พระแม่ทาราเขียว เทวีผู้ปกป้องคุ้มครองby :
“พระนางทาราเขียว ผู้เป็นพระแม่แห่งจักรวาลจะคอยปกป้องคุ้มครองสรรพชีวิตไว้ในอ้อมกอดอันเปี่ยมไปด้วยความรักของพระนาง ดั่งมารดาปกป้องบุตร พระแม่กรีนทาราคือหลักประกันทางจิตวิญญาณของเราในการต่อต้านภยันตรายทั้งมวลและเจตนาร้ายต่างๆ “
ร่วมตามรอย “หนทางแห่งพระแม่ทาราเขียว” ผู้เป็นที่สักการะบูชาอย่างยิ่งในพุทธศาสนานิกายมหายานของทิเบต และติดตามรายละเอียดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่คุณไอรีน ออง ในนามของ WORLD OF FENG SHUI ประเทศไทย เป็นผู้ริเริ่มที่จะอัญเชิญองค์พระแม่ในรูปแบบของพระพิมพ์บูชามามอบให้แก่ผู้มีจิตเลื่อมใสศรัทธาได้นำไปสักการะบูชาเพื่อเป็นการต้อนรับปีชวดธาตุดินที่จะมาถึงนี้ ในงานบรรยายอัพเดทฮวงจุ้ยประจำปี Bangkok Feng Shui Spectacular 2008...
พระศรีทาราเทวีคือผู้ใด? พระนางทารา หรือ “อารยะ ทารา” คือพระโพธิสัตว์ฝ่ายหญิงในศาสนาพุทธตันตรยานหรือวัชรยาน (พุทธศาสนานิกายมหายานของทิเบต พระนางคือ “พระแม่แห่งการหลุดพ้น” ผู้เป็นตัวแทนแห่งความบริสุทธิ์และการกระทำที่นำไปสู่ความรู้แจ้ง คำว่า “ทารา” หรือบ้างก็เรียกว่า “ตารา” นั้นมีที่มาจากรากศัพท์ภาษาสันสกฤตของคำว่า “ตริ” ที่แปลว่า “ข้าม” ดังนั้นจึงสื่อความหมายถึง ผู้ที่พาสรรพสัตว์ข้ามพ้นมหานทีแห่งการเวียนว่ายตายเกิดและความทุกขเวทนา กล่าวกันว่าความเมตตาต่อสรรพสัตว์ของพระนางทารา ซึ่งก็คือความปรารถนาที่จะช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นจากความทุกข์นั้นแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่เหนือกว่าความรักของแม่ที่มีต่อลูกเสียอีก
สันนิษฐานว่าแนวคิดเรื่องการนับถือพระนางทารานั้นเริ่มเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 8 – 11 โดยเชื่อว่าเริ่มมีขึ้นในประเทศอินเดียเพื่อต่อต้านพิธีกรรมสตี และต่อมาก็ได้เป็นที่ยกย่องในฐานะพระโพธิสัตว์ผู้เป็นที่นับถือแพร่หลายทางแถบประเทศทิเบต เนปาล และมองโกเลียในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 – 17
ผู้มีกำเนิดจากน้ำตาของพระโพธิสัตว์ต้นกำเนิดของพระนางทารานั้นมีที่มาจากหลายตำนานทั้งในอินเดียและทิเบต แต่ตำนานหนึ่งที่เป็นที่เล่าขานถึงมากที่สุดก็คือเรื่องที่ว่า พระนางอุบัติขึ้นจากน้ำพระเนตรของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรที่หลั่งลงมาด้วยความเวทนาในความทุกข์ยากของสรรพชีวิต เมื่อทรงทอดพระเนตรลงมาจากสวรรค์สู่โลกมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยาก และหยดน้ำพระเนตรที่หลั่งลงมาก็บังเกิดเป็นพระนางทาราสองพระองค์ ซึ่งก็คือพระนางทาราขาวผู้เปี่ยมไปด้วยสันติสุขจากพระเนตรซ้าย และพระนางทาราเขียวผู้คร่ำเคร่งจากพระเนตรขวา มักกล่าวกันว่าพระนางทารานั้นก็คือพระชายาของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ด้วยเหตุนี้พระนางทาราเขียว และพระนางทาราขาวจึงเป็นที่เคารพนับถือที่สุด ในฐานะพระโพธิสัตว์ผู้ขจัดความทุกข์ยาว
พระนางทาราเขียว – อุดมคติแห่งความเป็นอิสตรีในพุทธศิลป์พระนางทาราเขียว หรือ “กรีนทารา” คือภาคของพระนางทาราที่ทรงอิทธิฤทธิ์ที่สุด สีของพระนางเป็นสัญลักษณ์ของพละกำลังและความมีชีวิตชีวาในวัยแรกรุ่น ซึ่งความหมายว่าพระนางคือพระแม่แห่งการกระทำนั่นเอง
พระนางมักจะอยู่ในปางประทับนั่งโดยเหยียดพระบาทข้างขวาออกมาข้างหน้า ซึ่งสื่อความหมายว่าพระนางพร้อมที่จะลุกออกไปปฏิบัติภารกิจนั่นเอง ส่วนพระบาทซ้ายพับไว้ในปางสมาธิบนปัทมอาสน์ (ฐานดอกบัว) ดังนั้นลักษณะของพระบาททั้งสองจึงเป็นสัญลักษณ์ของการผสมผสานระหว่างศิลป์และปัญญา
พระหัตถ์ซ้ายอยู่ในปางโปรดสัตว์ โดยถือก้านดอกปทุมสีขาบ (สีน้ำเงินเข้ม) โดยที่ช่อดอกลอยอยู่เหนือพระอังสาข้างซ้ายเป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์และอำนาจ ส่วนพระหัตถ์ขวาอยู่ในปางประทานพร
ในทางทัศนศิลป์ พระนางจะถูกแสดงอยู่ในรูปลักษณ์ที่มีความงดงามเลิศล้ำเหมือนกับมนุษย์หมดทุกอย่าง ยกเว้นแต่เพียงสีผิวและรัศมีอันงดงามของเครื่องทรงของพระนาง พระวรกายที่สะโอดสะองและยาวสมสัดส่วนของพระนางนั้นมีสีเขียวมะกอกออกคล้ำ ซึ่งสะท้อนตัดกับเบาะลายริ้วหลังอาสนะของพระนาง เทคนิคการวาดภาพนั้นมีความประณีตบรรจง สีที่ใช้ทั้งเนียนเรียบและเบาบาง และใช้วิธีการอันแยบยลอย่างยิ่งในการลงเส้นโครงร่างจนไม่ดูเป็นการเน้นย้ำ ลักษณะที่ดูลึกลับและน่าพิศวงของพระนางทาราเขียวถูกแสดงไว้ในสื่อจิตรกรรมด้วยการผสมผสานอันชาญฉลาดของภาพประติมานวิทยาต้นแบบเข้ากับการไล่เฉดสีอย่างน่ามหัศจรรย์
พระนางกรีนทาราทรงเครื่องประดับมากมายซึ่งแสดงถึงความเป็นกายทิพย์ที่เรียกว่าสัมโภคกาย (กายแห่งความรื่นเริง) อัญมณีสีทอง แดง และเขียวถูกนำมาประดับพระวรกายของพระนาง อันประกอบด้วยสร้อยพระกร สร้อยพระศอร้อยอัญมณีต่างๆ หลายเส้น สร้อยอัญมณียาวหลายเส้นที่ประดับพันรอบพระกายและที่พระพาหา (แขน) ข้างขวา ลักษณะดังกล่าวทั้งหมดนี้คือขนบในการสร้างรูปพระนางทาราที่ยังคงสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน
พระนางทาราเขียวผู้ปัดเป่าอุปสรรคและความทุกข์“โอม ทาเร ทุทาเร ทุเร โสหะ”
(มนตราบูชาพระแม่ทาราอย่างย่อ)ผู้เลื่อมใสในพระนางทาราเขียวเชื่อว่าอำนาจวิเศษของพระนางจะช่วยเอาชนะภยันตราย ความหวาดกลัว และความวิตกกลัดกลุ้ม และพระนางจะประทานพรต่างๆ ให้สมปรารถนา และยังเชื่อกันว่าพระนางจะช่วยให้ผู้ที่บูชาพระนางข้ามพ้นห้วงทุกข์และอุปสรรคต่างๆ ไปสู่ความปลอดภัย และความสุขได้ ความเป็นอิสตรีในตัวพระนางทำให้พระนางเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนและเมตตากรุณา พระนางคือตัวแทนแห่งความเมตตาอันทรงพลัง และอิทธิฤทธิ์ในการฟันฝ่าสถานะการณ์ที่ยากลำบากต่างๆ ของพระนางก็เป็นที่เคารพบูชาเป็นพิเศษ ดังที่องค์ดาไล ลามะ พระองค์แรกได้ทรงกล่าวถึงว่า เพียงแค่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ พระนางก็จะรีบรุดไปช่วยเหลือผู้ที่เชื่อศรัทธาในพระนางให้พ้นจากการถูกโจมตีจากหายนะ 8 ประการ (อัษฏมหาภัย) ในทันที อันได้แก่ ความทิฐิลำพอง ความเขลา ความอาฆาตพยาบาท ความอิจฉาริษยา ความเห็นผิด ความโลภ ความยึดติด และความเคลือบแคลงสงสัย
ติดตามรายละเอียดได้ที่ นิตยสาร Feng Shui World (โลกฮวงจุ้ย)ฉบับที่ 17
จาก
http://www.wofs.co.th/article_view.asp?arid=530https://www.youtube.com/watch?v=tIhJ8ttxJ78