ดอนผีบิน-วงเมทัลบนถนนสู่แดนดินทิพย์
Street of Life ตอนที่ 2 เส้นทางสายมรณะ
โดย เอกวิทย์ เตระดิษฐ์เชิญฟังเพลงในอัลบั้ม เส้นทางสายมรณะ ไปพร้อมๆ กับการอ่านบทความ!)
https://www.youtube.com/v/rnqCM_OaD2kแทร็คที่ 2 เส้นทางสายมรณะ3 พี่น้องตระกูลแก้วทิตย์ สมาชิกวงดอนผีบิน จากซ้ายไปขวา สมคิด น้องคนสุดท้อง ตำแหน่งร้องนำ กีตาร์และเบส สมศักดิ์ พี่ชายคนรอง รับหน้าที่ตำแหน่งกลอง และสมบัติ พี่ชายคนโต รับหน้าที่เล่นกีตาร์ เขียนเนื้อร้องและทำนอง
1.
ปลาย พ.ศ. 2558 ประเทศจีนผจญวิกฤตหมอกควันอย่างหนัก จนประชากรส่วนหนึ่งต้องนำเข้าอากาศบริสุทธิ์อัดกระป๋องจากเทือกเขาร็อกกี้ ประเทศแคนาดา มาใช้ต่างลมหายใจ
Vitality Air ผู้ผลิตอากาศกระป๋อง ยอมรับว่าเดิมทีตั้งบริษัทขึ้นมาแบบขำขำ แค่อยากเอาอากาศเก็บใส่ถุงไปประมูลขายในอีเบย์ แต่ปัญหามลพิษจากหมอกควันในประเทศจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ 'อากาศบริสุทธิ์อัดกระป๋อง' ของบริษัท Vitality Air จึงเป็นที่ต้องการของประชาชนในแผ่นดินใหญ่ แม้ว่าราคามันจะแพงกว่านำแร่ถึง 50 เท่า
หากเป็นคอเพลงเฮฟวี่เมทัลพอเห็นข่าวนี้แล้วคงอดไม่ได้ที่จะต้องนึกถึงเพลง 'เมืองมรณา' ในอัลบั้ม 'เส้นทางสายมรณะ' ของ 'ดอนผีบิน'
"สร้างเมืองมายา อุตสาหัสกรรม เราจะมีเมืองใหม่แสงสีวิไล ซื้อน้ำซื้อไฟ โครงการต่อไปซื้อลมหายใจ" เพลงเมืองมรณาครั้งแรกที่ฟังเพลงเมืองมรณา (พ.ศ. 2537) คงไม่มีใครคิดว่าเหตุการณ์อย่างในเพลงจะเป็นจริง แต่เมื่อสังคมโลกต่างแย่งกันพัฒนาอุตสาหกรรมจนไม่อาจควบคุมของเสียที่ตามมา คำทายทักที่ไม่มีใครต้องการก็กลายเป็นเงาตามหลอกหลอนเราไม่เคยห่าง
2.
ผลของอัลบั้มโลกมืดนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าสมาชิกดอนผีบินจะคาดคิด บุรุษไปรณีย์ อ.ท่าวังผา คงแปลกใจว่าเจ้าของที่อยู่คือใคร ทำไมถึงมีจดหมายส่งถึงทุกวัน จากหลักสิบเป็นร้อยเป็นพัน จดหมายถูกส่งไปตามที่อยู่ที่ระบุไว้ในปกอัลบั้มโลกมืดเพื่อขอรับสมัครเป็นแฟนคลับของวง
มันเหมือนมีความรู้สึกอัดอั้นตันใจมานาน แต่ไม่มีโอกาสได้ระเบิดออกมา เมื่อมีคนมานำทาง ก็อยากจะเดินไปตามเส้นทางนั้น...
"ทุกวันนี้เราถูกบีบคั้นด้วยการควบคุม แต่ก็ทำได้แค่ชีวิต จิตวิญญาณไม่มีใครควบคุมได้ ตลอดเวลาแต่ละคนก็หาช่องทางที่จะปลดปล่อย พอมาเจอดนตรีที่เป็นสะพาน เขาก็โอ้... นี่แหละที่ฉันค้นหามา นี่แหละคือจิตวิญญาณของฉันที่ฉันจะเดิน เสียงนี่ไงที่ทำให้ฉันเห็นตัวฉัน"[1]
ในความเป็นศิลปิน แรงศรัทธาและการสนับสนุนของแฟนเพลงเป็นสิ่งสำคัญต่อการผลักดันให้นักดนตรีมีกำลังใจผลิตผลงาน ถ้าไม่มีแฟนเพลง หรือคนฟัง อายุขัยของวงดนตรีก็คงสั้นลงในไม่ช้า ดอนผีบินนั้นโชคดีที่มีแฟนคลับพร้อมอุทิศตนให้ตั้งแต่ออกอัลบั้มชุดแรก แต่หากเป็นในทางตรงกันข้ามก็ใช่ว่าดอนผีบินจะสิ้นสุดผลงานลงแค่นั้น
สมบัติ แก้วทิตย์ หัวหน้าวงประกาศไว้ชัด "ถ้าเทปชุดนี้ล้มเหลวในทางการขายอันนี้บอกได้เลยว่าไม่มีหมดกำลังใจ เพราะว่าตั้งแต่เริ่มต้นเราก็แน่วแน่แล้วว่าเราต้องทำต่อไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราก็ต้องทำเพราะว่านั้นคือตัวเรา แล้วก็ชีวิตเรา"[2]
นั่นไม่ใช่คำกล่าวเลื่อนลอย ในที่สุดผลงานลำดับที่ 2 ของดอนผีบินก็ตามออกมาในปีถัดไป
ภาพการ์ตูนเจ้าของรางวัล All Time Aggressive EP & Album และ Best Extreme Thailand Band of 1995 ในนิตยสาร The Quitet Storm ฉบับที่ 134 ซึ่งดอนผีบินได้ขึ้นปกร่วมกับวงหิน เหล็ก ไฟ
3.
หลังสิ้นเสียงกรีดกรายสัมผัสแห่งสายลมและการคำรามของอัสนี มโหรสพความรุนแรงก็ลั่นระทึกด้วยเสียงกลองระรัวสั่นสะเทือนปานแผ่นดินกำลังเคลื่อนตัวเพื่อปลุกสึนามิขนาดยักษ์ กังวานนั้นสนั่นพร้อมกับเสียงสับริฟฟ์กีตาร์อันว่องไว และเบสที่ควบตะบันอย่างไม่ยอมกัน จนในที่สุดสัตว์ร้ายในป่าลึกก็ส่งเสียงคำรามออกมาสาปแช่งความโสมมที่กำลังกัดกินสังคม มันรุนแรงและรวดเร็วราวพายุคลั่งกลางท้องทะเล ดอนผีบินได้เปิดฉากผลงานลำดับที่ 2 ของพวกเขาด้วยดนตรีที่หนักหน่วงและรุนแรงกว่างานชุดแรกเสียจนต้องเงี่ยหูฟังคำร้องอย่างตั้งใจ
"สรรพสิ่งเคลื่อนไหว เคลื่อนไปไม่เคยรอรี วัฏจักรโคจรขึ้นลงเปลี่ยนผันข้ามวันมีอันเปลี่ยนแปลง ก่อกำเนิดเกิดมา ต่างคนต่างเดินต่างคนต่างเหินลัดฟ้าลัดรุ้งมุ่งสู่ที่หมาย ใครจะทำความดี ใครจะมีความเลว ใครจะมีกลลวง ใครจะมีลีลา ดี-เลว-ทราม-ต่ำช้า การกระทำนำพาสู่สวรรค์ชั้นฟ้า หรือลงโลกา เลือกเอง" เพลงสุดแท้ทางเดิน'สปีดเดธเมทัล' ถูกใช้เป็นคำจำกัดความอัลบั้มเส้นทางสายมรณะ ดนตรีที่ยกระดับความรุนแรงอย่างไร้ปราณี เนื้อหาถูกปรุงให้เข้มข้นขึ้นไปทางเดียวกับสไตล์เพลง คำร้องพูดถึงความเสื่อมโทรมของเมืองและสังคมอันมีสาเหตุจากความโลภและความทะนงตนของมนุษย์ผู้อ้างตนว่าฉลาดล้ำราวผู้วิเศษ แต่จริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ เมืองอันเลิศหรูที่มนุษย์กำลังสร้างกำลังกัดกลืนตัวเองอย่างช้าๆ
'เรากำลัง - สุดแท้ทางเดิน' บนเส้นทางสายมรณะไม่มีใครใส่ใจใคร คุณจะเลือกเดินไปทางไหน เลือกทางดีไปสวรรค์ เลือกทางร้ายลงนรกโลกันต์ การกระทำในวันนี้ได้กำหนดจุดหมายปลายทางให้กับอนาคต
'เมืองมรณา' มนุษย์กำลังกัดกินตัวเองด้วยความทะนงในปัญญาที่เชื่อว่าเมืองจะรุ่งเรืองด้วยอุตสาหกรรม แต่แท้จริงแล้วมันคืออุตสาหัสกรรมที่กำลังทำลายลมหายใจเผ่าพันธุ์ตัวเองและเผ่าพันธุ์ที่อาศัยร่วมโลก
'สังคมบัญชาการ' ผู้คนต่างหลงเชื่อคำลวงของซาตานในคราบผู้ดีที่ใช้มายาลวงหลอกจนสังคมสิ้นแล้วซึ่งศีลธรรม
'วันนี้ พรุ่งนี้' ปรัชญาของการมีชีวิตอยู่ ทบทวนตัวของคุณเองด้วยคำถามง่ายๆ เพียง 3 ข้อ คุณเป็นใคร ? คุณมาจากไหน ? และคุณจะไปที่ใด ?
'วิมานนรก' กิเลสที่ครอบงำบ่งการจิตใจให้ผู้คนยอมทำสิ่งชั่วร้ายเพื่อสำเร็จความใคร่ให้ตัวเองโดยหารู้ไม่ว่ามันคือใบเบิกทางไปสู่เส้นทางสายมรณะ
'สายเสียแล้ว' ดนตรีบรรเลง เริ่มต้นอย่างเชื่องช้าหลอกหลอนเราด้วยมายาแห่งความงามก่อนพาเข้าสู่หนทางที่ไม่อาจหลุดพ้น เงามรณะครอบคลุมทั่วท้องฟ้าแล้ว
'หลังสนธยา' เสียงซาตานกระซิบล่องมากับสายลม ไม่เร็วก็ช้า อุบาทว์จะอุบัติ...
4.
"ช้าอยู่ไม่ได้แล้ว ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมมันเห็นนรกอยู่ตรงหน้าแล้ว! เมื่อแนวคิดและเนื้อเพลงของเราเป็นอย่างนี้ เราก็ต้องหาทำนองดนตรีมาใส่ให้สอดคล้องกัน เราเห็นสภาพที่เป็นอยู่ จะเอาดนตรีเบาๆ มาเชื่อม มันไม่ได้แล้วไง แค่นั้นมันไม่พอที่จะมาบ่นอยู่ มันต้องรุนแรงไปกับเหตุการณ์"[3] สมบัติ ให้เหตุผลว่าทำไมผลงาน 'เส้นทางสายมรณะ' ถึงรุนแรงและรวดเร็วกว่า 'โลกมืด' มากนัก
5.
ภาพของสมบัติ แก้วทิตย์ ที่คอเพลงคุ้นเคยอาจเป็นผู้ชายมาดขรึมในชุดหนังสีดำอย่างที่ปราฎบนภาพถ่ายปกอัลบั้ม แต่ในอีกบทบาทชายผู้นี้เคยเข้ารับราชการเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนบ้านน้ำลักใต้ อ.ท่าวังผา จ.น่าน สอนวิชาศิลปะให้กับนักเรียนโดยแทรกแนวคิดเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมการเรียนการสอน นอกจากนั้นยังทำกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นตัวเองมาตั้งแต่ พ.ศ. 2535 โดยจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการรณรงค์ปลูกจิตสำนึกสิ่งแวดล้อมโลกภูสันตะวันลับฟ้า เพื่อสอนงานศิลปะและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กับการทำวงดอนผีบิน
สำหรับสมบัติซึ่งเป็นผู้กำหนดทิศทางวง เรื่องราวต่างๆ ที่เขานำมาประกอบเป็นบทเพลงให้กับดอนผีบินคือสิ่งที่ถูกหล่อหลอมมาจากประสบการณ์ทำงานส่วนตัวโดยตรง ทำให้บทเพลงของดอนผีบินเป็นตัวแทนสะท้อนภาพของความเป็นจริงออกมาได้อย่างชัดเจน
สมบัติ แก้วทิตย์ สมาชิกในตำแหน่งกีตาร์ เขาคือชายผู้รังสรรค์เนื้อหาและท่วงทำนองให้กับวงดอนผีบินผ่านลายมือของตัวเอง
6.
ความลงตัวของบทเพลงในอัลบั้ม 'เส้นทางสายมรณะ' ที่สื่อออกมาได้อย่างรุนแรงเข้ากับเนื้อหาทำให้แฟนเพลงที่ติดตามผลงานร่วมโหวตให้อัลบั้มนี้ได้รับคะแนนความนิยมสูงสุดในฐานะ All Time Aggressive EP & Album และ Best Extreme Thailand Band of 1995 ที่จัดโดย Quited Storm นิตยสารดนตรีร็อคเมทัลที่มีผู้อ่านมากที่สุดในเวลานั้น และในปีเดียวกัน ดอนผีบินยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสีสันอวอร์ดถึง 4 รางวัล ได้แก่ ศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยม, อัลบั้มยอดเยี่ยม, โปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยม และเพลงบันทึกเสียงยอดเยี่ยม แม้จะชวดทั้ง 4 รางวัล แต่ก็เป็นเครื่องการันตีได้ว่าผลงานของดอนผีบินเริ่มได้รับความนิยมจากสื่อและคนฟังเพิ่มมากขึ้น
ความนิยมชมชอบอัลบั้มเส้นทางสายมรณะนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ในประเทศไทย Valentine Sound Productions จากประเทศมาเลเซียได้นำอัลบั้มนี้ไปผลิตและจำหน่ายในประเทศของตน และเพลงสุดแท้ทางเดินก็ถูกนำไปผลิตในรูปแบบแผ่นเสียง 7 นิ้ว ร่วมกับงานของวง Sepia และวง Toilet แต่เนื่องจากผลงานแผ่นเสียงนี้ผลิตออกมาในรูปแบบ bootleg และผลิตที่ประเทศอเมริกา ทำให้ไม่ค่อยมีใครรู้จักงานชิ้นนี้มากนักกระทั่งปัจจุบันกลายเป็นของหายากสำหรับแฟนเพลงในระดับที่ว่าต่อให้มีเงินมากมายก็คงหาซื้อมาไม่ได้ง่ายๆ
เส้นทางสายมรณะ แม้มันจะเป็นทางที่ดูอันตรายโดยเฉพาะกับแนวเพลงสปีดเดธเมทัลที่ฟังยากต่อการเข้าใจยิ่งกว่าเฮฟวี่เมทัลในชุดโลกมืด แต่ดูเหมือนว่าดอนผีบินจะเดินมาถูกทาง
แผ่นเสียง traffic jam บรรจุเพลงสุดแท้ทางเดินของดอนผีบินไว้ พร้อมกับงานของ Sepia และวง Toilet (ขอบคุณภาพจากคุณฉัตรชัย สุสรดิษฐ์)
อ้างอิง
[1]บินสู่ภูไพรกับค้างคาวดนตรี ดอนผีบิน นิตยสารสารคดี ฉบับที่ 259 กันยายน 2549 หน้า 61 วีระศักดิ์ จันทร์ส่งแสง เขียน
[2]อุกาบาตดนตรี เฮฟวี่จากเมืองน่าน ดอนผีบิน นิตยสารสีสัน
[3]บินสู่ภูไพรกับค้างคาวดนตรี ดอนผีบิน นิตยสารสารคดี ฉบับที่ 259 กันยายน 2549 หน้า 62 วีระศักดิ์ จันทร์ส่งแสง เขียน
จาก
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1455280641