดียวแต่ถ้าเราสามารถพัฒนาตัวเองไปพร้อมกับงานได้ มันก็จะก้าวไปสู่อีกระดับ อันนำมาซึ่งผลตอบแทนหรือความสุขชั้นที่ 2 นั่นเอง
หนึ่งเดือน คุณโยมอยากมีความสุขเพียง 1 ชั้น หรือ 2 ชั้น ก็เลือกเอาตามใจชอบเลย



เอาข้อมูลจาก สุขใจ เข้าสู่ ใต้ร่มธรรม


:24: :24: :24:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 01, 2015, 06:27:28 pm โดย กัลยา »
ชิเน กทริยํ ทาเนน