ถ้าคนเราปลดปล่อยตัวเองให้มีอิสระ ไม่มีความยึดมั่นถือมั่น
ในความเชื่องมงายที่ไม่สมเหตุสมผล
เราจะมีวิธีคิดที่เป็นอิสระอย่างยิ่ง ไม่ติดอยู่ในกรอบที่จำกัด
มีคนมากมายอยากรู้ว่าตายแล้วไปไหน สวรรค์และนรกมีจริงหรือไม่
แต่ละชนชาติก็มีประเพณีการจัดงานศพที่แตกต่างกันไป
บางชนชาติก็นำศพไปไว้กลางแจ้งให้นกแร้งมากินซากศพ
บางชนชาติก็นำศพไปลอยน้ำไหลลงไปสู่ทะเล บางชนชาติก็ฝังศพไว้
บางชนชาติก็ดองศพไว้ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น มัมมี่ บางชนชาติก็เผาศพ
ความเชื่อต่าง ๆ ที่เชื่อสืบทอดกันมานั้นไม่ใช่ความจริง เป็นแต่เพียง
ความคิดของคนรุ่นก่อน ๆ ที่คิดว่าเป็นเช่นนั้น แล้วก็เชื่อสืบทอดกันมา
ตามนั้น เช่น ความเชื่อที่ว่าโลกแบน
หากไม่มีนักวิทยาศาสตร์ประดิษฐ์อุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ ขึ้นมาพิสูจน์ว่า
โลกกลม ทุกวันนี้เราก็ยังอาจจะเชื่อกันว่าโลกแบน เป็นต้น
บางชนชาติเชื่อเรื่องผีสางเทวดานางไม้ ต้องมีการเซ่นไหว้ด้วยอาหาร
และอื่น ๆ บางชนชาติเชื่อว่าต้องเผาทุกอย่าง ทั้งบ้าน รถ เงิน เสื้อผ้า เพื่อส่งไปให้ผู้ตายได้ใช้
แต่ใน
ความเป็นจริง ที่ไม่ใช่ความเชื่อนั้น น่าจะเป็นเช่นไร
ขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ เรามีกายเนื้อ ที่มีความหิว มีความรู้สึกร้อน หนาว ฯลฯ เราจำเป็นต้องกินอาหารเพื่อการเจริญเติบโต เพื่อมีพลังงาน เพื่อซ่อมแซมอวัยวะภายในต่าง ๆ เมื่อเราตายไปแล้ว ระบบประสาทต่าง ๆ ผิวหนังร่างกายก็ผุพังเน่าเปื่อย เราคงไม่ต้องการอาหารอีกแล้ว เสื้อผ้าก็ไม่ต้องการ เหมือนลมที่ไม่ต้องกินอะไร ไม่ต้องใส่เสื้อผ้า แต่ก็พัดไปโน่นไปนี่ได้ พาเอาเมล็ดพันธุ์พืช และสิ่งต่าง ๆ ไปกับสายลม เป็นพลังงานที่เคลื่อนไหว โดยไม่ต้องกินอาหาร ไม่ต้องใส่เสื้อผ้า
ถ้าเราเป็นคนช่างคิด ช่างวิเคราะห์ เราจะเลิกเชื่ออย่างงมงาย เทวดาอยู่บนสวรรค์จริงหรือ ให้คุณให้โทษกับเราได้จริงหรือ เราต้องมีเครื่องเซ่นสังเวยให้เทวดาด้วยหรือ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ เราจะได้คำตอบอย่างง่าย ๆ เมื่อเรามีหลักการพิจาณาอย่างสมเหตุสมผล
บุญ บาป วิญญาณ เป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็นได้ด้วยตา เหมือนกับพลังรีโมทที่เรามองไม่เห็นคนตัวใหญ่ที่ทรงพลังเอื้อมมือไปเปิดประตูเหล็กหนัก ๆ แค่กดปุ่มรีโมท ประตูขนาดใหญ่ก็เคลื่อนเปิดได้ เหมือนกระแสคลื่นความถึ่ที่ส่งเข้าเครื่องรับโทรทัศน์ เกิดเป็นภาพและเสียงในแต่ละช่องสัญญาณ เราไม่สามารถมองเห็นการเดินทางของคลื่นความถึ่เหล่านั้นได้ แต่ก็มีอยู่จริง บุญ บาป วิญญาณก็มีอยู่จริง และเกาะแฝงอยู่ในตัวเราทุกคน
ไม่มีเทวดาที่ไหนจะมาช่วยเราได้ ทุกสิ่งที่เราคิด ที่เราพูด ที่เราทำ เป็นสิ่งที่จะย้อนกลับมาเป็นบุญบาปที่ส่งผลต่อชีวิตของเราเองทั้งนั้น อย่าอิจฉาผู้ใดที่ทำบาปแล้วยังมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ ไม่จำเป็นต้องสาปแช่งเขาให้ลงนรก การกระทำชั่วของเขาเอง อย่างไรเสียเขาก็จะต้องได้รับผลเสมอ
ชีวิตที่เวียนว่ายตายเกิด ต่างเกิดมาด้วยแรงกรรมดีและกรรมชั่ว
ของตนเองด้วยกันทั้งนั้น ทุกคนต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเอง
ไม่ว่าเราจะทำอะไร ขอให้เรามีหลักคิดที่ถูกต้องตามหลักเหตุผล
พิจารณาทุกสิ่งตามสัจธรรมความจริง
แล้วชีวิตเราจะไม่ตกอยู่ในความเชื่องมงายและความประมาททั้งหลาย
Pimahn Panyadee
2 มิถุนายน 2558เวลา 17:03 น.
https://www.facebook.com/Pimahn