ผู้เขียน หัวข้อ: ใกล้จะตายแต่ยังไม่ตาย  (อ่าน 1335 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ 時々होशདང一རພຊຍ๛

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1011
  • พลังกัลยาณมิตร 1119
  • แสงทองส่องฟ้าคือชีวิต
    • ดูรายละเอียด
ใกล้จะตายแต่ยังไม่ตาย
« เมื่อ: มกราคม 18, 2016, 09:22:32 pm »




สวัสดี มิตรรักนักธรรมชาว"ใต้ร่มธรรม"


อยากจะขีดเขียนบางเรื่อง เมื่อก่อนหน้านี้ 2 - 3 เดือน ผู้เขียนเป็นโรค


เส้นเลือดในสมองตีบ(ตัน)โรคนี้อันตรายมากน่ะจะบอกให้ทราบมันคือเพรชฆาตเงียบ


เชียวน่ะ ถ้าใครมีอาการ(มึนงง)แบบว่าต้องนอนอย่างเดียวลุกขึ้นมาทำกิจวัตรหรือ


ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ให้สัณนิฐานไว้ก่อนว่าต้องเป็นโรคเกี่ยวกับสมองและมันเกิด


ได้หลายสาเหตุอันดับแรกคือโรคเบาหวาน


บางทีก็ต้องอารัมภบทบ้างน่ะ มีคำกล่าวอยู่ว่า.........



พุทธะเท่านั้นคือจิต - จิตเท่านั้นคือพุทธะ พุทธะไม่ได้อยู่นอกจิต


และจิตก็ไม่ได้อยู่นอกพุทธะ อันนี้ขอบอกว่าเป็นความจริง เมื่อตอนทาน เจ เวลาจับคัมภีร์


สวดมนต์ขึ้นมารู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม่แต่(เพ - ลา)นี้ได้ฟังบทสวดมนต์"องมานีปะ


หมี่ฮง"ก็มีความสุขดื่มด่ำอย่างบอกไม่ถูก(ถ้าอยากฟังหาเอาในยูทูปน่ะ)อ้าว...พูดถึงเรื่องเส้นเลือดในสมอง


ตีบเหตุฉะ - ไหนมาพูดถึงเรื่อง ทาน เจ จากประสบการณ์ เมื่อก่อนผู้เขียนเคยทำกรรมชั่วมามาก


ไม่ค่อยให้ทาน - รักษาศีล - ศีล ๕ ยังรักษาไม่ได้เลยพอทาน เจ ปีแรกรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก


จากคนที่ไม่เคยทำกุศลก็หันมาทำบุญตามกำลังของตนเองเมื่อก่อนผู้เขียนเป็นคนตระหนี่มาก


ปีแรกทาน เจ เสร็จ ประมาณ 1 สัปดาห์


ได้ไปสถานที่แห่งหนึ้งบังเอิญพบคนแก่ป่วยอยู่ข้างทางจึงไปซื้อน้ำมาป้อนและรีบไปโรงพยาบาลที่ใกล้ 


ที่สุดบอกว่ามีคนเจ็บอยู่ตรง....(ไม่มีใครสนใจลุงคนนั้นเลย)เรื่องราวจะเป็นอย่างไรก็ติดตามกันในโอ


กาสหน้า





วันนี้ 18/01/59 อาการดีขึ้นจึงไปสวดมนต์แต่ไม่ได้ขอพรอะไร เพราะไม่ควรจะขอ


เอาละไว้จะมาเขียนต่อวันนี้เพิ่งกลับมาจากการสวดมนต์ขอพักให้หายเหนื่อยค่อย


เขียนต่อข้อสำคัญสวดมนต์แล้วไม่ต้องขออะไร ถึงเวลาก็จะรู้เองการขอโน่น - ขอนี่


สั่นกระบอกเซียมซีมันไม่ได้ผลหรอกอย่ามัวแต่ขอให้ลงมือทำปลูกอะไรย่อมได้ผล


เช่นนั้น





คิดถึง ความตาย สบายนัก

มันหักรัก หักหลง ในสงสาร

บรรเทามืด โมหัน ในสันดาน

ช่วยให้หาญ หายสะดุ้ง ไม่ยุ่งใจ




เมื่อก่อนหน้านี้ 2 สัปดาห์ผู้เขียนลุกขึ้นไม่ไหวเลยใจคิดว่าไม่รอดแน่ไม่รอดจริง ๆ น่ะ

คือนอนคิดอยู่ว่าถ้าหากจะตายแล้วก็ขอนึกถึง คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์

และพระแม่กวนอิมพระมหาโพธิสัตว์ สวดภาวนาพระนามพระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์ซึ่งยามปกติ

ผู้เขียนก็หมั่นสวด พระนาม พระอมิตตาพุทธเจ้า พระแม่กวนอิมและพระกษิติครรภ์มหา

โพธิสัตว์อยู่อย่างสม่ำเสมออยู่แล้ว

สวดมนต์ ตลอดเวลา สวดมนต์บทไหนเหรอ ? ก็นึกถึงพระแม่กวนอิมนอนสวดมนต์

อาการดีขึ้นแล้วโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ด้วยอานิสงค์ของการสวดมนต์ผู้เขียนสวดมนต์

แต่ต้องทานยา - หาหมอด้วยน่ะไม่ใช่แค่สวดมนต์อย่างเดียว

แต่ไม่เคยอธิษฐานจิตขอพรสิ่งใดเลยถึงแม้ว่าได้เฉียดความตายมาแล้วและไม่เคยสั่น

เซียมซีอะไรเลย ปีชงก็ไม่เชื่อแต่เชื่อในกฏแห่งกรรมและคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


ถ้าใครจะเริ่มสวดมนต์ขอให้เริ่มต้นเสียแต่วันนี้ด้วยบทมหากรุณาธารณีสูตรหรือหมั่นสวดบทนี้

"องมานีปะหมี่ฮง"ก็ได้





บุญวาสนาที่ได้จากการสวดมหากรุณาธารณีมนต์


มีความสุขสบายปราศจากโรคภัยมีอายุวัฒนะ ได้รับความมั่งคั่ง กำจัดบาปอกุศลกรรมทั้งหลายที่ได้ทำไว้ ปราศจากภยันอันตราย
เพิ่มพูนวาสนาสำเร็จผลในกุศลอินทรีย์ พ้นจากความหวั่นกลัวเมื่อถึงแก่กรรมจะได้ไปจุติตามทุกพุทธเกษตรดั่งที่ต้องการผู้ที่
สวดมนต์นี้จะรักษาโรค
84, 000 ชนิดในโลกนี้ให้หายได้เมื่อไปนั่งเพ่งฌานสมาธิตามป่า- ภูเขา ถ้ามีภูติผีปีศาจมารบกวน

สวดมนต์จบเดียวพวกผีจะถูกจองจำไว้หมด
ถ้าสวดตามวิธีแล้ว พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์จะให้เทพเจ้าและวชิรธรตามปกปักษ์
รักษาไม่ห่างไปจากผู้
นั้นเสมือนป้องกันดวงตาและชีวิตของ
ตนถ้าสรรพสัตว์ขอพรในชาตินี้ประการใด ๆ ให้สมาทานกินเจ 21 วันโดยบริสุทธิ์ และสวดธารณีนี้จะได้สมความประสงค์ทุกประการ



คุณ อาคม ทันนิเทศน์

ได้อ่านมงคลภาษิตว่าดังนี้.....

อยากได้ดีไม่ทำดีนั้นมีมาก

ดีแต่ปากหากไม่ทำน่าขำหนอ

อยากได้ดีต้องทำดีอย่ารีรอ

ดีแต่ขอรอแต่ดี ไม่ดีเลย


......................................มัชฌิมประภาสปุญสถาน.........................

ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ ได้คืนจิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้มีพระคุณ
ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ
นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ......................


時々๛कभी कभी๛
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 07, 2018, 09:24:37 pm โดย 時々कभीकभी一རພຊຍ๛ »
ชิเน กทริยํ ทาเนน


ออฟไลน์ 時々होशདང一རພຊຍ๛

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1011
  • พลังกัลยาณมิตร 1119
  • แสงทองส่องฟ้าคือชีวิต
    • ดูรายละเอียด
Re: ใกล้จะตายแต่ยังไม่ตาย
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 18, 2016, 09:57:10 pm »

คั่นรายการอ่านไปพลาง ๆ ก่อนน่ะ :07:


ศึกษาและเผยแพร่พระธรรม (ข้อความบางส่วน)
แทบจะกล่าวได้ว่า พระธรรมอันตรธานจากความเข้าใจของผู้ไม่ศึกษา หรือ ผู้เห็นผิด แต่สำหรับผู้ยังศึกษาและเข้าใจพระธรรมก็ยังไม่อันตรธาน จึงมีการอบรมเจริญปัญญาจากการเข้าใจ
ถูกต้อง

เป็นปัจจัยให้มีปฏิปัตติและปฏิเวธ แต่ในยุคนี้ถึงระดับไหน ความเป็นพระอรหันต์ไม่ง่าย ความเป็นพระสกทาคามี ต่ำกว่าพระอรหันต์ก็ไม่ง่าย ความเป็นพระโสดาบันก็ไม่ง่าย การเข้าใจธรรมก็ไม่ง่าย แล้วจะรู้แจ้งอริยสัจธรรมถึงความเป็นพระอรหันต์ในยุคนี้ไหมแต่คำธรรมดา
 ง่าย ๆ สักคำว่า 'ธรรมะ' เข้าใจหรือเปล่า ถ้าไม่เข้าใจแล้วจะเข้าใจข้อความในพระไตรปิฎกได้หรือ
ผู้เป็นพุทธบริษัทที่เห็นประโยชน์สูงสุดของการที่พระผู้มีพระภาคทรงบำเพ็ญพระบารมีและทำให้คนอื่น
ได้เข้าใจถูก เห็นถูกสืบต่อกันมา


ก็ควรรักษาดำรงความเห็นถูกในพระศาสนาสำหรับตนเอง และเมื่อตนเองมีความเห็นถูกต้องก็สามารถช่วยคนอื่นให้ได้รับฟัง ได้พิจารณา ได้ไตร่ตรองและเห็นความหวังดีด้วย
ถ้าไม่ได้เจาะจงใครเลยที่จะให้คนนี้เข้าใจ คนนั้นเข้าใจ แต่รู้ว่า ใครก็ตามที่สามารถเข้าใจได้ ก็เผยแพร่สิ่งที่เข้าใจ อย่างที่ 'มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา' ก็ชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าไม่ศึกษาจะเผยแพร่ได้ไหม ถ้าเข้าใจผิดจะเผยแพร่ได้ไหม


เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นต้องศึกษาให้เข้าใจถูกต้อง ซึ่งไม่ได้บังคับให้ใครเชื่อเลย แต่ผู้ฟังพิจารณาไตร่ตรองว่า คำนั้นเป็นคำจริง ถูกต้องหรือเปล่า เป็นเรื่องของคนฟัง และเป็นเจตนาของผู้ศึกษาและต้องการอนุเคราะห์คนอื่นด้วย จึงได้ร่วมใจกันทำงานทั้งหลายทุกวัน ทุกท่านด้วย ตั้งแต่สวนสวย ดอกไม้บูชา

ทั้งหมดมาจากศรัทธาที่เห็นประโยชน์ของการรักษาพระศาสนาด้วยการศึกษาและด้วยความเข้าใจ เพราะถ้าไม่เข้าใจเมื่อไร พระศาสนาหมดสิ้นเมื่อนั้น หรือ เข้าใจผิดก็เป็นการทำลายทีละเล็กทีละน้อย เหมือนบ่อนทำลายพระธรรมให้อันตรธานเพราะฉะนั้น ถ้าไม่เข้าใจและกระทำด้วยความไม่เข้าใจถูกต้อง คนนั้นอาจจะไม่รู้ว่า กำลังทำลายพระศาสนา


จาก....มูลนิธิบ้านธรรมมะ โดย ท่านอาจารย์ สุจิน บริหารวนเขตต์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 07, 2018, 09:23:38 pm โดย 時々कभीकभी一རພຊຍ๛ »
ชิเน กทริยํ ทาเนน


ออฟไลน์ 時々होशདང一རພຊຍ๛

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1011
  • พลังกัลยาณมิตร 1119
  • แสงทองส่องฟ้าคือชีวิต
    • ดูรายละเอียด
Re: ใกล้จะตายแต่ยังไม่ตาย
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มกราคม 19, 2016, 02:55:32 am »



http://picture.in.th/id/86885de7baa5872d100bce5876ab170f

สำหรับปีชงกัน ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้าเพราะไม่ใช่สัจจะความจริง เนื่องจากขัดกับหลักกรรมและผลของกรรมซึ่งในความเป็นจริง บุคคลแต่ละบุคคลก็แต่ละหนึ่ง อันเป็นการเกิดขึ้นและดับไปของสภาพธรรมที่เป็น จิต เจตสิก และรูป ดังนั้นการจะได้รับสิ่งที่ดี หรือ ไม่ดี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปีนั้นปีนี้แต่ขึ้นอยู่กับกรรมและผลของกรรมที่ได้ทำมา ว่ามีเหตุปัจจัยให้เกิดวิบากที่ดี ก็ได้รับสิ่งที่ดี มีเหตุปัจจัยได้รับวิบากที่ไม่ดี ก็ได้รับสิ่งที่ไม่ดี

วิบาก หรือ ผลของกรรมที่ดี ที่จะได้รับสิ่งที่ดี หรือ ไม่ดีในชีวิตประจำวัน คือ ขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้กระทบสัมผัส แต่ขณะที่เกิดความทุกข์ใจ ไม่ใช่ผลของกรรม แต่เป็นอกุศลจิตที่สะสมมาทำให้เกิดขึ้นดังนั้น ผลของกรรมที่เป็นวิบากในชีวิตประจำวันที่จะได้รับสิ่งที่ดี หรือ ไม่ดี เกิดจากรรมที่ดี ที่เป็นกุศลกรรมและ กรรมไม่ดี อกุศลกรรมที่ทำไว้ในอดีต

หากมองให้ละเอียดในสัจจะแล้ว แบ่งเป็นสภาพธรรมที่มีจริงที่เป็นปรมัตถธรรมที่เป็น จิต เจตสิกและรูป วิบาก เป็นผลของกรรมที่ได้รับสิ่งที่ดี ไม่ดี เป็น จิต เจตสิก อีกประการหนึ่ง คือ สมมติเรื่องราว ที่บัญญัติกันขึ้น เช่น สัตว์โลก บัญญัติ นักษัตร 12 ปี  บัญญัติปีนี้ว่า เป็นปีมะโรง จะเห็นนะว่า ปีมะโรงเป็นเพียงสมมติบัญญัติกันขึ้น และก็สมมติบัญญัติว่า ปีที่คนนี้เกิด เป็นปีอะไร และ สมมติบัญญัติกันอีกว่า ปีนี้ชง หรือ ไม่ถูก กับปีนี้ จะทำให้ได้รับสิ่งที่ไม่ดี ก็เป็นความคิดนึก เรื่องราว ใส่เข้าไปตามการปรุงแต่งของปุถุชนผู้มีความไม่รู้ ดังนั้น ถ้าเรามองที่สัจจะ บัญญัติที่สมมติกันขึ้น มีผลกับ วิบากที่เป็น จิต เจตสิก ที่เป็นผลของกรรมที่ทำให้ได้รับสิ่งที่ดี หรือ ไม่ดีหรือ

ไม่คำตอบ คือ ไม่ใช่ เพราะวิบากเป็นจิต เจตสิก วิบากจะเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เพราะอาศัยบัญญัติเรื่องราว ที่สมมติว่าเป็นปีต่าง ๆ ปีนี้ชงกับปีนี้ แต่สัจจะความจริงคือ วิบากที่เป็น จิต เจตสิก จะต้องอาศัยปรมัตถธรรมด้วยกัน คือ จิต เจตสิกนั่นเอง จึงจะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเพราะอาศัยกุศลกรรมในอดีต ที่เ่ป็น กุศลจิต และเจตสิกร่วมด้วย ทำให้เกิดวิบากที่เป็นจิต เจตสิกที่ดี และได้รับสิ่งที่ดี มีการเห็นสิ่งที่ดี เป็นต้น และการได้รับสิ่งที่ไม่ดี คือ วิบาก ที่เป็น จิต เจตสิกเกิดขึ้น ก็เพราะอาศัย ปรมัตถธรรม ไม่ใช่บัญญัติเรื่องราวที่โลกสมมติว่าเป็นปีชง คือ อาศัย อกุศลกรรม คือ

จิต เจตสิกที่ไม่ดีเกิดขึ้นเป็นปัจจัยให้ได้รับวิบาก คือ เกิดวิบากจิตและเจตสิก ทำให้เห็นไม่ดี ได้ยินไม่ดี เป็นต้น ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับปรมัตถธรรม คือ จิต เจตสิก ไม่ใช่เรื่องราวบัญญัติที่โลกสมมติว่าเป็นปีต่าง ๆ และเป็นปีชงขึ้นอยู่กับกรรมเป็นสำคัญนั่นเอง ที่จะได้รับวิบาก คือ ผลของกรรมที่ดี หรือ ไม่ดีส่วนการจะอธิบายให้เข้าใจก็ขึ้นอยู่กับ

การสะสม ความเข้าใจในเรื่องกรรมและผลของกรรมของบุคคลนั้นมาหรือไม่ด้วยเพราะอธิบายข้อความเดียวกัน อีกคนเชื่อ อีกคนไม่เชื่อ ก็แตกต่างกันว่าจะสะสมความเห็นถูก หรือ ความเห็นผิดมา ซึ่งควรพิจารณาง่าย ๆ ว่า บางปี ไม่ใช่ปีชง ทำไมถึงบางครั้งก็เห็นสิ่งที่ไม่ดี ได้ยินเสียงไม่ดี ได้กลิ่นไม่ดีบ้าง เพราะอะไร หรือ บางครั้ง เป็นปีที่ชง ก็ยังเห็นสิ่งที่ดีบ้าง ได้ยินสิ่งที่ดีบ้าง เพราะอะไร เพราะปีชง หรือ เพราะกรรมที่ทำมา





จิตแท้เป็นธาตุตามธรรมชาติ สามารถรู้หรือมองเห็น
ครั้นมีเครื่องหุ้มห่อ มีอวิชชา เป็นต้น ก็สูญเสียธรรมชาติเดิม
ดังนั้น จงกำจัดอวิชชา ก็จะมีจิตพุทธะ แต่พึงรู้ไว้ว่ามันยากจนเป็นยอดศิระ


พุทธทาส อินทปัญโญ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 18, 2018, 07:27:44 pm โดย 時々होशདང一རພຊຍ๛ »
ชิเน กทริยํ ทาเนน