ผู้เขียน หัวข้อ: 60 ข้อคิด บันทึกไว้จากใจพ่อ  (อ่าน 64727 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
60 ข้อคิด บันทึกไว้จากใจพ่อ
« เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2016, 01:52:16 pm »
"60 ข้อคิด บันทึกไว้จากใจพ่อ"

1. ลูกจงจำไว้ว่าการไม่ต่อสู้ในบางกรณี กลับเป็นวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่กว่าการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย

2. ลูกจงอย่าเลือกของที่ชอบ ด้วยความอยากของลูก แต่จงเลือกด้วยสติปัญญา และพิจารณาถึงประโยชน์ และโทษของมันเสียก่อน

3. ลูกจงอย่าโกรธคนไม่ดี ที่จริงเขาก็อยากดีเหมือนกัน แต่เขาไม่เข้าใจว่า อะไรเป็นความดี…อะไรคือไม่ดี

4. ลูกจะตำหนิ ติเตียนใคร ก็จงดูตนเองเสียก่อน อย่าให้เขาย้อนว่าเราได้

5. ลูกจะเห็นว่า ผู้มีสัมมาคาระวะ จะพบแต่ความเจริญ การอ่อนน้อม เป็นคุณสมบัติของสุภาพบุรุษ การยกมือไหว้ผู้อื่นได้ คือการทำลาย ตัวกู-ของกู

6. ลูกพึงเป็นคนแข็งแรงไม่แข็งกระด้าง ลูกพึงเป็นคนเรียบง่ายไม่มักง่าย ลูกพึงเป็นคนอ่อนโยน..ไม่อ่อนแอ

7. ลูกควรคล่องแคล่วว่องไว เป็นปัจจัยแห่งความก้าวหน้าของครอบครัว

8. เงินทองที่ลูกมี ยิ่งใช้ยิ่งหมดไป ปัญญาที่ลูกหาได้ ยิ่งใช้ยิ่งเพิ่มพูน

9. ถ้าลูกทำเด่น จะถูกคนเขาเขม่นและสมน้ำหน้า ลูกจะพลาดท่าลงมา..เพราะความอยากเด่นอยากดัง

10. ลูกจงจำไว้ว่า เงินทองเป็นของนอกกาย พ่อ แม่ สุขใจ เมื่อพี่น้องรักกัน

11. ลูกจงโอนอ่อนผ่อนตามอย่างฉลาดและสุขุม การพ่ายแพ้ด้วยศิลปะ ดีกว่าการชนะด้วยอารมณ์

12. ความกล้าหาญต้องประกอบด้วยสติปัญญา ถ้าลูกกล้าโดยไม่มีสติปัญญา เขาเรียกว่าคนบ้าบิ่น

13. ลูกต้องทำทุกอย่างด้วยความสุจริต เมื่อสุจริต จิตผ่องใส เมื่อทุจริต จิตหมองไหม้

14. ทรัพย์สมบัติ ไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่พ่อแม่จะให้แก่ลูก ความรู้และความประพฤติดีเท่านั้นที่พ่อแม่ควรมอบให้แก่ลูก…อันเป็นที่รัก

15. ลูกหลีกทางให้เขา ก็คือเปิดทางให้เราหลุดพ้นจากอันตราย ในที่สุดก็จะได้รับผลดีด้วยกัน ทั้งเขาและเรา

16. ปลายทางสุดท้ายของความไม่พอคือ…ความทุกข์

17. ลูกจงจำไว้ว่า…ผู้ที่ไม่ให้อภัยผู้อื่น คือผู้อ่อนแอทางจิตใจ การให้อภัยศัตรู คือการสร้างมิตร

18. ถ้าผู้อื่นหลอกเรา เรารู้ง่ายและแก้ไขได้ง่าย แต่ถ้าลูกหลอกตัวลูกเอง รู้ยาก แก้ไขได้ยาก

19. ลูกควรจำสิ่งที่ควรจำ ลืมสิ่งที่ควรลืม ทำสิ่งที่ควรทำ และต้องรู้ว่า สิ่งใดควรทำก่อน สิ่งใดควรทำทีหลัง

20. เมื่อลูกสังเกตดู จะพบว่า ภายหลังเสียงหัวเราะ จะมีน้ำตา ภายหลังเสียน้ำตา จะเห็นแสงธรรม คือความจริงของชีวิต

21. หกล้มเพราะก้าวเดินไปข้างหน้า ยังดีกว่าลูกยืนเต๊ะท่าอยู่กับที่ เพราะถ้าลูกยืนไม่ดี…ก็จักมีคนมาถีบให้ล้มอยู่ดี

22. ลูกจงหาความสุขกับปัจจุบัน อย่าใฝ่ฝันถึงอนาคต อย่าหมกอยู่กับอดีต จะทุกข์

23. โชค…เข้าข้างผู้ที่มีความอ่อนน้อมเสมอ ถ้าลูกเป็นผู้น้อยที่นอบน้อมผู้ใหญ่ ใครๆ ก็รัก ถ้าลูกเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจผู้น้อย ผู้น้อยก็มีความภักดี

24. ชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยากำลัง ขอให้ลูกคิดอยู่เสมอว่าถ้ามีสิ่งใดในโลก ที่ผู้อื่นทำได้ ไม่มีเหตุผลอะไร ที่เราจะทำไม่ได้

25. ความโศกเศร้าเสียใจ มิได้ทำให้ใครได้รับประโยชน์อะไร นอกจากทำให้ศัตรูของเราดีใจและสมน้ำหน้า

26. เมื่อพบภัยที่อยู่ข้างหน้าจงหนีเข้าหาพระดีกว่าหนีเข้าหาโจร ซึ่งโจรจักฉกฉวยโอกาสเอาจากเราเสมอ…อย่างคาดไม่ถึง

27. คนเรามีความโลภทุกคน ถ้าโลภมาก…ก็จะทุกข์มาก ถ้าโลภน้อย…ก็จะทุกข์น้อย ถ้าไม่โลภ…ก็จะไม่ทุกข์

28. ถ้าลูกประพฤติดี ลูกก็จะพบกับคนประพฤติดี ถ้าลูกประพฤติชั่ว ลูกก็จะพบกับคนประพฤติชั่ว ขอให้ลูกเลือกคบให้ถูกต้องเถิด ลูกจักเป็นคนที่โชคดี

29. ลูกอย่ากลัวไปเลยว่า จะได้แต่งงานกับคนไม่ดี ถ้าลูกไม่สูบ ไม่ดื่ม ไม่เล่น ไม่เที่ยว ลูกก็จะพบคู่ครองที่ไม่สูบ ไม่ดื่ม ไม่เล่น ไม่เที่ยวเช่นกัน

30. ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ต้องการคำอ่อนหวาน ลูกก็เช่นกัน ควรพูดคำอ่อนหวานแก่ผู้อื่น เมื่อลูกอ่อนหวานแก่ผู้อื่น ผู้อื่นก็จะอ่อนหวานกับลูก

31. ลืมอะไรก็ลืมได้ แต่อย่าลืมตัว เสียอะไรก็เสียได้ แต่อย่าเสียคน ผิดอะไรก็ผิดได้ แต่อย่าผิดศีลธรรม

32. ลูกจงจำไว้ว่าศัตรูวันนี้ อาจเป็นมิตรในวันหน้า เพราะฉะนั้น อย่าทำอะไรเขารุนแรงและเกินเลย

33. ลูกจงสนุกกับการใช้เงิน และพร้อมกันนั้น ลูกต้องสนุกกับการเก็บรักษาเงินด้วย และยิ่งกว่านั้น ต้องสนุกกับการหาเงินอย่างไม่เป็นทุกข์ คือหาด้วยความถูกต้อง

34. การกระทำของลูก บางครั้งยังไม่ถูกใจตนเอง แล้วจะให้คนอื่นทำถูกใจเราเสมอไป ได้อย่างไร คิดแค่นี้ลูกก็จะไม่โกรธคนอื่น

35. ถ้าลูกกล้าอย่างถูกต้อง ก็จะเป็นผู้ฉลาด ถ้าลูกกล้าอย่างบ้าบิ่น ก็จะเป็นคนโง่ ขอให้ลูกจงกล้าหาญ อย่างชาญฉลาด

36. บาปและบุญทั้งปวงที่ลูกกำลังทำในขณะนี้ สักวันหนึ่งจักรวมตัวกันมาสนองแก่ลูก สิ่งที่ลูกได้รับอยู่ทุกวันนี้ เป็นผลจากการกระทำของลูกทั้งสิ้น

37. ลูกจงจำไว้ว่า… ธรรมชาติไม่เคยให้อภัยใคร ใครทำอย่างใด ต้องได้รับอย่างนั้น แต่ธรรมชาติก็ให้โอกาสทุกคนเสมอ แต่คนเรา…โดยส่วนมาก ไม่ค่อยยอมรับโอกาสนั้น

38. เมื่อมีปัญหา แก้ให้ถูกจุด จักพ้นทุกข์เร็ว อย่าเป็นเช่นคุณยายแก่ๆ มองหาเข็มที่เสาไฟ เพราะมีแสงสว่าง แต่หาเท่าใดก็ไม่พบ เพราะเหตุว่าแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เข็มหายในบ้าน แล้วมาหานอกบ้าน เพียงเพราะในบ้านไม่มีแสงไฟฟ้าน่าขันไหมล่ะ

39. ลูกจงจำไว้ว่า คนเห็นแก่เงิน คบยาก คนเห็นแก่งาน คบง่าย คนเห็นแก่ผู้อื่น คบสบาย

40. ถ้าลูกปรารถนาให้ผู้อื่นรัก ลูกต้องทำตัวให้น่ารัก ลูกจึงจะเป็นที่รักของผู้อื่น

41. ไม้ล้มข้ามได้ คนล้มอย่าข้าม สำคัญที่สุด…ลูกอย่าข้ามตัวเอง

42. ผู้กล้าหาญ คือผู้ที่สามารถบังคับตัวเองได้ ถ้าลูกจักปลูกต้นไม้ ต้องบำรุงราก แต่ถ้าจะปลูกจิตใจ ต้องบำรุงด้วยศีล ด้วยธรรม

43. ลูกเกิดเป็นคนแล้ว ต้องพยายามทำดีที่สุด เมื่อทำดีที่สุดแล้ว นอกนั้นแล้วแต่ฟ้าลิขิต โบราณว่า ลิขิตเป็นของฟ้า (ผลของการกระทำ) ชะตาเป็นของคน (การกระทำของตัวเอง)

44. อย่าผิดใจกับคนพาล จะเดือดร้อนอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

45. การไม่ระวังการใช้จ่าย เล็กๆ น้อยๆ อาจทำให้ล่มจมได้ ดังเช่นเรือมีรูรั่วเล็กๆ อาจทำให้เรือใหญ่จมได้

46. โรคภัยทางร่างกาย จะเข้ามาทางปาก ภัยพิบัติ ก็จะออกจากปากของเราเช่นกัน เมื่อลูกจะพูดสิ่งใด จงพิจารณาให้ดีๆ

47. การโกรธ เป็นวิสัยของปุถุชน การให้อภัย เป็นวิสัยของบัณฑิต ลูกจะเป็นบัณฑิต จึงต้องฝึกการให้อภัย ด้วยความมีเมตตา เพราะเมตตาแก้ความโกรธได้

48. การเดินทางหมื่นลี้ต้องมีก้าวแรก ยามลูกมีอำนาจ จงอย่าเหลิงอำนาจ ยามลูกมีความสุขก็อย่างหลงระเริง ระวังความทุกข์จักตามมา

49. ถ้าลูกให้เงินเพื่อนยืม…ระวังจะเสียเงิน จะเสียเพื่อน จะเสียใจ เพราะฉะนั้นลูกอย่าให้เงินใครยืม ถ้ามีก็ให้เขาไปเลย

50. ถ้าลูกระแวงสงสัยใครแล้ว ลูกอย่าทำธุรกิจร่วมกัน เพราะจะมีแต่ระแวงกัน การงานไม่ราบรื่น ความทุกข์จะเข้ามาในจิตใจลูก

51. เรือที่ออกทะเล ปฏิเสธคลื่นลมไม่ได้ ฉันใด ชีวิตของลูก ปฏิเสธอุปสรรคไม่ได้ ฉันนั้น

52. ลูกสังเกตดูจักรู้ว่า ผู้เป็นคนดี มักอ่อนน้อมถ่อมตน ผู้โง่เขลามักหยิ่งยโส ทะนงตน คนโง่มักอวดตัวว่าฉลาด หรือยากให้คนอื่นรู้ว่าฉลาด จึงโอ้อวด คุยเบ่ง ทับถมคนอื่น ส่วนคนฉลาดมักไม่อวดตัว จักเป็นคนอ่อนน้อม ถ่อมตน ไม่หยิ่งยโส ไม่โอหัง และชอบประกาศความดีของผู้อื่น

53. ผึ้ง ชอบของหอมของหวาน แมลงวัน ชอบของเหม็นของเน่าเสีย ถ้าลูกชอบสิ่งที่ไม่ดี คบคนไม่ดี คิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี ไปสู่สถานที่ไม่ดีแล้ว ลูกก็จะเปรียบเช่นแมลงวัน ซึ่งไม่มีใครชอบหรืออยากจะให้ความรัก แต่ถ้าลูกคิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี และไปแต่เฉพาะที่ดี ลูกก็เป็นเช่นผึ้ง คนดีใครๆ ก็อยากคบด้วย ถ้าลูกเป็นผึ้ง ลูกก็จะได้พบกับดอกไม้ ถ้าลูกเป็นแมลงวัน ลูกก็จะได้พบกับของเน่าเหม็น คำโบราณว่าไว้ ขี้เกียจ เป็นแมลงวัน ขยัน เป็นผึ้ง

54. ผู้ที่รู้จักประมาณตน เป็นคนฉลาด ลูกควรใช้จ่ายตามฐานะ ลูกจักไม่ขัดสนตลอดไป

55. ถ้าลูกมีความพากเพียรและถ่อมตนแล้ว ภายใต้ท้องฟ้า…ลูกจักทำได้ทุกสิ่ง ธรรมะสอนไว้ว่า "คนล่วงทุกข์ได้ เพราะความเพียร"

56. ถ้าลูกทำงานด้วยความรีบร้อน ร้อนรน มักทำความผิดพลาด มาให้ลูกเสมอ ลูกต้องทำด้วยความรวดเร็ว แบบมีสติ จึงจะประสบความสำเร็จได้อย่างถูกต้องและราบรื่น

57. การนินทาและว่าร้ายต่อผู้อื่น มันเจ็บปวดมากว่ามีดที่กรีดเนื้อเขา มากมายหลายเท่านัก เมื่อลูกเข้าใจอย่างนี้แล้ว อย่านินทา อย่าว่าร้ายผู้อื่นเลย เพราะเมื่อเขาเจ็บปวดเพราะคำพูดของเราแล้ว เขาก็สามารถทำความผิดกับเราได้ เราก็เดือดร้อน

58. คนขี้เกียจ มักอ้างว่า ยังไม่ต้องทำ เพราะเช้าไป เพราะเย็นไป เพราะร้อนไป เพราะหนาวไป เพราะฝนตก เพราะแดดออก ถ้าลูกอ้างอย่างนี้ จะทำอะไรก็จะไม่สำเร็จ

59. ในสมัยนี้ ใครก็ชอบแต่ของดีๆ แต่ไม่รู้ว่า อย่างไรถึงจะดี จึงขอเตือนว่า อย่าดีแต่จะคิด ลูกต้องคิดแต่ดีดี อย่าดีแต่พูด ลูกต้องพูดดีดี อย่าดีแต่ทำ ลูกต้องทำดีดี อย่าดีแต่จะคบคน ลูกต้องคบคบดีดี อย่าดีแต่จะไป ลูกต้องไปดีดี ลูกจง คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี ไปสู่สถานที่ดี

60. ถ้าลูกละเลยเรื่องเล็กน้อย กระทำผิดเพียงเล็กน้อยในปัจจุบัน ลูกอาจต้องเสียใจอย่างใหญ่หลวง ในภายหน้า

คิดกับผู้อื่นไม่ดี ในวันนี้
อาจถูกผู้อื่นคิดไม่ดีกับเรา ในวันหน้า

ทำกับผู้อื่นไม่ดี ในวันนี้
อาจถูกผู้อื่นกระทำต่อเราไม่ดี ในวันหน้า

รังแกผู้อื่น ในวันนี้
อาจถูกผู้อื่นรังแก ในวันหน้า

โกงผู้อื่น ในวันนี้
อาจถูกผู้อื่นโกง ในวันหน้า

โกหกผู้อื่น ในวันนี้
อาจถูกผู้อื่นโกหก ในวันหน้า

เหยียดหยามผู้อื่น ในวันนี้
อาจถูกผู้อื่นเหยียดหยาม ในวันหน้า

โกรธผู้อื่น ในวันนี้
อาจถูกผู้อื่นโกรธในวันหน้า

ริษยา อาฆาตผู้อื่น ในวันนี้
อาจถูกผู้อื่นริษยา อาฆาต ในวันหน้า

ฆ่าผู้อื่น ในวันนี้
อาจถูกผู้อื่นฆ่า ในวันหน้า ในทางตรงกันข้าม...

ถ้าลูกรักและเมตตาผู้อื่น ในวันนี้ ลูกก็จักได้รับความรักและเมตตา ในวันข้างหน้า

ที่มา : หนังสือ 60 ข้อคิด บันทึกไว้จากใจพ่อ
Cr : www.hiso.or.th

ติดตามบทความทาง LINE โดยการ add LINE ID : @pagdesign

https://www.facebook.com/wirodePAG : เพจรวมบทความที่ให้แนวคิดเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต, การทำธุรกิจ และไอเดียดีๆ สาระน่ารู้เกี่ยวกับการออกแบบ

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: เหตุผลที่แต่ละคนทำเรื่องดีร้าย
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2016, 03:21:47 pm »
ยิ่งเห็นโลกนาน
เห็นเหตุผลที่แต่ละคนทำเรื่องดีร้าย
คุณจะยิ่งเห็นโลกเป็นสีเทามากกว่าดำขาว
ไม่รู้สึกว่าใครเป็นคนดี ไม่รู้สึกว่าใครเป็นคนเลว
มีแต่คนไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป
มีแต่คนทำตามใจอยาก
หรือไม่ก็มีแต่คนต้องทำเพราะถูกบีบให้ทำ

ทางพุทธเรา มีนิยามความเป็นคนดีที่ชัดเจน
คือ คนดี ต้องมีความกตัญญูกตเวที
ทั้งรู้คุณคนอยู่ในใจ จำได้ไม่ลืม
กับทั้งคิดตอบแทนคุณคน ไม่เกี่ยงโอกาส
หากไม่รู้จักบุญคุณใคร
ไม่เคยอยากตอบแทนใครบ้าง
หรือหนักที่สุดคือทำร้ายผู้ช่วยเหลือตน
ก็ไม่ต้องยกเอาความดีข้ออื่นไหนมาอ้างว่าเป็นคนดี
ฟันธงได้เลยว่า ไม่ใช่คนดีแน่ๆ
หรือกระทั่งเลวสุดๆ ชัวร์

แต่ระดับความดีของคนก็ไม่เที่ยง
เกิดมาไม่มีใครเป็นคนดีตั้งแต่วันแรก
เพราะร่างกายยังอ่อนแอเกินกว่าจะช่วยเหลือตัวเอง
ยังต้องเรียกร้องเอาเข้าตัวข้างเดียวก่อน
ไม่มีเรี่ยวแรงพอจะตอบแทนใครได้ก่อน
จิตสำนึกยังไม่พร้อมจะสุกงอม

ต่อเมื่อเริ่มรู้ความ เริ่มวิ่งได้ ช่วยเหลือตัวเองได้
นั่นแหละ! ช่วงตัดสินว่า เขาพร้อมจะเป็นคนดีได้ไหม

ถ้ายังเห็นแก่ตัวมาก เกินกว่าจะแสดงความกตัญญู
ตอน 5 ขวบ ถือเป็นเรื่องธรรมดา เหลือเวลาดัดเยอะ
ตอน 10 ขวบ นับเป็นเรื่องยาก แต่ยังสอนไหว
ตอนครบ 20 ไม่ต้องเสียเวลาให้คำแนะนำใดๆ แล้ว
มนุษยธรรมอ่อนกว่าสัญชาตญาณปีศาจแน่แล้ว
เว้นไว้แต่จะเจอเหตุการณ์ประเภทตีแสกหน้า
ขุดความเป็นมนุษย์ออกมาจากก้นบึ้งส่วนลึกได้นั่นแหละ
ค่อยว่ากันอีกทีว่า จะฉุดขึ้นจากหล่มความเลว
มาเป็น "คนดี" ได้ไหม

พอว่ากันถึงเรื่องบุญคุณนั้น
ถ้าสอนให้รู้จักบุญคุณพ่อแม่ไม่ได้
ก็อย่าหวังว่าจะรู้จักบุญคุณใครได้
ถ้ารากแห่งชีวิตยังบำรุงไม่เป็น
ก็อย่าหวังว่าจะบำรุงรากแห่งคุณงามความดีอื่นไหนถูก

พ่อแม่ส่วนใหญ่เข้าใจผิด
คิดว่าดีกับลูก แล้วลูกจะดีตอบเอง ที่แท้ไม่ใช่เลย
อย่าหวังว่ายอมเหนื่อยทำอะไรดีๆ ให้เขาทุกอย่าง
แล้วเขาจะสำนึกรู้คุณขึ้นมาได้เอง
ตรงข้าม ยิ่งคุณทำมาก เขายิ่งเข้าใจผิดมาก
เพราะเคยชินกับการรู้สึกว่าตัวเองมีหน้าที่รับบริการ
ส่วนคุณต้องมีหน้าที่เป็นฝ่ายบริการสถานเดียว

อยากทำให้เขาเกิดมาเอง ก็ต้องรับผิดชอบเองซิ!

คุณต้องรู้ซึ้งให้ได้ว่า
กำแพงขวางไม่ให้คนคนหนึ่งรู้คุณคน
คือ สัญชาตญาณเห็นแก่ตัว
ที่ธรรมชาติออกแบบให้แฝงมากับทุกกำเนิด
สังเกตสิว่า ใครเกิดมาก็ต้องแหกปาก
เรียกขอบริการจากคนอื่นกันทั้งนั้น
อันดับแรก จึงต้องฝึกลูก ฝึกตัวเอง
กำจัดความเห็นแก่ตัวของเขาให้ได้ก่อน
เริ่มจากอะไรง่ายๆ เช่น
สอนให้ "ออกแรง" เอ่ยปากขอบคุณ
ยกมือไหว้ หรือช่วยทำอะไร
ให้กับผู้มีพระคุณหมายเลขหนึ่ง คือคุณบ้าง!

ขอให้เข้าใจว่า การเอ่ยปากขอบคุณ
หรือการยกมือไหว้ ต้องใช้กำลังใจ
ต้องฝืนง้าง งัดข้อกับแรงบีบให้ขี้เกียจ
ยิ่งโตยิ่งง้างยาก ต้องให้เขา "ออกแรง"
ตั้งแต่ยังขี้เกียจไม่เป็น

การใช้งานง่ายๆ เช่น ให้ไปหยิบของเล็กของน้อย
ให้ขึ้นบันไดไปชั้นบน เอาข้าวของให้คุณ
ก็เป็นการช่วยยืดแข้งยืดขาเขาแบบสบายๆ
ก่อนที่เขาจะเข้าสู่ภาวะแข็งขืน
ต้องฝืนอย่างหนักกว่าจะก้าวไปเอาอะไรให้คุณไหว

นอกจากฝึกทางปาก ทางกายแล้ว
ก็ต้องฝึกทางใจ ให้รู้สึกถึงความมีแก่ใจคิดตอบแทน
นับแต่เล่านิทานสอนใจให้รู้คิด รู้จักกตัญญู
กระทั่งไปถึงขั้นแสดงให้เห็นความจริงทางธรรมชาติ
ที่ธรรมชาติปิดบังมนุษย์ไว้
เด็กจะไม่เข้าใจเรื่องพ่อแม่เป็นผู้ให้กำเนิด
เพราะไม่ได้เห็นไม่ได้สัมผัสไม่ได้รับรู้กำเนิดของตน
จำความได้ก็รู้แต่ว่า พ่อแม่ประคบประหงมตนแล้ว

ยุคเราเอาชนะข้อจำกัดทางธรรมชาติประการนี้ได้
เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลทั่วไปอนุญาตให้คุณพ่อ
เข้าไปถ่ายทำนาทีที่ลูกเกิดได้
ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าสนับสนุน
เพราะเมื่อลูกโตขึ้น เขาจะได้เห็นกับตาชัดๆ ว่า
มีใครบางคนเสี่ยงตายเพื่อเขาตั้งแต่แรกเกิดของเขา
มีใครบางคน ให้เลือดให้เนื้อที่มีค่า
ยิ่งกว่าเงินที่ใครอื่นหยิบยื่นให้เขาทั้งชีวิต

อนึ่ง การรู้บุญคุณคน การอยากตอบแทนบุญคุณใคร
เป็นเรื่องของการปลูกฝังสำนึกให้งอกงามเอง
หาใช่การลำเลิกบุญคุณ ทวงบุญคุณเช้าเย็น
ให้ลูกฝืนใจ หรือทำอะไรเกินตัว
พ่อแม่หลายคนร้ายกับลูกตั้งแต่ลูกยังเล็ก
แต่พอโตขึ้นก็บีบคอคาดคั้นเขา
ให้แสดงความกตัญญูกตเวทีกับตน
อันนี้แม้ทำได้ ก็นับว่าสร้างความไม่รักชีวิตให้กับลูกแล้ว
ค่าที่ทำให้เขาเกิดและโตมากับความรู้สึกว่า
ชีวิตคือความทรมาน ชีวิตคือการฝืนใจ
โทษฐานเป็นลูก ก็ต้องรับกรรมเยี่ยงทาส
จะน้ำตาตกใน หรือน้ำตาไหลเป็นสายเลือดแค่ไหน
ก็ต้องก้มหน้าก้มตา กัดลิ้นตัวเองตอบแทนบุญคุณไป

ทำกับลูกอย่างไร
ก็เกิดใหม่เป็นลูกที่ถูกกระทำแบบนั้น
ปลูกสำนึกแห่งความกตัญญูกตเวทีที่เป็นสุข
ก็ได้พ่อแม่ใหม่ที่ให้ความสุขก่อน
ฝังสำนึกตอบแทนพ่อแม่ด้วยการกัดฟันกรีดหัวใจตัวเอง
ก็ได้พ่อแม่ใหม่ที่ให้ความทุกข์สาหัส
ตามกฎเหล็กที่ว่า สัตว์โลกย่อมถือกำเนิดตามกรรม!

Cr : ดังตฤณ
ขอบคุณ คุณเยาวลักษณ์ ผู้แนะนำเรื่อง
 : @pagdesign

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: 13 เรื่องราวที่ลูกทุกคนเกือบลืมไปแล้ว
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2016, 07:02:15 am »
"13 เรื่องราวของแม่ที่ลูกทุกคนเกือบลืมไปแล้ว"

- พศิน อินทรวงค์ -

1. เมื่อคุณเกิดมา คุณอาจรู้สึกว่าแม่ของคุณแก่จัง แต่คุณคงลืมไปว่า ครั้งหนึ่งแม่ของคุณเคยสาว เคยสวย เคยเป็นเด็กวัยรุ่นช่างฝัน ท่านฝันว่า วันหนึ่งท่านจะมีครอบครัวที่น่ารัก มีสามีที่ดี มีลูกที่ดี มีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ชีวิตไม่ใช่นิยามที่จะเขียนได้อย่างใจ "ช่างมันเถอะไม่เป็นไร" ท่านคงคิดอย่างนั้น เพราะอย่างน้อยที่สุด ชีวิตก็พาให้คุณกับท่านมาเจอกันจนได้

2. นอกจากต้องแบกน้ำหนักเกือบ 15 กิโลกรัม ตลอดระยะเวลาเกือบสิบเดือนแล้ว ในวันที่คุณลืมตาดูโลก ยังเป็นวันเดียวกับวันที่ท่านต้องเจ็บปวดที่สุดในชีวิต คุณอาจเคยได้ยินมาบ่อยๆ ว่าการคลอดลูกมันเจ็บมาก แต่คุณไม่มีวันรับรู้ความรู้สึกนั้นได้จริงๆ จนกว่าถึงวันที่คุณต้องคลอดลูกเอง ลองมองหน้าแม่ของคุณในวันนี้ คุณอาจลืมไปแล้วก็ได้ว่าผู้หญิงคนนี้เคยเจ็บปวดเพื่อให้คุณเกิดมา

3. แม่ของคุณเคยรูปร่างดีกว่านี้ เคยมีผิวพรรณที่เปล่งปลั่งกว่านี้ ท่านเคยสวยกว่านี้มาก จนถึงวันที่มีคุณ รูปร่างของท่าน ผิวพรรณของท่าน ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป คุณรู้ใช่ไหมว่า ท่านต้องแบ่งปันร่างกายของท่าน เพื่อสร้างร่างกายของคุณ คุณรู้ใช่ไหมว่า หลังจากคลอดคุณออกมา เส้นผมของท่านร่วงเป็นกระจุกๆ อยู่หลายเดือน คุณรู้ใช่ไหม ถ้าท่านไม่มีคุณ ท่านคงจะเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาสวยกว่านี้อีกเยอะเลย

4. ในอดีต เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของแม่ เคยเป็นของท่านเอง ท่านจะไปไหนก็ได้ จะทำอะไรก็ได้ จะเที่ยวสนุกหรือทำเพื่อตัวเองแค่ไหนก็ได้ สิ่งนี้ได้เปลี่ยนไปตั้งแต่วันที่คุณลืมตาดูโลก สองเดือนแรกที่คุณเกิดมา แม่ของคุณต้องอุ้มคุณตลอดเวลาเพราะคุณร้องไห้ตลอดเวลา คุณตื่นทุกๆ สองชั่วโมง ขับถ่ายทุกๆ สองชั่วโมง ทำให้ท่านต้องอยู่ใกล้ชิดคุณ ไม่มีเวลากิน ไม่มีเวลานอน ไม่มีเวลาไปไหนมาไหน หนึ่งปีแรก ที่คุณหัดเดิน แม่ของคุณต้องเดินตามคุณตลอดเวลาเพื่อไม่ให้คุณเป็นอันตราย เงินส่วนใหญ่ ถูกใช้เพื่อซื้อของจำเป็นให้คุณ ค่าคลอด ค่ารักษา ค่าฉีดวัคซีน ค่านม ค่าของ ค่าเสื้อผ้า มันไม่ง่ายเลยสำหรับเงินก้อนนั้นที่แม่ของคุณเพิ่มเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัว

5. เมื่อคุณเข้าเรียนอนุบาล แม้มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณกับท่านต้องห่างกัน แต่ท่านก็เป็นห่วงคุณอยู่ดี ท่านคิดในใจว่า "โอ้โห ค่าเรียนอนุบาลทำไมแพงจัง" เมื่อท่านคิดได้อย่างนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของใช้ส่วนตัวของท่านจึงถูกลดคุณภาพลงทั้งหมด กินถูกๆ ใช้ของถูกๆ ใส่เสื้อผ้าถูกๆ ทำทุกอย่างเพื่อลดค่าใช้จ่าย เพื่อให้คุณมีสิ่งที่ดีที่สุด ในเวลานี้ คุณรู้รึเปล่าว่า แม่ของคุณแทบไม่ได้ไปเที่ยวอีกต่อไป เวลาท่านคิดถึงอนาคต มันไม่ใช่อนาคตของท่านแต่เป็นอนาคตของคุณ ท่านไม่ใช่นางเอกในชีวิตของตัวเองอีกต่อไปแล้ว ความเป็นแม่ของท่านมากขึ้นทุกทีๆ ท่านได้ทำอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะทำได้ เพื่อที่คุณจะได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด

6. เมื่อคุณเป็นวัยรุ่น ทุกอย่างดูจะยากขึ้นอีกมาก จากแม่ที่เคยเป็นคนที่ให้คำปรึกษา ท่านกลายเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลยในสายตาคุณ คุณเริ่มมีสังคมเป็นของตนเอง เริ่มมีความลับกับแม่ เริ่มพูดไม่เพราะกับแม่ เริ่มโกรธแม่บ่อยขึ้น แต่คุณรู้อะไรไหม คุณยังเป็นเด็กน้อยเสมอในสายตาแม่คนเดิม

7. ครั้งแรกที่คุณอกหัก แม่แอบมองคุณอยู่ห่างๆ ท่านอาจบอกว่าท่านไม่โกรธคนๆ นั้นที่ทิ้งคุณไป แต่ความจริงแล้วท่านโกรธมาก ท่านคิดเสมอว่า ทำไมคุณต้องไปเสียน้ำตาให้คนที่ไม่รักคุณ มันมีสิทธิ์อะไรมาทำให้คุณเสียใจ ทำไมคุณไม่หันกลับมามองที่ท่าน ตอนนั้นคุณลืมไปแล้วว่าใครรักคุณมากที่สุด ท่านอยากจะบอกคุณว่า "ใครจะทิ้งคุณก็ช่างแม่งมัน แต่ชั่วชีวิตนี้ท่านจะเป็นคนที่รักคุณจนวันตาย"

8. เมื่อคุณเรียนจบ แม่ของคุณยิ่งดีใจกว่าคุณหลายเท่า คุณได้ใบปริญญามาหนึ่งใบ แต่สำหรับท่านกว่าจะพาคุณมาถึงตรงนี้ได้ ท่านก็ผ่านอะไรมามากมาย ท่านมองคุณถ่ายรูปกับเพื่อนๆ คิดถึงเรื่องราวในอดีต คิดถึงวันเก่าๆ ไม่ว่าคุณจะแต่งหน้าได้ดูแก่ขนาดไหนในวันรับปริญญา คุณสง่างามที่สุดในสายตาท่านอยู่ดี

9. วันแรกของการทำงาน เหมือนวันเปิดโลกใบใหม่สำหรับคุณ คุณกำลังอยู่ในโลกใบใหม่ ขณะที่ท่านอยู่ในโลกใบเดิม คุณมองไปไกลถึงฝั่งฝัน ขณะที่ท่านยิ่งคิดถึงคุณในวันวานมากขึ้น คุณบอกท่านว่าคุณไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว และนั่นทำให้ท่านใจหาย คุณไม่ใช่เด็กได้อย่างไร เมื่อในห้วงความทรงจำของท่าน คุณยังร้องไห้งอแงอยู่เลย คุณไปไกลจากท่านทุกทีๆ มีความคิดเป็นของตนเอง มีเป้าหมายเป็นของตนเอง มีคนรักเป็นของตนเอง คุณฝันถึงการงานที่คุณอยากจะทำ คุณลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่า แม่ของคุณเลี้ยงคุณมาด้วยอาชีพอะไร ชีวิตของคุณกำลังพุ่งทะยาน ขณะที่ชีวิตของท่านกำลังนับเวลาถอยหลัง

10. คุณได้เจอกับคนที่ใช่ และไม่ใช่อีกหลายคน มีคนเข้ามาและจากไป แต่ท่านก็ยังมองคุณอยู่ห่างๆ ในช่วงเวลานี้ แม้แต่จะเข้ามาใกล้ๆ ในชีวิตของคุณท่านยังไม่กล้า ท่านจะกล้าได้อย่างไร ในเมื่อท่านไม่รู้อะไรเลยในโลกของคุณ ท่านกลายเป็นคนไม่ทันโลก ตกยุค ขณะที่คุณกำลังสร้างโลกใบใหม่ที่ท่านไม่รู้จัก มีหลายอย่างในชีวิตคุณที่ท่านสงสัยแต่ไม่กล้าถาม ช่วงเวลานี้ ท่านได้กลายเป็นอากาศที่คุณมองไม่เห็นไปแล้ว

11. ในที่สุด ชีวิตของท่านก็เดินทางมาถึงจุดนี้จนได้ คุณมีครอบครัวเป็นของตนเอง กับใครคนหนึ่ง หรือคุณตัดสินใจอยู่เพียงลำพัง กับความคิดหนึ่งที่ท่านไม่เข้าใจ ถ้าคุณมีครอบครัว คุณจะเห็นว่าท่านเริ่มห่วงคุณมากขึ้น ถ้าคุณไม่มีครอบครัว คุณก็จะเห็นว่าท่านห่วงคุณมากขึ้นเหมือนกัน คุณรู้ไหม ท่านเริ่มคิดถึงความตายแล้ว แต่ท่านไม่เคยบอกคุณ คุณรู้ไหม ท่านเริ่มกลัวว่าท่านจะเป็นโรคร้าย เป็นโรคมะเร็ง หรือโรคอะไรที่คนแก่ๆ เขาเป็นกัน ท่านคิด ท่านกลัว แต่ท่านไม่เคยบอกคุณ มีเรื่องหนึ่งที่ผุดเข้ามาในใจของท่าน "คุณจะพบคนดีที่จะดูแลคุณได้ชั่วชีวิตรึเปล่า และถ้าคุณพบแล้ว เขาคนนั้นจะทอดทิ้งคุณไปหรือไม่" ท่านก็แค่คนแก่ๆ คนหนึ่งที่เป็นห่วงลูกตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่า ไม่ควรยึดติด แต่จะไม่ให้ยึดติดในความสุขความทุกข์ของคุณ ท่านไม่เคยทำมันได้เลย

12. ชีวิตของคุณกำลังรุ่งโรจน์ ขณะที่ชีวิตของท่านกำลังร่วงโรย ท่านอาจมองคุณในบางวัน นึกถึงคุณในวัยเยาว์แล้วบอกกับตนเองว่า "ทั้งหมดในชีวิต เราผ่านมันมาได้อย่างไร ช่างน่าอัศจรรย์" ทุกอย่างเป็นเหมือนฝัน ท่านเคยเป็นเด็ก เคยเล่นตุ๊กตา เคยเป็นสาวน้อยช่างฝัน แล้วท่านก็เป็นวัยรุ่น เคยมีสิ่งที่อยากมีและอยากเป็น ท่านพบพ่อของคุณ เกิดความรัก แล้วก็มีคุณ แล้วชีวิตก็พาท่านเดินทางมาไกลเกินกว่าที่ท่านจะคาดคิด เชื่อเถอะว่า ท่านแทบไม่เคยจินตนาการไว้เลยว่าท่านจะมีลูกอย่างคุณ แต่คุณก็เป็นลูกของท่าน แม้คุณจะเป็นลูกที่ดี แม้คุณจะเป็นลูกที่ไม่ดี คุณก็เป็นลูกของท่าน ชีวิตของท่านพาท่านมาไกลมาก และคุณซึ่งเป็นลูกของท่านก็พาท่านมาไกลมาก ไกลจนท่านเกือบลืมไปแล้ว ท่านแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่า ชีวิตของท่านก่อนที่คุณจะเกิดมานั้นเป็นอย่างไร

13. วันหนึ่ง ท่านเรียกคุณเข้าไปพบ ท่านพูดบางอย่าง เหมือนมันเลื่อนลอย คำพูดนั้นเบาบาง เหมือนไม่มีอะไร ท่านเริ่มรู้วาระของท่านแล้ว ท่านเริ่มตระหนักแล้วว่า คุณกับท่านต้องจากกันตลอดไป แต่คุณไม่รู้หรอกว่าคุณมีความหมายกับท่านมากแค่ไหน แม้คุณคิดว่าคุณรู้ แต่นั้นช่างห่างไกลกับความรู้สึกของท่านที่มีต่อคุณ คุณลืมเรื่องราวหลายอย่างระหว่างคุณกับท่าน

บางครั้งท่านมองดูคุณ
ภูมิใจ ดีใจ และเสียใจกับสิ่งที่คุณทำ
ชีวิตก็เป็นอย่างนี้ ใกล้หมดเวลาของท่านเต็มที
สายลมพัดผ่านเบาๆ แล้วชีวิตของคนที่รักคุณที่สุด…ก็ดับไป

Cr : www.facebook.com/Talktopasin
 @pagdesign

https://www.facebook.com/wirodePAG : เพจรวมบทความ

ออฟไลน์ Nutthrawud

  • เกล็ดเมล็ด
  • *
  • กระทู้: 2
  • พลังกัลยาณมิตร 0
    • ดูรายละเอียด
    • เสื้อฮาวาย
Re: 60 ข้อคิด บันทึกไว้จากใจพ่อ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: เมษายน 11, 2018, 09:41:59 am »
ผมชอบอ่านเรื่องราวเหล่านี้และนำมาใช้ในชีวิตจริง