...คนไทย ชอบแผ่เมตตา ชอบทำบุญ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น...
ทองเลน เป็นภาษาทิเบต แปลว่ารับและให้การภาวนาทองเลนเป็นเมตตาภาวนารูปแบบหนึ่งที่เป็นประโยชน์ ในการเยียวยาความทุกข์ ความเจ็บป่วยของผู้คนได้ ความแตกต่างจากการแผ่เมตตาแบบไทยๆที่เราคุ้นเคยก็คือ
๑. ใช้จินตนาการนึกเป็นภาพ ในขณะที่แผ่เมตตาปกติ มักจะเน้นที่คำพูด (เช่น สัพเพ สัตตา อเวราโหนตุ) และการอธิษฐาน
๒. ปกติเราจะแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย แต่ทองเลนจะแผ่ให้คนๆเดียว
๓. แผ่เมตตาปกติ จะเป็นแบบหว่านความสุขให้ความรักความหวังดี (เหมือนแผ่ความสุขตอนส่งบัตรอวยพร สคส.ปีใหม่) แต่ทองเลนจะพร้อมรับความทุกข์ของผู้อื่นด้วย (โดยไม่ผลักไส, เกี่ยงงอน) จึงต้องใช้ใจที่ใหญ่กว่า
๔. ทองเลน ไม่ได้แต่แผ่ความเมตตา แต่ยังรวมไปถึงการบำบัดความทุกข์ ความปวด ความไข้ ทั้งหลายทั้งปวงด้วย
๕. ทองเลน สามารถประยุกต์ใช้ได้หลายแบบ และทำได้โดยไม่ต้องมีพิธีรีตองนักก็ได้
กระบวนการพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล พาทำทองเลน โดยน้อมนำใจตามการกล่าวนำดังนี้
ทำร่างกายให้ผ่อนคลาย ทำความรู้สึกตัวตั้งแต่ศีรษะลงมา ใบหน้า หน้าอก ลำตัว ต้นขา เรื่อยลงมาจนถึงปลายเท้า หายใจเป็นธรรมชาติ น้อมจิตมาอยู่รับรู้ถึงลมหายใจที่เข้าออก รู้ถึงกายที่มีลมหายใจไหลเข้า-ออก ความนึกคิดต่างๆตอนนี้ให้มาอยู่กับลมหายใจ วางความคิดนึกต่างๆ อดีตก็ตาม น้อมใจมาอยู่กับปัจจุบัน
ขอให้ความสงบช่วยน้อมนำ บ่มเพาะเมตตากรุณาในใจของเราให้เจริญงอกงาม เหมือนดอกบัวที่เบ่งบานรับแสงอรุณเพื่อที่จะพร้อมแบ่งปันความปรารถนาดี ความสุขใจให้แก่ผู้อื่น ขอให้น้อมนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธองค์ที่เรานับถือ ที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา ภาวนา ขอให้ท่านเป็นแรงบันดาลใจ ให้เมตตากรุณาของเราเบ่งบาน เพื่อเปิดใจให้พร้อมรับเอาความทุกข์ของสรรพชีวิตโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง และเผื่อแผ่แบ่งปันความสุข ความเบิกบาน มีชีวิตชีวา แก่สรรพชีวิต ให้เราน้อมนึกถึงผู้ป่วยเบื้องหน้าของเราในขณะนี้ เสมือนว่าเขากำลังอยู่ข้างหน้าเรา ตั้งปณิธานว่าพร้อมจะน้อมเอาความทุกข์ของเขาไว้ที่เราด้วยความเต็มใจ
ในจินตนาการเราได้ทอดสายตาไปยังร่างกายของเขา ไล่มาตั้งแต่ศีระษะ ใบหน้า ลำตัว ไล่ลงมาจนถึงปลายเท้า ให้เรารับรู้ถึงความทุกข์ความเจ็บป่วย โรคร้ายที่กำลังบีบคั้นร่างกายของเขา รับรู้ถึงความกังวล ความหม่นหมอง ความกลัว ความหวั่นวิตกภายในใจของเขา รับรู้และพร้อมเอาความทุกข์ของเขามาที่เรา
บัดนี้ความทุกข์ทั้งมวลของเขา กลายสภาพเป็นกลุ่มควันสีดำคล้ำ ผุดขึ้นมาจากร่างกาย ตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าโดยเฉพาะจุดที่ขัดข้องเจ็บปวด รวมกันเป็นสายเคลื่อนที่เขามาที่ตัวเรา ทุกขณะที่เราหายใจเข้า ให้น้อมรับเอากลุ่มควันสีคล้ำเข้ามาที่ลมหายใจมาไว้ที่ตัวเราโดยไม่ผลักไสต่อต้าน ด้วยใจที่พร้อมเปิดรับอย่างไม่มีเงื่อนไข หายใจเข้ารับเอาความทุกข์เข้าสู่ตัวเราด้วยความเต็มใจ กลุ่มควันสีคล้ำ ได้เข้ามาอยู่กลางใจ ค่อยๆสลายความหลง ความยึดติดในตัวตน อัตตา ความหลง ที่คุมจิต สลายไปทีละชั้น ที่ละชั้น จนกระทั่งเหลือแต่โพธิจิตที่กลางใจ เป็นประกายที่โชติช่วง เป็นรัศมีนวลใส แผ่ออกไปจากตัวเรากลับคืนไปที่ผู้ป่วย หายใจเข้ารับเอาความหม่นหมองความเจ็บปวดมาสู่กลางใจเรา หายใจออกควันคล้ำได้กลายสภาพเป็นรัศมีนวลกระจายดั่งพระจันทร์วันเพ็ญ โอบคลุมร่างของผู้ป่วยเอาไว้ รัศมีนวลใสนั้นแผ่กระจายไปสัมผัสทุกอณูและช่วยเยียวยารักษาบาดแผลในใจ ขจัดเนื้อร้าย ทำลายเชื้อโรค ที่เกาะกินร่างกายของเขา ในจินตนาการ ลำแสงได้สลายบาดแผลขจัดสิ่งแปลกปลอมให้มลายหายไป รัศมีนวลแสงนั้นแผ่ความมีชีวิตชีวา ความสุข ปิติ มีชีวิตชีวาแก่ผู้ป่วยเบื้องหน้าเรา แทนความหม่นหมอง หายใจเข้ารับเอากลุ่มควันสีคล้ำแห่งความเจ็บปวดมาไว้ที่กลางใจ หายใจออกแผ่รัศมีแห่งความเมตตาให้กลับไปเยียวยาในทุกๆส่วนของร่างกาย ทุกเซลล์ ให้ลำแสงนั้นคลายความหม่นหมองทั้งแผลทางกายและใจให้กลับมาเป็นปกติ ความทุกข์นั้นได้จางหายไปเหมือนกับความมืดที่สลายไปเมื่อลำแสงส่องผ่าน
กลุ่มควันสีดำคล้ำค่อยๆเลือนหายไปจากร่างกายของเขา เหลือแต่รัศมีนวลใสที่มาจากร่างกายโอบอุ้มชำระใจให้บริสุทธิ์ ปราศจากอารมณ์และจิตที่เป็นกุศลทั้งหลาย เรายังคงแผ่ลำแสงแห่งความปรารถนาดีต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง
มาบัดนี้กลุ่มควันสีคล้ำก็เริ่มเบาบางลง ในจินตนาการนั้นเห็นเขากลับมามีชีวิตชีวา มีผิวพรรณผ่องใส หน้าตามีน้ำมีนวลขึ้น ความรับรู้เหมือนมีกำลังวังชาขึ้นมาอีกครั้ง รอบตัวมีแต่ความสว่างไสว
ให้เรากลับมารับรู้ถึงความรู้สึกตัว รับรู้ถึงลมหายใจเข้าสดชื่น หายใจออกสบาย
การภาวนาทองเลนนี้ สามารถทำให้ตัวเองก็ได้ กล่าวคือ
แบบที่๑ ลองรับรู้ ความรู้สึก เจ็บ ทุกข์
ดูว่ามีปวดที่ไหน ระบมที่ไหน อึดอัดขัดข้องที่ไหน จินตนาการให้รับเข้ามาในใจ
แล้วส่งลำแสงขาวนวลไปเฉพาะจุดนั้นไปเยียวยา
แบบที่๒ รับความทุกข์ของสรรพสัตว์ เหมือนเราเป็นพระโพธิสัตว์ จินตนาการว่าความ
เจ็บปวดของเรา เป็นความทุกข์ของสรรพสัตว์ที่เรารับมาไว้
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล แห่งวัดป่าสุคะโต อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ เป็นผู้หนึ่งที่มีความสันทัดและสนใจเรื่องการภาวนาทองเลน ท่านกรุณาเล่าให้ฟังว่า เคยมีคนติดเชื้อ HIV ไปขอคำแนะนำจากพระชาวทิเบต ท่านก็แนะนำให้ทำแบบที่๒ นี้ ซึ่งทำให้ผู้ป่วยเกิดการเปลี่ยนแปลงทางจิต ทำให้เกิดพลังความเมตตา และจิตที่ใหญ่ขึ้น สูงขึ้น ต่อมาพบว่าคนๆนี้เชื้อ HIV กลายเป็น negativeไป
มีคนให้ข้อสังเกตุว่า การภาวนาแบบทองเลนของทิเบตนี้ มีหลักการและกระบวนการคล้ายกับวิธีการเพ่งเมตตา รักษาอาการเจ็บป่วยของชาวโยเล
ครั้งหน้า เวลาไปเยี่ยมผู้ป่วย แทนที่จะไปนั่งคุยปลอมใจ ให้กำลังใจเป็นหลัก พยายามรับฟังผู้ป่วยแทน และลองนั่งจับมือผู้ป่วย ภาวนาแผ่เมตตาแบบทองเลนให้เขา ก็จะเป็นประโยชน์ไม่น้อย ต่อทั้งสองฝ่าย...
จาก
https://www.doctor.or.th/article/detail/400382